แชร์

บทที่ 60

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
ตงเหมยโกรธเล็กน้อยทันที "เป็นเพราะเหตุนี้นี่เองหรือ เขาจะไล่เจ้าออกจากจวนหรือ"

หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้าและพูดต่อ " ตงเหมย เจ้าพูดถูก ท่านอ๋องอาจชอบผู้ชายมากจริง ๆ แต่ข้าไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อย... " ขณะที่นางพูด น้ำตาก็ไหลมากขึ้น และตงเหมยเช็ดน้ำตาไม่ทันเลย

ตงเหมยเห็นนางเป็นเช่นนี้ ตงเหมยรีบเทน้ำหนึ่งแก้วจากโต๊ะให้นาง น้ำตาของหลินซวงเอ๋อร์แทบจะแห้งหมดแล้ว นางจึงรู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงรับน้ำจากตงเหมย และดื่มเป็นคำใหญ่ไม่กี่คำ แต่เนื่องจากนางดื่มเร็วเกินไปและสำลักตัวเองสองสามครั้ง

ตงเหมยฟังคำพูดของหลินซวงเอ๋อร์ นางโกรธอย่างมาก " ท่านอ๋องทรงทำเกินไปแล้ว ไล่เจ้าออกจากจวนเพียงเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้"

หลินซวงเอ๋อร์ร้องไห้จนหายใจไม่ออก กระแทกกระบังลมของนางแล้วพูดต่อ "ใช่ แต่ข้าพยายามเรียนแล้ว วันนี้ท่านอ๋อง ให้ข้าเรียนเขียนอักษรสามสิบตัว ข้าจะทำได้อย่างไร ท่านแม่ของข้าเคยบอกข้าว่า ควรทำทุกอย่างทีละขั้นตอน จะให้คนทำสำเร็จในทีเดียวได้อย่างไรล่ะ"

ตงเหมยตกใจ "สามสิบอักษร เยอะเช่นนี้เลยหรือ ท่านอ๋องมีมาตนฐานสูงเกินไป"

หลินซวงเอ๋อร์ม้วนริมฝีปากของนางแล้วพูดต่อ "ข้าเป็นคนโง่โดยกำเนิด ข้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ดั่ง ด้วงแก้ว
ว้าว แต้มหมด อดอ่านเลย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 61

    ไป๋อวี้ถังกลั้นเสียงหัวเราะของเขาไว้ เขารู้สึกวันนี้ได้กินเผือกได้หัวใหญ่เลน เขาคงต้องพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นหลาย ๆ ปีทุกคนทราบมา ในต้าซ่ง ไม่ว่าจะดูจากด้านความสามารถ รูปร่างหน้าตา หรือภูมิหลังทางครอบครัวของเขา เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ที่ได้รับการชื่นชมอย่างมาก แม้แต่ไทเฮาองค์ปัจจุบันก็ยังรีบเร่งที่จะหมั้นหมายหลานสาวแท้ ๆ ของท่านกับฃเยี่ยเป่ยเฉิงเขาเป็นผู้ชายที่มีความสามารถทั้งในด้านพลเรือนและการทหาร เขาเกิดมาเพื่อเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์ ผู้หญิงทุกคนจะตกหลุมรักเขาเอง แต่ตอนนี้เขาถูกสาวใช้ปฏิเสธยิ่งไป๋อวี้ถังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งแปลกใหม่มากขึ้นเท่านั้น เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องสนใจหลินซวงเอ๋อร์มากขึ้นเขาไม่รู้ว่านางเป็นผู้หญิงชนิดใดที่กล้าปฏิเสธเป็นผู้หญิงของ เยี่ยเป่ยเฉิง...เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอยู่พักหนึ่ง เขาจ้องมองไป๋อวี้ถังด้วยดวงตาที่ลึกล้ำเมื่อถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่ง ไป๋อวี้ถังไม่กล้าหัวเราะแม้ว่าเขาจะอยากหัวเราะก็ตามหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋อวี้ถังปลอบใจเยี่ยเป่ยเฉิง "มันไม่สมเหตุสมผลเลย นางเป็นแค่สาวใช้ หากนางได้คบกับเจ้า มันก็

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 62

    เยี่ยเป่ยเฉิงพูด "บางทีนางอาจจะไม่เหมือนคนอื่นก็ได้"ไป๋อวี้ถังหัวเราะ "ไม่เหมือนกันที่ใด นางเป็นแค่สาวใช้ สาวรับใช้ที่ปีนขึ้นไปบนเตียงของนายได้ นางจะไร้เดียงสาได้อย่างไร ข้าว่าเจ้าอยากถูกรูปลักษณ์ภายนอกหลอกเลย"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของไป๋อวี้ถัง ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกโกรธเล็กน้อยดูเหมือนเขาไม่ชอบไป๋อวี้ถังตัดสินหลินซวงเอ๋อร์เป็นคนเช่นนี้ เพราะดูเหมือนไม่เคารพเขาเดิมทีเยี่ยเป่ยเฉิงอยากทานอาหารดี ๆ กับเขาเพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่อยากทานข้าวอีกเลยเยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกหงุดหงิด เขาลุกขึ้นและกำลังจะจากไป ดูเหมือนไป๋อวี้ถังรู้ความคิดของเขาแล้วพูดว่า "หากเจ้าปล่อยมือไม่ได้ ก็เอานางไว้ข้างกายเลย นางเป็นแค่สาวใช้ นางสร้างปัญหาไม่ได้หรอก บางทีเลยช่วงเวลาที่เจ้าสนใจนางมาก เจ้าอาจไม่สนใจนางเช่นนี้ก็ได้"ดูเหมือนเพื่อนพูดเพื่อปลอบใจเขา เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดก้าวเท้าต่อ เขาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า "เจ้าพูดถูก เช่นนั้นข้าจะให้อยู่ข้างกายข้าเลย"หลังจากเยี่ยเป่ยเฉิงจากไป ไป๋อวี้ถังยิ้มและส่ายหัวเขาไม่เ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 63

    เมื่อตระหนักว่าเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังจ้องมองนางอยู่ หลินซวงเอ๋อร์ รู้สึกตื่นตระหนก นางกำสัมภาระในมือแน่นเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์งคุกเข่าอยู่บนพื้นและตัวสั่นโดยก้มหัวลง ความโกรธของเยี่ยเป่ยเฉิงโผล่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างอธิบายถูกเขาไม่เคยเห็นนางเชื่อฟังขนาดนี้มาก่อน แต่ตอนนี้นางกลับเชื่อฟังเช่นนี้“เจ้าอยากไปจากที่นี่ขนาดนี้เลยหรือ” น้ำเสียงของเขาเย็นชา และสีหน้าของเขายิ่งเย็นชาจนทำให้คนหวาดกลัวหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกสับสนเล็กน้อยกับคำถามของเขานางพูดว่าอยากจากไปเมื่อไร เห็นได้ชัดว่า เขาให้นางไสหัวไป เขาเป็นคนบอกเองว่า ไม่อยากเจอหน้านางหากนางไม่จากไปเอง นางต้องรอเขามาไล่นางออกไปหรือหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจ แต่นางไม่กล้าแสดงออกมา นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ " ท่านอ๋องให้ข้าน้อยไสหัวไป... "“ข้าให้เจ้าไป เจ้าไปเลยหรือ” เยี่ยเป่ยเฉิงโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาอยากลากคนตรงหน้ามาหาเขาแล้วถามนางว่าสมองของนางกำลังคิดอะไรอยู่เขาโกรธอย่างไร้เหตุผล หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวนางรู้สึกเยี่ยเป่ยเฉิงคงรังเกียจนางอย่างมาก ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่โกรธนางเช่นนี้อย่างไร้เหตุผล ไม่ว่านางจะพูดอะไร เยี่ยเป่ยเฉ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 64

    อีกอย่าง นางได้บอกท่านป้าจ้าวล่วงหน้าแล้ว หากนางออกจาก เรือนฝั่งตะวันออกได้ นางจะทำความสะอาดลานของเรือนฝั่งตะวันตก โดยอยู่ห่าง ๆ จากเยี่ยเป่ยเฉิงท่านป้าจ้าวสัญญาว่าตราบใดที่ท่านอ๋องรับปากปล่อยนางไป นางสามารถไปที่เรือนฝั่งตะวันตกได้ตลอดเวลาหลินซวงเอ๋อร์ยังยืนยันกับท่านป้าจ้าวว่าท่านอ๋องต้องปล่อยนางไปอย่างแน่นอนเพราะถึงอย่างไร ท่านอ๋องเป็นผู้ที่สั่งนางไสหัวไป...สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งดูเหมือนว่านางอยากจากไปจริง ๆ และนางไม่อยากอยู่ข้างกายเขาเสียจริงเยี่ยเป่ยเฉิงหายใจเข้าลึก ๆ แต่เขาไม่สามารถระงับความโกรธในหัวใจของเขาได้แต่เขาไม่มีเหตุผลที่จะโกรธนาง เพราะเขาคือคนที่สั่งนางไสหัวไปเอง และเขาคือคนที่บอกว่าเขาไม่อยากเจอนางอีกเลย ตอนนี้นางทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอะไร หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเดียวไม่ว่าดวงตาของเขาจะดูกดดันแค่ไหนและเสียงของเขาจะเย็นชาแค่ไหน หลินซวงเอ๋อร์ยังคงยืดแผ่นหลังให้ตรง ๆเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วนางตั้งใจแข่งอารมณ์กับเขาหรือหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เยี่ยเป่ยเฉิงคว้าแขนของนางขึ้นและยกนางขึ้นจากพื้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 65

    ฝ่ามืออันใหญ่กระชับขึ้นเอวของหลินซวงเอ๋อร์อย่างกะทันหัน ความรู้สึกนุ่มนวลนั้นทำให้เขาคิดถึงเรื่องอื่นทันทีร่างของทั้งสองเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ในห้องมืดภายใต้แสงจันทร์สลัว บรรยากาศที่คลุมเครือก็ปรากฏขึ้นโดยธรรมชาติหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวเมื่อตระหนักรู้ นางกลายเป็นกวางที่หวาดกลัวทันที นางตัวสั่นเล็กน้อยในอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิงแต่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่หยุดการเคลื่อนไหว เขาต้องการมากกว่านี้ในความมืด หัวใจของใครบางคนเต้นเร็วราวกับกลองสงครามหลินซวงเอ๋อร์อยากหลบหนี แต่นางไม่มีที่จะไปเพราะกลิ่นอันเผด็จการของชายผู้นี้ครอบงำประสาทสัมผัสของนางหลินซวงเอ๋อร์ตื่นตระหนกอย่างยิ่งเมื่อนางตระหนักว่า ฝ่ามือใหญ่ของเขาค่อย ๆ ถอนออกจากเอวของนาง และค่อย ๆ ใส่เข้าไปในชุดชั้นในของนางมือเล็ก ๆ ของนางกดลงบนฝ่ามือที่ป่าเถื่อนของเขา และนางร้องด้วยความกลัว " ท่านอ๋อง ได้โปรดอย่า... ได้โปรด"หลินซวงเอ๋อร์หลั่งน้ำตาทันใดนั้นนางทราบเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างทำอะไรเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดทันที ในความมืด เขาขมวดคิ้วอันหล่อเหลาของเขา "เจ้าไม่ชอบขนาดนี้เลยหรือ"ร่างกายของนางสั่นรุนแรงกว่าเดิม หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่ต้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 66

    หลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ และพูดทันที: "จะเป็นอย่างไรถ้า ท่านอ๋อง ไม่พบคนที่ใช่ล่ะ? ถ้าอย่างนั้น เด็กน้อยก็ไม่ต้องรับใช้ ท่านอ๋อง ตลอดเวลาหรอกเหรอ?"หลินซวงเอ๋อร์ โพล่งสิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจโดยไม่แม้แต่จะคิดถึงมันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เยี่ยเป่ยเฉิง ก็โกรธและตลกเป็นเธอ ไม่ว่าเวลาไหนหรือที่ไหนก็ตาม เขาจะไม่ตั้งคำถามกับใครซักคนอย่างไม่ลดละเป็นไปได้ไหมที่เธอคิดว่าเย่ เยี่ยเป่ยเฉิง เป็นคนประเภทที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผู้หญิงมา?เธอประเมินตัวเองสูงเกินไปเขาถามเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกพร้อมรอยยิ้มครึ่งหนึ่ง: "อะไรนะ? เป็นไปได้ไหมที่เจ้าคิดว่ากษัตริย์องค์นี้จะสูญเสียความซื่อสัตย์และเผชิญหน้าเพื่อเจ้า? เจ้าคิดเองสูงเกินไป!"น้ำเสียงดังกล่าวเย็นชาจนน่าตกใจจริงๆ และ หลินซวงเอ๋อร์ ก็รู้ว่าเธอทำให้ เยี่ยเป่ยเฉิง โกรธอีกครั้งมือเล็กๆ ของเธอกำแขนเสื้อแน่น และเธอก็พูดอย่างประหม่า: "ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ตราบใดที่ ท่านอ๋อง รักษาคำพูดของเขา"เยี่ยเป่ยเฉิง เยาะเย้ยและพูดว่า "ถ้าไม่ ฉันจะเขียนสัญญานี้เป็นขาวดำ แล้วกดลายนิ้วมือเปื้อนเลือด ฉันสงสัย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 67

    ชายและหญิงสองผู้นี้อยู่ใกล้กันมาก หลินซวงเอ๋อร์กลั้นลมหายใจไว้ นางขมวดคิ้วเก้าอี้ตัวนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และด้วยเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นผู้ที่มีร่างกายขนาดใหญ่ พวกเขานั่งด้วยกัน เก้าอี้ตัวนั้นค่อนข้างแคบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ร่างผอมเพรียวของของหลินซวงเอ๋อร์ถูกบีบไปที่มุมเก้าอี้ ชายที่อยู่ข้างกายนางมีลมหายใจที่ถี่และร้อนหลินซวงเอ๋อร์จับพูดกันไว้แน่น นางกังวลมากจนนางไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไรแต่นางรู้ดี เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบนางโง่เกินไป หากนางเขียนไม่ได้อีกละก็ เขาจะต้องโกรธอีกครั้งแน่นอนหลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น นางมองเขาอย่างเขินอาย“ท่านอ๋อง……”เยี่ยเป่ยเฉิงลดสายตาลงและสบตานาง เขาเห็นแววตาที่นางหมดปัญญาแสงเทียนริบหรี่กลายเป็นลำแสงรัศมีและตกลงมาบนร่างกายของหญิงสาวผู้นี้ ราวกับว่า ดวงดาวทุกดวงกำลังซ่อนอยู่ในดวงตาที่สดใสและบริสุทธิ์ของนางเยี่ยเป่ยเฉิงรีบถอนสายตาออก แต่เขาหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ“ทำไมหรือ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา“อักษรตัวนี้... ข้าน้อยลืมวิธีเขียน” เสียงของนางต่ำมากจนเยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะไม่ได้ยิน นางมีน้ำเสียงต่ำเช่นนี้ เพราะนางก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 68

    หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าขยับตัว นางทำได้เพียงปล่อยให้เขาพานางเขียนภายใต้การนำของเขาอย่างปาฏิหาริย์ ลายมือของหลินซวงเอ๋อร์ค่อย ๆ เป็นระเบียบ สม่ำเสมอและสวยงามหลังจากพานางฝึกเขียนมากกว่าสิบครั้ง หลินซวงเอ๋อร์จึงค่อย ๆ เข้าใจประเด็นสำคัญที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดเยี่ยเป่ยเฉิงค่อย ๆ ปล่อยมือของนาง การเคลื่อนไหวของหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้หยุด นางเขียนราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ พออ่านลายมือของนาง ลายมือของนางพอเหมือนเขาเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงขดริมฝีปากและแสดงสีหน้าที่พึงพอใจเขาจ้องมองนางและพยายามไม่รบกวนนาง แต่เขาเหลือบมองเห็นคอเสื้อของนางเปิดออกเล็กน้อยวันนี้หลินซวงเอ๋อร์ยุ่งเก็บของ แผ่นบังหน้าอกของนางเลยหลวมโดยไม่รู้ตัวนอกจากนี้ นางกับเยี่ยเป่ยเฉิงยังพัวพันอยู่ในห้องมาระยะหนึ่งแล้ว และกระดุมบนปกเสื้อของนางหลุดออกมาในเมื่อใดไม่ทราบเสื้อผ้าที่นางสวมไม่พอดีตัว เสื้อผ้าตัวนี้หลวม ๆ และใหญ่กว่าตัวนางตั้งหนึ่งเท่า คอเสื้อเลยกว้างกว่า นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็อยู่ใกล้เกินไป เยี่ยเป่ยเฉิงสูงกว่านางหนึ่งศีรษะด้วยซ้ำ เมื่อเขาลดสายตาลง เขาเห็นภาพอันยั่วยุของนางโดยบังเอิญคอของนางบา

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status