ดวงตาแดงก่ำหรี่มองแสงสลัวจากตะเกียงไฟดวงเล็ก ชายร่างผอมในอาภรณ์สง่างาม เดินโซเซไปคว้าไหสีน้ำตาลบนโต๊ะไม้ข้างตั่งนอน ยกขึ้นดื่มต่างน้ำ
ในห้องนอนโล่งกว้างสมฐานะผู้สูงศักดิ์ กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว ใบหน้าหล่อเหลาส่ายมองโดยรอบ ภายใต้ทัศนียภาพที่พร่าเลือนลง เขาเลิกคิ้วเข้มหน้าที่เรียบขนานไปกับดวงตาคมกริบขึ้น ‘แปลกนัก... นางไม่ใช่ผู้ขลาดกลัวอะไรง่ายดาย แต่จะว่ากล้าหาญ ก็ไม่เชิงว่าใช่’ ค่ำคืนก่อนมีสตรีเนื้อตัวมอมแมม มาเหยียบเยือนเรือนงูเห่า เฝ้าดูแลเขาแทนบ่าวรับใช้ที่ถูกไล่ตะเพิดไปเสียหมด นางพูดวนเวียนอยู่แต่เรื่องบุญคุณ ‘หวังเฟย’ คาดว่านางไม่กล้าเสนอหน้ามารบกวนจิตใจเขาอีกเป็นแน่ หลังจากที่เขารังแกนางเพราะความเมา กลับคาดการณ์ผิดพลาดไป เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าบนพื้นไม้ การเยื้องย่างด้วยความดังไม่เท่ากันของนางไม่เหมือนผู้ใด “ท่านอา กลับมาแล้วหรือ?” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วดังมาแต่ไกล ร่างบอบบางในเสื้อผ้าชำรุดมีรอยปะชุน ของเหลือใช้จากท่านอาหญิง นางมาเย็บปักมันเสียใหม่ให้ดูสวยงามเข้ากับใบหน้าอ่อนหวาน ปิ่นประดับมุกบนเกล้าผมดำขลับแลดูมีราคาอย่างสตรีสามัญชนในแคว้นเล็ก ๆ หากก็เป็นแคว้นที่เฟื่องฟู ‘เจียลี่’ ไม่ให้ใครมาเอ่ยคำสั่งสอนนางได้ว่าเป็นบุตรสาวพ่อค้าขายผ้า จำต้องแต่งตัวอย่างไร ถึงนางจะเป็นคนติดดิน อย่างน้อยก็เทียมหน้าเทียมตาบุตรสาวผู้อื่นในเมือง “ไยเจ้ายังอยู่อีก?” “ท่านอาเคยให้ความช่วยเหลือครอบครัวข้า ท่านเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ตั้งหลายครั้ง บุญคุณย่อมต้องทดแทน” นางเดินกระย่องกระแย่ง ยกถังไม้ใส่น้ำมาวางไว้ข้างตั่งนอน ท่านอากระแทกก้นนั่งลงบนฟูก มองนางอย่างไม่ใคร่พอใจราวกับว่านางเป็นเครื่องเรือนเกะกะในห้องของเขา มือยกไหเหล้ากระดกเอา ๆ ข้าวหมักกลิ่นหอมฟุ้งไหลลงเปรอะเปื้อนเต็มหนวดเคราครึ้มแซมเทา ด้วยอายุวัยสามสิบห้าปี กระทั่งอาภรณ์ขาวสะอาดบริเวณช่วงหน้าอกเปียกปอน มือหนากระแทกไหเหล้าลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างตั่งนอน “จะอยู่เช็ดอ้วกข้าก็เชิญ!” “ข้าเช็ดได้ ข้าไม่ใช่คนเกี่ยงงาน ข้าเช็ดมาหลายวันแล้ว” นางกระตือรือร้นดูแลท่านอาขี้เมา ที่ใดเขาทำสุราหกเรี่ยราด นางหยิบผ้าขี้ริ้วไปเช็ดจนสะอาด นางลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้ากระจัดกระจายบนพื้น นำออกไปใส่ถังไม้อีกใบหนึ่งใกล้กับแหล่งน้ำ เพื่อที่นางจะนำไปซักในคราวหน้า ในมือเรียวมีถังไม้ที่เติมน้ำจนเต็มวางเรียงไว้ด้านข้างเรือน อีกสองไว้ในห้องไว้สำหรับทำความสะอาด บ่าวรับใช้คนสุดท้ายตักน้ำใส่ถังเรียงเป็นแถวชิดกำแพงไว้แล้วหนีไป นางจดจำสิ่งที่พวกเขาเคยทำ ก่อนมารับหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้ท่านอาหวังเฟย ต่อจากพวกเขาเป็นการชั่วคราว “อาหญิงเจ้าล่ะ ไปกับคุณชายสามหรือ?” “ข้าจะไปรู้ไหมเล่า” “เจ้ารู้” “ข้าไม่รู้ ขออภัยด้วยท่านอา” เจียลี่ไม่คิดทำร้ายน้ำใจอดีตท่านอาเขย หากไม่เป็นเพราะนางถูกกดดันด้วยกลิ่นข้าวฟ่างแดงหมักจากเรือนร่างกำยำเหนือเรือนผมของนาง อาจทำให้นางเมามายไปด้วยกับเขา นางกลอกตาไปมาลอบมองกรามแกร่ง นัยน์ตาลุ่มลึกแลดูก้าวร้าวดุดัน เป็นอันตรายต่อสตรียิ่งนัก ขณะใบหน้าหล่อเหลาก้มลงต่ำ จนนางแทบจะฟุบหน้าลงบนพื้น “เจ้ารู้ บอกข้ามา มิฉะนั้นเจ้าไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก” “คือข้า...” “ข้าไม่ชอบรับบุญคุณจากใคร โดยเฉพาะสตรีร่างบอบบางเยี่ยงเจ้า ไม่จำเป็นมากนัก แค่บ่าวรับใช้ไม่กี่คน ข้าจ้างเอาใหม่ได้มากมายถมถืดไป” “นาง... เอ่อ... ขึ้นเกี้ยวขุนนางไปตั้งแต่รุ่งฟ้าสาง ไม่ได้อยู่ช่วยท่านแม่ขายผ้า” “อ้อ... เป็นอย่างที่ข้าคิด” ใบหน้าแดงก่ำส่ายมองไปทางหน้าต่างที่เปิดอ้ากว้าง มือคว้าไหสุราขึ้นยกดื่มจนหกเลอะเทอะ เจียลี่ก้มลงเช็ดน้ำที่เจิ่งนองไปทั่ว หยิบผ้าขี้ริ้วผืนใหม่มาจัดการมันอีกรอบ ไม่ให้ท่านอาขี้เมากลิ้งล้มอย่างคืนก่อนนั้น เขาเกือบเผากระท่อมไม้หลังนี้ตายไปกับไหสุรา ซึ่งร้อยวันพันปีไม่เคยจะทำอันตรายเขาได้ “เมื่อไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ สตรีย่อมลาจาก” “ท่านก็รู้นี่ ทำไมถึงไม่เลิกร่ำสุราเสียที” “มันเรื่องของข้า” เจียลี่รีบทำงานของตนไม่ถกเถียงกับท่านอาขี้เมาให้มากเรื่อง นางรู้ตนดีว่าเถียงไปก็ไม่ชนะเขาหรอก นี่ขนาดว่าเขาเมามาย นั่งตาขวาง กลับมีสติกลั่นกรองคำพูดจาเลวร้ายผ่านริมฝีปากอาบยาพิษ ด่าทอต่อว่านางสารพัดได้ บอกไปใครเล่าจะเชื่อ นางได้มาเป็นสาวรับใช้ท่านอาผู้เคยเป็นว่าที่เขยของบ้าน หากท่านอาหญิงของนางไม่ยกเลิกกำหนดการงานมงคลไปหมั้นหมายกับผู้มีฐานะมากกว่า ส่วนเรื่องบุญคุณผู้ช่วยชีวิตยังเป็นอีกประเด็นสำคัญ “ข้าเสร็จงานของข้าแล้ว ที่เหลือข้าจะกลับมาจัดการในวันพรุ่งนี้ ข้าลาเจ้าค่ะ” “เดี๋ยว...” เสียงเข้มรั้งนาง เมื่อนางประสานมือ ก้มศีรษะคารวะ ด้วยความเคารพ นางเงยหน้าขึ้นคล้ายว่าจะถาม ท่านอาแย่งนางถามเสียก่อน “เจ้าจะกลับเลยหรือ เจ้ากลับยังไง?” “ข้าเดินเลาะป่าด้านหลังเรือนท่านไปก็ถึงบ้านข้าแล้ว ใช้เวลาไม่นานในการเดินเท้า” “เป็นสาวเป็นแซ่ เดินทางกลางค่ำกลางคืน มิกลัวสิงสาราสัตว์ก็ควรจะหวาดกลัวชายโฉดโจรป่ามาทำมิดีมิร้ายเจ้าบ้าง” “ที่พักอาศัยละแวกนี้ไม่มีผู้ใดผ่านมา แม้แต่แมวสักตัวข้าก็ไม่เคยเห็น ข้าสำรวจแล้วว่าปลอดภัย ถ้าจะมีอันตราย คงเป็นชายขี้เมาตาขวาง ข้าว่าน่ากลัว...” “เจ้ากลัว... ทำไมเจ้าจึงมา?”นัยน์ตาก้าวร้าวสยบนางให้ปิดปากนิ่งเงียบ ก้มหน้าคุดคู้ไม่กล้าโต้แย้ง เจียลี่จำได้ว่าวันก่อนเขารังแกนาง เขาเมาสุรา ขัดขานางจนล้มหน้าคะมำจับกบอยู่หน้าเรือน ข้อเท้าของนางปวดระบม เดินกะเผลกเป็นหญิงพิการ ท่านอาไล่ตะเพิดนางเป็นไล่สุนัข นางตกใจกลัวจนตัวสั่น ทว่ากลับใจสู้ขึ้นมาจึงไม่คิดหนีไปไหนไกล นางกลับมาทำหน้าที่ของนาง หลังจากการเดินทางไปช่วยเหลือครอบครัวขายผ้าที่ตลาด นางระลึกถึงบุญคุณของเขา หากเขาไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางเอาไว้ นางคงได้เป็นผีเฝ้าป่าไปนานแล้ว“เจ้ามารับใช้อดีตท่านอาเขยอย่างข้าได้หลายวัน ก็น่าจะรู้ พักนี้ข้าอารมณ์แปรปรวน ถ้าเจ้าไม่อยากมา ไม่จำเป็นต้องมา”“ข้ามาได้ ข้ายินดีรับใช้ท่านอา”“แล้วเจ้าจะปรนนิบัติข้าไปถึงเมื่อไร? บุญคุณที่เจ้าว่าจึงจะทดแทนจนหมดสิ้น”“เมื่อเห็นว่าท่านอาสบายใจ ไม่ร่ำสุราด้วยความทุกข์ ท่านได้บ่าวรับใช้ที่ดี ดูแลท่านได้ไม่บกพร่อง ข้าค่อยบอกลาท่าน ระหว่างนี้ข้าจะมา...”เจียลี่ยืนกรานว่านางจะมาอย่างแน่นอน ด้วยรอยยิ้มที่น่ารันทดอดสู ‘คนขี้เมา’ ไม่กล้าเอ่ยไล่นางอีก เขาออกคำสั่งให้นางนอนบนฟูกในอีกห้องหนึ่ง ตะวันขึ้นเมื่อไรค่อยเดินทางไป ขืนนางเดินลุยป่ากลับ
เจียลี่ไม่ได้โกหกแม้สักคำเดียว องุ่นสดและผลไม้อีกหลายชนิดจะต้องซื้อจากตลาดแต่รุ่งเช้า ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ลี่จิ่นไม่ใช่คนขยัน ไม่ตื่นแต่เช้า บางค่ำคืนก็เมาสุรา อุดอู้บนฟูกนอนจนสายโด่งหวังเฟยรู้มานานแล้วว่าหลานสาวคนเล็กสกุลเยี่ย เป็นแรงงานสำคัญ เจียลี่ทำงานตัวเป็นเกลียวราวกับผู้ยากไร้ไม่เคยพบเห็นเงินมาก่อนในชีวิตของนาง จึงได้รับค่าจ้างมากที่สุด สุรากลั่นชั้นดีในมือของเขานี้ยังไม่พบในแคว้นฉิน เพียงเปิดขวดก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วถึง เขาทั้งดื่มดมมันอย่างสำราญใจ นึกถึงบรรดามิตรสหายจะต้องชอบพอสุราขวดนี้อย่างแน่นอน“เหล้าซีเฟิ้งเป็นสุราที่ดีที่สุด สุราเลื่องชื่อชนิดนี้ หาใช่ว่าจะมีโอกาสดื่มกินมันง่าย ๆ เป็นสุราสำหรับชนชั้นสูง คนร่ำรวยนำมันมาจากแคว้นจ้าว การเดินทางด้วยรถม้าใช้ระยะเวลาร่วมเดือน มันมีราคาสูงมากในตลาด”นางไปได้มาอย่างไร เป็นคำถามของเขาเสียมากกว่านางเอาอกเอาใจเขาด้วยเหตุใด หวังเฟยหันไปปรึกษาบ่าวที่เข้ามาส่งสุราขวดใหม่ สภาพห้องของเขาแลดูเรียบร้อยดี ผิดจากก่อนหน้าที่นางจะมาดูแลเขา“แม่นางเป็นผู้มีหน้าตามีตลาด ใครต่างก็รู้จักนาง ข้าคิดว่าคงไม่ยากสำหรับนางขอรับนายท่าน”“อืม ข้าก็ว่าเ
ท่านอามิได้เมามาย เฝ้ามองนางวางจอกสุราลงบนโต๊ะ นางออกไปเรียกบ่าวรับใช้คนใหม่ให้เข้ามาจัดวางสำรับอาหารเย็น ให้พวกเขาดูแลเสื้อผ้า เรือนหลังนี้ให้สะอาดเอี่ยม นางผลักประตูที่เปิดอ้ากว้างกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง“ข้าไปตักน้ำอาบไว้ให้ท่าน บ่าวทั้งสองคน ข้าขออนุญาตสอนงานพวกเขา...”“ตามใจเจ้า ข้าจะไปห้ามอะไรได้ เจ้าอยากมาเจ้าก็โผล่มาทุกวัน ให้ข้ารำคาญใจ”“หมดหน้าที่ของข้าเมื่อไร ข้าคงไม่มารบกวนใจท่าน เพียงแต่ข้าอาจถือโอกาสส่งอาหารมานาน ๆ ครั้งหากว่าท่านอยากกินฝีมือข้า จะไม่ให้ผู้ใดนำมา” นางเห็นบ่าวรับใช้วางอาหารไว้ให้ท่านอาเรียบร้อยดี จึงนั่งลงบนพื้นเยียบเย็น ท่านอาขมวดคิ้วมุ่นมองนางว่านางจะทำอะไร กระทั่งเห็นนางสะบัดแขนเสื้อขึ้นหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้ จิ้มลงไปทุกอัน ตัดอาหารชิ้นเล็กเพื่อชิมมันก่อน ปฏิบัติต่ออาหารราวกับว่าท่านอาเป็นกษัตริย์ นางหันไปบอกท่านอาที่กอดไหสุรา นั่งนิ่งอึ้งมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตน“เผื่อมีผู้ลอบวางยาพิษท่านอา เจียลี่ยินดีสละชีวิต เพื่อทดแทนบุญคุณท่าน”--------------------------หลังจากคืนนั้นหวังเฟยมิได้ร่ำสุราลดน้อยลง ราวกับว่าการเมามายได้กลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแ
“ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป”“ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก“เอาเถอะ เจ้าคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า”เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามารมณ์ด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน”“อย่างไรถึงจะเหมาะ?”“อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอาแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ”“เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว”กว่าเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเ
นางตั้งคำถามในใจ จนมาถึงด้านหน้าเรือน พบชายในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนอนแผ่หราบนพื้นหญ้า ไหสีน้ำตาลอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าไหใบเล็กกลมได้กลายเป็นสตรีผู้เป็นที่รักยิ่ง นางตกใจลนลาน เข้าไปแบกเขาขึ้นบันไดไม้อย่างทุลักทุเล ถึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก เมื่อท่านอาตัวไม่หนักเท่าไร นางเคยพบชายร่างสูงกำยำกว่านี้ในโรงงานถลุงแร่บ่าวรับใช้ทั้งสองก็เข้ามาช่วยเหลือนาง อีกสองกำลังวิ่งวุ่นในเรือน หวังเฟยคงร่ำสุรามากไป เขาลุกขึ้นโวยวายหน้าแดงก่ำ ไล่ตะเพิดบ่าวให้ออกไปให้หมด ให้เหลือแค่เจียลี่ นางรีบนำชามาวางไว้บนโต๊ะข้างฟูกนอนเขา“โธ่... ท่านอา ท่านเมาเละเทะแล้ว”“อะไรกับข้านักเล่า... เจียลี่!”“ท่านโวยวาย เรียกข้า?” ปลายนิ้วชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ เจียลี่จำได้ว่าท่านอาเมามายเมื่อไรมักเรียกหาแต่ท่านอาหญิง ลี่จิ่น เจ้าไปไหน เจ้ากล้าทิ้งข้าเรอะ! นังแพศยา หญิงโฉดชั่ว โป้ปดลวงโลก อะไรสักอย่างนางก็ฟังไม่ถนัดหูนัก ลึก ๆ นางคงดีใจที่เขาเรียกหานาง ไม่ด่าทอนางเป็นหลานสาวนังแพศยา ไล่ตะเพิดนางไปพร้อมกับบ่าวชุดใหม่ทั้งสามคน“แปลว่าท่านยังไม่เมา ท่านเอาเหล้าอีกไหม? ข้าจะไปเอามาให้ท่านดื่ม”“เจ้า... กล้าประชดข้าห
“เจ้าไปแจ้งสกุลเยี่ยด้วยว่าไม่ต้องนำผ้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่ใช่หญิงงามที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน วันละหลาย ๆ ชุด ให้ทันยุคสมัยตามใครเขาสวมใส่อะไร หากข้าอยากได้ผ้าเมื่อไร ข้าจะไปซื้อที่หน้าร้านด้วยตัวข้าเอง”“ข้าจะรีบกลับไปบอกผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”“ไม่ต้องรีบไป เจ้ากินให้อิ่มก่อน” หวังเฟยกำชับนาง ด้วยเห็นว่านางเป็นสตรีกินข้าวเชื่องช้า นั่นก็เป็นเรื่องดีของเขาอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเขาจะได้พบนางวันละหนึ่งมื้อเป็นเวลานาน เฝ้ามองนางคีบอาหารเข้าปากทีละคำ“วันนี้ข้าไม่ได้กลิ่นขี้วัว?”“ข้าเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่เจอพวกเด็ก ๆ แกล้งข้า...”“เด็กพวกนั้นถูกตามใจจนเคยตัว ควรได้รับโทษทัณฑ์ ฐานกลั่นแกล้งผู้อื่นเสียบ้าง ได้ยินว่าเป็นลูกหลานคหบดี ทำตัวเป็นนักเลงโตมานาน”หวังเฟยพอรู้มาบ้างว่านางถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำตั้งแต่เล็ก เพราะเรื่องขาของนางเป็นจุดสนใจ มารดาของนางไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคม อยู่ ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมาหลังสกุลเยี่ยเปิดกิจการขายผ้า เด็กชายกลุ่มหนึ่งละแวกบ้านของนางเติบโตเป็นวัยรุ่น ตั้งใจมาเฝ้ารอนาง หากวันไหนนางเดินเท้ากลับบ้าน“ข้าไม่เป็นไร ข้าชินแล้ว ท่านอย่าได้ไปสนใจพวกเขาเลย คุยเรื่องอื่นดีกว่า
ท่านอาก้าวขึ้นรถม้า ยื่นมือช่วยเหลือนางผู้ยอมรับน้ำใจของเขา บอกให้บ่าวนำทางไปสกุลเยี่ย แก้มขาวนวลแดงระเรื่อ เมื่อเผลอสัมผัสฝ่ามือหนาหยาบของบุรุษผู้ทำงานหนักในโรงถลุงแร่“เรื่องอาหารวันพรุ่งนี้ เจ้าจะรับค่าจ้างเป็นเงิน... หรือเป็นน้ำใจจากข้า?”“ข้ารู้สึกเกรงใจท่านจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ข้าไม่อยากรับเงินจากท่าน ผู้คนจะว่าเอาได้ว่าข้าขี้งก รับเงินจากท่านยายไม่พอ ยังมารับจ้างส่งอาหารบ้านท่านอา”“แปลว่าเจ้ายินดีรับน้ำใจจากข้า”“อะไรหรือเจ้าคะ?” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคำถามอีกตามเคย ท่านอามิได้เมามายสุรา เขาหัวเราะเยาะนาง เปลี่ยนหัวข้อเจรจาเรื่องการมาพบเขาในคราวหน้า การเดินทางกลับบ้านของนาง ขอไม่ให้เกินตะวันตกดิน หากว่าเขาไม่ว่างไปส่งนาง ให้มีบ่าวรับใช้ของบ้านเขาตามไปกับนางด้วยทุกครั้ง--------------------------เจียลี่ไม่เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของท่านอาเขย หลายเดือนก่อนเขาสนใจไยดีนางเสียเมื่อไร ตอนนี้เขาเฝ้าตามติดนาง เอาใจนางราวกับว่าเป็นคนละคน นางพบท่านอาเขยเข้ามาพูดคุยกับท่านอาหญิงยามอู่ ท่านอาหญิงเพิ่งกลับมาจากแคว้นวุ่ย คุยโม้โอ้อวดเรื่องงานตบแต่งกับคุณชายผู้กำลังจะได้เป็นผู้ครองแคว้น
“ลูกสาวของเจ้าเสียสละมาดูแลไอ้ขี้เมาอย่างข้าทุกวัน ข้าย่อมดูแลนางเป็นการตอบแทน ยามนี้นางอยู่ในวัยออกเรือน ชายมากหน้าหลายตาหวังจะเข้าหานาง ข้าเองก็กลัวว่าจะไม่มีข้าวกิน มิได้ดื่มสุราชั้นเลิศจากนางนำมาปรนเปรอข้าอยู่เสมอ เรื่องปากท้องสำคัญเท่าฟ้า ”ข้ออ้างเรื่องปากท้องฟังดูไม่สมเหตุสมผล ด้วยความเป็นเจ้าโรงงานถลุงแร่ภายใต้การดูแลผูกขาดของราชสำนัก ทำการค้าขายกับต่างแคว้นมากมาย ส่งบรรณาการให้กับกษัตริย์ราชวงศ์โจว หวังเฟยนั้นร่ำรวยมากพอสรรหาอาหารดี ๆ สุราชั้นเลิศเขาก็ฝากให้บ่าวไปเป็นธุระได้ เขาอาจเลี้ยงข้าวประชาชนทั้งหมู่บ้านสักสิบมื้อก็ยังมีเงินเหลือกินเหลือใช้ ไม่จำเป็นต้องมารอรับประทังปากท้องจากบุตรสาวสกุลเยี่ยเจียลี่สงสัยว่าท่านอามีความคิดอย่างไรกันแน่ ถึงเป็นห่วงนางขึ้นมา กระทั่งเขานั่งรถม้าไปส่งนางถึงหน้าจวน แม่ทัพหยางออกมารับห่อผ้าด้วยตนเอง เขาถือโอกาสทักทายท่านแม่ทัพ ประสามิตรสหายผู้เคยร่วมวงสุรานารี ก่อนจะขอตัวลาไปพร้อมเด็กสาวส่งผ้าผู้กลายเป็นคนสำคัญรถม้าที่ออกเดินทางไปพร้อมบ่าว นำพาความรู้สึกประหลาดในอกของหญิงสาว นางเป็นผู้เฝ้ามองเขามาโดยตลอด แม้ในยามหลับใหล ขนตางามงอนเป็นแพยาว
ในสังคมล้วนถือยศถือศักดิ์ พี่น้องแก่งแย่งชิงดี โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบนางกล่าวว่านางเป็นบุตรสาวชาวนา หนุ่มผู้ดีมีสกุลรุนชาติคงไม่แลมองนางแม้หางตา ถึงมอง พวกเขาจะถูกห้ามปรามโดยผู้ใหญ่ ไม่ให้มาเฉียดใกล้นาง“ข้าพยายามแนะนำผู้ชายให้เจ้าไม่สนใจสักคน ปีนี้เจ้าควรออกเรือนได้แล้ว ข้าจะลองหาดูสักคนให้เจ้า”“ขอให้ข้าได้ใช้ช่วงเวลาของข้าเถิดท่านแม่ จะตายวันตายพรุ่งก็หาได้รู้ไม่ ข้าไม่รีบร้อน เอาไว้ข้าค่อยแต่งตอนอายุยี่สิบเก้าปี หรือสามสิบปีก็ได้”“อายุสามสิบปีรึ! ใครจะมาเอาเจ้าเป็นภรรยา ตาย ๆ เจียลี่” มารดาโวยวาย ด้วยความที่ไม่อยากให้บุตรสาวดำเนินรอยตามตน และก็ไม่อยากให้เป็นอย่างน้องสาว ป่านนี้ไม่แต่งงานเสียที ลี่จิ่นกลับมาจากแคว้นเว่ยแล้วเมื่อวานนี้ ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ในเมือง ร่ำสุราในโรงเตี๊ยม คุณชายสามตามมาพบที่ร้านเหล้า ไม่เห็นพูดเรื่องแต่งงานกับผู้ใหญ่“ได้ยินว่าท่านอาหวัง วันก่อนชักชวนเจ้าไปร่ำสุรา เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”“ไม่เมาเจ้าค่ะ ดื่มเหล้าไม่กี่จอก นั่งเล่นชมทิวทัศน์ ชักชวนข้าสนทนาซะมากกว่า”“อ้อ งั้นหรือ”จินเยว่แทบไม่เชื่อหูว่าน้องเขยน่ะหรือจะไม่เมา ยังมองเห็นแก้มแดง ๆ ของบุตรสาว เลื่
นัยน์ตาลุ่มลึกมากล้นด้วยเสน่ห์ หลุบลงมองร่างผอมบาง นางตัวเล็กกว่าเขามาก ใบหน้าก็จิ้มลิ้ม แก้มน่าหยิก นางยืนเต็มเท้ายังสูงเพียงระดับบ่าของเขา“ข้าเกิดความรู้สึกเอ็นดูเจ้า มิใช่เพียงเรื่องบุญคุณที่เจ้าเฝ้าเอาใจใส่ข้า”“เรื่องอะไรเจ้าคะ?”“เจ้าช่างน่ารักใคร่... แก้มแดง ๆ ของเจ้า กลิ่นกายเจ้า เรือนผมของเจ้า... เย้ายั่วใจชาย...” ใต้รอยยิ้มมีลับลมคมใน เจียลี่หาได้รู้ใจท่านอา หากเป็นตรงกันข้ามกับท่านอา ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านดวงตาคู่สวยใส เต็มไปด้วยความรักใคร่หลงใหล แม้นางจะปฏิเสธเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า“ท่านอาขี้เมาเจ้าค่ะ”“ขี้เมา... แล้วเจ้าไม่ชอบข้าหรือ?”“นานครั้งสังสรรค์กับมิตรสหายคงไม่เป็นไร ถ้าหากว่าไม่เมาบ่อย ๆ จะดีกว่า...” แล้วนางจึงเงียบไป นัยน์ตาหลงใหลเฝ้ามองใบหน้าคร้ามคม บัดนี้แลดูมีชีวิตชีวาเพราะนาง ชายผู้นี้กลับมาหล่อเหลา รูปลักษณ์ตรึงใจสตรี เหมือนเมื่อคราวที่นางเคยริษยาท่านอาหญิง...ดวงใจเจ็บปวดรวดร้าวเฝ้ามองสองหนุ่มสาวโอบกอดพลอดรักกัน พวกเขาเป็นคู่ครองผู้เหมาะสมชนชั้นวรรณะ รูปลักษณ์งดงามราวกิ่งทองใบหยกนางเคยชิงชังท่านอาหญิงเท่าไร หาได้มีผู้ใดล่วงรู้ความลับของนาง ผ
“ลูกสาวของเจ้าเสียสละมาดูแลไอ้ขี้เมาอย่างข้าทุกวัน ข้าย่อมดูแลนางเป็นการตอบแทน ยามนี้นางอยู่ในวัยออกเรือน ชายมากหน้าหลายตาหวังจะเข้าหานาง ข้าเองก็กลัวว่าจะไม่มีข้าวกิน มิได้ดื่มสุราชั้นเลิศจากนางนำมาปรนเปรอข้าอยู่เสมอ เรื่องปากท้องสำคัญเท่าฟ้า ”ข้ออ้างเรื่องปากท้องฟังดูไม่สมเหตุสมผล ด้วยความเป็นเจ้าโรงงานถลุงแร่ภายใต้การดูแลผูกขาดของราชสำนัก ทำการค้าขายกับต่างแคว้นมากมาย ส่งบรรณาการให้กับกษัตริย์ราชวงศ์โจว หวังเฟยนั้นร่ำรวยมากพอสรรหาอาหารดี ๆ สุราชั้นเลิศเขาก็ฝากให้บ่าวไปเป็นธุระได้ เขาอาจเลี้ยงข้าวประชาชนทั้งหมู่บ้านสักสิบมื้อก็ยังมีเงินเหลือกินเหลือใช้ ไม่จำเป็นต้องมารอรับประทังปากท้องจากบุตรสาวสกุลเยี่ยเจียลี่สงสัยว่าท่านอามีความคิดอย่างไรกันแน่ ถึงเป็นห่วงนางขึ้นมา กระทั่งเขานั่งรถม้าไปส่งนางถึงหน้าจวน แม่ทัพหยางออกมารับห่อผ้าด้วยตนเอง เขาถือโอกาสทักทายท่านแม่ทัพ ประสามิตรสหายผู้เคยร่วมวงสุรานารี ก่อนจะขอตัวลาไปพร้อมเด็กสาวส่งผ้าผู้กลายเป็นคนสำคัญรถม้าที่ออกเดินทางไปพร้อมบ่าว นำพาความรู้สึกประหลาดในอกของหญิงสาว นางเป็นผู้เฝ้ามองเขามาโดยตลอด แม้ในยามหลับใหล ขนตางามงอนเป็นแพยาว
ท่านอาก้าวขึ้นรถม้า ยื่นมือช่วยเหลือนางผู้ยอมรับน้ำใจของเขา บอกให้บ่าวนำทางไปสกุลเยี่ย แก้มขาวนวลแดงระเรื่อ เมื่อเผลอสัมผัสฝ่ามือหนาหยาบของบุรุษผู้ทำงานหนักในโรงถลุงแร่“เรื่องอาหารวันพรุ่งนี้ เจ้าจะรับค่าจ้างเป็นเงิน... หรือเป็นน้ำใจจากข้า?”“ข้ารู้สึกเกรงใจท่านจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ข้าไม่อยากรับเงินจากท่าน ผู้คนจะว่าเอาได้ว่าข้าขี้งก รับเงินจากท่านยายไม่พอ ยังมารับจ้างส่งอาหารบ้านท่านอา”“แปลว่าเจ้ายินดีรับน้ำใจจากข้า”“อะไรหรือเจ้าคะ?” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคำถามอีกตามเคย ท่านอามิได้เมามายสุรา เขาหัวเราะเยาะนาง เปลี่ยนหัวข้อเจรจาเรื่องการมาพบเขาในคราวหน้า การเดินทางกลับบ้านของนาง ขอไม่ให้เกินตะวันตกดิน หากว่าเขาไม่ว่างไปส่งนาง ให้มีบ่าวรับใช้ของบ้านเขาตามไปกับนางด้วยทุกครั้ง--------------------------เจียลี่ไม่เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของท่านอาเขย หลายเดือนก่อนเขาสนใจไยดีนางเสียเมื่อไร ตอนนี้เขาเฝ้าตามติดนาง เอาใจนางราวกับว่าเป็นคนละคน นางพบท่านอาเขยเข้ามาพูดคุยกับท่านอาหญิงยามอู่ ท่านอาหญิงเพิ่งกลับมาจากแคว้นวุ่ย คุยโม้โอ้อวดเรื่องงานตบแต่งกับคุณชายผู้กำลังจะได้เป็นผู้ครองแคว้น
“เจ้าไปแจ้งสกุลเยี่ยด้วยว่าไม่ต้องนำผ้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่ใช่หญิงงามที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน วันละหลาย ๆ ชุด ให้ทันยุคสมัยตามใครเขาสวมใส่อะไร หากข้าอยากได้ผ้าเมื่อไร ข้าจะไปซื้อที่หน้าร้านด้วยตัวข้าเอง”“ข้าจะรีบกลับไปบอกผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”“ไม่ต้องรีบไป เจ้ากินให้อิ่มก่อน” หวังเฟยกำชับนาง ด้วยเห็นว่านางเป็นสตรีกินข้าวเชื่องช้า นั่นก็เป็นเรื่องดีของเขาอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเขาจะได้พบนางวันละหนึ่งมื้อเป็นเวลานาน เฝ้ามองนางคีบอาหารเข้าปากทีละคำ“วันนี้ข้าไม่ได้กลิ่นขี้วัว?”“ข้าเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่เจอพวกเด็ก ๆ แกล้งข้า...”“เด็กพวกนั้นถูกตามใจจนเคยตัว ควรได้รับโทษทัณฑ์ ฐานกลั่นแกล้งผู้อื่นเสียบ้าง ได้ยินว่าเป็นลูกหลานคหบดี ทำตัวเป็นนักเลงโตมานาน”หวังเฟยพอรู้มาบ้างว่านางถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำตั้งแต่เล็ก เพราะเรื่องขาของนางเป็นจุดสนใจ มารดาของนางไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคม อยู่ ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมาหลังสกุลเยี่ยเปิดกิจการขายผ้า เด็กชายกลุ่มหนึ่งละแวกบ้านของนางเติบโตเป็นวัยรุ่น ตั้งใจมาเฝ้ารอนาง หากวันไหนนางเดินเท้ากลับบ้าน“ข้าไม่เป็นไร ข้าชินแล้ว ท่านอย่าได้ไปสนใจพวกเขาเลย คุยเรื่องอื่นดีกว่า
นางตั้งคำถามในใจ จนมาถึงด้านหน้าเรือน พบชายในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนอนแผ่หราบนพื้นหญ้า ไหสีน้ำตาลอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าไหใบเล็กกลมได้กลายเป็นสตรีผู้เป็นที่รักยิ่ง นางตกใจลนลาน เข้าไปแบกเขาขึ้นบันไดไม้อย่างทุลักทุเล ถึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก เมื่อท่านอาตัวไม่หนักเท่าไร นางเคยพบชายร่างสูงกำยำกว่านี้ในโรงงานถลุงแร่บ่าวรับใช้ทั้งสองก็เข้ามาช่วยเหลือนาง อีกสองกำลังวิ่งวุ่นในเรือน หวังเฟยคงร่ำสุรามากไป เขาลุกขึ้นโวยวายหน้าแดงก่ำ ไล่ตะเพิดบ่าวให้ออกไปให้หมด ให้เหลือแค่เจียลี่ นางรีบนำชามาวางไว้บนโต๊ะข้างฟูกนอนเขา“โธ่... ท่านอา ท่านเมาเละเทะแล้ว”“อะไรกับข้านักเล่า... เจียลี่!”“ท่านโวยวาย เรียกข้า?” ปลายนิ้วชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ เจียลี่จำได้ว่าท่านอาเมามายเมื่อไรมักเรียกหาแต่ท่านอาหญิง ลี่จิ่น เจ้าไปไหน เจ้ากล้าทิ้งข้าเรอะ! นังแพศยา หญิงโฉดชั่ว โป้ปดลวงโลก อะไรสักอย่างนางก็ฟังไม่ถนัดหูนัก ลึก ๆ นางคงดีใจที่เขาเรียกหานาง ไม่ด่าทอนางเป็นหลานสาวนังแพศยา ไล่ตะเพิดนางไปพร้อมกับบ่าวชุดใหม่ทั้งสามคน“แปลว่าท่านยังไม่เมา ท่านเอาเหล้าอีกไหม? ข้าจะไปเอามาให้ท่านดื่ม”“เจ้า... กล้าประชดข้าห
“ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป”“ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก“เอาเถอะ เจ้าคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า”เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามารมณ์ด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน”“อย่างไรถึงจะเหมาะ?”“อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอาแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ”“เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว”กว่าเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเ
ท่านอามิได้เมามาย เฝ้ามองนางวางจอกสุราลงบนโต๊ะ นางออกไปเรียกบ่าวรับใช้คนใหม่ให้เข้ามาจัดวางสำรับอาหารเย็น ให้พวกเขาดูแลเสื้อผ้า เรือนหลังนี้ให้สะอาดเอี่ยม นางผลักประตูที่เปิดอ้ากว้างกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง“ข้าไปตักน้ำอาบไว้ให้ท่าน บ่าวทั้งสองคน ข้าขออนุญาตสอนงานพวกเขา...”“ตามใจเจ้า ข้าจะไปห้ามอะไรได้ เจ้าอยากมาเจ้าก็โผล่มาทุกวัน ให้ข้ารำคาญใจ”“หมดหน้าที่ของข้าเมื่อไร ข้าคงไม่มารบกวนใจท่าน เพียงแต่ข้าอาจถือโอกาสส่งอาหารมานาน ๆ ครั้งหากว่าท่านอยากกินฝีมือข้า จะไม่ให้ผู้ใดนำมา” นางเห็นบ่าวรับใช้วางอาหารไว้ให้ท่านอาเรียบร้อยดี จึงนั่งลงบนพื้นเยียบเย็น ท่านอาขมวดคิ้วมุ่นมองนางว่านางจะทำอะไร กระทั่งเห็นนางสะบัดแขนเสื้อขึ้นหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้ จิ้มลงไปทุกอัน ตัดอาหารชิ้นเล็กเพื่อชิมมันก่อน ปฏิบัติต่ออาหารราวกับว่าท่านอาเป็นกษัตริย์ นางหันไปบอกท่านอาที่กอดไหสุรา นั่งนิ่งอึ้งมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตน“เผื่อมีผู้ลอบวางยาพิษท่านอา เจียลี่ยินดีสละชีวิต เพื่อทดแทนบุญคุณท่าน”--------------------------หลังจากคืนนั้นหวังเฟยมิได้ร่ำสุราลดน้อยลง ราวกับว่าการเมามายได้กลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแ
เจียลี่ไม่ได้โกหกแม้สักคำเดียว องุ่นสดและผลไม้อีกหลายชนิดจะต้องซื้อจากตลาดแต่รุ่งเช้า ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ลี่จิ่นไม่ใช่คนขยัน ไม่ตื่นแต่เช้า บางค่ำคืนก็เมาสุรา อุดอู้บนฟูกนอนจนสายโด่งหวังเฟยรู้มานานแล้วว่าหลานสาวคนเล็กสกุลเยี่ย เป็นแรงงานสำคัญ เจียลี่ทำงานตัวเป็นเกลียวราวกับผู้ยากไร้ไม่เคยพบเห็นเงินมาก่อนในชีวิตของนาง จึงได้รับค่าจ้างมากที่สุด สุรากลั่นชั้นดีในมือของเขานี้ยังไม่พบในแคว้นฉิน เพียงเปิดขวดก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วถึง เขาทั้งดื่มดมมันอย่างสำราญใจ นึกถึงบรรดามิตรสหายจะต้องชอบพอสุราขวดนี้อย่างแน่นอน“เหล้าซีเฟิ้งเป็นสุราที่ดีที่สุด สุราเลื่องชื่อชนิดนี้ หาใช่ว่าจะมีโอกาสดื่มกินมันง่าย ๆ เป็นสุราสำหรับชนชั้นสูง คนร่ำรวยนำมันมาจากแคว้นจ้าว การเดินทางด้วยรถม้าใช้ระยะเวลาร่วมเดือน มันมีราคาสูงมากในตลาด”นางไปได้มาอย่างไร เป็นคำถามของเขาเสียมากกว่านางเอาอกเอาใจเขาด้วยเหตุใด หวังเฟยหันไปปรึกษาบ่าวที่เข้ามาส่งสุราขวดใหม่ สภาพห้องของเขาแลดูเรียบร้อยดี ผิดจากก่อนหน้าที่นางจะมาดูแลเขา“แม่นางเป็นผู้มีหน้าตามีตลาด ใครต่างก็รู้จักนาง ข้าคิดว่าคงไม่ยากสำหรับนางขอรับนายท่าน”“อืม ข้าก็ว่าเ