นัยน์ตาลุ่มลึกมากล้นด้วยเสน่ห์ หลุบลงมองร่างผอมบาง นางตัวเล็กกว่าเขามาก ใบหน้าก็จิ้มลิ้ม แก้มน่าหยิก นางยืนเต็มเท้ายังสูงเพียงระดับบ่าของเขา
“ข้าเกิดความรู้สึกเอ็นดูเจ้า มิใช่เพียงเรื่องบุญคุณที่เจ้าเฝ้าเอาใจใส่ข้า” “เรื่องอะไรเจ้าคะ?” “เจ้าช่างน่ารักใคร่... แก้มแดง ๆ ของเจ้า กลิ่นกายเจ้า เรือนผมของเจ้า... เย้ายั่วใจชาย...” ใต้รอยยิ้มมีลับลมคมใน เจียลี่หาได้รู้ใจท่านอา หากเป็นตรงกันข้ามกับท่านอา ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านดวงตาคู่สวยใส เต็มไปด้วยความรักใคร่หลงใหล แม้นางจะปฏิเสธเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า “ท่านอาขี้เมาเจ้าค่ะ” “ขี้เมา... แล้วเจ้าไม่ชอบข้าหรือ?” “นานครั้งสังสรรค์กับมิตรสหายคงไม่เป็นไร ถ้าหากว่าไม่เมาบ่อย ๆ จะดีกว่า...” แล้วนางจึงเงียบไป นัยน์ตาหลงใหลเฝ้ามองใบหน้าคร้ามคม บัดนี้แลดูมีชีวิตชีวาเพราะนาง ชายผู้นี้กลับมาหล่อเหลา รูปลักษณ์ตรึงใจสตรี เหมือนเมื่อคราวที่นางเคยริษยาท่านอาหญิง... ดวงใจเจ็บปวดรวดร้าวเฝ้ามองสองหนุ่มสาวโอบกอดพลอดรักกัน พวกเขาเป็นคู่ครองผู้เหมาะสมชนชั้นวรรณะ รูปลักษณ์งดงามราวกิ่งทองใบหยก นางเคยชิงชังท่านอาหญิงเท่าไร หาได้มีผู้ใดล่วงรู้ความลับของนาง ผู้ทำได้เพียงซุกซบบนหมอนในห้องนอนมืดแคบ ปลดปล่อยน้ำตาให้รินไหลอยู่ภายใน เจียลี่เอาแต่จ้องท่านอา นางได้กลิ่นหอมอบอวลจากเสื้อผ้าของเขา กลบด้วยบางกลิ่นที่หอมมากกว่า “กลิ่นอะไรเจ้าคะ?” “กำยาน” หวังเฟยจุดเทียนหลายเล่มบนโต๊ะเรียบร้อยดีแล้วนางยังคงไม่ละวางตาไปจากเขา เขานึกขบขันนางในใจ มือปัดควันจากกำยานขนาดเท่าฝ่ามือ ทำจากหินสีดำสลักลายด้วยทองคำ ขณะรอยยิ้มมีเลศนัยขยับอยู่ตรงมุมปากหนา เจียลี่กะพริบตาถาม “ท่านอาพูดจริงหรือ?” “เรื่องอะไร?” “ท่าน... ว่าข้าน่ารักใคร่” “ใช่...” ในสีหน้าเรียบเฉยตอบ หลังจากที่เขาเกือบจะทำให้นางพูดความในใจด้วยกำยาน โถสีนิลอันหนึ่งให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หวังเฟยรับรู้มาจากท่านอาหญิงของนางว่าหลานสาวน่ะแพ้กลิ่นหอมของเครื่องประทินกลิ่นต่าง ๆ นางมักจะนอนหลับไปเสียเฉย ๆ หากท่านย่าของนางจุดมันที่ใดในเรือน “เจ้าล่ะ ไยเจ้ามาเอาอกเอาใจข้าทุกวัน ข้าเป็นชายฉลาดเฉลียวใจ ข้ารู้เรื่องหญิงสาวดี เจ้าบอกข้ามาเถิด” “ข้ารู้สึกง่วงนอนเจ้าค่ะ ข้าไม่ค่อยชอบกลิ่น... กำยาน…” “เช่นนั้นเจ้างีบนอนสักเดี๋ยว ข้าจะปลุกเจ้าไปส่งเจ้าถึงบ้าน ไม่ให้มีเรื่องเสื่อมเสีย” เจียลี่พยักหน้า เปลือกตาที่อ่อนกำลังลงราวกับว่านางจะหลับทั้งยืนได้ นางเดินไปจากท่านอา หย่อนก้นนั่งลงบนตั่งไม้ในห้องรับรองแล้วหลับไป ท่านอาก็คงไม่รู้ว่านางผ่อนคลายสบายในนิทราแสนหวานไปเพราะกำยาน ท่านอาเขยในนามถือโอกาสโน้มตัวลงช้อนข้อพับเนียนขึ้น แทรกตัวเข้าไปบนตั่งนั่ง วางนางไว้บนหน้าตักแกร่ง เมื่อเห็นว่านางพักพิงศีรษะชนแผงอกของเขาไว้ คงนอนหลับไม่สบายนัก นางลืมตาขึ้นครั้งหนึ่งโดยไม่ได้เอ่ยคำประท้วงเรื่องชายหญิง หากยังไม่แต่งงานก็ไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน นางหลับตานอนอย่างย่ามใจในอ้อมกอดอุ่น ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจว่าท่านอาไม่ล่วงเกินนางแน่ นั่นอาจเป็นเพียงความคิดของนางฝ่ายเดียว มิฉะนั้นเขาจะจุดกำยานไปเพื่ออะไร บ่าวรับใช้นำสุรามาให้ในอีกไม่ช้า หวังเฟยเกิดความลังเลใจว่าควรให้บ่าวอยู่หรือไป เขาไม่อยากขยับมือไปรินสุราลงในจอก หญิงผู้ดูแลเรื่องการรินเหล้าก็กำลังหลับตานิ่ง กระนั้นการจะได้อยู่ร่วมกับเจียลี่ตามลำพังช่างหาได้ยากนัก การที่นางนอนหลับใหลในอ้อมอกของเขายิ่งแล้วใหญ่ นี่เป็นโอกาสทองของเขาที่จะได้โอบกอดนาง ใบหน้าหวานงามแลดูผ่อนคลาย นางผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ พับมือทั้งสอง กำมือเอาไว้ ราวเด็กสาวตัวน้อย เป็นภาพอันงดงามจับตาจนเขาไม่ปรารถนาให้นางตื่น ให้นางหลับอยู่นาน ๆ ถึงรุ่งเช้าเลยยิ่งดี เมื่อตัดสินใจได้ว่าควรไล่บ่าวไป เพราะไม่อยากให้มีส่วนเกินในห้อง หวังเฟยยกไหสุราขึ้นดื่มไปเรื่อย ๆ ไม่นานนัก นางก็ปรือตามองเขาด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง “ตื่นแล้วหรือ? หลับสบายดีไหม” “ดีเจ้าค่ะ... เพียงแต่...” ปลายเสียงเงียบไป ใบหน้าสดสวยเปียกปอนข้าวหมักกลิ่นหอมกรุ่นเงยขึ้นมองดวงตาคู่คมเบิกกว้างตกใจ ท่านอากำไหเหล้าแน่น “ท่านอาดื่มเหล้าหกใส่หัวข้า...” -------------------------- ด้วยอายุวัยของเจียลี่ นางกำลังเป็นสาวสะพรั่ง มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาพยายามเข้าหา บุตรชายเศรษฐีในเมืองมาซื้อเสื้อผ้าไปสวมใส่ได้แทบทุกอาทิตย์เพื่อจะได้พบหน้านาง ทักทายนาง เชิญชวนนางไปนั่งจิบชาในตลาด มารดาของนางนั้นสนับสนุนหากว่าเขาผู้นั้นแลดูมีฐานะร่ำรวย มีหน้ามีตาในสังคม ไม่เป็นชนชั้นสูงก็ขอให้เป็นชนชั้นกลาง ให้นางพิจารณาไว้เถิด อย่าได้ดำเนินรอยตามมารดาที่ไม่เอาไหน ได้สามีเป็นชาวนาผู้ยากไร้ใกล้เคียงทาส นางจะได้สวมใส่เสื้อผ้าดี ๆ ไม่ต้องทนลำบาก ตรากตรำทำงานขายผ้า ให้นางไปอยู่บ้านหลังใหญ่ ให้นางสุขสบาย เป็นนางเองไม่ยอมไป ใครจะมาลากพานางให้ไปนั่งรินชาให้คุณชายที่ไหน หัวเด็ดตีนขาดนางก็ไม่ไป “งานข้าค่อนข้างรัดตัวทีเดียว ไม่มีผู้ใดไปสั่งงานแทนข้า จำเป็นต้องคุมบ่าวรับใช้ไม่ให้งานตกหล่น เถ้าแก่จะดุว่าข้าเอาได้ ข้าจะถูกเฆี่ยนตีแน่ ๆ หากข้าทำงานผิดพลาด ข้าขออภัยท่านด้วย ข้ารู้สึกเสียใจที่ปฏิเสธท่าน” ถ้อยคำรื่นหูที่นางเฝ้าปฏิเสธบุรุษทั้งหลาย นางแสนนอบน้อมถ่อมตน ไม่ให้ใครว่านางไร้มารยาทได้ หรือจะมาอาละวาดหน้าร้านขายผ้าในตลาด ต่อว่านางอย่างนักเลงพาล เมื่อถูกปฏิเสธน้ำใจหลายต่อหลายครั้ง คุณชายทั้งหลายก็คงตามตื๊อนางไม่นาน ยิ่งนางแสนถ่อมตนไม่บอกว่านางเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้ไม่มาเข้าหานางทางผู้ใหญ่ ให้เข้าใจว่านางเป็นลูกจ้างธรรมดา ๆ ของร้านขายผ้าสกุลเยี่ยนั่นแหละดีในสังคมล้วนถือยศถือศักดิ์ พี่น้องแก่งแย่งชิงดี โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบนางกล่าวว่านางเป็นบุตรสาวชาวนา หนุ่มผู้ดีมีสกุลรุนชาติคงไม่แลมองนางแม้หางตา ถึงมอง พวกเขาจะถูกห้ามปรามโดยผู้ใหญ่ ไม่ให้มาเฉียดใกล้นาง“ข้าพยายามแนะนำผู้ชายให้เจ้าไม่สนใจสักคน ปีนี้เจ้าควรออกเรือนได้แล้ว ข้าจะลองหาดูสักคนให้เจ้า”“ขอให้ข้าได้ใช้ช่วงเวลาของข้าเถิดท่านแม่ จะตายวันตายพรุ่งก็หาได้รู้ไม่ ข้าไม่รีบร้อน เอาไว้ข้าค่อยแต่งตอนอายุยี่สิบเก้าปี หรือสามสิบปีก็ได้”“อายุสามสิบปีรึ! ใครจะมาเอาเจ้าเป็นภรรยา ตาย ๆ เจียลี่” มารดาโวยวาย ด้วยความที่ไม่อยากให้บุตรสาวดำเนินรอยตามตน และก็ไม่อยากให้เป็นอย่างน้องสาว ป่านนี้ไม่แต่งงานเสียที ลี่จิ่นกลับมาจากแคว้นเว่ยแล้วเมื่อวานนี้ ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ในเมือง ร่ำสุราในโรงเตี๊ยม คุณชายสามตามมาพบที่ร้านเหล้า ไม่เห็นพูดเรื่องแต่งงานกับผู้ใหญ่“ได้ยินว่าท่านอาหวัง วันก่อนชักชวนเจ้าไปร่ำสุรา เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”“ไม่เมาเจ้าค่ะ ดื่มเหล้าไม่กี่จอก นั่งเล่นชมทิวทัศน์ ชักชวนข้าสนทนาซะมากกว่า”“อ้อ งั้นหรือ”จินเยว่แทบไม่เชื่อหูว่าน้องเขยน่ะหรือจะไม่เมา ยังมองเห็นแก้มแดง ๆ ของบุตรสาว เลื่
ดวงตาแดงก่ำหรี่มองแสงสลัวจากตะเกียงไฟดวงเล็ก ชายร่างผอมในอาภรณ์สง่างาม เดินโซเซไปคว้าไหสีน้ำตาลบนโต๊ะไม้ข้างตั่งนอน ยกขึ้นดื่มต่างน้ำในห้องนอนโล่งกว้างสมฐานะผู้สูงศักดิ์ กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว ใบหน้าหล่อเหลาส่ายมองโดยรอบ ภายใต้ทัศนียภาพที่พร่าเลือนลง เขาเลิกคิ้วเข้มหน้าที่เรียบขนานไปกับดวงตาคมกริบขึ้น‘แปลกนัก... นางไม่ใช่ผู้ขลาดกลัวอะไรง่ายดาย แต่จะว่ากล้าหาญ ก็ไม่เชิงว่าใช่’ค่ำคืนก่อนมีสตรีเนื้อตัวมอมแมม มาเหยียบเยือนเรือนงูเห่า เฝ้าดูแลเขาแทนบ่าวรับใช้ที่ถูกไล่ตะเพิดไปเสียหมด นางพูดวนเวียนอยู่แต่เรื่องบุญคุณ‘หวังเฟย’ คาดว่านางไม่กล้าเสนอหน้ามารบกวนจิตใจเขาอีกเป็นแน่ หลังจากที่เขารังแกนางเพราะความเมา กลับคาดการณ์ผิดพลาดไป เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าบนพื้นไม้ การเยื้องย่างด้วยความดังไม่เท่ากันของนางไม่เหมือนผู้ใด“ท่านอา กลับมาแล้วหรือ?” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วดังมาแต่ไกล ร่างบอบบางในเสื้อผ้าชำรุดมีรอยปะชุน ของเหลือใช้จากท่านอาหญิง นางมาเย็บปักมันเสียใหม่ให้ดูสวยงามเข้ากับใบหน้าอ่อนหวาน ปิ่นประดับมุกบนเกล้าผมดำขลับแลดูมีราคาอย่างสตรีสามัญชนในแคว้นเล็ก ๆ หากก็เป็นแคว้นที่เฟื่องฟู ‘เจียลี่’
นัยน์ตาก้าวร้าวสยบนางให้ปิดปากนิ่งเงียบ ก้มหน้าคุดคู้ไม่กล้าโต้แย้ง เจียลี่จำได้ว่าวันก่อนเขารังแกนาง เขาเมาสุรา ขัดขานางจนล้มหน้าคะมำจับกบอยู่หน้าเรือน ข้อเท้าของนางปวดระบม เดินกะเผลกเป็นหญิงพิการ ท่านอาไล่ตะเพิดนางเป็นไล่สุนัข นางตกใจกลัวจนตัวสั่น ทว่ากลับใจสู้ขึ้นมาจึงไม่คิดหนีไปไหนไกล นางกลับมาทำหน้าที่ของนาง หลังจากการเดินทางไปช่วยเหลือครอบครัวขายผ้าที่ตลาด นางระลึกถึงบุญคุณของเขา หากเขาไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางเอาไว้ นางคงได้เป็นผีเฝ้าป่าไปนานแล้ว“เจ้ามารับใช้อดีตท่านอาเขยอย่างข้าได้หลายวัน ก็น่าจะรู้ พักนี้ข้าอารมณ์แปรปรวน ถ้าเจ้าไม่อยากมา ไม่จำเป็นต้องมา”“ข้ามาได้ ข้ายินดีรับใช้ท่านอา”“แล้วเจ้าจะปรนนิบัติข้าไปถึงเมื่อไร? บุญคุณที่เจ้าว่าจึงจะทดแทนจนหมดสิ้น”“เมื่อเห็นว่าท่านอาสบายใจ ไม่ร่ำสุราด้วยความทุกข์ ท่านได้บ่าวรับใช้ที่ดี ดูแลท่านได้ไม่บกพร่อง ข้าค่อยบอกลาท่าน ระหว่างนี้ข้าจะมา...”เจียลี่ยืนกรานว่านางจะมาอย่างแน่นอน ด้วยรอยยิ้มที่น่ารันทดอดสู ‘คนขี้เมา’ ไม่กล้าเอ่ยไล่นางอีก เขาออกคำสั่งให้นางนอนบนฟูกในอีกห้องหนึ่ง ตะวันขึ้นเมื่อไรค่อยเดินทางไป ขืนนางเดินลุยป่ากลับ
เจียลี่ไม่ได้โกหกแม้สักคำเดียว องุ่นสดและผลไม้อีกหลายชนิดจะต้องซื้อจากตลาดแต่รุ่งเช้า ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ลี่จิ่นไม่ใช่คนขยัน ไม่ตื่นแต่เช้า บางค่ำคืนก็เมาสุรา อุดอู้บนฟูกนอนจนสายโด่งหวังเฟยรู้มานานแล้วว่าหลานสาวคนเล็กสกุลเยี่ย เป็นแรงงานสำคัญ เจียลี่ทำงานตัวเป็นเกลียวราวกับผู้ยากไร้ไม่เคยพบเห็นเงินมาก่อนในชีวิตของนาง จึงได้รับค่าจ้างมากที่สุด สุรากลั่นชั้นดีในมือของเขานี้ยังไม่พบในแคว้นฉิน เพียงเปิดขวดก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วถึง เขาทั้งดื่มดมมันอย่างสำราญใจ นึกถึงบรรดามิตรสหายจะต้องชอบพอสุราขวดนี้อย่างแน่นอน“เหล้าซีเฟิ้งเป็นสุราที่ดีที่สุด สุราเลื่องชื่อชนิดนี้ หาใช่ว่าจะมีโอกาสดื่มกินมันง่าย ๆ เป็นสุราสำหรับชนชั้นสูง คนร่ำรวยนำมันมาจากแคว้นจ้าว การเดินทางด้วยรถม้าใช้ระยะเวลาร่วมเดือน มันมีราคาสูงมากในตลาด”นางไปได้มาอย่างไร เป็นคำถามของเขาเสียมากกว่านางเอาอกเอาใจเขาด้วยเหตุใด หวังเฟยหันไปปรึกษาบ่าวที่เข้ามาส่งสุราขวดใหม่ สภาพห้องของเขาแลดูเรียบร้อยดี ผิดจากก่อนหน้าที่นางจะมาดูแลเขา“แม่นางเป็นผู้มีหน้าตามีตลาด ใครต่างก็รู้จักนาง ข้าคิดว่าคงไม่ยากสำหรับนางขอรับนายท่าน”“อืม ข้าก็ว่าเ
ท่านอามิได้เมามาย เฝ้ามองนางวางจอกสุราลงบนโต๊ะ นางออกไปเรียกบ่าวรับใช้คนใหม่ให้เข้ามาจัดวางสำรับอาหารเย็น ให้พวกเขาดูแลเสื้อผ้า เรือนหลังนี้ให้สะอาดเอี่ยม นางผลักประตูที่เปิดอ้ากว้างกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง“ข้าไปตักน้ำอาบไว้ให้ท่าน บ่าวทั้งสองคน ข้าขออนุญาตสอนงานพวกเขา...”“ตามใจเจ้า ข้าจะไปห้ามอะไรได้ เจ้าอยากมาเจ้าก็โผล่มาทุกวัน ให้ข้ารำคาญใจ”“หมดหน้าที่ของข้าเมื่อไร ข้าคงไม่มารบกวนใจท่าน เพียงแต่ข้าอาจถือโอกาสส่งอาหารมานาน ๆ ครั้งหากว่าท่านอยากกินฝีมือข้า จะไม่ให้ผู้ใดนำมา” นางเห็นบ่าวรับใช้วางอาหารไว้ให้ท่านอาเรียบร้อยดี จึงนั่งลงบนพื้นเยียบเย็น ท่านอาขมวดคิ้วมุ่นมองนางว่านางจะทำอะไร กระทั่งเห็นนางสะบัดแขนเสื้อขึ้นหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้ จิ้มลงไปทุกอัน ตัดอาหารชิ้นเล็กเพื่อชิมมันก่อน ปฏิบัติต่ออาหารราวกับว่าท่านอาเป็นกษัตริย์ นางหันไปบอกท่านอาที่กอดไหสุรา นั่งนิ่งอึ้งมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตน“เผื่อมีผู้ลอบวางยาพิษท่านอา เจียลี่ยินดีสละชีวิต เพื่อทดแทนบุญคุณท่าน”--------------------------หลังจากคืนนั้นหวังเฟยมิได้ร่ำสุราลดน้อยลง ราวกับว่าการเมามายได้กลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแ
“ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป”“ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก“เอาเถอะ เจ้าคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า”เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามารมณ์ด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน”“อย่างไรถึงจะเหมาะ?”“อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอาแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ”“เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว”กว่าเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเ
นางตั้งคำถามในใจ จนมาถึงด้านหน้าเรือน พบชายในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนอนแผ่หราบนพื้นหญ้า ไหสีน้ำตาลอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าไหใบเล็กกลมได้กลายเป็นสตรีผู้เป็นที่รักยิ่ง นางตกใจลนลาน เข้าไปแบกเขาขึ้นบันไดไม้อย่างทุลักทุเล ถึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก เมื่อท่านอาตัวไม่หนักเท่าไร นางเคยพบชายร่างสูงกำยำกว่านี้ในโรงงานถลุงแร่บ่าวรับใช้ทั้งสองก็เข้ามาช่วยเหลือนาง อีกสองกำลังวิ่งวุ่นในเรือน หวังเฟยคงร่ำสุรามากไป เขาลุกขึ้นโวยวายหน้าแดงก่ำ ไล่ตะเพิดบ่าวให้ออกไปให้หมด ให้เหลือแค่เจียลี่ นางรีบนำชามาวางไว้บนโต๊ะข้างฟูกนอนเขา“โธ่... ท่านอา ท่านเมาเละเทะแล้ว”“อะไรกับข้านักเล่า... เจียลี่!”“ท่านโวยวาย เรียกข้า?” ปลายนิ้วชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ เจียลี่จำได้ว่าท่านอาเมามายเมื่อไรมักเรียกหาแต่ท่านอาหญิง ลี่จิ่น เจ้าไปไหน เจ้ากล้าทิ้งข้าเรอะ! นังแพศยา หญิงโฉดชั่ว โป้ปดลวงโลก อะไรสักอย่างนางก็ฟังไม่ถนัดหูนัก ลึก ๆ นางคงดีใจที่เขาเรียกหานาง ไม่ด่าทอนางเป็นหลานสาวนังแพศยา ไล่ตะเพิดนางไปพร้อมกับบ่าวชุดใหม่ทั้งสามคน“แปลว่าท่านยังไม่เมา ท่านเอาเหล้าอีกไหม? ข้าจะไปเอามาให้ท่านดื่ม”“เจ้า... กล้าประชดข้าห
“เจ้าไปแจ้งสกุลเยี่ยด้วยว่าไม่ต้องนำผ้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่ใช่หญิงงามที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน วันละหลาย ๆ ชุด ให้ทันยุคสมัยตามใครเขาสวมใส่อะไร หากข้าอยากได้ผ้าเมื่อไร ข้าจะไปซื้อที่หน้าร้านด้วยตัวข้าเอง”“ข้าจะรีบกลับไปบอกผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”“ไม่ต้องรีบไป เจ้ากินให้อิ่มก่อน” หวังเฟยกำชับนาง ด้วยเห็นว่านางเป็นสตรีกินข้าวเชื่องช้า นั่นก็เป็นเรื่องดีของเขาอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเขาจะได้พบนางวันละหนึ่งมื้อเป็นเวลานาน เฝ้ามองนางคีบอาหารเข้าปากทีละคำ“วันนี้ข้าไม่ได้กลิ่นขี้วัว?”“ข้าเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่เจอพวกเด็ก ๆ แกล้งข้า...”“เด็กพวกนั้นถูกตามใจจนเคยตัว ควรได้รับโทษทัณฑ์ ฐานกลั่นแกล้งผู้อื่นเสียบ้าง ได้ยินว่าเป็นลูกหลานคหบดี ทำตัวเป็นนักเลงโตมานาน”หวังเฟยพอรู้มาบ้างว่านางถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำตั้งแต่เล็ก เพราะเรื่องขาของนางเป็นจุดสนใจ มารดาของนางไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคม อยู่ ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมาหลังสกุลเยี่ยเปิดกิจการขายผ้า เด็กชายกลุ่มหนึ่งละแวกบ้านของนางเติบโตเป็นวัยรุ่น ตั้งใจมาเฝ้ารอนาง หากวันไหนนางเดินเท้ากลับบ้าน“ข้าไม่เป็นไร ข้าชินแล้ว ท่านอย่าได้ไปสนใจพวกเขาเลย คุยเรื่องอื่นดีกว่า
ในสังคมล้วนถือยศถือศักดิ์ พี่น้องแก่งแย่งชิงดี โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบนางกล่าวว่านางเป็นบุตรสาวชาวนา หนุ่มผู้ดีมีสกุลรุนชาติคงไม่แลมองนางแม้หางตา ถึงมอง พวกเขาจะถูกห้ามปรามโดยผู้ใหญ่ ไม่ให้มาเฉียดใกล้นาง“ข้าพยายามแนะนำผู้ชายให้เจ้าไม่สนใจสักคน ปีนี้เจ้าควรออกเรือนได้แล้ว ข้าจะลองหาดูสักคนให้เจ้า”“ขอให้ข้าได้ใช้ช่วงเวลาของข้าเถิดท่านแม่ จะตายวันตายพรุ่งก็หาได้รู้ไม่ ข้าไม่รีบร้อน เอาไว้ข้าค่อยแต่งตอนอายุยี่สิบเก้าปี หรือสามสิบปีก็ได้”“อายุสามสิบปีรึ! ใครจะมาเอาเจ้าเป็นภรรยา ตาย ๆ เจียลี่” มารดาโวยวาย ด้วยความที่ไม่อยากให้บุตรสาวดำเนินรอยตามตน และก็ไม่อยากให้เป็นอย่างน้องสาว ป่านนี้ไม่แต่งงานเสียที ลี่จิ่นกลับมาจากแคว้นเว่ยแล้วเมื่อวานนี้ ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ในเมือง ร่ำสุราในโรงเตี๊ยม คุณชายสามตามมาพบที่ร้านเหล้า ไม่เห็นพูดเรื่องแต่งงานกับผู้ใหญ่“ได้ยินว่าท่านอาหวัง วันก่อนชักชวนเจ้าไปร่ำสุรา เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”“ไม่เมาเจ้าค่ะ ดื่มเหล้าไม่กี่จอก นั่งเล่นชมทิวทัศน์ ชักชวนข้าสนทนาซะมากกว่า”“อ้อ งั้นหรือ”จินเยว่แทบไม่เชื่อหูว่าน้องเขยน่ะหรือจะไม่เมา ยังมองเห็นแก้มแดง ๆ ของบุตรสาว เลื่
นัยน์ตาลุ่มลึกมากล้นด้วยเสน่ห์ หลุบลงมองร่างผอมบาง นางตัวเล็กกว่าเขามาก ใบหน้าก็จิ้มลิ้ม แก้มน่าหยิก นางยืนเต็มเท้ายังสูงเพียงระดับบ่าของเขา“ข้าเกิดความรู้สึกเอ็นดูเจ้า มิใช่เพียงเรื่องบุญคุณที่เจ้าเฝ้าเอาใจใส่ข้า”“เรื่องอะไรเจ้าคะ?”“เจ้าช่างน่ารักใคร่... แก้มแดง ๆ ของเจ้า กลิ่นกายเจ้า เรือนผมของเจ้า... เย้ายั่วใจชาย...” ใต้รอยยิ้มมีลับลมคมใน เจียลี่หาได้รู้ใจท่านอา หากเป็นตรงกันข้ามกับท่านอา ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านดวงตาคู่สวยใส เต็มไปด้วยความรักใคร่หลงใหล แม้นางจะปฏิเสธเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า“ท่านอาขี้เมาเจ้าค่ะ”“ขี้เมา... แล้วเจ้าไม่ชอบข้าหรือ?”“นานครั้งสังสรรค์กับมิตรสหายคงไม่เป็นไร ถ้าหากว่าไม่เมาบ่อย ๆ จะดีกว่า...” แล้วนางจึงเงียบไป นัยน์ตาหลงใหลเฝ้ามองใบหน้าคร้ามคม บัดนี้แลดูมีชีวิตชีวาเพราะนาง ชายผู้นี้กลับมาหล่อเหลา รูปลักษณ์ตรึงใจสตรี เหมือนเมื่อคราวที่นางเคยริษยาท่านอาหญิง...ดวงใจเจ็บปวดรวดร้าวเฝ้ามองสองหนุ่มสาวโอบกอดพลอดรักกัน พวกเขาเป็นคู่ครองผู้เหมาะสมชนชั้นวรรณะ รูปลักษณ์งดงามราวกิ่งทองใบหยกนางเคยชิงชังท่านอาหญิงเท่าไร หาได้มีผู้ใดล่วงรู้ความลับของนาง ผ
“ลูกสาวของเจ้าเสียสละมาดูแลไอ้ขี้เมาอย่างข้าทุกวัน ข้าย่อมดูแลนางเป็นการตอบแทน ยามนี้นางอยู่ในวัยออกเรือน ชายมากหน้าหลายตาหวังจะเข้าหานาง ข้าเองก็กลัวว่าจะไม่มีข้าวกิน มิได้ดื่มสุราชั้นเลิศจากนางนำมาปรนเปรอข้าอยู่เสมอ เรื่องปากท้องสำคัญเท่าฟ้า ”ข้ออ้างเรื่องปากท้องฟังดูไม่สมเหตุสมผล ด้วยความเป็นเจ้าโรงงานถลุงแร่ภายใต้การดูแลผูกขาดของราชสำนัก ทำการค้าขายกับต่างแคว้นมากมาย ส่งบรรณาการให้กับกษัตริย์ราชวงศ์โจว หวังเฟยนั้นร่ำรวยมากพอสรรหาอาหารดี ๆ สุราชั้นเลิศเขาก็ฝากให้บ่าวไปเป็นธุระได้ เขาอาจเลี้ยงข้าวประชาชนทั้งหมู่บ้านสักสิบมื้อก็ยังมีเงินเหลือกินเหลือใช้ ไม่จำเป็นต้องมารอรับประทังปากท้องจากบุตรสาวสกุลเยี่ยเจียลี่สงสัยว่าท่านอามีความคิดอย่างไรกันแน่ ถึงเป็นห่วงนางขึ้นมา กระทั่งเขานั่งรถม้าไปส่งนางถึงหน้าจวน แม่ทัพหยางออกมารับห่อผ้าด้วยตนเอง เขาถือโอกาสทักทายท่านแม่ทัพ ประสามิตรสหายผู้เคยร่วมวงสุรานารี ก่อนจะขอตัวลาไปพร้อมเด็กสาวส่งผ้าผู้กลายเป็นคนสำคัญรถม้าที่ออกเดินทางไปพร้อมบ่าว นำพาความรู้สึกประหลาดในอกของหญิงสาว นางเป็นผู้เฝ้ามองเขามาโดยตลอด แม้ในยามหลับใหล ขนตางามงอนเป็นแพยาว
ท่านอาก้าวขึ้นรถม้า ยื่นมือช่วยเหลือนางผู้ยอมรับน้ำใจของเขา บอกให้บ่าวนำทางไปสกุลเยี่ย แก้มขาวนวลแดงระเรื่อ เมื่อเผลอสัมผัสฝ่ามือหนาหยาบของบุรุษผู้ทำงานหนักในโรงถลุงแร่“เรื่องอาหารวันพรุ่งนี้ เจ้าจะรับค่าจ้างเป็นเงิน... หรือเป็นน้ำใจจากข้า?”“ข้ารู้สึกเกรงใจท่านจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ข้าไม่อยากรับเงินจากท่าน ผู้คนจะว่าเอาได้ว่าข้าขี้งก รับเงินจากท่านยายไม่พอ ยังมารับจ้างส่งอาหารบ้านท่านอา”“แปลว่าเจ้ายินดีรับน้ำใจจากข้า”“อะไรหรือเจ้าคะ?” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคำถามอีกตามเคย ท่านอามิได้เมามายสุรา เขาหัวเราะเยาะนาง เปลี่ยนหัวข้อเจรจาเรื่องการมาพบเขาในคราวหน้า การเดินทางกลับบ้านของนาง ขอไม่ให้เกินตะวันตกดิน หากว่าเขาไม่ว่างไปส่งนาง ให้มีบ่าวรับใช้ของบ้านเขาตามไปกับนางด้วยทุกครั้ง--------------------------เจียลี่ไม่เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของท่านอาเขย หลายเดือนก่อนเขาสนใจไยดีนางเสียเมื่อไร ตอนนี้เขาเฝ้าตามติดนาง เอาใจนางราวกับว่าเป็นคนละคน นางพบท่านอาเขยเข้ามาพูดคุยกับท่านอาหญิงยามอู่ ท่านอาหญิงเพิ่งกลับมาจากแคว้นวุ่ย คุยโม้โอ้อวดเรื่องงานตบแต่งกับคุณชายผู้กำลังจะได้เป็นผู้ครองแคว้น
“เจ้าไปแจ้งสกุลเยี่ยด้วยว่าไม่ต้องนำผ้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่ใช่หญิงงามที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน วันละหลาย ๆ ชุด ให้ทันยุคสมัยตามใครเขาสวมใส่อะไร หากข้าอยากได้ผ้าเมื่อไร ข้าจะไปซื้อที่หน้าร้านด้วยตัวข้าเอง”“ข้าจะรีบกลับไปบอกผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”“ไม่ต้องรีบไป เจ้ากินให้อิ่มก่อน” หวังเฟยกำชับนาง ด้วยเห็นว่านางเป็นสตรีกินข้าวเชื่องช้า นั่นก็เป็นเรื่องดีของเขาอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเขาจะได้พบนางวันละหนึ่งมื้อเป็นเวลานาน เฝ้ามองนางคีบอาหารเข้าปากทีละคำ“วันนี้ข้าไม่ได้กลิ่นขี้วัว?”“ข้าเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่เจอพวกเด็ก ๆ แกล้งข้า...”“เด็กพวกนั้นถูกตามใจจนเคยตัว ควรได้รับโทษทัณฑ์ ฐานกลั่นแกล้งผู้อื่นเสียบ้าง ได้ยินว่าเป็นลูกหลานคหบดี ทำตัวเป็นนักเลงโตมานาน”หวังเฟยพอรู้มาบ้างว่านางถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำตั้งแต่เล็ก เพราะเรื่องขาของนางเป็นจุดสนใจ มารดาของนางไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคม อยู่ ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมาหลังสกุลเยี่ยเปิดกิจการขายผ้า เด็กชายกลุ่มหนึ่งละแวกบ้านของนางเติบโตเป็นวัยรุ่น ตั้งใจมาเฝ้ารอนาง หากวันไหนนางเดินเท้ากลับบ้าน“ข้าไม่เป็นไร ข้าชินแล้ว ท่านอย่าได้ไปสนใจพวกเขาเลย คุยเรื่องอื่นดีกว่า
นางตั้งคำถามในใจ จนมาถึงด้านหน้าเรือน พบชายในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนอนแผ่หราบนพื้นหญ้า ไหสีน้ำตาลอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าไหใบเล็กกลมได้กลายเป็นสตรีผู้เป็นที่รักยิ่ง นางตกใจลนลาน เข้าไปแบกเขาขึ้นบันไดไม้อย่างทุลักทุเล ถึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก เมื่อท่านอาตัวไม่หนักเท่าไร นางเคยพบชายร่างสูงกำยำกว่านี้ในโรงงานถลุงแร่บ่าวรับใช้ทั้งสองก็เข้ามาช่วยเหลือนาง อีกสองกำลังวิ่งวุ่นในเรือน หวังเฟยคงร่ำสุรามากไป เขาลุกขึ้นโวยวายหน้าแดงก่ำ ไล่ตะเพิดบ่าวให้ออกไปให้หมด ให้เหลือแค่เจียลี่ นางรีบนำชามาวางไว้บนโต๊ะข้างฟูกนอนเขา“โธ่... ท่านอา ท่านเมาเละเทะแล้ว”“อะไรกับข้านักเล่า... เจียลี่!”“ท่านโวยวาย เรียกข้า?” ปลายนิ้วชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ เจียลี่จำได้ว่าท่านอาเมามายเมื่อไรมักเรียกหาแต่ท่านอาหญิง ลี่จิ่น เจ้าไปไหน เจ้ากล้าทิ้งข้าเรอะ! นังแพศยา หญิงโฉดชั่ว โป้ปดลวงโลก อะไรสักอย่างนางก็ฟังไม่ถนัดหูนัก ลึก ๆ นางคงดีใจที่เขาเรียกหานาง ไม่ด่าทอนางเป็นหลานสาวนังแพศยา ไล่ตะเพิดนางไปพร้อมกับบ่าวชุดใหม่ทั้งสามคน“แปลว่าท่านยังไม่เมา ท่านเอาเหล้าอีกไหม? ข้าจะไปเอามาให้ท่านดื่ม”“เจ้า... กล้าประชดข้าห
“ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป”“ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก“เอาเถอะ เจ้าคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า”เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามารมณ์ด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน”“อย่างไรถึงจะเหมาะ?”“อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอาแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ”“เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว”กว่าเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเ
ท่านอามิได้เมามาย เฝ้ามองนางวางจอกสุราลงบนโต๊ะ นางออกไปเรียกบ่าวรับใช้คนใหม่ให้เข้ามาจัดวางสำรับอาหารเย็น ให้พวกเขาดูแลเสื้อผ้า เรือนหลังนี้ให้สะอาดเอี่ยม นางผลักประตูที่เปิดอ้ากว้างกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง“ข้าไปตักน้ำอาบไว้ให้ท่าน บ่าวทั้งสองคน ข้าขออนุญาตสอนงานพวกเขา...”“ตามใจเจ้า ข้าจะไปห้ามอะไรได้ เจ้าอยากมาเจ้าก็โผล่มาทุกวัน ให้ข้ารำคาญใจ”“หมดหน้าที่ของข้าเมื่อไร ข้าคงไม่มารบกวนใจท่าน เพียงแต่ข้าอาจถือโอกาสส่งอาหารมานาน ๆ ครั้งหากว่าท่านอยากกินฝีมือข้า จะไม่ให้ผู้ใดนำมา” นางเห็นบ่าวรับใช้วางอาหารไว้ให้ท่านอาเรียบร้อยดี จึงนั่งลงบนพื้นเยียบเย็น ท่านอาขมวดคิ้วมุ่นมองนางว่านางจะทำอะไร กระทั่งเห็นนางสะบัดแขนเสื้อขึ้นหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้ จิ้มลงไปทุกอัน ตัดอาหารชิ้นเล็กเพื่อชิมมันก่อน ปฏิบัติต่ออาหารราวกับว่าท่านอาเป็นกษัตริย์ นางหันไปบอกท่านอาที่กอดไหสุรา นั่งนิ่งอึ้งมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตน“เผื่อมีผู้ลอบวางยาพิษท่านอา เจียลี่ยินดีสละชีวิต เพื่อทดแทนบุญคุณท่าน”--------------------------หลังจากคืนนั้นหวังเฟยมิได้ร่ำสุราลดน้อยลง ราวกับว่าการเมามายได้กลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแ
เจียลี่ไม่ได้โกหกแม้สักคำเดียว องุ่นสดและผลไม้อีกหลายชนิดจะต้องซื้อจากตลาดแต่รุ่งเช้า ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ลี่จิ่นไม่ใช่คนขยัน ไม่ตื่นแต่เช้า บางค่ำคืนก็เมาสุรา อุดอู้บนฟูกนอนจนสายโด่งหวังเฟยรู้มานานแล้วว่าหลานสาวคนเล็กสกุลเยี่ย เป็นแรงงานสำคัญ เจียลี่ทำงานตัวเป็นเกลียวราวกับผู้ยากไร้ไม่เคยพบเห็นเงินมาก่อนในชีวิตของนาง จึงได้รับค่าจ้างมากที่สุด สุรากลั่นชั้นดีในมือของเขานี้ยังไม่พบในแคว้นฉิน เพียงเปิดขวดก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วถึง เขาทั้งดื่มดมมันอย่างสำราญใจ นึกถึงบรรดามิตรสหายจะต้องชอบพอสุราขวดนี้อย่างแน่นอน“เหล้าซีเฟิ้งเป็นสุราที่ดีที่สุด สุราเลื่องชื่อชนิดนี้ หาใช่ว่าจะมีโอกาสดื่มกินมันง่าย ๆ เป็นสุราสำหรับชนชั้นสูง คนร่ำรวยนำมันมาจากแคว้นจ้าว การเดินทางด้วยรถม้าใช้ระยะเวลาร่วมเดือน มันมีราคาสูงมากในตลาด”นางไปได้มาอย่างไร เป็นคำถามของเขาเสียมากกว่านางเอาอกเอาใจเขาด้วยเหตุใด หวังเฟยหันไปปรึกษาบ่าวที่เข้ามาส่งสุราขวดใหม่ สภาพห้องของเขาแลดูเรียบร้อยดี ผิดจากก่อนหน้าที่นางจะมาดูแลเขา“แม่นางเป็นผู้มีหน้าตามีตลาด ใครต่างก็รู้จักนาง ข้าคิดว่าคงไม่ยากสำหรับนางขอรับนายท่าน”“อืม ข้าก็ว่าเ