เจียลี่นั่งหมอบอยู่บนพื้นหญ้า คารวะท่านปู่ท่านย่าเป็นใหญ่โตราวคำนับฮ่องเต้ นางก้มหน้าผากแนบพื้น สองมีแปะผืนหญ้าจนผู้ใหญ่ขอให้นางลุก โดยเฉพาะท่านย่า ได้ใจอ่อนกับหลานสาวไปเสียทุกที ถึงเจียลี่อาจไม่เป็นที่รักที่สุด พวกเขารู้แก่ใจดีว่าหากนางจะไม่ต้องออกเรือน ให้นางทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด นางไม่ยินดีตบแต่งกับหนุ่มผู้ดีคนไหนในเมือง ขอแค่นางได้ทำงานเก็บเงินเที่ยวเตร็ดเตร่ไปวัน ๆ
บ่าวรับใช้บ้านท่านอาหวังเรียกขานนางว่า ‘นายหญิง’ หากเมื่อพบลี่จิ่นกลับเรียกแม่นางสกุลเยี่ยอย่างให้ความเคารพ เฉกเช่นผู้สูงศักดิ์ทั่วไป
ถึงพวกเขาจะเคารพนอบน้อมเท่าไร ก็ยังไม่เท่ากับที่พวกเขาเคารพนายหญิงเจียลี่
น่าประหลาดใจนัก น้องสาวของนางได้พบบ่าวรับใช้บ้าน ก็ว่าแปลก
กระนั้นเจียลี่ยังไม่เข้าใจบ่าวรับใช้ หลายครั้งหลายคราพวกเขาไม่ยอมบอกว่าตนคิดสิ่งใด นางเคยได้ยินว่าหากเป็นในวังหลวง อาจถึงขั้นต้องจับพวกเขาไปทรมานทีเดียว บ่าวถึงจะยอมแพร่งพรายความลับของเจ้านาย แต่จะว่าไปแล้ว บ่าวผู้รักศักดิ์ศรีไม่ยอมพูดก็มี พวกเขายินยอมการถูกทรมานจนตายไปกับความลับของเจ้านาย กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย กัดลิ้นตายเองก็มี
“ข้าจะไปร้านขายผ้า พวกเจ้าอย่าลืมรับอาหารไปด้วย”
“เจ้าค่ะ”
บ่าวหญิงยกตะกร้าไม้ตามนางมา นางถือไว้หนึ่งตะกร้า หันบอกให้บ่าวชายบ้านท่านอาให้กลับไปทำงาน พวกเขามองหน้ากันเหมือนมีเรื่องขัดข้องใจ ท่านหวังเฟยกำชับไว้ว่าให้ดูแลนางไม่ให้คลาดสายตา กระทั่งนางคะยั้นคะยอว่าไปเถิด อีกสักเค่อหนึ่งพอนางจัดการเรื่องผ้าเสร็จค่อยกลับมาหานางก็ได้ นางจะเตรียมอาหารและสุราเตรียมไว้ให้ท่านอา พวกเขาจึงยอมไป รับอาหารซึ่งนางคะยั้นคะยอให้พวกเขาไปด้วย ไม่ต้องกลัวท่านหวังเฟยจะว่าพวกเขาเรื่องอาหาร คืนก่อนนี้เขาเพียงหัวเสียเพราะว่าหึงหวงนาง
“นายหญิงจะไปอยู่กับท่านหวังแล้วหรือเจ้าคะ? แล้วพวกข้าล่ะ...”
“ท่านจะไม่ทอดทิ้งอิ๋งอิ๋งใช่ไหม หากท่านได้ดิบได้ดี พวกข้าอาจต้องไปรับใช้นายหญิงบ้านผู้อื่น”
บ่าวทั้งสองประจบสอพลอเป็นเรื่องธรรมดา ใครเล่าจะไม่ปรารถนาความสุขสบาย เจียลี่มีความคิดว่าบ่าวสองคนนี้ไม่เคยสร้างปัญหา คอยให้ความช่วยเหลือ เรื่องที่ไม่ควรพูดก็ปิดปากเงียบไม่บอกใคร ในอนาคตของนางหากได้อยู่กับสามีผู้มีอำนาจ อาจพาบ่าวรับใช้ทั้งสองไปด้วย
“ลี่จู อิ๋งอิ๋ง ข้ารับปากว่าถ้าข้าออกเรือนไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปด้วย ตราบใดที่พวกเจ้าอยู่ข้างเดียวกับข้า”
“พวกข้าต้องอยู่ข้างท่านเจียลี่อยู่แล้ว ท่านแสนดีกับทุกคน ทำอาหารก็อร่อย”
อิ๋งอิ๋งส่งเสียงหัวเราะ ขณะพูดคุยกันประสาหญิงสาว แม้สองบ่าวรับใช้อาจไม่เข้าใจนายหญิงผู้เติบโตกว่าด้วยวุฒิวัย ไม่รู้ว่าเมื่อเร็ว ๆ มานี้ได้พบประสบการณ์อะไรมาหรือเปล่า แก้มสองข้างแดงปลั่ง แลดูมีอารมณ์ขัน มีชีวิตชีวา
ทั้งสามถือตะกร้าไม้เดินไปเกือบจะถึงตลาด โดยมิได้ล่วงรู้ว่าฝีเท้าหลายคู่เฝ้าติดตามพวกนางมาได้สักระยะ พวกเขาเฝ้ารอจังหวะ มาขวางหน้านางเอาไว้
ใบหน้าผิวพรรณของบุตรชายผู้ดีมีสกุล อายุราวสิบสามปีก็ตัวสูงเท่า ๆ กับนาง
เจียลี่มองซ้ายขวาโบกมือไล่บ่าวทั้งสองไปในทันที นางไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะนาง หน้าตาตื่นตระหนกมองเด็กชายที่พามิตรสหายมาด้วยถึงเจ็ดคน นางคาดว่าเขาคงหาทางกลั่นแกล้งนางอีกแน่
“นังเป๋เป็นเกวียนขนขี้วัวได้ นางอาจเป็นวัวตัวเมียได้ ข้าว่า... น่าจะได้”
--------------------------
เจียลี่ไม่วิ่งไปทางเดียวกับบ่าวรับใช้ ข้างหลังนางก็ฉุกใจนึกได้ว่าไม่ควรไป อาจมีกับดักสัตว์ที่เด็กพวกนี้ขุดไว้ระหว่างนางกำลังเดินพูดคุยกับบ่าวรับใช้สตรี นางคงไม่หลงกลวิธีกลั่นแกล้งเดิม ๆ มือขว้างตะกร้าไม้ใส่อาหารใส่กลุ่มเด็กชาย ซึ่งเอี้ยวหลบอาหารที่กระเด็นใส่พวกเขาจนเลอะเทอะ นางกระแทกบ่าเด็กตัวโต วิ่งฝ่ากลาง ต่างคนก็แยกย้ายไปคนละทิศทาง
ข้อเท้าซ้ายของนางผิดรูปแม้เพียงเล็กน้อย ไม่มีใครเห็นว่านางมีปัญหาเรื่องการเดินหากว่านางไม่วิ่ง นางใช้กำลังทั้งหมดขยับฝีเท้าหนีเข้าป่า นางวิ่งตัวเอียงไปข้าง
รายล้อมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ต้นไม้สูงตระหง่านเต็มผืนป่าเล็ก ๆ ง่ายแก่การหลบซ่อนตัว นางพิงแผ่นหลังไว้กับต้นไม้ ถอนหายใจอย่างโลกอก เมื่อเด็กพวกนั้นคงไม่เห็นนาง ใบหน้าหวั่นวิตกก้มลงมองเสื้อผ้าสีสันสดใสขาดวิ่น รองเท้าถักสานสีขาวกลายเป็นสีดำสกปรก เปรอะเปื้อนดินทราย
เจียลี่ค่อย ๆ ขยับฝีเท้าตัดไปในอีกทางหนึ่งก่อนเข้าทางถนนซึ่งเชื่อมติดกับตลาด เป็นที่ทางเดินของเกวียนและรถม้า เผื่อว่าฝูงชนจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง
ใจหนึ่งนางหวาดกลัว อีกใจหนึ่งนางรับรู้ว่าตนมิใช่เจียลี่คนเดิม นางจะไม่ยอมถูกรังแก ด้วยแววตามาดมั่น นางตั้งใจว่าจะกลับไปแต่งตัวทำอาหารสำรับใหม่ เพื่อไปพบท่านอา ไม่ปล่อยให้ตนเหม็นกลิ่นขี้วัวอย่างคราวก่อนนั้นแน่
หมับ!
ข้อเท้าเล็กถูกจับคว้าไว้จากข้างหลัง นางล้มหน้าคะมำ ส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ พยายามดิ้นรนจากมืออวบของเด็กชายแม้ขาวสะอาดอย่างผู้ดี กลับน่าขยะแขยงเกินกว่านางจะอดทนได้เหมือนเมื่อก่อน ร่างสูงอีกสามวิ่งตามมาสมทบเมื่อได้ยินเสียงของนาง ฟาดมือเตะขา หากยิ่งสู้ก็ยิ่งเจ็บ เด็กพวกนี้เอาใหญ่ คนหนึ่งตบหน้านาง จิกทึ้งผมนางจนหลุดติดมือ นางเข้าไปฟัดกับร่างอวบอ้วนที่มีเรี่ยวแรงราวชายฉกรรจ์ ร่างผอมบางอีกสามคนเข้ามาผลัดกันจับเอวนาง บีบก้นบีบนมนางเล่น ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยหยันนาง ผู้ที่ชอบกลั่นแกล้งนางที่สุดเป็นบุตรชายคนใหญ่โตเหลียงฟางซิน ตระกูลเหลียงไม่สนว่าบุตรชายของเขาจะรังแกผู้อื่น ทำตัวเป็นหัวหน้าอันธพาล
“อยู่เล่นกับพวกข้าก่อน วันนี้ข้าไม่ได้เอาขี้วัวมาทาเจ้า ข้ารับปากว่าจะไม่ฝังหญิงพิการขาเสียไว้ในกับดักสัตว์ ให้เจ้าเน่าตายในหลุม ข้ามีของเล่นที่น่าสนใจกว่า...”“เป็นผู้ดีมีสกุลแท้ ๆ ไยพวกเจ้าไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีได้” นางต่อว่าด้วยท่าทีก้าวร้าว พวกเขากลับหัวเราะเป็นเรื่องสนุก เด็กชายวัยสิบสามนับว่าตัวโตมากพอมีความคิดสรรหาวิธีรังแกนาง แถมมากันถึงแปดคน ล้อมรอบนางไม่ให้นางหนี เหลียงฟางซินได้เหล็กปลายแหลมมาหนึ่งอัน หยิบออกมาจากชายเสื้อที่ซุกซ่อนไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เจียลี่... วันนี้ข้าได้ลักลอบดูตำราเพศสตรี เพียงไม่เคยพบเห็นของจริง หอนางโลมข้าก็ยังเข้าไม่ได้ ท่านพ่อไม่ให้ข้าไปแน่ เจ้าคงไม่ใช่สตรีเหนียมอายใช่ไหม? ข้าล่ะนึกอยากรู้ว่าหญิงพิการจะมีรูเล็ก ๆ นั่นหรือไม่”สิ้นเสียงหัวเราะร่าเริง เด็กชายสองคนพลันล้มไปต่อหน้าต่อตา ชายเสื้อสีขาวสะอาดของผู้ดีร่างอวบถูกลากไปกับพื้นดิน แท่งเหล็กแหลมกระเด็นจากมือของเหลียงฟางซินไปอยู่ใต้เกือกอาชาสีน้ำตาล ตัวเขาก็ถูกลากไปกับเกือกม้านั้นด้วยชายร่างกำยำควบม้าถีบหน้าพวกเขาไม่สนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เด็กชายอันธพาลร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เม
“ท่านว่าบ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านอาพอจะบอกสตรีอย่างข้าได้หรือไม่ เผื่อว่าข้าอาจหาทางเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน”“บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ แตกแยกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย ราชวงศ์ไม่สามารถปกครองบ้านเมือง ราชสำนักก็อ่อนแอ ผู้ครองแคว้นไร้ซึ่งคุณธรรม ข้าควรได้อยู่กับเจ้า เป็นตายร้ายดี ขอให้ได้ฝังศพข้างเคียงกัน”“ข้าก็อยากอยู่กับท่านอาเจ้าค่ะ แม้ข้าจะเป็นหญิงต่ำต้อย ขาพิการ...”“เจ้ามีความคิดเช่นนั้นก็คงไม่แปลก พวกชั่วช้าคอยกรอกหูเจ้า รังแกเจ้าแต่เล็กจนโต ข้าเองก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้ามากนัก หากว่าข้าไม่ผ่านมาพบเจ้า”ต่อจากไปนี้จะไม่มี...หวังเฟยไม่ได้กล่าวคำนั้นกับนาง เพียงตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะเฝ้าติดตามหญิงสาวข้อเท้าไม่ดีผู้นี้ไปเรื่อย ๆ ที่ใดมีเขา ก็มีนาง จนกว่าชีวิตจะหาไม่--------------------------หญิงร่างผอมบางเนื้อตัวมอมแมม นั่งโงนเงนบนหลังอานม้า นางบ่นพึมพำว่านางรอดตายแล้ว นางรู้สึกเหมือนกำลังนอนเล่นในเปลแกว่งไกวไปมาใต้ลมเยียบเย็นที่ลูบแก้มนางอย่างอ่อนโยน ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป หวังเฟยเฝ้ามองนางงีบหลับในอ้อมแขน น่าเอ็นดูนัก เขาลักลอบจูบแก้มนาง ขมับนาง บังคับม
ดวงตาแดงก่ำหรี่มองแสงสลัวจากตะเกียงไฟดวงเล็ก ชายร่างผอมในอาภรณ์สง่างาม เดินโซเซไปคว้าไหสีน้ำตาลบนโต๊ะไม้ข้างตั่งนอน ยกขึ้นดื่มต่างน้ำในห้องนอนโล่งกว้างสมฐานะผู้สูงศักดิ์ กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว ใบหน้าหล่อเหลาส่ายมองโดยรอบ ภายใต้ทัศนียภาพที่พร่าเลือนลง เขาเลิกคิ้วเข้มหน้าที่เรียบขนานไปกับดวงตาคมกริบขึ้น‘แปลกนัก... นางไม่ใช่ผู้ขลาดกลัวอะไรง่ายดาย แต่จะว่ากล้าหาญ ก็ไม่เชิงว่าใช่’ค่ำคืนก่อนมีสตรีเนื้อตัวมอมแมม มาเหยียบเยือนเรือนงูเห่า เฝ้าดูแลเขาแทนบ่าวรับใช้ที่ถูกไล่ตะเพิดไปเสียหมด นางพูดวนเวียนอยู่แต่เรื่องบุญคุณ‘หวังเฟย’ คาดว่านางไม่กล้าเสนอหน้ามารบกวนจิตใจเขาอีกเป็นแน่ หลังจากที่เขารังแกนางเพราะความเมา กลับคาดการณ์ผิดพลาดไป เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าบนพื้นไม้ การเยื้องย่างด้วยความดังไม่เท่ากันของนางไม่เหมือนผู้ใด“ท่านอา กลับมาแล้วหรือ?” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วดังมาแต่ไกล ร่างบอบบางในเสื้อผ้าชำรุดมีรอยปะชุน ของเหลือใช้จากท่านอาหญิง นางมาเย็บปักมันเสียใหม่ให้ดูสวยงามเข้ากับใบหน้าอ่อนหวาน ปิ่นประดับมุกบนเกล้าผมดำขลับแลดูมีราคาอย่างสตรีสามัญชนในแคว้นเล็ก ๆ หากก็เป็นแคว้นที่เฟื่องฟู ‘เจียลี่’
นัยน์ตาก้าวร้าวสยบนางให้ปิดปากนิ่งเงียบ ก้มหน้าคุดคู้ไม่กล้าโต้แย้ง เจียลี่จำได้ว่าวันก่อนเขารังแกนาง เขาเมาสุรา ขัดขานางจนล้มหน้าคะมำจับกบอยู่หน้าเรือน ข้อเท้าของนางปวดระบม เดินกะเผลกเป็นหญิงพิการ ท่านอาไล่ตะเพิดนางเป็นไล่สุนัข นางตกใจกลัวจนตัวสั่น ทว่ากลับใจสู้ขึ้นมาจึงไม่คิดหนีไปไหนไกล นางกลับมาทำหน้าที่ของนาง หลังจากการเดินทางไปช่วยเหลือครอบครัวขายผ้าที่ตลาด นางระลึกถึงบุญคุณของเขา หากเขาไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางเอาไว้ นางคงได้เป็นผีเฝ้าป่าไปนานแล้ว“เจ้ามารับใช้อดีตท่านอาเขยอย่างข้าได้หลายวัน ก็น่าจะรู้ พักนี้ข้าอารมณ์แปรปรวน ถ้าเจ้าไม่อยากมา ไม่จำเป็นต้องมา”“ข้ามาได้ ข้ายินดีรับใช้ท่านอา”“แล้วเจ้าจะปรนนิบัติข้าไปถึงเมื่อไร? บุญคุณที่เจ้าว่าจึงจะทดแทนจนหมดสิ้น”“เมื่อเห็นว่าท่านอาสบายใจ ไม่ร่ำสุราด้วยความทุกข์ ท่านได้บ่าวรับใช้ที่ดี ดูแลท่านได้ไม่บกพร่อง ข้าค่อยบอกลาท่าน ระหว่างนี้ข้าจะมา...”เจียลี่ยืนกรานว่านางจะมาอย่างแน่นอน ด้วยรอยยิ้มที่น่ารันทดอดสู ‘คนขี้เมา’ ไม่กล้าเอ่ยไล่นางอีก เขาออกคำสั่งให้นางนอนบนฟูกในอีกห้องหนึ่ง ตะวันขึ้นเมื่อไรค่อยเดินทางไป ขืนนางเดินลุยป่ากลับ
เจียลี่ไม่ได้โกหกแม้สักคำเดียว องุ่นสดและผลไม้อีกหลายชนิดจะต้องซื้อจากตลาดแต่รุ่งเช้า ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ลี่จิ่นไม่ใช่คนขยัน ไม่ตื่นแต่เช้า บางค่ำคืนก็เมาสุรา อุดอู้บนฟูกนอนจนสายโด่งหวังเฟยรู้มานานแล้วว่าหลานสาวคนเล็กสกุลเยี่ย เป็นแรงงานสำคัญ เจียลี่ทำงานตัวเป็นเกลียวราวกับผู้ยากไร้ไม่เคยพบเห็นเงินมาก่อนในชีวิตของนาง จึงได้รับค่าจ้างมากที่สุด สุรากลั่นชั้นดีในมือของเขานี้ยังไม่พบในแคว้นฉิน เพียงเปิดขวดก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วถึง เขาทั้งดื่มดมมันอย่างสำราญใจ นึกถึงบรรดามิตรสหายจะต้องชอบพอสุราขวดนี้อย่างแน่นอน“เหล้าซีเฟิ้งเป็นสุราที่ดีที่สุด สุราเลื่องชื่อชนิดนี้ หาใช่ว่าจะมีโอกาสดื่มกินมันง่าย ๆ เป็นสุราสำหรับชนชั้นสูง คนร่ำรวยนำมันมาจากแคว้นจ้าว การเดินทางด้วยรถม้าใช้ระยะเวลาร่วมเดือน มันมีราคาสูงมากในตลาด”นางไปได้มาอย่างไร เป็นคำถามของเขาเสียมากกว่านางเอาอกเอาใจเขาด้วยเหตุใด หวังเฟยหันไปปรึกษาบ่าวที่เข้ามาส่งสุราขวดใหม่ สภาพห้องของเขาแลดูเรียบร้อยดี ผิดจากก่อนหน้าที่นางจะมาดูแลเขา“แม่นางเป็นผู้มีหน้าตามีตลาด ใครต่างก็รู้จักนาง ข้าคิดว่าคงไม่ยากสำหรับนางขอรับนายท่าน”“อืม ข้าก็ว่าเ
ท่านอามิได้เมามาย เฝ้ามองนางวางจอกสุราลงบนโต๊ะ นางออกไปเรียกบ่าวรับใช้คนใหม่ให้เข้ามาจัดวางสำรับอาหารเย็น ให้พวกเขาดูแลเสื้อผ้า เรือนหลังนี้ให้สะอาดเอี่ยม นางผลักประตูที่เปิดอ้ากว้างกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง“ข้าไปตักน้ำอาบไว้ให้ท่าน บ่าวทั้งสองคน ข้าขออนุญาตสอนงานพวกเขา...”“ตามใจเจ้า ข้าจะไปห้ามอะไรได้ เจ้าอยากมาเจ้าก็โผล่มาทุกวัน ให้ข้ารำคาญใจ”“หมดหน้าที่ของข้าเมื่อไร ข้าคงไม่มารบกวนใจท่าน เพียงแต่ข้าอาจถือโอกาสส่งอาหารมานาน ๆ ครั้งหากว่าท่านอยากกินฝีมือข้า จะไม่ให้ผู้ใดนำมา” นางเห็นบ่าวรับใช้วางอาหารไว้ให้ท่านอาเรียบร้อยดี จึงนั่งลงบนพื้นเยียบเย็น ท่านอาขมวดคิ้วมุ่นมองนางว่านางจะทำอะไร กระทั่งเห็นนางสะบัดแขนเสื้อขึ้นหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้ จิ้มลงไปทุกอัน ตัดอาหารชิ้นเล็กเพื่อชิมมันก่อน ปฏิบัติต่ออาหารราวกับว่าท่านอาเป็นกษัตริย์ นางหันไปบอกท่านอาที่กอดไหสุรา นั่งนิ่งอึ้งมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตน“เผื่อมีผู้ลอบวางยาพิษท่านอา เจียลี่ยินดีสละชีวิต เพื่อทดแทนบุญคุณท่าน”--------------------------หลังจากคืนนั้นหวังเฟยมิได้ร่ำสุราลดน้อยลง ราวกับว่าการเมามายได้กลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแ
“ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป”“ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก“เอาเถอะ เจ้าคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า”เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามารมณ์ด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน”“อย่างไรถึงจะเหมาะ?”“อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอาแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ”“เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว”กว่าเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเ
นางตั้งคำถามในใจ จนมาถึงด้านหน้าเรือน พบชายในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนอนแผ่หราบนพื้นหญ้า ไหสีน้ำตาลอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าไหใบเล็กกลมได้กลายเป็นสตรีผู้เป็นที่รักยิ่ง นางตกใจลนลาน เข้าไปแบกเขาขึ้นบันไดไม้อย่างทุลักทุเล ถึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก เมื่อท่านอาตัวไม่หนักเท่าไร นางเคยพบชายร่างสูงกำยำกว่านี้ในโรงงานถลุงแร่บ่าวรับใช้ทั้งสองก็เข้ามาช่วยเหลือนาง อีกสองกำลังวิ่งวุ่นในเรือน หวังเฟยคงร่ำสุรามากไป เขาลุกขึ้นโวยวายหน้าแดงก่ำ ไล่ตะเพิดบ่าวให้ออกไปให้หมด ให้เหลือแค่เจียลี่ นางรีบนำชามาวางไว้บนโต๊ะข้างฟูกนอนเขา“โธ่... ท่านอา ท่านเมาเละเทะแล้ว”“อะไรกับข้านักเล่า... เจียลี่!”“ท่านโวยวาย เรียกข้า?” ปลายนิ้วชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ เจียลี่จำได้ว่าท่านอาเมามายเมื่อไรมักเรียกหาแต่ท่านอาหญิง ลี่จิ่น เจ้าไปไหน เจ้ากล้าทิ้งข้าเรอะ! นังแพศยา หญิงโฉดชั่ว โป้ปดลวงโลก อะไรสักอย่างนางก็ฟังไม่ถนัดหูนัก ลึก ๆ นางคงดีใจที่เขาเรียกหานาง ไม่ด่าทอนางเป็นหลานสาวนังแพศยา ไล่ตะเพิดนางไปพร้อมกับบ่าวชุดใหม่ทั้งสามคน“แปลว่าท่านยังไม่เมา ท่านเอาเหล้าอีกไหม? ข้าจะไปเอามาให้ท่านดื่ม”“เจ้า... กล้าประชดข้าห
“ท่านว่าบ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านอาพอจะบอกสตรีอย่างข้าได้หรือไม่ เผื่อว่าข้าอาจหาทางเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน”“บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ แตกแยกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย ราชวงศ์ไม่สามารถปกครองบ้านเมือง ราชสำนักก็อ่อนแอ ผู้ครองแคว้นไร้ซึ่งคุณธรรม ข้าควรได้อยู่กับเจ้า เป็นตายร้ายดี ขอให้ได้ฝังศพข้างเคียงกัน”“ข้าก็อยากอยู่กับท่านอาเจ้าค่ะ แม้ข้าจะเป็นหญิงต่ำต้อย ขาพิการ...”“เจ้ามีความคิดเช่นนั้นก็คงไม่แปลก พวกชั่วช้าคอยกรอกหูเจ้า รังแกเจ้าแต่เล็กจนโต ข้าเองก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้ามากนัก หากว่าข้าไม่ผ่านมาพบเจ้า”ต่อจากไปนี้จะไม่มี...หวังเฟยไม่ได้กล่าวคำนั้นกับนาง เพียงตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะเฝ้าติดตามหญิงสาวข้อเท้าไม่ดีผู้นี้ไปเรื่อย ๆ ที่ใดมีเขา ก็มีนาง จนกว่าชีวิตจะหาไม่--------------------------หญิงร่างผอมบางเนื้อตัวมอมแมม นั่งโงนเงนบนหลังอานม้า นางบ่นพึมพำว่านางรอดตายแล้ว นางรู้สึกเหมือนกำลังนอนเล่นในเปลแกว่งไกวไปมาใต้ลมเยียบเย็นที่ลูบแก้มนางอย่างอ่อนโยน ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป หวังเฟยเฝ้ามองนางงีบหลับในอ้อมแขน น่าเอ็นดูนัก เขาลักลอบจูบแก้มนาง ขมับนาง บังคับม
“อยู่เล่นกับพวกข้าก่อน วันนี้ข้าไม่ได้เอาขี้วัวมาทาเจ้า ข้ารับปากว่าจะไม่ฝังหญิงพิการขาเสียไว้ในกับดักสัตว์ ให้เจ้าเน่าตายในหลุม ข้ามีของเล่นที่น่าสนใจกว่า...”“เป็นผู้ดีมีสกุลแท้ ๆ ไยพวกเจ้าไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีได้” นางต่อว่าด้วยท่าทีก้าวร้าว พวกเขากลับหัวเราะเป็นเรื่องสนุก เด็กชายวัยสิบสามนับว่าตัวโตมากพอมีความคิดสรรหาวิธีรังแกนาง แถมมากันถึงแปดคน ล้อมรอบนางไม่ให้นางหนี เหลียงฟางซินได้เหล็กปลายแหลมมาหนึ่งอัน หยิบออกมาจากชายเสื้อที่ซุกซ่อนไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เจียลี่... วันนี้ข้าได้ลักลอบดูตำราเพศสตรี เพียงไม่เคยพบเห็นของจริง หอนางโลมข้าก็ยังเข้าไม่ได้ ท่านพ่อไม่ให้ข้าไปแน่ เจ้าคงไม่ใช่สตรีเหนียมอายใช่ไหม? ข้าล่ะนึกอยากรู้ว่าหญิงพิการจะมีรูเล็ก ๆ นั่นหรือไม่”สิ้นเสียงหัวเราะร่าเริง เด็กชายสองคนพลันล้มไปต่อหน้าต่อตา ชายเสื้อสีขาวสะอาดของผู้ดีร่างอวบถูกลากไปกับพื้นดิน แท่งเหล็กแหลมกระเด็นจากมือของเหลียงฟางซินไปอยู่ใต้เกือกอาชาสีน้ำตาล ตัวเขาก็ถูกลากไปกับเกือกม้านั้นด้วยชายร่างกำยำควบม้าถีบหน้าพวกเขาไม่สนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เด็กชายอันธพาลร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เม
เจียลี่นั่งหมอบอยู่บนพื้นหญ้า คารวะท่านปู่ท่านย่าเป็นใหญ่โตราวคำนับฮ่องเต้ นางก้มหน้าผากแนบพื้น สองมีแปะผืนหญ้าจนผู้ใหญ่ขอให้นางลุก โดยเฉพาะท่านย่า ได้ใจอ่อนกับหลานสาวไปเสียทุกที ถึงเจียลี่อาจไม่เป็นที่รักที่สุด พวกเขารู้แก่ใจดีว่าหากนางจะไม่ต้องออกเรือน ให้นางทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด นางไม่ยินดีตบแต่งกับหนุ่มผู้ดีคนไหนในเมือง ขอแค่นางได้ทำงานเก็บเงินเที่ยวเตร็ดเตร่ไปวัน ๆบ่าวรับใช้บ้านท่านอาหวังเรียกขานนางว่า ‘นายหญิง’ หากเมื่อพบลี่จิ่นกลับเรียกแม่นางสกุลเยี่ยอย่างให้ความเคารพ เฉกเช่นผู้สูงศักดิ์ทั่วไปถึงพวกเขาจะเคารพนอบน้อมเท่าไร ก็ยังไม่เท่ากับที่พวกเขาเคารพนายหญิงเจียลี่น่าประหลาดใจนัก น้องสาวของนางได้พบบ่าวรับใช้บ้าน ก็ว่าแปลกกระนั้นเจียลี่ยังไม่เข้าใจบ่าวรับใช้ หลายครั้งหลายคราพวกเขาไม่ยอมบอกว่าตนคิดสิ่งใด นางเคยได้ยินว่าหากเป็นในวังหลวง อาจถึงขั้นต้องจับพวกเขาไปทรมานทีเดียว บ่าวถึงจะยอมแพร่งพรายความลับของเจ้านาย แต่จะว่าไปแล้ว บ่าวผู้รักศักดิ์ศรีไม่ยอมพูดก็มี พวกเขายินยอมการถูกทรมานจนตายไปกับความลับของเจ้านาย กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย กัดลิ้นตายเองก็มี“ข้าจะไป
หัวใจของนางเต้นระส่ำระสาย เมื่อท่านอามอบสัจวาจาว่าจะมาสู่ขอนางให้เร็วที่สุด เขายังต่อว่านางไม่ให้พูดถึงท่านอาหญิงด้วยจุมพิตแสนหวาน กระชับกอดเอวนางอย่างหวงแหน ไม่ยอมให้นางออกจากเรือนง่ายดายนักมารดาและคนทางบ้านตำหนินางเรื่องเวลา ทำไมนางจึงมาทำงานช้า ถึงแม้ว่าจะมีบ่าวล่วงหน้าไปที่ร้านผ้าก่อน ก็นางเคยทำตัวเหลวไหลเสียเมื่อไร‘ท่านอานะท่านอา ข้าเกือบโดนทำโทษ แถมโดนหักหวนเฉียน[1]ไปตั้งเยอะ’ นางบ่นในใจ หากด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ความร้อนวูบวาบยังคงฝังติดบนเรือนกาย การถูไถประสาชายหญิงทำให้นางเพิ่งรู้ว่าท่อนแข็งขึงหน้าตาประหลาดนั่นทำอะไรได้ เขามอบความสุขสมให้นางเท่าไรมันยังแปลกที่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาเป็นที่หนึ่งสำหรับนางเสมอ วันนี้นางโดนหักเงินกลับอารมณ์ดี ยิ้มแก้มปริ คนในบ้านทักนางอย่างสงสัยว่ามีเรื่องดีอะไรหรือเปล่า ขณะบ่าวรับใช้มารอรับนางพร้อมรถม้า บ่าวชายสองคนยังคงเป็นคนเดิม นางเข้าไปเจรจากับพวกเขาอย่างสุภาพ ขอให้อดทนอยู่กับเจ้านายเถิด ท่านหวังเฟยอารมณ์ดีบ้างร้ายบ้าง เดี๋ยวก็หาย เขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ตราบใดที่ผู้คนรอบกายไม่ทอดทิ้งเขาให้โดดเดี่ยวเดียวดายกลับมาถึงเรือนไม้กว้างขวางในยามเซิน
เมื่อท่านอาหนุ่มแทรกมือเข้าบีบเคล้นเต้าเต่งตึง ไม่ยอมให้นางห้ามปรามเขาได้อีก ฝ่ามืออีกข้างจับมือของนางสอดประสานทุกปลายนิ้ว เขาก้มหน้าจูบนางซ้ำ ๆ ให้นางหลงใหลในวังวนเสน่หา นางไม่แม้จะเอ่ยห้ามปรามเขาด้วยความหวาดกลัว หากให้การต้อนรับท่านอาไม่ต่างจากนางบำเรอร่างสูงใหญ่กำยำ มิใช่ชายขี้เมา ไร้สตรีเหลียวแล ไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนป่วยอย่างเมื่อหลายเดือนก่อน วัน ๆ เขาเฝ้ากอดแต่ไหเหล้า คนในบ้านสกุลเยี่ยหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังว่าเขาจะยังใช้การได้หรือเปล่า ถึงส่งเจียลี่ไปดูแล นางงามเท่าไรก็คงไม่สามารถทำให้ความเป็นชายของเขาแข็งขึงขึ้นมาได้หวังเฟยลบคำสบประมาทเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เขาก้มหน้าลงดื่มด่ำยอดปทุมถัน ทั้งซ้ายขวาอย่างเท่าเทียม มือบีบเคล้นเนินอกเต่งตึง ด้วยความระมัดระวังเอาใจนาง ไม่ให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย กระทั่งสตรีร่างเล็กรับรู้ได้ถึงบางสิ่ง ผงาดรอนางอยู่เหนือหน้าท้อง น้ำเปียกฉ่ำไม่รู้ว่าเป็นน้ำในอ่างหรืออย่างไรแน่“ท่านอา... ร่างกายข้าฝืนทนไม่ไหวอีกแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ควรรังแกข้า...” ริมฝีปากสีชาดที่เม้มสนิทคลายออก เพื่อเอ่ยคำขอร้องเขาอย่าได้กลั่นแกล้งนาง ให้นางต่อสู้กับความรู้สึกประหลาดมากมา
ที่ผ่านมาท่านอาไม่เคยแตะต้องนางแม้ปลายผม กระทั่งถ้อยคำรื่นหูของเขา หาใช่เสียงตะคอกโวยวายเพราะความเมา นางไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน“เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเลยนะเจียลี่ รอข้าสักหน่อย ข้าจะไปสู่ขอเจ้ามาอยู่กับท่านอาขี้เมาทุกวัน...”หวังเฟยรู้ว่าโรคทางใจได้รับการเยียวยารักษาเป็นอย่างดี เขาจึงมิใช่ท่านอาคนเดิมเห็นใบหน้าตกใจของนาง เรียวปากอิ่มสีชาดเม้มปิดสนิทแน่น พาให้เป็นสุขโดยไร้สาเหตุ นางลุกขึ้นไปเรียกบ่าวให้ต้มน้ำ เตรียมน้ำอุ่นให้เขาอาบ ถังไม้ลอยด้วยดอกไม้หอม เขาแสร้งทำโวยวายเรียกคนดูแลให้เข้ามา“มีอะไรเจ้าคะ ท่านอา... น้ำร้อนไปหรือ?”เจียลี่ไม่ทันได้ระวังตัว ร่างกำยำลุกขึ้นมาคว้าเอวนางกอดเข้าหมับ นางร้องวี้ดว้ายตกใจ ยันแผงอกกว้างไว้ด้วยแรงน้อยนิด หน้าตาตื่นตระหนกเงยขึ้นมองฝ่ายรุกเร้า เขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแต่ยังอยู่ชุดที่เกือบจะหลุดก็ไม่ยอมหลุด“ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว ท่านอาทำอะไรน่ะ” นางก็กลัวว่าจะเปียกไปด้วยกับเขาที่ลงไปแช่น้ำทั้งเสื้อผ้าไม่ยอมถอด ตาหลุบมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ“เจ้ามี ข้าเห็นว่าเจ้านำเสื้อผ้ามาเผื่อทุกครั้ง ข้าชอบทำเสื้อผ้าของเจ้าเลอะเทอะ”“วันนี้ข้าไม่ได้นำติดมือมา ตั้ง
เจียลี่ไม่ทันฉุกใจคิดว่าเป็นการกระทำผิดพลาดอย่างยิ่งยวด เมื่อพบชายร่างสูงใหญ่ยืนตาขวางอยู่ด้านหน้าเรือน ในอ้อมแขนของเขากอดไหสุรา ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ“ทำไมบ่าวรับใช้ได้อาหารของเจ้าก่อนข้า”“ข้าให้เขาไปแล้ว ไม่สามารถขอคืนได้ กับข้าวของท่านก็ตั้งมากมาย เกือบจะเท่าสำรับอาหารขุนนาง ข้าทำมาให้เป็นอย่างดี ควรแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง”หวังเฟยไม่เข้าใจที่นางพูดหรอก เขาแทบจะไม่ได้ยินนาง ร่างสูงสง่าในเสื้อผ้าสีฟ้าครามเดินโงนเงน ล้มลุกคลุกคลานเข้าเรือน มือยกไหสุราดื่มต่างน้ำเป็นการยากหลีกเลี่ยงความเมามาย เมื่อมิตรสหายยื่นสุราให้เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ กลับมาถึงเรือนกว้างขวางนั่งอยู่ลำพังผู้เดียว เรียกบ่าวให้ไปเอาเหล้ามา เขาร่ำสุราไปหลายขวดทีเดียว จึงเริ่มส่งเสียงโวยวาย พูดจาไม่รู้ความเจียลี่สั่งให้บ่าวนำของไปเก็บในครัว นางไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรเพราะเห็นว่าอาการดีขึ้นมากกระทั่งพบท่านอาหญิง นางคิดว่าเขายังมีเยื่อใยต่อกันถึงได้เป็นเช่นนี้ ทว่านางเข้าใจผิดไปทั้งหมด พอท่านอาตะคอกนาง“เจียลี่! มีชายสูงศักดิ์มาพบหญิงหลายใจ มาซื้อผ้า เจียลี่ เจ้าไปจากข้าไม่ได้!”หวังเฟยบริภาษว่าหนุ่มน้อยใหญ่ที่มาหานาง เขารู้ว
ในสังคมล้วนถือยศถือศักดิ์ พี่น้องแก่งแย่งชิงดี โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบนางกล่าวว่านางเป็นบุตรสาวชาวนา หนุ่มผู้ดีมีสกุลรุนชาติคงไม่แลมองนางแม้หางตา ถึงมอง พวกเขาจะถูกห้ามปรามโดยผู้ใหญ่ ไม่ให้มาเฉียดใกล้นาง“ข้าพยายามแนะนำผู้ชายให้เจ้าไม่สนใจสักคน ปีนี้เจ้าควรออกเรือนได้แล้ว ข้าจะลองหาดูสักคนให้เจ้า”“ขอให้ข้าได้ใช้ช่วงเวลาของข้าเถิดท่านแม่ จะตายวันตายพรุ่งก็หาได้รู้ไม่ ข้าไม่รีบร้อน เอาไว้ข้าค่อยแต่งตอนอายุยี่สิบเก้าปี หรือสามสิบปีก็ได้”“อายุสามสิบปีรึ! ใครจะมาเอาเจ้าเป็นภรรยา ตาย ๆ เจียลี่” มารดาโวยวาย ด้วยความที่ไม่อยากให้บุตรสาวดำเนินรอยตามตน และก็ไม่อยากให้เป็นอย่างน้องสาว ป่านนี้ไม่แต่งงานเสียที ลี่จิ่นกลับมาจากแคว้นเว่ยแล้วเมื่อวานนี้ ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ในเมือง ร่ำสุราในโรงเตี๊ยม คุณชายสามตามมาพบที่ร้านเหล้า ไม่เห็นพูดเรื่องแต่งงานกับผู้ใหญ่“ได้ยินว่าท่านอาหวัง วันก่อนชักชวนเจ้าไปร่ำสุรา เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”“ไม่เมาเจ้าค่ะ ดื่มเหล้าไม่กี่จอก นั่งเล่นชมทิวทัศน์ ชักชวนข้าสนทนาซะมากกว่า”“อ้อ งั้นหรือ”จินเยว่แทบไม่เชื่อหูว่าน้องเขยน่ะหรือจะไม่เมา ยังมองเห็นแก้มแดง ๆ ของบุตรสาว เลื่
นัยน์ตาลุ่มลึกมากล้นด้วยเสน่ห์ หลุบลงมองร่างผอมบาง นางตัวเล็กกว่าเขามาก ใบหน้าก็จิ้มลิ้ม แก้มน่าหยิก นางยืนเต็มเท้ายังสูงเพียงระดับบ่าของเขา“ข้าเกิดความรู้สึกเอ็นดูเจ้า มิใช่เพียงเรื่องบุญคุณที่เจ้าเฝ้าเอาใจใส่ข้า”“เรื่องอะไรเจ้าคะ?”“เจ้าช่างน่ารักใคร่... แก้มแดง ๆ ของเจ้า กลิ่นกายเจ้า เรือนผมของเจ้า... เย้ายั่วใจชาย...” ใต้รอยยิ้มมีลับลมคมใน เจียลี่หาได้รู้ใจท่านอา หากเป็นตรงกันข้ามกับท่านอา ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านดวงตาคู่สวยใส เต็มไปด้วยความรักใคร่หลงใหล แม้นางจะปฏิเสธเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า“ท่านอาขี้เมาเจ้าค่ะ”“ขี้เมา... แล้วเจ้าไม่ชอบข้าหรือ?”“นานครั้งสังสรรค์กับมิตรสหายคงไม่เป็นไร ถ้าหากว่าไม่เมาบ่อย ๆ จะดีกว่า...” แล้วนางจึงเงียบไป นัยน์ตาหลงใหลเฝ้ามองใบหน้าคร้ามคม บัดนี้แลดูมีชีวิตชีวาเพราะนาง ชายผู้นี้กลับมาหล่อเหลา รูปลักษณ์ตรึงใจสตรี เหมือนเมื่อคราวที่นางเคยริษยาท่านอาหญิง...ดวงใจเจ็บปวดรวดร้าวเฝ้ามองสองหนุ่มสาวโอบกอดพลอดรักกัน พวกเขาเป็นคู่ครองผู้เหมาะสมชนชั้นวรรณะ รูปลักษณ์งดงามราวกิ่งทองใบหยกนางเคยชิงชังท่านอาหญิงเท่าไร หาได้มีผู้ใดล่วงรู้ความลับของนาง ผ