Share

บทที่ 173

Author: หลันซานอวี่
เทียนเฉวียนตอบโดยพลัน “เรียนนายท่าน เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ขอรับ”

“สัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่สลักอยู่บนร่างของคนเหล่านั้นอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน บางคนอยู่ที่หน้าอก บางคนอยู่ที่ต้นขา ซึ่งล้วนเป็นตำแหน่งที่ถูกเสื้อผ้าปิดบังไว้”

เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้โดยพลัน และพูดออกมาเบา ๆ “สัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว หรือจะเป็นคนของเผ่าเยว่?”

เมื่อได้ยินเซียวจิ่งอี้พูดว่าคนของชนเผ่าเยว่ ท่าทีของจ้าวเสวียซือก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน

“คนของชนเผ่าเยว่นับถือเทพจันทรา และสลักสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวลงบนร่างเป็นเครื่องหมายก็จริง”

“แต่ยามที่ฮ่องเต้เกาจู่ก่อตั้งแคว้น แคว้นเยว่ก็ล่มสลายไปแล้ว อีกทั้งคนเผ่าเยว่ก็เกือบจะสูญพันธุ์แล้วเช่นกัน”

“หรือจะมีคนของเผ่าเยว่ที่รอดชีวิตมาได้อยู่?”

“แต่เหตุใดพวกเขาต้องมาลอบสังหารเจ้าด้วย?”

เซียวจิ่งอี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

เขารู้สึกว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยบงการทุกสิ่ง

ดูเหมือนในเงามือจะมีแผนร้ายที่ใหญ่กว่านี้ซ่อนอยู่

หลังจากตั้งใจพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเสวียซือก็เห็นว่าเซียวจิ่งอี้มี
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 174

    หากนางอยากให้อวิ๋นจิงมั่วอยู่ข้างกาย ก็ต้องปกปิดความสัมพันธ์ของอวิ๋นจิงมั่วและเซียวจิ่งอี้แต่เป็นเช่นนี้ จะยุติธรรมต่ออวิ๋นจิงมั่วหรือ?สถานะราชวงศ์ ในยุคสมัยนี้ เป็นสัญลักษณ์ของการยืนอยู่บนจุดสูงสุด อำนาจ ความมั่งคั่ง เป็นสิ่งที่ผู้อื่นต้องดิ้นรนทั้งชีวิต แต่สำหรับพวกเขา กลับได้มาอย่างง่ายดายพวกเขาสามารถกอบกุมหลายสิ่งหลายอย่างไว้ได้อวิ๋นฝูหลิงไม่อาจกีดกันสิทธิประโยชน์เหล่านี้ของอวิ๋นจิงมั่ว เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองหากอวิ๋นจิงมั่วกลับคืนสู่สกุล ยิ่งกว่าเป็นซื่อจื่อจวนอ๋อง คือได้เป็นพระราชนัดดาตัวตนเช่นนี้ ย่อมทำให้เขาได้รับหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้อื่นใฝ่ฝันแม้ในขณะเดียวกันจะสูญเสียหลายสิ่งไปด้วยก็ตามอวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง รู้สึกราวกับตัวเองกลับไปยามที่ยังเด็กในยามนั้นที่พ่อแม่หย่าร้างกัน มีคนถามนางว่า อยากไปกับพ่อ หรืออยากไปกับแม่?อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าตัวเองกับเซียวจิ่งอี้ ราวกับเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังจะหย่าร้างกันอวิ๋นจิงมั่วต้องเผชิญกับการเลือกว่าจะอยู่กับนางที่เป็นมารดา หรือตามเซียวจิ่งอี้ผู้เป็นบิดาไปอวิ๋นจิงมั่วเห็นแม่แค่กอดเขาไว้ โดยที่ไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 175

    อวิ๋นฝูหลิงนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น นางต้องไปเปลี่ยนยาให้เซียวจิ่งอี้เมื่อมาถึงเรือนที่เซียวจิ่งอี้พักอยู่ ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังมาจากในเรือนองครักษ์หน้าประตูเมื่อเห็นนาง ก็เข้าไปรายงานโดยพลันผ่านไปไม่นาน เทียนเฉวียนก็ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองผู้ที่ออกมาพร้อมเขา ก็คือท่านเจ้าเมืองถังท่านเจ้าเมืองถังมีท่าทีหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก หลังออกมาจากห้อง ก็ยังใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงโค้งคำนับท่านเจ้าเมืองถัง ก็ตามเทียนเฉวียนเข้าไปในห้องนอกจากเซียวจิ่งอี้แล้ว จ้าวเสวียซือก็อยู่ด้วยเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง ใบหน้าของจ้าวเสวียซือก็เผยรอยยิ้มออกมา และประสานมือทักทายนาง“แม่นางอวิ๋น รบกวนเจ้าช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องด้วย”อวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจแม้นางจะไม่ได้พูดคุยกับจ้าวเสวียซือมากนัก แต่ก็มองออกว่าแม้ภายนอกคนผู้นี้จะดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญ แต่แท้จริงก็ยังมีความผ่าเผยอยู่เต็มใบหน้าก่อนหน้านี้จ้าวเสวียซือปฏิบัติต่อนาง อย่างมากก็สุภาพด้วยในฐานะหมอผู้มีทักษะแพทย์ยอดเยี่ยมผู้หนึ่งต่างจากในวันนี้โดยสิ้นเชิง ที่ในมารยาทแฝงไปด้วยความเคารพอยู่หลายส่ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 176

    เซียวจิ่งอี้ก็ก้มมองบาดแผลบนหน้าอกของตนเช่นกัน และพบว่าบาดแผลสมานจนตกสะเก็ดแล้ว ก็อดแปลกใจไม่ได้ก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ชายแดนเหนือ มิใช่ว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ในกองทัพยิ่งได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วนทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นบาดแผลสมานตัวเร็วเช่นนี้มาก่อนเขาเงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง และถามว่า “เจ้าใช้ยาอะไรกับข้า?”ในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเซียวจิ่งอี้ นางจึงใส่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณหยดหนึ่งลงไปในยาต้มโดยตรงคิดไม่ถึงว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณไม่เพียงแต่ช่วยล้างพิษบนร่างของเซียวจิ่งอี้ ทว่าแม้แต่บาดแผลก็ยังดีขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดไว้โชคดีที่บาดแผลเพียงแค่ตกสะเก็ด มิใช่หายดีเป็นปกติอย่างรวดเร็วจนทำลายกฎของธรรมชาติ หาใช่ว่าไม่เห็นแม้แต่บาดแผลในชั่วพริบตาเดียว มิเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงคงไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดูเหมือนว่าหลังจากนี้ยามที่ใช้หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณ คงต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้อวิ๋นฝูหลิงแสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบ “เป็นผงโสมซานซี ก่อนหน้านี้ที่เขาเฟิ่งลั่วข้าก็ใช้มันเป็นยารักษาแผลห้ามเลือดให้ท่าน”“แต่ข้าปรับปรุงมันเล็กน้อย ประสิทธิภาพจึงดีขึ้นกว่าก่อนห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 177

    เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีท่าทางพยายามหลบเลี่ยง ก็รู้สึกว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นคำแก้ตัวนางไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่ข้างกายเขาเซียวจิ่งอี้รู้สึกอึดอัด จนบีบมืออวิ๋นฝูหลิงแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาจึงเพิ่งตั้งสติได้ และรีบปล่อยมือโดยพลัน“ขอโทษ ข้าทำเจ้าเจ็บ”เซียวจิ่งอี้เผยสีหน้างุ่นง่านออกมา และรีบตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่ข้อมือของอวิ๋นฝูหลิง“ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะถอนมือกลับไปหลังจากดึงกลับ เซียวจิ่งอี้ก็ส่งเสียงโอดครวญออกมาทันทีอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้า ก็เห็นรอยเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลบนอกของเขาอวิ๋นฝูหลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหลงลืมตัวตนองค์ชายเจ็ดของเขาไป และบ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว“บนตัวท่านยังมีแผลอยู่ อย่าขยับตัวมั่วซั่ว!”“ตอนนี้อาการกำลังดีขึ้น แต่แผลเปิดอีกแล้ว ท่านคิดจะทรมานตัวเองหรือ?”“เหตุใดจึงไม่ฟังกันบ้าง?”“การที่พบคนไข้อย่างท่าน เป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจที่สุดของหมอ!”อวิ๋นฝูหลิงบ่น ขณะที่ทายาพันผ้าพันแผลให้เซียวจิ่งอี้ใหม่อีกคราท่าทางเหมือนยามที่นางพบคนไข้เหล่านั้นที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 178

    อวิ๋นฝูหลิงพูดต่อ “แต่หากท่านต้องการพาเขาไป จิงมั่วจะต้องเต็มใจ”“ข้าจะไม่บังคับให้เขากลับไปเมืองหลวงกับท่าน”“หากจิงมั่วอยากอยู่กับข้า ข้าก็หวังว่าท่านจะไม่บังคับเขา!”นี่คือสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญอยู่นานเมื่อคืน จนเพิ่งผุดความคิดใหม่ขึ้นมานางจะไม่ขวางเซียวจิ่งอี้ในการพาอวิ๋นจิงมั่วกลับไปในเมื่ออวิ๋นจิงมั่วเป็นบุตรชายทางสายเลือดของเซียวจิ่งอี้ เช่นนั้นการจะนำเขากลับไปสู่สถานะเชื้อพระวงศ์ก็เหมาะสมแล้วมีเพียงนางกับเซียวจิ่งอี้ที่แยกทางกัน อวิ๋นจิงมั่วอยากใช้ชีวิตอย่างไร ก็ล้วนเป็นตัวเขาที่ต้องเลือกเองแม่เขาจะอยากอยู่กับตนครึ่งปี และอยู่กับเซียวจิ่งอี้อีกครึ่งปี เขาก็สามารถเลือกทั้งสองบ้านได้ตามใจ ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทว่าความยินดีในแววตาของเซียวจิ่งอี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“เจ้าไม่เต็มใจจะเป็นพระชายาอ๋องของข้า และไม่เต็มใจจะอยู่กับข้าหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงมองดวงตาของเซียวจิ่งอี้โดยตรง และพูดออกมาสามพยางค์อย่างช้า ๆ “ไม่เต็มใจ!”ก่อนหน้านี้เซียวจิ่งอี้คิดแค่ว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจจะโกรธเขาอาจจะตำหนิที่เขาปกปิดตัวตนแต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า อวิ๋นฝูหลิงจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 179

    เซียวจิ่งอี้ราวกับได้รับรู้สิ่งใหม่ ๆ จนตกตะลึงและพูดไม่ออกอยู่นานก่อนหน้านี้แม้เขาจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนกับอวิ๋นฝูหลิงตรง ๆ และอยากหลอมรวมไปในชีวิตประจำวันของพวกเขาแม่ลูกอย่างเงียบ ๆแต่ในใจลึก ๆ เขาก็ยังคิดว่าหลังจากอวิ๋นฝูหลิงรู้ตัวตนของเขาแล้ว อาจจะแสดงความรู้สึกโกรธเหมือนหญิงสาวตัวน้อยหลังจากนางสงบอารมณ์ลง ก็ย่อมยอมกลับไปเมืองหลวงกับเขาอย่างว่าง่าย และเป็นพระชายาอี้อ๋องของเขาเขาไม่เคยคิดเลยว่า อวิ๋นฝูหลิงจะไม่เต็มใจจริง ๆไม่ใช่การแง่งอนและมิใช่กลยุทธ์แสร้งปล่อยให้เป้าหมายตายใจเพื่อจับกุมให้อยู่หมัดเขามองท่าทีของอวิ๋นฝูหลิงออก ว่าทุกสิ่งนางล้วนพูดออกมาจากใจจริงในใต้หล้านี้มีสตรีที่ปฏิเสธเขาอยู่!คาดไม่ถึงว่าจะมีสตรีกล้าปฏิเสธเขา!เซียวจิ่งอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาโดยพลันไม่รู้ว่าหัวเราะให้กับความกล้าของอวิ๋นฝูหลิง หรือหัวเราะให้กับการที่ประเมินตัวเองสูงเกินไปกันแน่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียงหัวเราะของเซียวจิ่งอี้ จึงเพิ่งตระหนักได้เมื่อครู่นางแสดงความรู้สึกแท้จริง ด้วยการพูดออกไปในอึดใจเดียวแต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว จึงเพิ่งตระหนักได้ว่ายามนี้บุรุษที่อยู่เบื้องหน้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 180

    บนใบหน้าของอวิ๋นฝูหลิงปรากฏเส้นขีดสีดำนางตัดสินใจว่าเมื่อกลับไปจะตีพวกลูกพี่อู๋เสียหน่อยต้องเป็นพวกเขาที่พูดเรื่องไร้สาระเป็นแน่ เด็กถึงได้ฟังจนเรียนรู้ไปเช่นนี้อวิ๋นฝูหลิงคุกเข่าลง ก่อนจะดึงอวิ๋นจิงมั่วมาถาม “เหตุเจ้าจึงวิ่งมาที่นี่ได้? แล้วมาตั้งแต่เมื่อใด?”อวิ๋นจิงมั่วจิ้มนิ้ว ก่อนจะพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าอยากมาเจอท่านลุง ก็เลยให้พี่เหยากวงพาข้ามาขอรับ”“ข้าได้ยินพวกท่านทะเลาะกัน”“ทะเลาะกันไม่ดีนะขอรับ พวกท่านไม่ทะเลาะกันได้หรือไม่?”“ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ท่านลุงได้รับบาดเจ็บ ท่านแม่ยอมให้ท่านลุงหน่อยเถอะขอรับ...”เหยากวงยืนอยู่นอกประตู เพราะได้ยินเสียงโต้เถียงกันด้านใน จึงจงใจอยู่ห่าง ๆ และไม่กล้าเข้ามาอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็รู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูกเจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ช่างลำเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้เสียจริง!รู้หรือไม่ว่าผู้ใดเก็บอึเก็บปัสสาวะและเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่?นางแอบต่อว่า ขณะที่มองอวิ๋นจิงมั่วเอามือเล็กเท้าเอว พลางดุเซียวจิ่งอี้“ท่านลุง ท่านอย่ารังแกท่านแม่ของข้านะขอรับ!”“ไม่อย่างนั้นมั่วมั่วจะไม่ชอบท่านแล้ว!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าโดยพลัน และอธิบายว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 181

    อวิ๋นฝูหลิงยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้รบกวนการทำความรู้จักกันของสองพ่อลูกอวิ๋นจิงมั่วร้องไห้สะอึกสะอื้นระบายความรู้สึกออกมากระทั่งอวิ๋นจิงมั่วเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำจากการร้องไห้ ทว่าดวงหน้าเล็ก ๆ กลับเผยความเขินอายออกมาเล็ก ๆเขามิใช่เด็กเล็ก ๆ แล้ว แต่กลับกอดท่านพ่อร้องไห้จนเสียงขึ้นจมูกเสียอย่างนั้นขืนเหล่าสหายรู้เข้า ต้องล้อจนเขาอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่กลางวัน สามคนหนึ่งครอบครัวกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกที่อวิ๋นจิงมั่วได้รู้ซึ้งถึงความหมายของการกินข้าวพร้อมกับท่านพ่อท่านแม่อย่างแท้จริง จึงตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดเขามองเซียวจิ่งอี้ที่นั่งอยู่ทางขวามือของเขา แล้วก็หันไปมองอวิ๋นฝูหลิงที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ รับรู้ได้เพียงแค่ว่าตนเองนั้นเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางดีอกดีใจของบุตรชายแล้ว ทั้งคู่จึงเข้าใจตรงกันทันทีโดยที่ไม่ต้องพูดว่าไม่ควรพูดเรื่องอันใดก็ตามที่ฟังแล้วไม่เสนาะหูขึ้นมาพวกเขาให้ความร่วมมือกับบุตรชายสุดความสามารถ สวมบทบาทเป็นบิดามารดาที่ดีกระทั่งยามค่ำ อวิ๋นจิงมั่วดึงดันจะนอนกับเซียวจิ่งอี้

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status