ชายและหญิงสองผู้นี้อยู่ใกล้กันมาก หลินซวงเอ๋อร์กลั้นลมหายใจไว้ นางขมวดคิ้วเก้าอี้ตัวนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และด้วยเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ที่มีร่างกายขนาดใหญ่ พวกเขานั่งด้วยกัน เก้าอี้ตัวนั้นค่อนข้างแคบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ร่างผอมเพรียวของของหลินซวงเอ๋อร์ถูกบีบไปที่มุมเก้าอี้ ชายที่อยู่ข้างกายนางมีลมหายใจที่ถี่และร้อนหลินซวงเอ๋อร์จับพูดกันไว้แน่น นางกังวลมากจนนางไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไรแต่นางรู้ดี เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบนางโง่เกินไป หากนางเขียนไม่ได้อีกละก็ เขาจะต้องโกรธอีกครั้งแน่นอนหลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น นางมองเขาอย่างเขินอาย“ท่านอ๋อง……”เยี่ยเป่ยเฉิงลดสายตาลงและสบตานาง เขาเห็นแววตาที่นางหมดปัญญาแสงเทียนริบหรี่กลายเป็นลำแสงรัศมีและตกลงมาบนร่างกายของหญิงสาวผู้นี้ ราวกับว่า ดวงดาวทุกดวงกำลังซ่อนอยู่ในดวงตาที่สดใสและบริสุทธิ์ของนางเยี่ยเป่ยเฉิงรีบถอนสายตาออก แต่เขาหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ“ทำไมหรือ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา“อักษรตัวนี้... ข้าน้อยลืมวิธีเขียน” เสียงของนางต่ำมากจนเยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะไม่ได้ยิน นางมีน้ำเสียงต่ำเช่นนี้ เพราะนางก
หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าขยับตัว นางทำได้เพียงปล่อยให้เขาพานางเขียนภายใต้การนำของเขาอย่างปาฏิหาริย์ ลายมือของหลินซวงเอ๋อร์ค่อย ๆ เป็นระเบียบ สม่ำเสมอและสวยงามหลังจากพานางฝึกเขียนมากกว่าสิบครั้ง หลินซวงเอ๋อร์จึงค่อย ๆ เข้าใจประเด็นสำคัญที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดเยี่ยเป่ยเฉิงค่อย ๆ ปล่อยมือของนาง การเคลื่อนไหวของหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้หยุด นางเขียนราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ พออ่านลายมือของนาง ลายมือของนางพอเหมือนเขาเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงขดริมฝีปากและแสดงสีหน้าที่พึงพอใจเขาจ้องมองนางและพยายามไม่รบกวนนาง แต่เขาเหลือบมองเห็นคอเสื้อของนางเปิดออกเล็กน้อยวันนี้หลินซวงเอ๋อร์ยุ่งเก็บของ แผ่นบังหน้าอกของนางเลยหลวมโดยไม่รู้ตัวนอกจากนี้ นางกับเยี่ยเป่ยเฉิงยังพัวพันอยู่ในห้องมาระยะหนึ่งแล้ว และกระดุมบนปกเสื้อของนางหลุดออกมาในเมื่อใดไม่ทราบเสื้อผ้าที่นางสวมไม่พอดีตัว เสื้อผ้าตัวนี้หลวม ๆ และใหญ่กว่าตัวนางตั้งหนึ่งเท่า คอเสื้อเลยกว้างกว่า นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็อยู่ใกล้เกินไป เยี่ยเป่ยเฉิงสูงกว่านางหนึ่งศีรษะด้วยซ้ำ เมื่อเขาลดสายตาลง เขาเห็นภาพอันยั่วยุของนางโดยบังเอิญคอของนางบา
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซวงเอ๋อร์เห็นเทศกาลโคมไฟที่คึกคักเช่นนี้ถนนฉางอันตกแต่งด้วยโคมไฟ ทั้งถนนก็เต็มไปด้วยโคมไฟสีแดงโคมไฟสีสันเหล่านั้นสวยงามมากวันนี้หลินซวงเอ๋อร์ตามเยี่ยเป่ยเฉิงไปนอกจวน เดิมทีหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกน่าเบื่อ จนกระทั่งนางมาถึงถนนฉางอาน นางเห็นร้านสุราและหอสูงติด ๆ กันที่ข้างถนน คนมืดฟ้ามัวดิน หลินซวงเอ๋อร์จึงเริ่มรู้สึกสนุกภายใต้บรรยากาศที่ืรื่นเริง นางมองไปรอบ ๆ ตลอดทาง และทุกครั้งที่เห็นสิ่งใหม่ ๆ นางก็อดไม่ได้ที่ต้องมองดูอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงเดินนำหน้า แต่เขาห่างจากนางเพียงก้าวเดียว เขาเดินช้า ๆ และมองตรงไปข้างหน้า ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจสิ่งรอบตัวเขา เขาเพียงแค่มาเดินเล่นเพื่อคลายความเหนื่อยล้าหลินซวงเอ๋อร์เดิมตามเขาอย่างใกล้ชิดโดยถือขนมร้อน ๆ ไว้ในมือ ซึ่งเป็นรสชาติโปรดของนางแต่นางเสียดายเงินและไม่อยากเปลืองเงิน เย่เป่ยเฉิงอยากกินต่างหาก ดังนั้นเขาจึงให้เงินนาง ให้นางไปซื้อขนมนี้มา แต่พอซื้อมา เขากลับบอกนางว่า เขาไม่อยากกินแล้วเพื่อไม่เปลือง หลินซวงเอ๋อร์จึงรับไว้และกินเองในเวลานี้ ถนนฉางอานอยู่ในช่วงที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุด เพราะจุดโคมไฟหลายอัน แสงไฟสวย
ชาวบ้านรอบข้างพากันกระซิบกัน "นั่นน่ะสิ คุณชายท่านนี้พูดเช่นนี้ ช่างโหดเหลือเกิน ดูสิ แม่นางผู้นี้เสียใจขนาดไหน มิเช่นนั้น คุณชายใจกว่างหน่อย ขอโทษนางละกัน"เยี่ยเป่ยเฉิงเกลียดการถูกบังคับเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองกระเป๋าเงินในมือของนางอย่างเย็นชา เขาประชด "กระเป๋าเงินที่ไร้รสนิยมเช่นนี้ เจ้ามอบให้ผู้อื่นเลย"หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่ต้องมองดูกระเป๋าเงินในมือของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งด้ายทองและเส้นเงินเป็นสิ่งล้ำค่า และเป็ดแมนดารินที่เล่นน้ำเหมือนตัวจริงอย่างมาก หากนำไปขายที่ตลาด มันจะมีมูลค่าอย่างน้อยสิบตำลึงเงินหลินซวงเอ๋อร์ชแอบกำกระเป๋าเงินในมือแน่น นางใช้ด้ายหยาบและผ้าลินิน ซึ่งกระเป๋าเงินของนางไม่สามารถแสดงให้คนอื่นเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เข้าสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงการที่ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงรังเกียจเช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกละอายใจและโกรธ แต่นางก็ไม่สามารถโกรธต่อหน้าทุกคนนางเป็นลูกสาวของเศรษฐีที่มีชื่อเสียง ตระกูลของนางมีเงินมากมาย อาหารการกิน เสื้อผ้าที่นางสวนและของที่นางใช้ล้วนเป็นของชั้นนำทั้งนั้น แม้แต่กระเป๋าเงินใบนี้ก็ทำจากอวิ๋นจิ่น (อวิ๋นจิ่นเป็น 1 ใน 4 ศิลปะผ้าปักดอ
ในฐานะที่เป็นเศรษฐีที่รวยมหาศาล เขาไม่ทุจริตได้อย่างไร?เยี่ยเป่ยเฉิงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ให้ครอบครัวของเศรษฐีหวังมีโอกาสพลิกตัวหลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจกฎหมายของต้าซ่ง แต่นางรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นเย่อหยิ่งไปหน่อย นางไม่เข้าใจทำไมเยี่ยเป่ยเฉิงถึงต้องการลงโทษ เศรษฐีหวัง ดังนั้นนางจึงถาม "ทำไมท่านถึงต้องการสอบสวนเศรษฐีหวังอย่างละเอียด"ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐีหวังไม่ได้ทำให้เขาขุ่นเคืองเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าเกลียดผู้ที่ทุจริตและติดสินบนที่สุด หากมันทำค้าขายถูกฎหมายเสียจริง นางคงไม่ฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากสอนลูกได้ไม่ดี นั่นเป็นความผิดของพ่อ"เมื่อดูจาการแต่งกายล์ของหญิงสาวผู้นั้นแล้ว แม้แต่นางสนมในวังก็ไม่สามารถหรูหราเช่นนั้นได้นัก ยิ่งกว่านั้น เขาได้ยินมานานแล้วว่ามีผู้เห็นแก่ตัวอยู่ฝูงหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในถนนฉางอัน พวกเขารวบรวมกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซื้อและขายตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ ผูกขาดตลาด เพื่อหากำไรจากมัน และเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาในบรรดาผู้เห็นแก่ตัวที่ดูดกระดูกและเลือดของประชาชนนั้นมีเศรษฐีหวังจุดประสงค์ข
หลินซวงเอ๋อร์คิดว่าบางทีคำตอบของนางอาจไม่แน่งแน่พอ นางจึงรีบพูดเสริม "ไม่เจ็บจริง ๆ "ถึงกระนั้น สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงยังไม่ดีขึ้น และเขาพุดจริงจังเล็กน้อย "เมื่อครู่ทำไมเจ้าไม่ต่อสู้กลับล่ะ"สู้กลับหรือหลินซวงเอ๋อร์เคยพยายามต่อสู้กลับเช่นกัน เมื่อชิวจวี๋ตีนาง นางเคยต่อสู้กลับด้วย แต่สิ่งที่นางได้รับเคือความลำเอียงของท่านป้าหลี่และการแก้แค้นที่ป่าเถื่อนมากขึ้นของชิวจวี๋ต่อมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าต่อสู้กลับ หลังจากคิดไปคิดมาแล้ว บางทีพวกนางอาจจะระบายความโกรธออกมา ก็จะไม่เป็นไรแล้ว อย่างน้อยด้วยวิธีนี้นางก็จะถูกทุบตีน้อยลงหลินซวงเอ๋อร์ก้มศีรษะลงและไม่ตอบกลับ“ตอบ” เขาโกรธเล็กน้อย เสียงนั้นผสมกับความเย็นชาลึก ๆ“วันนี้ข้าพาเจ้ามาที่นี่ ไม่ได้พามาเพื่อให้เจ้าถูกคนอื่นตี เจ้าต้องได้ประสบการณ์จากเรื่องนี้”เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองอย่างใกล้ชิด หลินซวงเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบ "หากข้าน้อยสู้กลับ ข้ากลัวว่าข้าจะถูกทุบตีอย่างรุนแรงกว่านี้ หากข้าน้อยไม่สู้กลับ ข้าน้อยอาจจะได้รับความเจ็บน้อยลง"เสียงของนางต่ำมากจนเยี่ยเป่ยเฉิงสงสัยว่าเขาฟังผิด "เจ้าพูดอะไรนะ"หลินซวงเอ๋อร์หายใจเ
เยี่ยเป่ยเฉิงจับมือนาง และพานางเดินไปที่แผงขายขนมภาพวาดจากน้ำตาล เขาถามนาง "เจ้าชอบอันไหน"เมื่อเห็นนางไม่ตอบ เยี่ยเป่ยเฉิงชี้ไปที่ขนมรูปกระต่ายที่ทำจากน้ำตาลในมือของพ่อค้าแล้วถามนาง "ชอบตัวนี้หรือ"เมื่อครู่เดินผ่านที่ที่ เขาสังเกตหลินซวงเอ๋อร์จ้องไปที่กระต่ายตัวนี้ตลอด เขาเลยรู้ว่านางต้องชอบกระต่ายตัวนี้มากที่สุดพ่อค้าเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงถามเช่นนี้ เขารีบเอาขนมภาดวาดจากน้ำตาลรูปกระต่ายให้เยี่ยเป่ยเฉิง "คุณชายท่านนี้ฉลาดจริง ๆ กระต่ายตัวนี้ไม่ใช่กระต่ายธรรมดา มันเป็นกระต่ายในอ้อมแขนของเทพธิดาฉางเอ๋อของวังพระจันทร์"“อ้าว นั่นคงจะแพงมากสินะ” หลินซวงเอ๋อร์รีบเอามือกลับ“ไม่แพง ไม่แพงหรอกน่ะ แค่สิบเหรียญทองแดงเท่านั้น” พ่อค้าเงยหน้าขึ้นมองหลินซวงเอ๋อร์ เขาประหลาดใจทันทีเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองหลินซวงเอ๋อร์ เขาอดไม่ได้ที่ต้องชม “คุณชายน้อยนี่หล่อมาก”หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อนางได้รับคำชม รอยยิ้มเล็กน้อยตามปกติของนางปรากฏบนริมฝีปากของนาง และมีลักยิ้มลูกแพร์เล็ก ๆ สองอันปรากฏขึ้นที่ทั้งสองข้างของปากในดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิง รอยยิ้มเล็กน้อยนี้ราวกับพระจันทร์ที่กำลังขึ้นในทะเ
นางมักจะมีเสน่ห์เย้ายวนที่ทำให้คนหลงไหล ซึ่งทำให้ผู้คนอยากเข้าใกล้และครอบครองนาง...ความรู้สึกแปลก ๆ ในใจก็เข้ามาในหัวใจของเขาอีกครั้งอาจเป็นเพราะดวงตาของเขาร้อนจัดจนคนรอบข้างสังเกตสายตาของเขาทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์หันหน้า นางก็ตกอยู่ในดวงตาที่ลึกและไร้ขอบเขตของเยี่ยเป่ยเฉิงนางตกใจอยู่ครู่หนึ่งและรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อย ๆ จางหายไปในการสลับกันของแสงและความมืด นางเห็นเขาราวกับกำลังคิดเรื่องอย่างอื่นอยู่ และเหมือนกำลังสับสนเรื่องอันใดอยู่ ในที่สุดนางเรียกเขาเบา ๆ " ท่านอ๋อง"เยี่ยเป่ยเฉิงจึงมีสติอีกครั้ง ลูกกระเดือกของเขากลิ้งขึ้น ๆ ลง ๆ แต่เขายังคงไม่อยากมองไปทางอื่นหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกสับสน นางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองเช่นนี้ ซึ่งทำให้นางหวาดกลัว“ ทำไมท่านอ๋องจ้องมองข้าน้อย” ขณะที่หลินซวงเอ๋อร์พูด นางไม่ลืมเลียขนมภาพวาดจากน้ำตาสลของนางนางหรี่ตาลงเล็กน้อย ขนมนี้หวานมาก...เยี่ยเป่ยเฉิงมองขนมภาพวาดจากน้ำตาลในมือของนางทันที...หลินซวงเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้สึกเขาคงอยากกินขนมในมือของนางอยู่นะหลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางถามเยี่ยเป่ยเฉิง " ท่านอ๋อง อยากกินขนมภาพ
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ