ทันทีที่อวิ๋นจิงมั่วเห็นอวิ๋นฝูหลิง ก็รีบพุ่งเข้าไปหาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ลูกน้อย ๆ ทันที“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงกลับมาดึกเช่นนี้?”เซียวจิ่งอี้กล่าวขึ้นมาข้าง ๆ ว่า “เขารอเจ้าอยู่ตลอด รอให้เจ้ากลับมากินมื้อเย็นด้วยกัน”อวิ๋นฝูหลิงลูบแก้มอวิ๋นจิงมั่ว “ขอโทษนะ วันนี้แม่มีกิจนิดหน่อย เลยกลับมาดึก”อวิ๋นจิงมั่วกอดขาอวิ๋นฝูหลิงไว้ ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไรขอรับ ท่านแม่มีกิจต้องทำ มั่วมั่วรอท่านแม่ได้”เซียวจิ่งอี้สั่งให้บ่าวรับใช้ตั้งสำรับกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงกลับมาจากล้างหน้าล้างตาและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อาหารทั้งหลายก็ตั้งอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วหลังกินข้าว อวิ๋นฝูหลิงไปเดินย่อยอาหารกับอวิ๋นจิงมั่วที่ลานเรือนไม่รู้ว่าเซียวจิ่งอี้ตามมาตอนไหน เขากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “สกุลหางมีชื่อเสียงไม่เลว นายท่านผู้เฒ่าหางเองก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับน้ำใจไมตรียิ่งผู้หนึ่ง”“หากเจ้าอยากร่วมมือกับสกุลหางทวงคืนของของสกุลอวิ๋นกลับมา สกุลหางก็นับว่าเป็นกำลังที่มีประโยชน์จริง ๆ ”“แต่ก็ไม่อาจเชื่อใจคนสกุลหางได้ทั้งหมด ให้เชื่อแค่เจ็ดส่วน แล้วเผื่อใจไว้อีกสามส่วนพอ หากวันข้างหน้าเกิดการเปลี่ยนแป
“ท่านแม่ ข้าอยากไปพายเรือ”อวิ๋นฝูหลิงไม่เงยหน้าขึ้นมองสักนิด “ให้ท่านพ่อเจ้าไปเป็นเพื่อนสิ!”อวิ๋นจิงมั่วหมุนตัววิ่งไปหาเซียวจิ่งอี้ “ท่านพ่อ ท่านไปพายเรือเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?”“เมื่อวานนี้ข้าเห็นว่าตรงนั้นมีบ่อน้ำใหญ่มาก ๆ ข้าอยากไปเล่นน้ำ!”เทียนเฉวียนกล่าวขึ้นมาได้อย่างประจวบเหมาะ “เมื่อวานนี้นายน้อยเห็นว่าในสวนมีทะเลสาบอยู่แห่งหนึ่ง อีกทั้งในทะเลสาบยังปลูกดอกบัวเอาไว้ ตอนนี้ก็เป็นช่วงเก็บฝักบัวพอดีขอรับ”เซียวจิ่งอี้สนใจทันที “เช่นนั้นพ่อก็จะไปพายเรือเก็บฝักบัวกับเจ้า”อวิ๋นจิงมั่วกระโดดโลดเต้นดีอกดีใจ “ดีเหลือเกิน!”อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้าแล้วกำชับไปว่า “สวมหมวกฟางให้เรียบร้อย ระวังอย่างให้แดดเผาหน้า”แสงแดดช่วงหน้าร้อนนั้นค่อนข้างแรง ฉะนั้นก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงเลยให้จางซานมู่สานหมวกฟางไว้หลายใบ เอาไว้สวมใส่บังแดดยามที่ต้องออกนอกบ้านยุคสมัยนี้ไม่มีครีมกันแดด ทำได้เพียงใช้ขอเช่นนี้มาบังแดดไปแทนอวิ๋นฝูหลิงพูดกับเซียวจิ่งอี้ขึ้นมาอีกว่า “บาดแผลของท่านห้ามให้โดดน้ำ ยามพาจิงมั่วไปเที่ยวเล่นก็ระวังหน่อย”มีเซียวจิ่งอี้พร้อมด้วยองครักษ์กลุ่มใหญ่ไปด้วย อวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ได้กั
ครั้นเซียวจิ่งอี้ได้ฟัง ก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจแก่ท่านเจ้าเมืองถังแต่อย่างใดเขากล่าวกับบ่าวรับใช้ข้างกาย “ไปแจ้งแม่นางอวิ๋นที”“หากแม่นางอวิ๋นยอมพบ ก็พาท่านเจ้าเมืองถังไปพบนาง”พูดจบก็หันไปมองท่านเจ้าเมืองถัง “แม่นางอวิ๋นจะยอมไปตรวจโรคหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าท่านเจ้าเมืองมาขอร้องให้รักษาด้วยใจจริงแค่ไหน!”ท่านเจ้าเมืองถังได้ยินแบบนั้นแล้วถึงกับสะดุ้งโหยงเขาได้ยินมานานแล้วว่า อี้อ๋องปฏิบัติต่อแม่นางอวิ๋นผู้นี้ไม่ธรรมดา วันนี้เขามาเชิญคนถึงที่ ย่อมไม่กล้ากระทำการไม่ให้เกียรติทว่าพอเขาได้ยินความพูดเช่นนี้ของเซียวจิ่งอี้ เขาจึงรีบวางตำแหน่งของแม่นางอวิ๋นให้สูงส่งยิ่งขึ้นไปอีกหากแม่นางอวิ๋นผู้นี้เป็นที่ต้องพระทัยของอี้อ๋องจริง เช่นนั้นไม่แน่ว่าวันข้างหน้านางอาจจะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วราวติดปีก มีเกียรติสูงส่งเกินพรรณนาก็เป็นได้!ท่านเจ้าเมืองถังรับคำด้วยอย่าวเคารพนบนอบขณะที่เขากำลังจะถอยออกมา จู่ ๆ ก็มีเสียงของเด็กน้อยดังโพล่งเข้ามาจากทางทะเลสาบ“ท่านพ่อ ท่านลุงจ้าวสามเก็บฝักบัวให้ข้าเยอะมากเลย!”“ท่านพ่อ ท่านรีบมาเร็ว ๆ เข้า!”ท่านเจ้าเมืองถังได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองตาม
ฮ่องเต้จิ่งผิงคิดว่าหากเขาจากเมืองหลวงไปชั่วครั้งชั่วคราวก็ดีถึงอย่างไรการตายของบุตรสาวคนเดียวของจี้ชุนโหว จะว่าไปแล้วก็เกี่ยวข้องกับเขาไม่น้อยหลบลี้เรื่องฉาวโฉ่ไปถึงชายแดนเหนือ พร้อมกับถือโอกาสสั่งสมประชุมการณ์ไปด้วยในตัวผ่านไปสักปีครึ่งค่อยกลับมาใครเล่าจะรู้ว่าเขาไปครานี้ สี่ห้าปีแล้วก็ยังไม่กลับมาเลยสักครั้งทุกครั้งที่ฮ่องเต้จิ่งผิงมีพระราชสาส์นไปรบเร้าให้เขากลับมาเมืองหลวง เขาก็มักจะหาข้ออ้างผัดผ่อนอยู่เรื่อยไปปีนี้เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว บอกไปว่าตนเองนั้นอายุได้ห้าสิบพรรษาแล้ว อยากจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาอย่างเอิกเกริกสักครั้ง ให้เขารีบกลับมาอวยพรแก่ตนนั่นล่ะ เซียวจิ่งอี้จึงจะกลับมาเมืองหลวงไหนเลยจะรู้ว่าระหว่างทางกลับถูกคนลอบสังหารเคราะห์ดีที่ยังไม่เป็นอันตรายใด ๆ เดิมทีทหารรักษาพระองค์กับหน่วยกระบี่เงาที่เขาส่งไปควรจะคุ้มกันเซียวจิ่งอี้ให้กลับมายังเมืองหลวง ไหนเลยจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วกลับนำกลับมาเพียงสาส์นฉบับหนึ่งที่เซียวจิ่งอี้เขียนด้วยมือของคนเองเท่านั้น“ฝ่าบาท มิใช่ว่าอี้อ๋องทรงแจ้งไว้ในสาส์นแล้วหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าพระองค์ทรงมีกิจที่เจียงโจวให้จัดการเ
ช่วงนี้องค์ชายรองระมัดระวังและถ่อมตนมาโดยตลอดกลัวจะไปข้องเกี่ยวกับเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ถูกดักฆ่าที่เจียงโจวแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า กลุ่มคนที่เขาส่งไปเจียงโจวและหายตัวไปอีกแล้ว กลับไปลอบสังหารเซียวจิ่งอี้กลางตลาดนี่คือกลัวเขาไม่มีจุดอ่อนหรือ?ไม่ คนของเขาไม่โง่เขลาเช่นนี้!แม้องค์ชายรองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อลองพิจารณา ก็คิดได้ว่าในนี้ต้องมีคนเล่นสกปรกแน่ๆองค์ชายรองร้องถูกใส่ร้ายไม่หยุดแต่ฮ่องเต้จิ่งผิงกลับทำหน้าไม่เชื่อหัวใจองค์ชายรองดิ่งวูบ ยิ่งร้องไห้หนักแล้วใครกันแน่ที่อยากใส่ร้ายเขา?องค์ชายรองรู้ดีว่าเรื่องลอบสังหารไม่ใช่ฝีมือคนของเขาแน่นอนแต่คนของเขากลับถูกจับในที่เกิดเหตุลอบสังหารหลักฐานที่หนักแน่นเช่นนี้ ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้แม้ตอนที่คนเหล่านั้นถูกจับก็ล้วนกลายเป็นศพแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากผู้ต้องสงสัยของเรื่องนี้ได้ชั่วขณะองค์ชายรองมีร้อยปากก็ยากจะแก้ต่างจริงๆเขาทำได้เพียงร้องว่าถูกใส่ร้ายอย่างน่าเวทนาไม่หยุด หน้าผากโขกจนมีเลือดไหลแล้ว“องค์ชายรองเซียวจิ่งหลีเข่นฆ่าพี่น้องกันเอง เริ่มกักบริเวณที่จวนหลีอ๋อง ไม่เรียกพบห้ามอ
และเกาโหย่วฝูก็จงรักภักดีต่อฝ่าบาทมาก และยังปิดปากสนิทมาโดยตลอด ย่อมไม่สามารถสอบถามอะไรจากเขาองค์ชายสามโบกมือ สั่งให้คนส่งข่าวออกไปแล้วเขาหันไปมองจอมปราชญ์ชุดขาวที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง สายตาซับซ้อนมากจอมปราชญ์ชุดขาวคนนั้นยกน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างสบายๆ คำหนึ่ง ถึงจะเอ่ยปากกล่าว “ตอนนี้องค์ชายสามสามารถเชื่อข้าน้อยได้แล้วกระมัง?”จอมปราชญ์ชุดขาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือท่านจอมปราชญ์เหวินแม้ในใจองค์ชายสามยังมีข้อสงสัย แต่ใบหน้ากลับอ่อนโยนลงและเผยให้เห็นรอยยิ้ม เขากล่าวอย่างสนิทสนม“ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อท่านจอมปราชญ์ เพียงแต่สิ่งที่ท่านจอมปราชญ์พูดก่อนหน้านี้มันน่าเหลือเชื่อมาก ทำให้ยากจะเชื่อจริงๆ”ก่อนหน้านี้จอมปราชญ์ชุดขาวถือสิ่งของแทนใจของไทเฮามาเยือน พอเจอกันก็ให้องค์ชายสามไล่คนรับใช้ออกไปให้หมด หลังจากนั้นก็บอกว่าเขาสามารถช่วยองค์ชายสามกำจัดคู่ต่อสู้ ขึ้นครองราชบัลลังก์ถ้าหากองค์ชายสามไม่เชื่อ สามารถนิ่งดูการเปลี่ยนแปลงไปก่อน ไม่นานก็จะมีข่าวขององค์ชายรองกับองค์ชายเจ็ดส่งมา อีกทั้งสำหรับองค์ชายสามแล้ว นี่เป็นข่าวดีแน่นอนขณะที่องค์ชายสามกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย คนในวังก็ส่งข่าวออกมา บ
ท่านจอมปราชญ์เหวินยิ้มเล็กน้อย “ไม่กล้าปิดบังองค์ชาย ก่อนหน้านี้ข้าน้อยคือกุนซือของเจียงโจวอ๋อง”เมื่อองค์ชายสามได้ยินก็ตกใจมาก เซถอยหลังสองก้าว ชนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ จนเอียงคนคนนี้คือโจรกบฏ!เจียงโจวอ๋องวางแผนกบฏ คนในจวนถูกจับทั้งหมด ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเจียงโจวอ๋องไม่รอดคิดไม่ถึงว่ากุนซือคนนี้จะหนีออกมาได้!ชั่วขณะองค์ชายสามตื่นตระหนกเล็กน้อยมองในมุมขององค์ชายสาม เขาไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเสด็จอาเจียงโจวอ๋องที่มีเจตนาก่อกบฏคนนี้ถ้าหากเจียงโจวอ๋องทำสำเร็จจริงๆ ผลประโยชน์ขององค์ชายสามย่อมได้รับความเสียหายอย่างไรก็ตามพ่อแท้ๆ เป็นฮ่องเต้ กับอาแท้ๆ เป็นฮ่องเต้ ย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเพราะพ่อของเขาเป็นฮ่องเต้ เขาจึงจะเป็นองค์ชาย ถึงจะมีฐานะที่สูงศักดิ์ไม่เช่นนั้น เขาก็เป็นแค่สายเลือดราชวงศ์ทั่วไป ฐานะจะเทียบกับองค์ชายได้อย่างไร?เวลานี้ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านจอมปราชญ์เหวิน ในใจองค์ชายสามเกิดความระแวงและความไม่ปลื้มหลายส่วนทันที ท่านจอมปราชญ์เหวินกลับไม่ใส่ใจ ยังคงจิบชาอย่างสง่างาม“ถ้าหากท่านกลัว สามารถส่งข้าออกไป ก็นับว่าได้สร้างผลงานต่อหน้าฝ่าบาท!”องค์ชายส
หลังตรอกที่ว่าการมีประตูข้าง สามารถตรงไปยังที่อยู่อาศัยอาจเพราะที่นี่คือที่ว่าการเขตปกครอง ดังนั้นเรียนส่วนหลังจึงใหญ่มาก ดูมีขนาดสองห้องโถงเดินเข้าประตูบุปผาย้อย ก็เห็นหญิงงามอายุสามสิบต้นๆ คนหนึ่งรออยู่หญิงงามท่านนี้ก็คือฮูหยินถังฮูหยินถังได้รับข่าวท่านเจ้าเมืองถังส่งคนมาล่วงหน้าแล้ว นางไม่ได้วางมาดฮูหยินท่านเจ้าเมืองใส่อวิ๋นฝูหลิง และยังมีท่าทีที่สนิทสนมเกรงใจ“ท่านนี้ก็คือแม่นางอวิ๋นกระมัง?”“ได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าผ่าท้องช่วยคุณชายน้อยลู่ไว้ ฝีมือการแพทย์ลึกล้ำ ทำให้ผู้คนประหลาดใจนัก”“หลายวันก่อนประลองวิชาแพทย์กับนายท่านซุนของสำนักช่วยชีพ ถึงกับทำให้นายท่านซุนยอมแพ้ในการประลองแล้ว”“น่าเสียดายนัก ข้าไม่ได้เห็นความสง่างามของแม่นางกับตาตัวเอง!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นฮูหยินถังรอยยิ้มสดใส ดูเป็นคนตรงๆ จึงประสานมือกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ฮูหยินลองพาข้าไปดูคุณหนูถังก่อนดีหรือไม่?”นิสัยที่ตรงไปตรงมาของอวิ๋นฝูหลิง ก็ตรงกับนิสัยของฮูหยินถังเช่นกันนางพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังเรือนที่คุณหนูถังอยู่ทันทีคุณหนูถังได้รับข่าวแล้ว กำลังรออยู่ในห้องของตัวเองทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงเข้าไปในห้อง ก็ม
อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากประสบเหตุการณ์อย่างคุณชายน้อยลู่เช่นนั้นดังนั้นตลอดเส้นทางนี้ นางเลยไม่สนใจว่าจะขายหน้าหรือไม่ กอดเซียวจิ่งอี้แน่นให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยเกียรติศักดิ์ศรีจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับคุณค่าของชีวิตหรอกนะ!เซียวจิ่งอี้กำบังเหียนไว้ พลางยกยิ้มน้อยๆไม่นานนัก เซียวจิ่งอี้จึงรั้งอาชาให้หยุดฝีเท้าอวิ๋นฝูหลิงมองไปรอบ ๆ เล็กน้อย ถึงได้เห็นว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ตีนเขาฝั่งบูรพาของหมู่บ้านซวงหลิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านซวงหลินเท่าไรเซียวจิ่งอี้ลงจากหลังม้าก่อน จากนั้นจึงอุ้มอวิ๋นฝูหลิงลงมาอวิ๋นฝูหลิงพูดขึ้นด้วยความฉงน “ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม?”เซียวจิ่งอี้มิได้ตอบ ทำเพียงกอบกุมมือของอวิ๋นฝูหลิงไว้แล้วกล่าวว่า “ขึ้นไปดูบนเขากัน”อวิ๋นฝูหลิงดีดดิ้นสะบัดมืออยู่หลายครั้งก็ไม่หลุด จึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบไปลักษณะภูเขาลูกนี้ของหมู่บ้านซวงหลินไม่เหมือนกับเขาเฟิ่งลั่ว ทั้งยังไม่ได้สูงชันดูอันตราย และดูสลับซับซ้อนอย่างเขาเฟิ่งลั่วที่นี่เรียกว่าภูเขา แต่ในความจริงแล้วก็เป็นเพียงเนินเขาเล็ก ๆ ที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลสองถึงสามร้อยเมตรเท่านั้นฉะนั้นไม่นานนัก ท
อวิ๋นฝูหลิงอดยกมือขึ้นมากุมหน้าไม่ได้สวรรค์ นางไปทำเรื่องพรรค์นั้นกับเซียวจิ่งอี้ได้อย่างไร?น่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด!ต้องโทษที่พอมีของสวย ๆ งาม ๆ มาอยู่ตรงหน้าแล้ว นางมักจะยับยั้งความอดทนไว้ไม่ไหวไปชั่วขณะเสียทุกทีนอกจากลูบ ๆ คลำ ๆ แล้ว นางคงไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่มันเลยเถิดเกินไปกว่านั้นหรอกกระมัง?ครั้นเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวยังคงอยู่ดี คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกอวิ๋นฝูหลิงเขกหัวตัวเอง คิดในใจว่าต่อไปไม่อาจแตะสุราอีกนึกไม่ถึงเลยว่าร่างกายนี้ของนางจะคออ่อนขนาดนี้ ดื่มสุราอ่อน ๆ ไปเพียงจอกเดียวก็เมามายเสียขนาดนี้ขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดคุยดังลอดเข้ามาจากด้านนอกประตูอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปาก “ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”ชั่วพริบตาต่อมา ประตูห้องก็ถูกคนผลักออก อวิ๋นจิงมั่ววิ่งตึก ๆ เข้ามาด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเองมีเหยากวงคอยเดินตามหลังเขาเข้ามาอวิ๋นจิงมั่ววิ่งเข้ามาถึงหัวเตียง เงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง ดวงหน้าของเขามีแต่ความเป็นห่วงเป็นใย“ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหนบ้างไหม ปวดศีรษะบ้างหรือเปล่า?”“ข้าได้ยินพวกท่านลุงอู๋บอกว่า หากดื่มสุราจนเมาจะปวดศีรษะ”“ต้องดื่มน้ำแกงสร่างเมาถึงจ
“ท่านเป็นบุรุษแท้ ๆ เหตุใดผิวพรรณจึงดีขนาดนี้เล่า!”“ท่านดูแลเช่นไร แล้วปกติใช้ของบำรุงผิวอันไหน?”ชั่วพริบตานั้น เซียวจิ่งอี้ถึงกับร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกอวิ๋นฝูหลิงบีบขยำใบหน้าของเขาอยู่พักใหญ่นางพึมพำออกมาเบา ๆ หลังผ่านไปครู่ใหญ่ “มันคงจะดีเหลือเกินหากท่านเป็นเพียงแค่พรานป่านามหวังลี่ผู้นั้น!”“แค่มีใบหน้างาม ๆ เช่นนี้ เจ๊จะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”“แต่ทำไมท่านถึงต้องเป็นองค์ชายเจ็ดด้วยนะ!”“เหตุใดคนที่ข้าชอบจะต้องเป็นถึงองค์ชายด้วย?”“ท่านเป็นถึงองค์ชาย ข้าจะชอบท่านไม่ได้เด็ดขาด!”เซียวจิ่งอี้ทั้งตกใจทั้งปลื้มปีติ เขาโน้มตัวเข้าไปหาอวิ๋นฝูหลิงปรับน้ำเสียงให้ทุ้มต่ำ แล้วเอ่ยถามเบา ๆ ราวกับกำลังล่อลวงก็ไม่ปาน “เหตุใดข้าถึงเป็นองค์ชายไม่ได้?”“เหตุใดเจ้าถึงจะชอบองค์ชายไม่ได้?”อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว แล้วโอดครวญออกมา “ราชวงศ์ต้องมีกฎเยอะมาก ๆ แบบมาก ๆ อยู่แน่”“หากข้าแต่งให้ท่าน เป็นพระชายาของท่านแล้ว ข้าจะยังเป็นหมอได้หรือไม่?”“เกรงว่าข้าคงจะถูกกักขังให้อยู่แต่ในวังหลัง คอยดูแลเรื่องงานบ้านงานเรือน ไม่แน่ว่าอาจจะต้องดูแลอนุอีกเป็นโขยงของท่านด้วยก็ได้!”“ข้ามิใช่คนโง่นะ!”
ชาวบ้านทั้งหลายต่างยิ้มแย้มพูดคุยกัน กินไปพลางคุยไปพลาง กระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับลงฝั่งประจิม ทุกคนถึงได้ขอตัวลาเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดจะลุกขึ้นส่งพวกเขา ทว่าใครจะรู้ว่าทันทีที่ลุกขึ้นยืน ร่างกายของนางก็โงนเงนจวนจะล้มเคราะห์ดีที่เซียวจิ่งอี้อยู่ข้าง ๆ แล้วเข้าประคองไว้ได้ทันอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกมึนศีรษะ เห็นเซียวจิ่งอี้มีเงาซ้อนทับกันเล็กน้อยนี่นางเมาแล้วหรือ?นางเพิ่งกินไปได้จอกเดียวเอง อีกทั้งพอเทียบกับเหล้าขาวในชาติก่อนแล้ว สุราในยุคสมัยนี้มีดีกรีน้อยกว่าหลายเท่าตัว แทบไม่แตกต่างจากน้ำเปล่าเลยด้วยซ้ำโปรดรู้ไว้ว่าเมื่อชาติก่อน นางได้ชื่อว่าคอทองแดงเชียวนะนี่เพิ่งจะดื่มได้จอกเดียว ก็ทำนางเมาเสียแล้ว?ทักษะการดื่มสุราของร่างนี้จะน้อยกว่าตัวนางในเมื่อก่อนมากเกินไปแล้วเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงร่างกายซวนเซ ไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง กอปรกับเห็นว่างสายตาของนางดูงุนงง สีหน้าดูเหม่อลอย จึงเดาได้ทันทีว่านางเมาแล้วชาวบ้านที่ก้าวเข้ามาหาเพื่อกล่าวลานั้นมองออกว่าอวิ๋นฝูหลิงเมาแล้ว จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องส่งหรอก รีบประคองแม่นางอวิ๋นไปพักผ่อนเถิด แล้วก็ให้ดื่มน้ำแกงสร่างเมาสักถ้วย วันพ
วันงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ คนเกือบทั้งหมู่บ้านล้วนมาร่วมงานแม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะสร้างเพียงแค่เรือนลานเดียว มีเรือนหลัก พร้อมด้วยเรือนปีกตะวันตกและเรือนปีกตะวันออก กอปรกับห้องครัว ห้องเก็บของ คอกม้าและห้องอื่น ๆ รวม ๆ แล้วก็ได้เจ็ดถึงแปดห้อง แต่ก็นับว่าเป็นบ้านที่มีสง่าราศีเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่บ้านซวงหลินเลยทีเดียวพอถึงเช้าตรู่ ชาวบ้านก็นำของอวยพรมามอบให้ถึงประตูบ้าน แล้วเข้าไปชมบ้านหลังใหม่ของสกุลอวิ๋นห้องต่าง ๆ ล้วนดูเป็นปกติทั่วไป มีเพียงห้องอาบน้ำและห้องครัวเท่านั้นที่แปลกไม่เหมือนใครโดยเฉพาะห้องอาบน้ำ ที่ไม่เพียงมีท่อน้ำที่ตรงออกไปข้างนอกห้อง สามารถเทน้ำที่ผ่านการอาบการใช้ภายในห้องลงในท่อได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงยกน้ำออกไปเททิ้งด้านนอกอีกแล้วเท่านั้นยังมีของกลม ๆ ที่ได้ยินมาว่าเรียกว่าฝักบัวอาบน้ำอยู่ด้วย พอเปิดจุกกั้นออกน้ำร้อนก็จะออกมาทันทีจะล้างเนื้อล้างตัวช่วงหน้าร้อนก็สบายไม่น้อยอีกทั้งส้วมที่ก่อขึ้นจากอิฐสีคราม หลังถ่ายเบาถ่ายหนักก็สามารถราดน้ำลงไปได้เลย ซึ่งมันจะไหลผ่านท่อน้ำไปลงในบ่อเกรอะที่อยู่หลังบ้านชาวบ้านพากันมองด้วยความประหลาดใจ มีบางคนถึงขั้นอดใจเ
หลิงโหยวเป็นผู้ช่วยที่ไม่เลวคนหนึ่งทั้งเข้าใจวิชาแพทย์ ทั้งจงรักภักดีต่อสกุลอวิ๋น ไม่ว่าจะเป็นสวนสมุนไพรหรือโรงปรุงยาล้วนมอบหมายให้เขาดูแลได้เพียงแค่ไม่รู้ว่าเขาจะยินดีหรือไม่หลังอวิ๋นฝูหลิงเจอหลิงโหยว ก็เล่าถึงความคิดนี้ออกไป ทางหลิงโหยวรีบพยักหน้าทันทีพลางกล่าวว่า “ยินดีขอรับ ข้าน้อยย่อมยินดีอยู่แล้วขอรับ!”นับตั้งแต่ที่ได้พบกับอวิ๋นฝูหลิงอีกครั้ง หลิงโหยวก็อยากกลับไปคอยช่วยเหลือทำเรื่องต่าง ๆ อยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิงยามนี้ได้สมดังปรารถนาแล้ว ย่อมปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งแต่ไหนแต่ไรมา อวิ๋นฝูหลิงล้วนใจกว้างกับเหล่าคนที่อยู่ใต้ปกครอง นางให้เงินเดือนเป็นสองเท่าจากของเดิมแก่หลิงโหยวทันที ส่วนสวัสดิการต่าง ๆ เช่นสินน้ำใจวันตรุษนั้นก็คิดแยกให้อีกต่างหากครั้นพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อย หลิงโหยวจึงกลับไปปรึกษากับครอบครัว เตรียมเก็บเสื้อผ้าต่าง ๆ ไปหมู่บ้านซวงหลินภรรยาของหลิงโหยวถึงแก่กรรมไปนานหลายปีแล้ว เหลือเพียงแค่หลิงเจี๋ยซึ่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้นแม้ว่าแต่ก่อนหลิงเจี๋ยจะได้เล่าเรียนหนังสือมานานหลายปี แต่ด้วยสติปัญญามีขีดจำกัด สอบตกในการสอบขุนนางระดับอำเภอหลายต่อหลายคร
คุณหนูถังที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มีสีหน้ายินดีและรู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกันนางพอใจในการแต่งงานครั้งนี้มาก ด้วยการจัดการของบิดามารดา จึงได้พบกับสามีในอนาคตเป็นการส่วนตัวอยู่สองครั้ง ในใจจึงมีทั้งความคาดหวังและความยินดีของสาวน้อยแต่ทุกสิ่งก็ล้วนถูกทำลายด้วยผื่นแดงบนร่างของนางหากไม่อาจรักษาผื่นแดงให้หายดีได้ จนอีกสามเดือนหลังจากนี้นางต้องไปตบแต่งด้วยสภาพผื่นแดงเต็มร่าง นางก็แทบคิดว่าตายไปเสียจะดีกว่าโชคดีที่ฝันร้ายนี้สิ้นสุดลงแล้วอวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มโดยพลัน “เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับการแต่งงานของคุณหนูถังล่วงหน้า!”คุณหนูถังหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนจะยืนขึ้นคำนับอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจัง “ขอบคุณแม่นางอวิ๋นมากที่ช่วยรักษาผื่นแดงบนร่างของข้าจนหายดี”อวิ๋นฝูหลิงพยุงนาง “ข้าเป็นหมอ เรื่องการรักษาคนย่อมเป็นหน้าที่ของหมอ”อวิ๋นฝูหลิงมองนางพลางกล่าวว่า “ตามเทียบยารักษาผื่นเช่นเดิม แต่กินอีกสองวันก็พอแล้ว”“ข้ายังมีสูตรและขี้ผึ้งดูแลผิวให้งดงามด้วย หลังจากคุณหนูถังใช้แล้ว จะทำให้เป็นเจ้าสาวคนใหม่ที่เปล่งประกายแน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งกล่าวจบ ฮูหยินถังก็กล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอบคุณ
เซียวจิ่งอี้อยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินต่อวันนั้นที่ประลองวิชาแพทย์ มีเพียงพวกลูกพี่อู๋สี่คนที่เข้าไปในเมือง ดังนั้นตัวตนที่แท้จริงของเซียวจิ่งอี้ นอกจากพวกเขาแล้ว ชาวบ้านคนอื่นจึงยังไม่รู้อวิ๋นฝูหลิงยังกำชับกับพวกลูกพี่อู๋เป็นพิเศษด้วยว่า ไม่ให้พวกเขาบอกเรื่องของเซียวจิ่งอี้กับผู้อื่นส่วนอวิ๋นจิงมั่วยังอายุน้อย ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้จึงยังมิได้อธิบายภูมิหลังของเซียวจิ่งอี้ให้เขาฟังด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาอวิ๋นจิงมั่วจึงไม่รู้เรื่องราว รู้เพียงว่าพ่อของเขามีเงินและอำนาจเยอะมาก ซึ่งมากยิ่งกว่าพวกเจ้าหน้าที่ทางการเสียอีกคนในหมู่บ้านแม้จะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียวจิ่งอี้ แต่กลับรู้ว่าเขาคือพ่อแท้ ๆ ของอวิ๋นจิงมั่วยิ่งไปกว่านั้นเห็นว่าเขากิริยาท่าทางเป็นเลิศ ทั้งยังพิถีพิถันเรื่องอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวัน จึงพากันคาดเดาตัวตนของเขาลับหลังสิ่งที่ถูกคาดเดามากที่สุด คนส่วนใหญ่ต่างแน่ใจ ว่าเซียวจิ่งอี้เป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่ในเมืองเขากับอวิ๋นฝูหลิงตกหลุมรักกัน แต่อวิ๋นฝูหลิงมีฐานะต่ำต้อย จึงไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวของเซียวจิ่งอี้ดังนั้นทั้งสองคนจึงแอบหนีมาใช้ชีวิ
พวกหัวหน้าหมู่บ้านโจวได้ยินก็ตกตะลึงบทสนทนาแบบเดียวกันนี้ เกิดขึ้นที่บ้านของหู่โถวกับชุนเซิงแม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับอวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้ เหตุใดจู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็กลายเป็นพ่อที่แท้จริงของอวิ๋นจิงมั่ว แต่ทั้งสามสกุลรวมถึงหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็หาใช่ว่าจะไม่มีไหวพริบและกาลเทศะทั้งสามสกุลต่างก็เตือนลูกของตนว่าอย่าพูดเสียงดังไปถึงข้างนอกทว่าไม่จำเป็นที่พวกโจวฉางจี๋จะต้องป่าวประกาศเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเขานั่งรถม้าไปเล่นในเมืองกับอวิ๋นจิงมั่ว และนำของขวัญกองหนึ่งกลับมา ก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้วในหมู่บ้านมีผู้คนมากมายที่เฝ้ามองอยู่ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนเห็น ดังนั้นเรื่องนี้จึงมิอาจปิดบังได้มีหลายครอบครัวที่เห็นพวกโจวฉางจี๋ได้รับผลประโยชน์ ก็อิจฉาตาร้อน จนอดไม่ได้ที่จะต่อว่าลูกตัวเองหากลูกตัวเองประจบเก่งเหมือนพวกโจวฉางจี๋ จนได้ไปเล่นกับอวิ๋นจิงมั่ว วันนี้คนที่ได้รับของขวัญย่อมเป็นพวกเขาอวิ๋นฝูหลิงยังไม่รู้เรื่องราว ยามนี้กำลังมองเซียวจิ่งอี้ที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่คิ้วขมวดมากขึ้นเซียวจิ่งอี้อธิบายโดยพลันว่า “ข้าจัดการสวนอิ่งเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้ข้าต้อง