แชร์

บทที่ 142

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดในกลุ่มสี่คน ดังนั้นเมื่อมีงานที่ต้องเข้าครัว อวิ๋นฝูหลิงจึงมักให้เขามาช่วยเป็นลูกมือ หรือปล่อยให้เขารับหน้าที่ทำอาหารเอง

สวี่ตงอายุน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน นิสัยดีมีความอดทนอดกลั้น และเป็นคนที่มีไหวพริบ

ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงชอบให้เขาดูแลลูกน้อย

ส่วนคังหมิงหย่วน เขาเป็นคนที่เงียบขรึมมาก และดูสุขุมมากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน แต่ก็ถูกมองข้ามได้ง่าย เป็นคนที่อยู่เป็นพื้นหลัง

นับเป็นคนประเภทที่พูดน้อยแต่ลงมือทำมาก

ระหว่างการอพยพ สมุนไพรเหล่านั้นที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมา โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นเขาที่ช่วยตากแห้งและจัดเรียง ตามหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

อวิ๋นฝูหลิงที่ให้ความสนใจเขาอยู่หลายส่วน ค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์อยู่บ้าง

ยามนี้ที่ต้องทำอาหารกลางวัน อวิ๋นฝูหลิงจึงเรียกจางซานมู่ให้มาช่วย

อาหารกลางวันทำเป็นหม้อใหญ่

หากไม่ใช่เพราะบ้านและสวน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา คงไม่ต่างจากระหว่างที่อพยพ

ก่อนจะเริ่มมื้ออาหาร เทียนเฉวียนก็กลับมาทันเวลาพอดี

“นายท่าน จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“คนผู้นั้นเป็นบุตรชายของปลัดอำเภอแห่งอำเภอชิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 143

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จไม่นาน ช่างใหญ่อวี่ก็พาคนเข้ามาช่างใหญ่อวี่เป็นช่างฝีมือของราชวงศ์ ครานี้ที่มาจวนเจียงหนิง เป็นเพราะมีรับสั่งให้มาสร้างสวนให้เจียงโจวอ๋องคาดไม่ถึงว่าสวนเพิ่งสร้างเสร็จไปไม่ถึงครึ่ง เจียงโจวอ๋องกลับถูกตรวจสอบพบว่าวางแผนคิดก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ปลิดชีพตัวเองเพราะกลัวความผิดเจียงโจวอ๋องจากไปแล้ว กระบวนการสร้างสวนแห่งนี้จึงถูกระงับไปช่างใหญ่อวี่รู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาหลายวันแล้วแม้ว่าเหล่าช่างฝีมืออย่างพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ แต่คนที่สร้างสวนให้เจียงโจวอ๋อง ก็ถูกจับไปขังคุกทันทีแม้ว่าหลังจากตรวจสอบต้นสายปลายเหตุแล้ว พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ขึ้นทะเบียน และรับคำสั่งจากกรมโยธาหากพูดตามหลักแล้ว ยามนี้สวนไม่จำเป็นต้องสร้างแล้ว ทางกรมโยธาก็ควรเรียกตัวพวกเขากลับไปที่เมืองหลวงจึงจะถูก แต่ผ่านไปนานแล้วกลับไม่มีข่าวคราวจากทางฝั่งกรมโยธาเลยช่างใหญ่อวี่จิตใจระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ใครจะคิดว่าจู่ ๆ จะมีผู้มาเยือน ซึ่งถือป้ายอาญาสิทธิ์ของจวนอิงกั๋วกงมา และนำพวกเขาเหล่าช่างฝีมือทั้งหมดไปช่างใหญ่อวี่ติดตามค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 144

    เขาข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนประสานมือพลางเอ่ย “คำขอของแม่นางอวิ๋น ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ห้องน้ำและห้องสุขารูปแบบนี้ ข้าไม่เคยสร้างมาก่อน แต่ข้าจะลองดู”อวิ๋นฝูหลิงรับห้องน้ำในยุคสมัยนี้ไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นจึงวาดภาพการออกแบบห้องน้ำและห้องสุขา ตามรูปแบบของห้องน้ำยุคสมัยใหม่หากต้องการโถส้วม นางคิดว่าคงเป็นเรื่องยากไปเสียหน่อย แต่ก็ยังสามารถสร้างส้วมหลุมที่สามารถกดน้ำล้างทำความสะอาดโดยอัตโนมัติได้ทางด้านนี้อวิ๋นฝูหลิงกับช่างใหญ่อวี่กำลังคุยเรื่องการก่อสร้างเรือนอย่างกระตือรือร้น ทางด้านเซียวจิ่งอี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูภาพที่อวิ๋นฝูหลิงวาดเมื่อมองดูก็รู้สึกแปลกใจอย่างช่วยไม่ได้ทักษะการภาพวาดเช่นนี้ ไม่เคยพบเห็นมาก่อนใช่เพียงดินสอถ่านด้ามเดียว ก็สามารถวาดภาพบ้านที่สมจริง จนทำให้คนรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในนั้นจริง ๆคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋นผู้นี้ ช่างมีทักษะเฉพาะตัวจริง ๆ!ตกลงแล้วนางมีความลับกี่มากน้อย ที่ตนไม่รู้กันแน่?ช่างใหญ่อวี่มีกลุ่มก่อสร้างครบถ้วน ดังนั้นหลังจากถามความต้องการและงบประมาณของอวิ๋นฝูหลิง ก็เขียนรายการอิฐ กระเบื้อง ไม้ และหินที่จำเป็นต้องใช้ และให้คนไปซื้อวัส

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 145

    เซียวจิ่งอี้ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษาอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลิน ทว่าก็ไม่ได้เป็นเพียงข้ออ้างเสียทีเดียวหลายปีมานี้เขานำทัพไปทำสงครามที่ชายแดนทางเหนือ ร่างกายหาได้มีอาการเจ็บปวดร้ายแรงไม่ แต่กลับมีอาการเจ็บป่วยยิบย่อยอยู่ไม่น้อยหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรของเขา ก็พบว่านอกจากอาการบาดเจ็บเก่า ๆ ที่ยังไม่หายสนิท ก็ยังมีภาวะตัวเย็นดูแล้วเหมือนจะเป็นอาการป่วยที่เกิดจากการสู้รบในสถานที่ที่เย็นจัดอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาในใจว่าหรือคนผู้นี้จะเป็นทหาร?โชคดีที่อาการเจ็บป่วยเหล่านี้หาได้ร้ายแรงไม่ อวิ๋นฝูหลิงเริ่มเขียนเทียบยาของยาต้ม ทั้งยังเขียนเทียบยาของยาอาบสำหรับแก้ภาวะตัวเย็นด้วยนับตั้งแต่นั้นเซียวจิ่งอี้ก็ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษา ในการอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอย่างเปิดเผยดวงจันทร์ขึ้นอาทิตย์คล้อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับควบม้าผ่านช่องแคบเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงวันที่อวิ๋นฝูหลิงไปติดตามผลการรักษาคุณชายน้อยลู่วันนี้ อวิ๋นฝูหลิงขอยืมรถม้าเซียวจิ่งอี้เพราะพวกลูกพี่อู๋ไม่มีใครรู้วิธีขับรถม้า เซียวจิ่งอี้จึงให้ยืมเทียนเฉวียนมาขับรถม้าด้วยอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ในรถม้า และตัดสินใจว่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 146

    คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ออกมาจากเรือนของคุณชายน้อยลู่ จะได้พบกับสตรีแต่งตัวงดงามกลุ่มหนึ่งสตรีกลุ่มนี้เป็นสตรีที่แต่งงานแล้วอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี ทั้งยังมีหญิงสาวที่อายุสิบกว่าปีด้วยคนเหล่านี้มองนางด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ โดยหาได้มีเจตนาร้ายอันใดฮูหยินลู่ออกมาส่งอวิ๋นฝูหลิง เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ ก็สารภาพกับอวิ๋นฝูหลิงก่อน หลังจากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงสตรีชุดม่วงซึ่งเป็นผู้นำของสตรีกลุ่มนั้นออกมากล่าวว่า“สะใภ้รอง เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”สตรีชุดม่วงผู้นั้นยิ้มพลางเอ่ย “พวกข้าได้ยินว่าวันนี้แม่นางอวิ๋นจะมารักษาพี่เจ๋อ จึงมาดูเสียหน่อย ว่าพี่เจ๋อสบายดีหรือไม่เจ้าค่ะ?”ขณะที่พูด ดวงตาทั้งสองข้างกลับมองมาทางอวิ๋นฝูหลิงฮูหยินลู่เห็นเช่นนั้น ไหนเลยจะยังไม่เข้าใจคนเหล่านี้บอกว่ามาเยี่ยมลู่เจ๋อลูกชายของนาง แต่แท้จริงสนใจหมอเทวดาหญิงอย่างแม่นางอวิ๋นผู้นี้ต่างหากอาการเจ็บป่วยของสตรีหาได้น้อยไปกว่าบุรุษไม่ แต่หมอหญิงข้างนอกกลับมีน้อยมาก ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงหมอเทวดาหญิงเลยแม้แต่ในตระกูลที่ร่ำรวยอย่างสกุลลู่ สตรีในตระกูลก็ไปหาหมอได้ยากความจริงอาการเจ็บป่วยมากมายของสตรี ไม่สะดวก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 147

    อวิ๋นฝูหลิงคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง คนเหล่านั้นที่ขวางตรอกไว้ก็เดินเข้ามาแล้วผู้ที่นำมาคือท่านหมอเจิ้งแห่งสำนักหุยชุนก่อนหน้านี้ยามที่รักษาคุณชายน้อยลู่ อวิ๋นฝูหลิงแลกเปลี่ยนความรู้มากมายกับหมอเจิ้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีความประทับใจที่ดีต่อกันจากนิสัยของหมอเจิ้ง ก็ไม่เหมือนว่าจะมาหาเรื่องนางอวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญ และคาดเดาว่าหมอเจิ้งคงมีจุดประสงค์ที่เข้ามาหาเป็นไปดังคาด หมอเจิ้งก้าวมาข้างหน้าพลางประสานมือ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางอวิ๋น ข้ามีเรื่องที่อยากพูดคุยกับแม่นางอวิ๋น และได้จองโต๊ะที่หอจุ้ยเซียนเอาไว้แล้ว ไม่ทราบว่าแม่นางอวิ๋นให้เกียรติมาด้วยกันหน่อยได้หรือไม่?”หอจุ้ยเซียนเป็นหอสุราที่ดีที่สุดในหัวเมืองหมอเจิ้งจัดงานเลี้ยงที่นี่ ทำให้เห็นได้ถึงความจริงใจอวิ๋นฝูหลิงยังไม่ทันเอ่ย ก็มีหมอใบหน้ากลมผู้หนึ่งเบียดฝูงชนออกมาข้างหน้า และพูดกับหมอเจิ้งว่า“ท่านหมอเจิ้ง ท่านช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย พวกท่านสำนักหุยชุนมีแผนอันใด อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เชียว”กล่าวจบ หมอใบหน้ากลมผู้นั้นก็เข้ามาพูดกับอวิ๋นฝูหลิงด้วยรอยยิ้ม “แม่นางอวิ๋น ข้าแซ่อู๋ เป็นทั้งหมอและเจ้าของสำนักไป๋เฉ่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 148

    นางยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ“ทุกท่าน ความปรารถนาดีของทุกท่านทำให้ข้าซาบซึ้งใจมาก ไม่จำเป็นต้องไปกินข้าวกันหรอก!”“จุดประสงค์ของทุกท่านข้าเข้าใจดี”“เพียงแต่ข้าทำข้อตกลงกับสำนักผิงอันไว้ก่อนแล้ว ยาหกชนิดที่สำนักผิงอันขายตอนนี้ ในหนึ่งปีนี้จะทำการส่งมอบให้สำนักผิงอันที่เดียวเท่านั้น”“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ หากทุกท่านสนใจยาหกชนิดนี้ ก็ทำได้เพียงรอพูดคุยอีกครั้งหลังจากนี้หนึ่งปีเท่านั้น”หมอทุกคนที่ต้องการร่วมการค้ากับอวิ๋นฝูหลิง อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าผิดหวังนายท่านหางกับหมอหางที่รีบมาหลังจากได้ยินข่าว พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้านายท่านหางแอบรู้สึกดีใจ ยังดีที่เขารู้จักกับแม่นางอวิ๋นก่อน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเรื่องโชคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นกับสำนักผิงอันของพวกเขาหมอเจิ้งอดไม่ได้ที่จะจ้องมองสหายของเขาอย่างหมอหาง ขณะที่รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจสหายผู้นี้ของตนไม่รู้ว่าโชคดีมาจากที่ใด แม้แต่ของดีอย่างยาลูกกลอน ก็ยังชิงไปได้ก่อนหมอหางเห็นสายตาอิจฉาของหมอเจิ้ง ก็อดไม่ได้ที่จะยืดอกอย่างภูมิใจความจริงที่สำนักผิงอันของพวกเขาได้ร่วมการค้ายาลูกกลอนกับแม่นางอวิ๋น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 149

    “ช้าก่อน!”ทันใดนั้นก็มีเสียงหยาบกระด้างดังขึ้นมาจากฝูงชนหลังจากนั้น ชายรูปร่างเตี้ยม่อต้อ ใบหน้าดุร้ายผู้หนึ่งก็เดินออกมาเขากวาดสายตามองอวิ๋นฝูหลิงขึ้นลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง “ยาลูกกลอนเป็นของดั้งเดิมจากสำนักช่วยชีพของพวกเรา มีเพียงสำนักช่วยชีพของพวกเราเท่านั้นที่ขายได้ เจ้าโผล่มาจากไหน มีสิทธิอะไรมาทำยาขาย?”บนใบหน้าของอวิ๋นฝูหลิงยังคงมีรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับเย็นชาโดยไม่รู้ตัว “หืม? แคว้นต้าฉีมีกฎหมายข้อไหนที่บอกว่าข้าทำยาขายไม่ได้ด้วยหรือ?”ชายวัยกลางคนผู้นั้นพูดไม่ออกโดยพลัน และยิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง เจ้ากล้ามาต่อกรกับสำนักช่วยชีพหรือ? รู้หรือไม่ว่าเจ้าของสำนักช่วยชีพของพวกเราคือผู้ใด?”หลิงโหยวไม่รู้เบียดมาอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิงตั้งแต่เมื่อใด และเตือนด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คนผู้นี้คือนายท่านของสำนักช่วยชีพแห่งเขตปกครองเจียงหนิง แซ่สวี่ เป็นญาติห่าง ๆ จากครอบครัวเดิมของฮูหยินรองอวิ๋น”อวิ๋นฝูหลิงเข้าใจโดยพลัน คนผู้นี้กล้ามาทำตัวหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ เป็นเพราะอำนาจของจวนจี้ชุนโหวยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มของนายท่านใหญ่ขอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 150

    “พูดตามตรง สำนักช่วยชีพในยามนี้ ความจริงก็น่าผิดหวังนัก ไม่ต้องพูดถึงสมัยของนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น เพราะยังเทียบกับครึ่งหนึ่งของตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”“ได้ยินว่าหลังจากตายของคุณหนูใหญ่อวิ๋น ตระกูลอวิ๋นก็ไร้คนสืบทอด ดังนั้นนายท่านรองอวิ๋นจึงรับช่วงต่อทรัพย์สินของสกุลอวิ๋น”“นกพิราบครองรังของนกกางเขนนานแล้ว ก็คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของจริง ๆ หรือ?”“สำนักช่วยชีพหาได้มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและความเมตตาแบบเมื่อก่อนไม่ ผู้นำไม่ดีผู้ตามก็ย่อมไม่ดีจริง ๆ!”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงพูดคำพูดนี้ ก็ทำให้คนรอบข้างแตกตื่นเพราะเป็นคนในแวดวงแพทย์เหมือนกัน พวกเขาจึงย่อมรู้เรื่องของสกุลอวิ๋นอยู่บ้างแต่คำพูดเมื่อครู่ของแม่นางอวิ๋น เห็นได้ชัดว่ายังมีเรื่องราวภายในอยู่ด้วยทันใดนั้น ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนก็เปิดออกผู้ที่ตกใจมากที่สุด ย่อมเป็นนายท่านหางเขามองอวิ๋นฝูหลิง ทันใดนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นได้ ทั้งร่างจึงสั่นสะท้านเล็กน้อยหลิงโหยวยืนอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิงด้วยลำตัวยืดตรงหลังจากการตายของท่านโหวตระกูลเขา สำนักช่วยชีพก็ตกมาอยู่ในกำมือของอวิ๋นกานซง ที่นับวันก็ยิ่งไร้เหตุผลมากขึ้น

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 376

    อวิ๋นฝูหลิงตรวจดู จมูกของเด็กไม่มีน้ำคร่ำอุดตัน แล้วก็มองหว่างขาของเด็กแวบหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายเด็กออกจากน้ำคร่ำของมารดา ราวกับรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ก็ร้องไห้อุแว้ๆ เสียงดังทันทีแต่ว่าเสียงกลับเบากว่าเด็กทารกทั่วไปแม้ไม่ได้เสียงดังมาก แต่ทุกคนที่รออยู่นอกห้องคลอดยังได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กทารกชั่วขณะฉู่หมิงตะลึงเล็กน้อย เงยหน้ามองไปทางฮูหยินฉู่ กล่าวอย่างเหม่อลอย “ท่านแม่ ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”ฮูหยินฉู่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กเช่นกันแต่นี่ก็เร็วเกินไปแล้วตั้งแต่พวกเขาเข้าไปจนถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลยนี่ก็คลอดแล้ว?พระชายาคังจวิ้นอ๋องกล่าวอย่างตื่นเต้น “เป็นเสียงร้องไห้ของเด็ก!”“คลอดแล้ว คลอดแล้ว!”“แต่ไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง?”เมื่อได้ยินเสียงรอบข้าง ฉู่หมิงมั่นใจแล้วว่าเมื่อครู่ตัวเองไม่ได้หูฝาดลูกของเขาเกิดแล้ว!ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข ตื่นเต้นจนจะวิ่งเข้าห้องคลอดโชคดีที่ฮูหยินฉู่ดึงเขาไว้ทันเวลา“เจ้ารีบร้อนอะไร รอเฉยๆ ก่อน!”รอในห้องคลอดจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว หมอตำแยต้องอุ้มเด็กออกมาให้พวกเขาดูแน่น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 375

    พลันอวิ๋นฝูหลิงเหลือบไปมอง หมอหญิงติงจึงจะรู้ตัวว่าไม่ควรส่งเสียง รีบยกมือปิดปากทันทีอวิ๋นฝูหลิงกลับเริ่มไม่ปลื้มแล้วแค่นี้ก็เอะอะส่งเสียงดัง ขวัญอ่อนเกินไปแล้วนางหันไปมองเหยากวงแวบหนึ่งเหยากวงเดินเข้าไปหิ้วหมอหญิงติง โยนนางออกจากห้องคลอดโดยตรงเมื่อหมอหญิงติงออกจากห้องคลอด ก็ถูกสายตาหลายคู่จ้องมองหมอหลวงรีบเดินเข้าไปสอบถามทันที “เจ้าออกมาได้อย่างไร สถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง?”เพราะเหยากวงโยนคนออกมาก็กลับเข้าไปแล้ว การเคลื่อนไหวของนางเร็วมาก ทำให้อยากถามนางก็ถามไม่ทันภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สายตาของทุกคนจ้องไปที่หมอหญิงติงหมอหญิงติงรู้ว่าตัวเองทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ถูกอวิ๋นฝูหลิงรังเกียจแล้วหมอหลวงจงมาถามเวลานี้ นางยิ่งอับอายแล้วใบหน้าของนางแดงก่ำ พูดจาอ้ำอึ้ง “การผ่าตัดเริ่มแล้ว ข้า…ข้าไม่กล้าลงมีด ก็เลยออกมาแล้ว”หมอหลวงจงมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เริ่มขมวดคิ้วในเมื่อเป็นการผ่าท้องทำคลอด ย่อมขาดการลงมีดไม่ได้เรื่องนี้นางรู้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือในเมื่อกลัวลงมีด เหตุใดยังต้องตอบตกลงตามโอวหยางหมิงมา?ความสามารถในการเลือกคนของโอวหยางหมิง ต้องพัฒนาแล้วจริงๆแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 374

    พระชายาคังจวิ้นอ๋องก็ประหม่าเช่นกัน อย่างไรก็ตามอีกเดี๋ยวคนที่จะถูกผ่าท้องคือลูกสาวของตนเองไม่เพียงพวกนางสองแม่ลูก คนอื่นก็ประหม่าไม่มากก็น้อยเช่นกันมีเพียงคนเดียวที่ไม่ประหม่าก็คงเป็นอวิ๋นฝูหลิงแล้วชาติที่แล้วนางเคยทำการผ่าตัดเช่นนี้ครั้งนับไม่ถ้วน ชินนานแล้วฮูหยินน้อยฉู่เห็นท่าทางของอวิ๋นฝูหลิงดูสงบมาก ราวกับมีความมั่นใจในการผ่าตัดของวันนี้มากความประหม่าของนางจึงจะบรรเทาลงบ้างฮูหยินน้อยฉู่ถูกส่งเข้าไปในห้องคลอด ส่วนพระชายาคังจวิ้นอ๋องถูกอวิ๋นฝูหลิงห้ามไว้ที่นอกห้องคลอดอย่างไรก็ตามอีกเดี๋ยวจะเป็นภาพที่นองเลือด นางกลัวพระชายาคังจวิ้นอ๋องที่เป็นแม่คนนี้รับไม่ไหว จะส่งผลกระทบต่อการผ่าตัดสกุลฉู่ทำตามคำขอของอวิ๋นฝูหลิง เลือกห้องที่สะอาด กว้าง และแสงดีมากมาทำเป็นห้องคลอดภายในห้องคลอดมีแค่เตียงนอนหนึ่งเตียง โต๊ะหนึ่งตัว และเก้าอี้อีกสองสามตัวและรมควันชางจู๋ทั้งห้องตามที่อวิ๋นฝูหลิงบอกหนึ่งรอบก่อนฮูหยินน้อยฉู่เข้าห้องคลอด ก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและสะอาดแล้วหลังจากเข้าห้องคลอด นางถอดเสื้อชั้นนอก สวมเพียงเสื้อชั้นในนอนลงบนเตียงไม้ด้านบนของเตียงไม้ มีผ้าม่านแขว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 373

    อวิ๋นฝูหลิงอบรมขั้นพื้นฐานหมอหญิงทั้งสี่คนก่อนเข้าผ่าตัดระหว่างการอบรม นางก็คอยสังเกตคุณสมบัติของหมอหญิงทั้งสี่คนในบรรดาพวกนาง มีหมอหญิงคนหนึ่งแซ่ซุน เรียนได้เร็วที่สุดและดีที่สุด ความจำก็ดีคนต่อมาก็คือหมอหญิงแซ่ติงอวิ๋นฝูหลิงตั้งใจจะให้หมอหญิงซุนกับหมอหญิงติงเป็นผู้ช่วยของนางหมอและหมอหญิงล้วนมากันครบแล้ว อวิ๋นฝูหลิงไปตรวจห้องคลอดและวัตถุดิบยาที่สกุลฉู่เตรียมไว้อีกครู่หนึ่งเมื่อเห็นของพร้อมแล้ว และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอกถ้าหากมีคนคิดไม่ดีจริงๆ ลงมือจากวัตถุดิบยาเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดก็เหมือนกับครั้งก่อนตอนรักษาฮ่องเต้จิ่งผิง มีคนสลับวัตถุดิบยาดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงใส่ใจวัตถุดิบยาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นางยังลากโอวหยางหมิงและคนอื่นมาช่วยกันตรวจด้วยกลับพบว่าวัตถุดิบยาที่สกุลฉู่ไม่มีปัญหาเลยแต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้ประมาท ให้หมอหลวงจงกับโอวหยางหมิงร่วมกันรับผิดชอบดูแลเรื่องวัตถุดิบยาและการต้มยาโอวหยางหลันคิดแค่ว่าอวิ๋นฝูหลิงใช้ยาอย่างระมัดระวัง เป็นการปฏิบัติในฐานะหมอที่มีความรับผิดชอบหมอหลวงจงกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จากกา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 372

    องครักษ์ของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าที่เคยผ่านสนามรบและเคยเห็นเลือดมาก่อนถ้าหากมีคนกล้าบุกเข้าไป องครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่ได้มีไว้ประดับ!แม้ฮูหยินฉู่รำคาญคนเหล่านี้ แต่ก็มีแผนรับมือในใจแล้วหลังจากนางพบว่าวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาที่จวน จึงเตรียมการทันทีมีองครักษ์ของจวนอยู่ที่นี่ วันนี้อย่าว่าแต่ห้องคลอดเลย ต่อให้เป็นลานเรือนของห้องคลอด ก็ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปได้เมื่อเหล่าฮูหยินที่อยู่ในลานเห็นดังนี้ ก็รู้ว่าวันนี้พวกนางไม่สามารถไปดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดที่ห้องคลอดแล้วด้วยเหตุนี้ทุกคนทำได้เพียงนั่งลงดื่มน้ำชาอย่างไม่พอใจเพราะการจากไปตอนนี้เลยมันไม่เหมาะสมต่อให้จะไป ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ระหว่างทางที่ไปห้องคลอด อวิ๋นฝูหลิงถามฮูหยินฉู่ว่าพวกโอวหยางหมิงมาหรือยังโอวหยางหมิงและคนอื่นมากันแล้ว แต่ว่าฮูหยินฉู่พาพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหมิงมากันแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที “ไปหาพวกเจ้าสำนักโอวหยางก่อน”เมื่อฮูหยินฉู่ได้ยิน ก็รีบพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังห้องรับแขกที่ต้อนรับพวกโอวหยางหมิงทันทีภายในห้องรับแขก บรรยากาศกำลังครึกคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 371

    จ้าวเสวียซือจงใจลดเสียงให้เบาลง และยังยื่นศีรษะเข้าไปทางหน้าต่างรถเซียวจิ่งอี้มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง“ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร”“หดหัวของเจ้ากลับไป!”จ้าวเสวียซือหดศีรษะกลับไปอย่างอับอายพริบตาต่อมา เซียวจิ่งอี้ปิดหน้าต่างรถทันทีจ้าวเสวียซือรู้สึกถึงการเหยียดหยามของเซียวจิ่งอี้ โมโหจนแทบช้ำในเขาก็แค่รู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่ทันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ!หลังจากมาถึงจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงก็เข้าใจในสิ่งที่จ้าวเสวียซือพูดแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในวันนี้คึกคักมาก แขกเหรื่อเต็มไปหมดมีคนไม่น้อยที่อาศัยข้ออ้างมาเยี่ยมฮูหยินน้อยฉู่ เพื่อมาดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดฮูหยินฉู่รู้เจตนาการมาเยือนของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนตรงๆ ได้ทำได้เพียงรับหน้าไปพลาง หาวิธีส่งแขกไปพลางทว่าฮูหยินฉู่ยังคิดวิธีไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงก็มาถึงแล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นผู้คนที่อยู่เต็มลาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้และผู้คนที่มารุมสอบถามเรื่องการผ่าท้องทำคลอดกับฮูหยินฉู่ในตอนแรก เพิ่งเห็นอวิ๋นฝูหลิงมา ก็กรูกันเข้าไปหานางทันทีแต่หลัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 370

    หากนางต้องการคน ขอแค่นางบอกมา เกรงว่ากระทั่งหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็คงมีคนมากมายที่ยินยอมช่วยเหลือจำเป็นต้องมาถึงสกุลหางเชียวหรือ?การกระทำเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงนั้นถือว่านึกถึงบุญคุณที่สกุลหางได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ จึงมามอบน้ำใจให้ถึงสกุลหาง!หลังจากที่นายท่านหางเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจวันนี้ข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงจึงมีเรื่องใหม่ให้ได้พูดคุยถกกันอย่างบ้าคลั่งบางคนตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็สงสัยใคร่รู้และมีบางคนคิดจะฉวยโอกาสนี้ แอบปลุกปั่นสร้างเรื่องวันต่อมาอวิ๋นฝูหลิงหลับสนิทตลอดทั้งคืน เตรียมตัวไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเดิมทีวันนี้เซียวจิ่งอี้จะต้องไปตรวจตราค่ายใหญ่แถบชานเมืองหลวงทว่าพอเขานึกว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะต้องผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว เลยวางใจไม่ลงจริง ๆถึงอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการผ่าท้องเอาเด็กออกในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฉู่ก็ดี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 369

    กระทั่งยามที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ได้สติ อวิ๋นฝูหลิงก็โยนแส้ใส่อ้อมแขนของนางแล้ว“เอาละ พวกเราสองคนหายกันแล้วนะ”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถึงกับนิ่งอึ้งยามที่นาได้สติ ตัวอวิ๋นฝูหลิงก็เดินจากไปไกลแล้วฉยงอวี้จวิ้นจู่กำแส้ขี่ม้าในมือแน่น พร้อมกับคิ้วที่กระตุกเล็กน้อยอวิ๋นฝูหลิงผู้นี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิดนิสัยไม่เหมือนใครดี!หลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงออกจากจวนแม้ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ก็ไปยังเรือนในเมืองหลวงของสกุลหางนายท่านผู้เฒ่าหางดีใจยิ่งนักที่เห็นนางมา“ฝูหลิง ทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลามาได้เล่า?”อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปคารวะ แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะคิดถึงท่านปู่หาง เลยมาเยี่ยมหาอย่าไรเล่าเจ้าคะ”นางเขย่าห่อกระดาษในมือเล็กน้อย “รู้ว่าท่านชอบกินขนมลี่จื่อของโจวจี้ จึงตั้งใจเอามาแสดงความกตัญญูกับท่านปู่เจ้าค่ะ!”รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านผู้เฒ่าหางยิ่งกว้างกว่าเดิมรีบให้บ่าวไพร่นำขนมลี่จื่อที่อวิ๋นฝูหลิงนำมาไปวางใส่จานมา เขาจะไว้กินแกล้มกับชาปู่หลานพูดคุยกันได้สักพัก อวิ๋นฝูหลิงจึงพูดเรื่องจริงจังขึ้นมา“ท่านปู่หาง ตอนนี้ข้ามีคนไข้อยู่ในมือ นางตั้งครรภ์แฝด หากจะคลอดอย่างธรรมดา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 368

    ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status