Share

บทที่ 71

Penulis: พิณเคล้าสายฝน
ในฐานะที่เป็นเศรษฐีที่รวยมหาศาล เขาไม่ทุจริตได้อย่างไร?

เยี่ยเป่ยเฉิงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ให้ครอบครัวของเศรษฐีหวังมีโอกาสพลิกตัว

หลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจกฎหมายของต้าซ่ง แต่นางรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นเย่อหยิ่งไปหน่อย นางไม่เข้าใจทำไมเยี่ยเป่ยเฉิงถึงต้องการลงโทษ เศรษฐีหวัง ดังนั้นนางจึงถาม "ทำไมท่านถึงต้องการสอบสวนเศรษฐีหวังอย่างละเอียด"

ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐีหวังไม่ได้ทำให้เขาขุ่นเคือง

เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าเกลียดผู้ที่ทุจริตและติดสินบนที่สุด หากมันทำค้าขายถูกฎหมายเสียจริง นางคงไม่ฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากสอนลูกได้ไม่ดี นั่นเป็นความผิดของพ่อ"

เมื่อดูจาการแต่งกายล์ของหญิงสาวผู้นั้นแล้ว แม้แต่นางสนมในวังก็ไม่สามารถหรูหราเช่นนั้นได้นัก ยิ่งกว่านั้น เขาได้ยินมานานแล้วว่ามีผู้เห็นแก่ตัวอยู่ฝูงหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในถนนฉางอัน พวกเขารวบรวมกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซื้อและขายตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ ผูกขาดตลาด เพื่อหากำไรจากมัน และเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา

ในบรรดาผู้เห็นแก่ตัวที่ดูดกระดูกและเลือดของประชาชนนั้นมีเศรษฐีหวัง

จุดประสงค์ข
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Naphaphan Nb
คำผิดตลอด อยากให้แก้ไข
goodnovel comment avatar
Wilasinee Runsan
ฉันชอบอ่าน
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 72

    หลินซวงเอ๋อร์คิดว่าบางทีคำตอบของนางอาจไม่แน่งแน่พอ นางจึงรีบพูดเสริม "ไม่เจ็บจริง ๆ "ถึงกระนั้น สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงยังไม่ดีขึ้น และเขาพุดจริงจังเล็กน้อย "เมื่อครู่ทำไมเจ้าไม่ต่อสู้กลับล่ะ"สู้กลับหรือหลินซวงเอ๋อร์เคยพยายามต่อสู้กลับเช่นกัน เมื่อชิวจวี๋ตีนาง นางเคยต่อสู้กลับด้วย แต่สิ่งที่นางได้รับเคือความลำเอียงของท่านป้าหลี่และการแก้แค้นที่ป่าเถื่อนมากขึ้นของชิวจวี๋ต่อมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าต่อสู้กลับ หลังจากคิดไปคิดมาแล้ว บางทีพวกนางอาจจะระบายความโกรธออกมา ก็จะไม่เป็นไรแล้ว อย่างน้อยด้วยวิธีนี้นางก็จะถูกทุบตีน้อยลงหลินซวงเอ๋อร์ก้มศีรษะลงและไม่ตอบกลับ“ตอบ” เขาโกรธเล็กน้อย เสียงนั้นผสมกับความเย็นชาลึก ๆ“วันนี้ข้าพาเจ้ามาที่นี่ ไม่ได้พามาเพื่อให้เจ้าถูกคนอื่นตี เจ้าต้องได้ประสบการณ์จากเรื่องนี้”เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองอย่างใกล้ชิด หลินซวงเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบ "หากข้าน้อยสู้กลับ ข้ากลัวว่าข้าจะถูกทุบตีอย่างรุนแรงกว่านี้ หากข้าน้อยไม่สู้กลับ ข้าน้อยอาจจะได้รับความเจ็บน้อยลง"เสียงของนางต่ำมากจนเยี่ยเป่ยเฉิงสงสัยว่าเขาฟังผิด "เจ้าพูดอะไรนะ"หลินซวงเอ๋อร์หายใจเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 73

    เยี่ยเป่ยเฉิงจับมือนาง และพานางเดินไปที่แผงขายขนมภาพวาดจากน้ำตาล เขาถามนาง "เจ้าชอบอันไหน"เมื่อเห็นนางไม่ตอบ เยี่ยเป่ยเฉิงชี้ไปที่ขนมรูปกระต่ายที่ทำจากน้ำตาลในมือของพ่อค้าแล้วถามนาง "ชอบตัวนี้หรือ"เมื่อครู่เดินผ่านที่ที่ เขาสังเกตหลินซวงเอ๋อร์จ้องไปที่กระต่ายตัวนี้ตลอด เขาเลยรู้ว่านางต้องชอบกระต่ายตัวนี้มากที่สุดพ่อค้าเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงถามเช่นนี้ เขารีบเอาขนมภาดวาดจากน้ำตาลรูปกระต่ายให้เยี่ยเป่ยเฉิง "คุณชายท่านนี้ฉลาดจริง ๆ กระต่ายตัวนี้ไม่ใช่กระต่ายธรรมดา มันเป็นกระต่ายในอ้อมแขนของเทพธิดาฉางเอ๋อของวังพระจันทร์"“อ้าว นั่นคงจะแพงมากสินะ” หลินซวงเอ๋อร์รีบเอามือกลับ“ไม่แพง ไม่แพงหรอกน่ะ แค่สิบเหรียญทองแดงเท่านั้น” พ่อค้าเงยหน้าขึ้นมองหลินซวงเอ๋อร์ เขาประหลาดใจทันทีเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองหลินซวงเอ๋อร์ เขาอดไม่ได้ที่ต้องชม “คุณชายน้อยนี่หล่อมาก”หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อนางได้รับคำชม รอยยิ้มเล็กน้อยตามปกติของนางปรากฏบนริมฝีปากของนาง และมีลักยิ้มลูกแพร์เล็ก ๆ สองอันปรากฏขึ้นที่ทั้งสองข้างของปากในดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิง รอยยิ้มเล็กน้อยนี้ราวกับพระจันทร์ที่กำลังขึ้นในทะเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 74

    นางมักจะมีเสน่ห์เย้ายวนที่ทำให้คนหลงไหล ซึ่งทำให้ผู้คนอยากเข้าใกล้และครอบครองนาง...ความรู้สึกแปลก ๆ ในใจก็เข้ามาในหัวใจของเขาอีกครั้งอาจเป็นเพราะดวงตาของเขาร้อนจัดจนคนรอบข้างสังเกตสายตาของเขาทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์หันหน้า นางก็ตกอยู่ในดวงตาที่ลึกและไร้ขอบเขตของเยี่ยเป่ยเฉิงนางตกใจอยู่ครู่หนึ่งและรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อย ๆ จางหายไปในการสลับกันของแสงและความมืด นางเห็นเขาราวกับกำลังคิดเรื่องอย่างอื่นอยู่ และเหมือนกำลังสับสนเรื่องอันใดอยู่ ในที่สุดนางเรียกเขาเบา ๆ " ท่านอ๋อง"เยี่ยเป่ยเฉิงจึงมีสติอีกครั้ง ลูกกระเดือกของเขากลิ้งขึ้น ๆ ลง ๆ แต่เขายังคงไม่อยากมองไปทางอื่นหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกสับสน นางถูกเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองเช่นนี้ ซึ่งทำให้นางหวาดกลัว“ ทำไมท่านอ๋องจ้องมองข้าน้อย” ขณะที่หลินซวงเอ๋อร์พูด นางไม่ลืมเลียขนมภาพวาดจากน้ำตาสลของนางนางหรี่ตาลงเล็กน้อย ขนมนี้หวานมาก...เยี่ยเป่ยเฉิงมองขนมภาพวาดจากน้ำตาลในมือของนางทันที...หลินซวงเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้สึกเขาคงอยากกินขนมในมือของนางอยู่นะหลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางถามเยี่ยเป่ยเฉิง " ท่านอ๋อง อยากกินขนมภาพ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 75

    ห้ามสิ้นเปลืองหรือเมื่อครู่นี้เขาจ่ายนพ่อค้าอย่างไม่เสียดายเงินด้วยเงินครึ่งตำลึงเงิน ทำไมเขาไม่ว่าตัวเองเปลืองล่ะนอกจากนี้ เขากินขนมเกือบหมดแล้ว แต่เขายังสั่งนางกินต่อ“ทำไม รังเกียจข้าหรือ” เมื่อเห็นนางไม่รับขนม ใบหน้าของ เยี่ยเป่ยเฉิงก็มืดลงเขาไม่ได้เกลียดนางเลย แต่นางกลับ...เมื่อเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงจะโกรธอีกครั้ง หลินซวงเอ๋อร์รีบรับขนมจากมือของเยี่ยเป่ยเฉิง เหลือบมองเขาอย่างหวาดกลัว และในที่สุดก็ใส่ขนทเข้าไปในปากของนางอย่างลังเลเมื่อเห็นว่าในที่สุดนางยอมกินขนมที่เขากินแล้ว สีหน้าอันหมอง เยี่ยเป่ยเฉิงจึงอ่อนลงเยี่ยเป่ยเฉิงพูดอย่างเงียบ ๆ "ต้องกินให้หมด ห้ามเปลือง"หลินซวงเอ๋อร์ "..."ในที่สุดนางกินลูกกวาดให้หมด และยังมีอีกสองอันที่ยังไม่ได้เปิดอยู่ในมือของนาง แต่หลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธที่จะกินต่อนี่เป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดในตอนกลางคืน แสงไฟบนชายฝั่งสว่างไสว และแสงเทียนสะท้อนบนทะเลสาบสีฟ้าทั่วทั้งทะเลสาบก็กลายเป็นสีสันหลินซวงเอ๋อร์กำลังนั่งยอง ๆ บนชายฝั่ง นางมองดูดอกบัวบนทะเลสาบด้วยความมึนงง จู่ ๆ เรือสำราญก็เข้ามาใกล้“ท่านทั้งสองคนอยากไปล่องเรือในทะเลสาบไหม คืนนี้แส

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 76

    แต่คืนนี้เยี่ยเป่ยเฉิงไม่อยากดื่มสุรา และเขาไม่ชอบนักเต้นเข้าใกล้เขามากเกินไป กลิ่นแป้งบนตัวของนางทำให้เขาอึดอัดมากเยี่ยเป่ยเฉิงผลักจอกสุราที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า "คืนนี้รับใช้นางผู้เดียวให้ดี ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น"นักเต้นทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์หลินซวงเอ๋อร์กำลังกินของอร่อย ๆ ที่อยู่บนโต๊ะ นางไม่ทันกลืนอาหาร นางเห็นพี่สาวสองคนนั้นมองนาง นางจึงยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ต้องรับใช้ข้าเช่นกัน"อาหารใส่เต็มปากของนาง ทำให้ใบหน้าอันเล็ก ๆ ของนางที่ใหญ่เท่าฝ่ามือก็กลายเป็นหน้ากลม ๆเงินตั้งสิบตำลึงเงิน นางต้องกินให้คุ้มนักเต้นสองคนเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่สุราและไม่รับประทานอาหาร พวกนางมองหน้ากันและลุกขึ้น จากนั้นพากันเดินถอยออกจากห้องทันใดนั้น มีเพียงเยี่ยเป่ยเฉิงและหลินซวงเอ๋อร์เท่านั้นที่เหลืออยู่ในห้องภาพวาดรอบข้าง ๆ เงียบสงบ มีแต่เสียงไม้พายกระทบน้ำเป็นครั้งคราว“ ท่านอ๋องไม่ทานหรือ” อาหารเต็มโต๊ะ นางกินไม่หมด นางจึงอดไม่ได้ที่ต้องชักชวนเย่เยี่ยเป่ยเฉิง เพื่อให้เขากินบ้างเช่นกัน“ข้าไม่หิว เจ้า...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ เยี่ยเป่ยเฉิงคว้าข้อมือของนางไว้ทันทีขาไก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 77

    อาวุธมีคมทะลุผ่านอากาศและเจาะร่างกายของหลินซวงเอ๋อร์อย่างหนักเสียงของของหลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะติดอยู่ในลำคอของนางในขณะนั้น เสียงของนางเบาและกระพือ และเสียงนั้นหยุดกะทันหันนางมองเลือดที่ค่อย ๆ กระจายบนหน้าอกของนางอย่างไม่เชื่อ จากนั้นาง นางค่อย ๆ ล้มหลายหลังขณะที่หลินซวงเอ๋อร์ล้มหงายหลัง เยี่ยเป่ยเฉิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขาร่างกายผอมเพรียวราวไม่มีกระดูกและเบาราวกับขนนก ไม่ต้องพูดถึงการถือดาบ แม้แต่การแบกถังน้ำก็ลำบากแต่เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอคนนี้พยายามปกป้องเขาด้วยชีวิตของนางในช่วงเวลาวิกฤติจริง ๆเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วอย่างดุเดือดใครให้นางปกป้องล่ะเขาอยู่ในสนามรบกับท่านพ่อของเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เขาเคยผ่านแม่น้ำเลือด และเคยเดินผ่านกองคนตาย เขาเคยตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทุกอย่าง แล้วทำไมเขาถึงต้องการให้นางปกป้องเขาล่ะเยี่ยเป่ยเฉิงโกรธและวิตกกังวล เขารู้สึกหัวใจของเขาเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงครั้งแล้วครั้งเล่า และความเจ็บปวดก็ปะทุขึ้นเป็นคลื่น อารมณ์ในดวงตาของเขาช่างท่วมท้นและซับซ้อนจนอธิบายไม่ได้“เด็กโง่ เจ้าไม่ต้องปกป้องข้า”เมื่อก่อนเยี่ยเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 78

    ชายชุดดำอดไม่ได้ที่ต้องตัวสั่นเนื่องจากการข่มขู่โดยธรรมชาติของเยี่ยเป่ยเฉิง และเหงื่อเย็นก็ไหลออกมาข้างหลังเขาโดยไม่รู้ตัว“ โปรดท่านอ๋องไว้ชีวิตข้าหน้อย...” เมื่อมองศพที่นอนอยู่บนพื้น ชายชุดดำรู้สึกถึงความกลัวตายเป็นครั้งแรก เขาทิ้งดาบในมือลงและร้องขอความเมตตา“ตราบใดที่ท่านอ๋องไว้ชีวิตข้าน้อย ข้าน้อยยินดีที่จะสารภาพทุกเรื่อง…”เยี่ยเป่ยเฉิงมองเขาโดยไม่สนใจคำพูดของเขา เขาประกาศจุดจบของชายผู้นี้อย่างเย็นชา "ไม่ทันแล้ว"หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจะไว้ชีวิตคนหนึ่งไว้ และพาคนผู้นั้นไปที่คุกน้ำเพื่อทรมานเขาและเอาคำสารภาพ เพราะถึงอย่างไร เขามีหลายร้อยวิธีที่จะทำให้เขาพูดความจริงแต่ตอนนี้เขาไม่อยากทรมานใครอีกแล้ว เขาแค่อยากให้พวกเขาตายหมด แม้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่อีกหนึ่งวินาทีก็ไม่ได้เยี่ยเป่ยเฉิงยกดาบยาวในมือของเขาขึ้นแล้วเหวี่ยงมันอย่างดุเดือด เขาไม่ให้ชายชุดดำมีชีวิตรอดและฟันขอของชายชุดดำโดยตรงทันใดนั้น เลือดก็กระเซ็นไปทุกที่ ชายในชุดดำก็ล้มบนพื้น บนศีรษะที่ตกบนพื้น ดวงตาคู่หนึ่งที่ยังคงจ้องมองเต็มไปด้วยความไม่เชื่อหลังจากจัดการทุกคนเสร็จ เยี่ยเป่ยเฉิงจึงทิ้งมีดในมือของเขาและอุ้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 79

    บูมเมอแรงทั้งอันฝังอยู่ในเนื้อ เป็นไปไม่ได้ว่าดึงมันออกมาโดยไม่เจ็บปวดเยี่ยเป่ยเฉิงดึงบูมเมอแรงว่องไวมาก แต่อาวุธลับชนิดนี้ไม่เหมือนอาวุธชนิดอื่น มีตะขอที่ปลายด้าม หากดึงอาวุธลับนี้ออก จะเท่ากับการทำร้ายนางอีกครั้งบนเรือไม่เหมือนจวนโหว ที่นี่ไม่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์บนเรือและไม่มียาหยุดเลือด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยาสลบสำหรับบรรเทาอาการปวดชายผู้แข็งแกร่งไม่สามารถทนต่อความเจ็บของตะขอที่กวนอยู่ใต้เนื้อหนังได้ แล้วหลินซวงเอ๋อร์จะทนมันได้อย่างไรมือของเยี่ยเป่ยเฉิงเต็มไปด้วยเลือด เขากำผ้าเช็ดหน้าแน่น จนข้อนิ้วของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวนี่เป็นอาวุธลับที่ร้ายแรงสุด ๆ ผู้ที่ทำอาวุธลับชนิดนี้โหดเหี้ยมและชั่วร้ายจริง ๆ กฎหมายของต้าซ่งสั่งไว้ว่า ห้ามหลอมอาวุธชนิดนี้แต่อาวุธชนิดนี้ก็ยังปรากฏอยู่ที่นี่เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วขึ้นเพื่อซ่อนความคิดบางอย่างในดวงตาของเขาอาจมีเพียงคนเดียวในต้าซ่งที่มีอำนาจเหนือกว่าทุกคนและอยากให้เขาตายหลินซวงเอ๋อร์เป็นลมหลายครั้ง ทุกครั้งนางถูกปลุกให้ตื่นด้วยความเจ็บปวดใบหน้าของนางซีดราวกับกระดาษ ผมของนางบนขมับของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ และดวงตาของนางไม่สดใสเหมือนปกติ

Bab terbaru

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status