ชาวบ้านรอบข้างพากันกระซิบกัน "นั่นน่ะสิ คุณชายท่านนี้พูดเช่นนี้ ช่างโหดเหลือเกิน ดูสิ แม่นางผู้นี้เสียใจขนาดไหน มิเช่นนั้น คุณชายใจกว่างหน่อย ขอโทษนางละกัน"เยี่ยเป่ยเฉิงเกลียดการถูกบังคับเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองกระเป๋าเงินในมือของนางอย่างเย็นชา เขาประชด "กระเป๋าเงินที่ไร้รสนิยมเช่นนี้ เจ้ามอบให้ผู้อื่นเลย"หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่ต้องมองดูกระเป๋าเงินในมือของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งด้ายทองและเส้นเงินเป็นสิ่งล้ำค่า และเป็ดแมนดารินที่เล่นน้ำเหมือนตัวจริงอย่างมาก หากนำไปขายที่ตลาด มันจะมีมูลค่าอย่างน้อยสิบตำลึงเงินหลินซวงเอ๋อร์ชแอบกำกระเป๋าเงินในมือแน่น นางใช้ด้ายหยาบและผ้าลินิน ซึ่งกระเป๋าเงินของนางไม่สามารถแสดงให้คนอื่นเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เข้าสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงการที่ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงรังเกียจเช่นนี้ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกละอายใจและโกรธ แต่นางก็ไม่สามารถโกรธต่อหน้าทุกคนนางเป็นลูกสาวของเศรษฐีที่มีชื่อเสียง ตระกูลของนางมีเงินมากมาย อาหารการกิน เสื้อผ้าที่นางสวนและของที่นางใช้ล้วนเป็นของชั้นนำทั้งนั้น แม้แต่กระเป๋าเงินใบนี้ก็ทำจากอวิ๋นจิ่น (อวิ๋นจิ่นเป็น 1 ใน 4 ศิลปะผ้าปักดอ
ในฐานะที่เป็นเศรษฐีที่รวยมหาศาล เขาไม่ทุจริตได้อย่างไร?เยี่ยเป่ยเฉิงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ให้ครอบครัวของเศรษฐีหวังมีโอกาสพลิกตัวหลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจกฎหมายของต้าซ่ง แต่นางรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นเย่อหยิ่งไปหน่อย นางไม่เข้าใจทำไมเยี่ยเป่ยเฉิงถึงต้องการลงโทษ เศรษฐีหวัง ดังนั้นนางจึงถาม "ทำไมท่านถึงต้องการสอบสวนเศรษฐีหวังอย่างละเอียด"ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐีหวังไม่ได้ทำให้เขาขุ่นเคืองเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าเกลียดผู้ที่ทุจริตและติดสินบนที่สุด หากมันทำค้าขายถูกฎหมายเสียจริง นางคงไม่ฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากสอนลูกได้ไม่ดี นั่นเป็นความผิดของพ่อ"เมื่อดูจาการแต่งกายล์ของหญิงสาวผู้นั้นแล้ว แม้แต่นางสนมในวังก็ไม่สามารถหรูหราเช่นนั้นได้นัก ยิ่งกว่านั้น เขาได้ยินมานานแล้วว่ามีผู้เห็นแก่ตัวอยู่ฝูงหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในถนนฉางอัน พวกเขารวบรวมกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซื้อและขายตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ ผูกขาดตลาด เพื่อหากำไรจากมัน และเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาในบรรดาผู้เห็นแก่ตัวที่ดูดกระดูกและเลือดของประชาชนนั้นมีเศรษฐีหวังจุดประสงค์ข
หลินซวงเอ๋อร์คิดว่าบางทีคำตอบของนางอาจไม่แน่งแน่พอ นางจึงรีบพูดเสริม "ไม่เจ็บจริง ๆ "ถึงกระนั้น สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงยังไม่ดีขึ้น และเขาพุดจริงจังเล็กน้อย "เมื่อครู่ทำไมเจ้าไม่ต่อสู้กลับล่ะ"สู้กลับหรือหลินซวงเอ๋อร์เคยพยายามต่อสู้กลับเช่นกัน เมื่อชิวจวี๋ตีนาง นางเคยต่อสู้กลับด้วย แต่สิ่งที่นางได้รับเคือความลำเอียงของท่านป้าหลี่และการแก้แค้นที่ป่าเถื่อนมากขึ้นของชิวจวี๋ต่อมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าต่อสู้กลับ หลังจากคิดไปคิดมาแล้ว บางทีพวกนางอาจจะระบายความโกรธออกมา ก็จะไม่เป็นไรแล้ว อย่างน้อยด้วยวิธีนี้นางก็จะถูกทุบตีน้อยลงหลินซวงเอ๋อร์ก้มศีรษะลงและไม่ตอบกลับ“ตอบ” เขาโกรธเล็กน้อย เสียงนั้นผสมกับความเย็นชาลึก ๆ“วันนี้ข้าพาเจ้ามาที่นี่ ไม่ได้พามาเพื่อให้เจ้าถูกคนอื่นตี เจ้าต้องได้ประสบการณ์จากเรื่องนี้”เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองอย่างใกล้ชิด หลินซวงเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบ "หากข้าน้อยสู้กลับ ข้ากลัวว่าข้าจะถูกทุบตีอย่างรุนแรงกว่านี้ หากข้าน้อยไม่สู้กลับ ข้าน้อยอาจจะได้รับความเจ็บน้อยลง"เสียงของนางต่ำมากจนเยี่ยเป่ยเฉิงสงสัยว่าเขาฟังผิด "เจ้าพูดอะไรนะ"หลินซวงเอ๋อร์หายใจเ
เยี่ยเป่ยเฉิงจับมือนาง และพานางเดินไปที่แผงขายขนมภาพวาดจากน้ำตาล เขาถามนาง "เจ้าชอบอันไหน"เมื่อเห็นนางไม่ตอบ เยี่ยเป่ยเฉิงชี้ไปที่ขนมรูปกระต่ายที่ทำจากน้ำตาลในมือของพ่อค้าแล้วถามนาง "ชอบตัวนี้หรือ"เมื่อครู่เดินผ่านที่ที่ เขาสังเกตหลินซวงเอ๋อร์จ้องไปที่กระต่ายตัวนี้ตลอด เขาเลยรู้ว่านางต้องชอบกระต่ายตัวนี้มากที่สุดพ่อค้าเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงถามเช่นนี้ เขารีบเอาขนมภาดวาดจากน้ำตาลรูปกระต่ายให้เยี่ยเป่ยเฉิง "คุณชายท่านนี้ฉลาดจริง ๆ กระต่ายตัวนี้ไม่ใช่กระต่ายธรรมดา มันเป็นกระต่ายในอ้อมแขนของเทพธิดาฉางเอ๋อของวังพระจันทร์"“อ้าว นั่นคงจะแพงมากสินะ” หลินซวงเอ๋อร์รีบเอามือกลับ“ไม่แพง ไม่แพงหรอกน่ะ แค่สิบเหรียญทองแดงเท่านั้น” พ่อค้าเงยหน้าขึ้นมองหลินซวงเอ๋อร์ เขาประหลาดใจทันทีเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองหลินซวงเอ๋อร์ เขาอดไม่ได้ที่ต้องชม “คุณชายน้อยนี่หล่อมาก”หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อนางได้รับคำชม รอยยิ้มเล็กน้อยตามปกติของนางปรากฏบนริมฝีปากของนาง และมีลักยิ้มลูกแพร์เล็ก ๆ สองอันปรากฏขึ้นที่ทั้งสองข้างของปากในดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิง รอยยิ้มเล็กน้อยนี้ราวกับพระจันทร์ที่กำลังขึ้นในทะเ
นางมักจะมีเสน่ห์เย้ายวนที่ทำให้คนหลงไหล ซึ่งทำให้ผู้คนอยากเข้าใกล้และครอบครองนาง...ความรู้สึกแปลก ๆ ในใจก็เข้ามาในหัวใจของเขาอีกครั้งอาจเป็นเพราะดวงตาของเขาร้อนจัดจนคนรอบข้างสังเกตสายตาของเขาทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์หันหน้า นางก็ตกอยู่ในดวงตาที่ลึกและไร้ขอบเขตของเยี่ยเป่ยเฉิงนางตกใจอยู่ครู่หนึ่งและรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อย ๆ จางหายไปในการสลับกันของแสงและความมืด นางเห็นเขาราวกับกำลังคิดเรื่องอย่างอื่นอยู่ และเหมือนกำลังสับสนเรื่องอันใดอยู่ ในที่สุดนางเรียกเขาเบา ๆ " ท่านอ๋อง"เยี่ยเป่ยเฉิงจึงมีสติอีกครั้ง ลูกกระเดือกของเขากลิ้งขึ้น ๆ ลง ๆ แต่เขายังคงไม่อยากมองไปทางอื่นหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกสับสน นางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองเช่นนี้ ซึ่งทำให้นางหวาดกลัว“ ทำไมท่านอ๋องจ้องมองข้าน้อย” ขณะที่หลินซวงเอ๋อร์พูด นางไม่ลืมเลียขนมภาพวาดจากน้ำตาสลของนางนางหรี่ตาลงเล็กน้อย ขนมนี้หวานมาก...เยี่ยเป่ยเฉิงมองขนมภาพวาดจากน้ำตาลในมือของนางทันที...หลินซวงเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้สึกเขาคงอยากกินขนมในมือของนางอยู่นะหลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางถามเยี่ยเป่ยเฉิง " ท่านอ๋อง อยากกินขนมภาพ
ห้ามสิ้นเปลืองหรือเมื่อครู่นี้เขาจ่ายนพ่อค้าอย่างไม่เสียดายเงินด้วยเงินครึ่งตำลึงเงิน ทำไมเขาไม่ว่าตัวเองเปลืองล่ะนอกจากนี้ เขากินขนมเกือบหมดแล้ว แต่เขายังสั่งนางกินต่อ“ทำไม รังเกียจข้าหรือ” เมื่อเห็นนางไม่รับขนม ใบหน้าของ เยี่ยเป่ยเฉิงก็มืดลงเขาไม่ได้เกลียดนางเลย แต่นางกลับ...เมื่อเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงจะโกรธอีกครั้ง หลินซวงเอ๋อร์รีบรับขนมจากมือของเยี่ยเป่ยเฉิง เหลือบมองเขาอย่างหวาดกลัว และในที่สุดก็ใส่ขนทเข้าไปในปากของนางอย่างลังเลเมื่อเห็นว่าในที่สุดนางยอมกินขนมที่เขากินแล้ว สีหน้าอันหมอง เยี่ยเป่ยเฉิงจึงอ่อนลงเยี่ยเป่ยเฉิงพูดอย่างเงียบ ๆ "ต้องกินให้หมด ห้ามเปลือง"หลินซวงเอ๋อร์ "..."ในที่สุดนางกินลูกกวาดให้หมด และยังมีอีกสองอันที่ยังไม่ได้เปิดอยู่ในมือของนาง แต่หลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธที่จะกินต่อนี่เป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดในตอนกลางคืน แสงไฟบนชายฝั่งสว่างไสว และแสงเทียนสะท้อนบนทะเลสาบสีฟ้าทั่วทั้งทะเลสาบก็กลายเป็นสีสันหลินซวงเอ๋อร์กำลังนั่งยอง ๆ บนชายฝั่ง นางมองดูดอกบัวบนทะเลสาบด้วยความมึนงง จู่ ๆ เรือสำราญก็เข้ามาใกล้“ท่านทั้งสองคนอยากไปล่องเรือในทะเลสาบไหม คืนนี้แส
แต่คืนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงไม่อยากดื่มสุรา และเขาไม่ชอบนักเต้นเข้าใกล้เขามากเกินไป กลิ่นแป้งบนตัวของนางทำให้เขาอึดอัดมากเยี่ยเป่ยเฉิงผลักจอกสุราที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า "คืนนี้รับใช้นางผู้เดียวให้ดี ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น"นักเต้นทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์หลินซวงเอ๋อร์กำลังกินของอร่อย ๆ ที่อยู่บนโต๊ะ นางไม่ทันกลืนอาหาร นางเห็นพี่สาวสองคนนั้นมองนาง นางจึงยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ต้องรับใช้ข้าเช่นกัน"อาหารใส่เต็มปากของนาง ทำให้ใบหน้าอันเล็ก ๆ ของนางที่ใหญ่เท่าฝ่ามือก็กลายเป็นหน้ากลม ๆเงินตั้งสิบตำลึงเงิน นางต้องกินให้คุ้มนักเต้นสองคนเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่สุราและไม่รับประทานอาหาร พวกนางมองหน้ากันและลุกขึ้น จากนั้นพากันเดินถอยออกจากห้องทันใดนั้น มีเพียงเยี่ยเป่ยเฉิงและหลินซวงเอ๋อร์เท่านั้นที่เหลืออยู่ในห้องภาพวาดรอบข้าง ๆ เงียบสงบ มีแต่เสียงไม้พายกระทบน้ำเป็นครั้งคราว“ ท่านอ๋องไม่ทานหรือ” อาหารเต็มโต๊ะ นางกินไม่หมด นางจึงอดไม่ได้ที่ต้องชักชวนเย่เยี่ยเป่ยเฉิง เพื่อให้เขากินบ้างเช่นกัน“ข้าไม่หิว เจ้า...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ เยี่ยเป่ยเฉิงคว้าข้อมือของนางไว้ทันทีขาไก
อาวุธมีคมทะลุผ่านอากาศและเจาะร่างกายของหลินซวงเอ๋อร์อย่างหนักเสียงของของหลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะติดอยู่ในลำคอของนางในขณะนั้น เสียงของนางเบาและกระพือ และเสียงนั้นหยุดกะทันหันนางมองเลือดที่ค่อย ๆ กระจายบนหน้าอกของนางอย่างไม่เชื่อ จากนั้นาง นางค่อย ๆ ล้มหลายหลังขณะที่หลินซวงเอ๋อร์ล้มหงายหลัง เยี่ยเป่ยเฉิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขาร่างกายผอมเพรียวราวไม่มีกระดูกและเบาราวกับขนนก ไม่ต้องพูดถึงการถือดาบ แม้แต่การแบกถังน้ำก็ลำบากแต่เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอคนนี้พยายามปกป้องเขาด้วยชีวิตของนางในช่วงเวลาวิกฤติจริง ๆเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วอย่างดุเดือดใครให้นางปกป้องล่ะเขาอยู่ในสนามรบกับท่านพ่อของเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เขาเคยผ่านแม่น้ำเลือด และเคยเดินผ่านกองคนตาย เขาเคยตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทุกอย่าง แล้วทำไมเขาถึงต้องการให้นางปกป้องเขาล่ะเยี่ยเป่ยเฉิงโกรธและวิตกกังวล เขารู้สึกหัวใจของเขาเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงครั้งแล้วครั้งเล่า และความเจ็บปวดก็ปะทุขึ้นเป็นคลื่น อารมณ์ในดวงตาของเขาช่างท่วมท้นและซับซ้อนจนอธิบายไม่ได้“เด็กโง่ เจ้าไม่ต้องปกป้องข้า”เมื่อก่อนเยี่ยเ