Share

บทที่ 537

Author: พิณเคล้าสายฝน
last update Last Updated: 2024-10-27 18:00:00
เจียงหว่านสีหน้าซีดเซียว “ไม่! เจียงหว่านจะไม่แต่งงานออกไป! เจียงหว่านแค่อยากอยู่ข้างกายท่านอ๋อง อยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋องตลอดไป…”

เยี่ยเป่ยเฉิงพยายามอดทนอย่างมาก ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ข้ามีพระชายาอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้ว! หากเจ้ายังไม่รู้จักไร้ยางอายเช่นนี้อยู่อีก รังแต่จะทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจมากขึ้น!”

เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “หากรักษาโรคระบาดครั้งนี้ได้สำเร็จ ก้ถือว่าเป็นเกียรตืยศของตระกูลเจียงเจ้า! ส่วนอย่างอื่น ข้าข้าแนะขำเจ้าอย่าได้คิดเพ้อฝัน!”

เจียงหว่านกัดริมฝีปากแน่น พลางพยักหน้า และพยายามกล่าวด้วยความอดกลั้น “เจ้าค่ะ เจียงหว่านเข้าใจแล้ว…”

นางหยัดกายลุกขึ้นด้วยความหมดอาลัยตายอยาก และเดินออกไปจากกระโจมของเยี่ยเป่ยเฉิง

สายลมด้านนอกกระโจมพัดต้องกายนาง ช่างเหน็บหนาวจับใจ

ความเหน็บหนาวเช่นนี้ แล่นมาจากก้นบึ้งสุดหัวใจ

นางรักเขามาตั้งหลายปี ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเขา และลดศักดิ์ศรีของตัวเองลง ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมชายตามองนางเลยสักนิด!

นางไม่เข้าใจว่าตัวเองเทียบหลินซวงเอ๋อร์ตรงไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่นางเลิศกว่าหลินซวงเอ๋อร์ทุกอย่าง ดีกว่านางทุกอย่าง…

แต่ในใจเขา กลับมีแค่ผู้หญิงคนนั้น…

Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 538

    “ซวงเอ๋อร์…ซวงเอ๋อร์เจ้ารีบมาดูเร็ว ผื่นแดงบนตัวข้าหายไปหมดแล้วใช่ไหม?”หลินซวงเอ๋อร์รีบเดินไปอยู่ข้างๆ ฮุ่ยอี๋ แล้วเลิกเสื้อของนางขึ้น พบว่าผื่นแดงบนตัวนาวหายไปหมดแล้วจริงๆ หลินซวงเอ๋อร์อดดีใจไม่ได้ รีบให้จื่อหลันไปเชิญหมอหลวงมาไม่นานจื่อหลันก็พาหมอหลวงมา หมอหลวงยืนลังเลอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้ามาหลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตูคุยกับหมอหลวง “หากท่านหมอกลัว ก็ตรวจอยู่ที่หน้าประตูก็ได้”หมอหลวงซาบซึ้งอย่างมาก และตั้งใจจะตรวจฮุ่ยอี๋อยู่ตรงหน้าประตูจริงหลินซวงเอ๋อร์แง้มประตูออก พอให้ฮุ่ยอี๋ยื่นมือออกมาได้พอดีหมอหลวงเห็นผื่นแดงบนแขนนางหายไปหมดแล้ว ก็อดตกใจไม่ได้หลังจากที่เขาตรวจอย่างละเอียดแล้ว ก็พูดไม่ออกอยู่นานด้วยอารามตกตะลึง“นี่…นี่มันมหัศจรรย์นัก…”ใจฮุ่ยอี๋บีบแน่น รีบสอบถาม “เป็นอย่างไร? เจ้ารีบว่ามาสิ!”หมอหลวงพูดจาสะเปะสะปะด้วยความตื่นเต้น “ไม่คิดเลยว่าอาการขององค์หญิงจะดีขึ้นอย่างน่าประหลาด…กระหม่อมจะไปกราบทูลฝ่าบาทและพระสนมเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ…”ฮุ่ยอี๋เหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน จวบจนหลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเรียกนาง ฮุ่ยอี๋ถึงได้สติกลับมา“ซวงเอ๋อร์…ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใ

    Last Updated : 2024-10-27
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 539

    หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า “เจ้าค่ะ”หลังจากสงบลงแล้ว ถึงได้ถามในสิ่งที่สงสัยในใจออกมา“แต่ข้าไม่เข้าใจเหตุใดเลือดของเจ้าถึงรักษาโรคได้?”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว “ไม่รู้สิ หม่อมฉันเดาว่า อาจเป็นเพราะข้าทานยามากมายมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ก็ถูกงูดำหางไหม้กัดไปทีหนึ่ง และด้วยความบังเอิญ ในเลือดของข้าอาจมีบางอย่างรักษาโรคนี้ได้”คิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกคาดไม่ถึง ทว่ากลับเชื่อวาจาของหลินซวงเอ๋อร์ นางมองหลินซวงเอ๋อร์ ก่อนกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า เลือดของเจ้าช่างเป็นยาดีจริงๆ …”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว “ในเมื่อพระองค์หายแล้ว หม่อมฉันก็ไม่ขออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพระองค์แล้ว หม่อมฉันจะไปหาสามีหม่อมฉันอยากใช้เลือดตัวเองไปรักษาผู้คนที่ติดโรคระบาดเหล่านั้น”“ไม่ได้!”รีบขวางนางไว้หลินซวงเอ๋อร์มองด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ?”กล่าว “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? หากให้คนทั้งใต้หล้ารู้ว่าเลือดของเจ้าแก้พิษได้ ทั้งตัวเจ้านี้เกรงว่าคงถูกหลายคนโหยหาแล้ว!”หลินซวงเอ๋อร์อธิบาย“ไม่ใช่้เพคะ เลือดของหม่อมฉันไม่สามารถแก้พิษหลากหลายชนิดได้ เพียงแค่รักษาโรคระบาดได้เท่านั้น องค์หญิงเข้าใจผิดแ

    Last Updated : 2024-10-27
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 540

    เจียงหว่านตามเยี่ยเป่ยเฉิงเข้าวังไปด้วย นางอยากรู้ โรคระบาดที่แม้แต่นางยังรักษาไม่หาย ยังมีใครเก่งกว่านางอีก!ไม่นานทั้งสองก็มาถึงวัง ณ เวลานี้ประตูใหญ่ตำหนักหลวนเฟิ่งปิดสนิท หมอหลวงในวังเดินตามกันออกมาจากข้างในทีละคนฮ่องเต้โยกย้ายหมอหลวงในวังทุกคนมาตรวจชีพจรให้ฮุ่ยอี๋ หลังได้เสียงตอบกลับเป็นคำเดียวกัน ฮ่องเต้ก็ด,่งใจในที่สุดทุกคนต่างใคร่รู้ โรคระบาดของฮุ่ยอี๋ดีขึ้นได้อย่างไร ฮุ่ยอี๋บอกแค่เพียงว่าหลินซวงเอ๋อร์หาท่านหมออวิ๋นโหยวจากนอกวังมาและให้ยาแก่นาง ผื่นแดงบนตัวนางก็หายไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์ฮุ่ยอี๋ว่าด้วยท่าทางจริงจัง แม้ทุกคนจะสงสัย กระนั้นก็ไม่ถามอะไรมากอีก อย่างไรเสีย เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือกำจัดโรคระบาดนี้ให้สิ้น ในเวลานี้เอง มีขันทีมาแจ้งว่า เยี่ยเป่ยเฉิงมารอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนักฮ่องเต้มีสีหน้าไม่พอใจข่าวผู้ป่วยแตกตื่นแพร่มาถึงหูทั่วป๋าจิ่นนานแล้ว ทั่วป๋าจิ่นจึงใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับเหล่าขุนนางตำหนิเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างหนักต่อหน้าฝ่าบาทเยี่ยเป่ยเฉิงเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเกือบจะปล่อยให้ผู้ติดเชื้อหลบหนี ทำให้ผู้คนในเมืองฉางอานตกอยู่ในอันตราย! เหตุ

    Last Updated : 2024-10-27
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 541

    “โชคดีที่เสด็จอาย้ายพวกชาวบ้านที่รอดมาได้ได้ทันเวลา พระเจ้าไม่ได้พวกเขาตาย เสด็จพ่อมิควรตำหนิเสด็จอา ทว่าควรตบรางวัลให้ถึงจะถูกเพคะ! ”ขณะกล่าว ฮุ่ยอี๋ก็เจือจางเลือดที่นางเตรียมไว้ด้วยน้ำ แล้วแบ่งใส่ขวดสีขาวหลายขวด นางกล่าวกับฮ่องเต้ว่า “เสด็จพ่อดูสิ นี่คือยาดีที่หลินซวงเอ๋อร์หามาด้วยตวามยากลำบาก ในเมื่อเสด็จอามาแล้ว ก็ให้ท่านแบ่งยานี้ไปให้ผู้ป่วยดื่ม เมื่อดื่มยานี้แล้ว โรคระบาดก็จัดการได้แล้ว…”วาจาที่ฮุ่ยอี๋กล่าว ได้ระงับโทสะของฮ่องเต้ไว้ได้ในที่สุดภายใต้อำนาจและผลประโยชน์ ฮ่องเต้มิได้ตำหนิโทษเยี่ยเป่ยเฉิง ทว่าฟังความเห็นของฮุ่ยอี๋ ให้เยี่ยเป่ยเฉิงนำยารักษาไปช่วยผู้ป่วยที่รอดชีวิตอยู่เจียงหว่านเข้าวังไปพร้อมกับเยี่ยเป่ยเฉิง ครั้นเห็นฮุ่ยอี๋ดีขึ้นแล้วจริงๆ เจียงหว่านก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมากนางอดถามขึ้นมาไม่ได้ “หม่อมฉันขอถามสักหน่อย องคืหญิงอาการดีขึ้นได้อย่างไรเพคะ?”ฮุ่ยอี๋เหลือบมองนางอย่างเรียบเฉย “ข้าบอกแล้ว ท่านหมออวิ๋นโหยวจ่ายยาให้ข้า! ข้าดื่มแล้วจึงดีขึ้น!”เจียงหว่านสืบถามต่อ “ขอมิบังอาจถามท่านหมออวิ๋นโหยวไหนหรือเพคะ วิชาแพทย์ถึงได้เก่งกาจเพียงนี้! เจียงหว่านอยากสอบถา

    Last Updated : 2024-10-28
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 542

    ฮุ่ยอี๋ให้จื่อหลานนำยาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วส่งให้กับเยี่ยเป่ยเฉิง และยังมอบยาบำรุงเลือดมากมายให้แก่เขาด้วยฮุ่ยอี๋กล่าวกำชับ “ในขวดน้ำเหล่านี้ล้วนเป็นยาที่รักษาโรคระะบาดได้ เสด็จอาแบ่งให้ผู้ป่วยดื่มคนละขวดก็ดีขึ้นแล้ว ส่วนยาบำรุงเหล่านี้ข้าเตรียมไว้ให้ซวงเอ๋อร์”เยี่ยเป่ยเฉิงเลิกคิ้วขึ้น “เหตุใดถึงเตรียมพวกนี้ให้ซวงเอ๋อร์? ซวงเอ๋อร์เป็นอะไรหรือ?”ฮุ่ยอี๋ย่อมไม่กล้าบอกความจริง หากให้เขารู้ว่าในขวดยาหลายร้อยขวดนี้มีเลือดของหลินซวงเอ๋อร์ผสมอยู่ เยี่ยเป่ยเฉิงต้องโมโหนางขึ้นมาแน่!สำหรับเรื่องนี้ ฮุ่ยอี๋ปวดใจเช่นกัน อย่างไรเสีย เพื่อเตรียมเลือดเหล่านี้ หลินซวงเอ๋อร์กลั้นใจกรีดข้อมือตัวเอง หากไม่ใช่เพราะนางมีแรงจำกัด ยัยทึ่มคนนั้นคงปล่อยเลือดตัวเองให้แห้งเป็นแน่!เมื่อรุ้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวัง หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะตำหนิ เลยให้ฮุ่ยอี๋ส่งนางออกไปทางด้านหลังอย่างเงียบๆ เกรงว่าตอนนี้คนคงไปถึงที่จวนแล้วฮุ่ยอี๋มองเจียงหว่านที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา จึงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ข้ามีเรื่องจะคุยกับเสด็จอา เจ้ายืนอยู่ที่นี่มันเกะกะ รับยาไปแล้ว

    Last Updated : 2024-10-28
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 543

    สิ้นเสียง เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเห็นท่าทางนี้ของเขา ฮุ่ยอี๋ก็เข้าใจทันที“ในเมื่อเสด็จอารู้ความรู้สึกของนาง ไยถึงให้นางอยู่ข้างกายอีก? ปล่อยผู้หญิงงามหยดขนาดนี้ไว้ตรงหน้า นานวันเข้าคงกลายเป็นความรักกระมัง?”“ไม่มีทาง! กระหม่อมไม่มีความรู้สึกใดต่อนาง!” เยี่ยเป่ยเฉิงตอบอย่างหนักแน่นฮุ่ยอี๋กล่าว “ไม่มีความรู้สึกใดๆ สักนิดจริงหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ไม่พะย่ะค่ะ!”ฮุ่ยอี๋กล่าว “ในเมื่อไม่มี เสด็จอาก้ไม่ควรเก็บนางไว้ในจวน พอนานวันเข้า มันมักจะทำให้คนมีช่องโหว่! อีกอย่าง! ผู้หญิงถือสาเรื่องเหล่านี้มาก! แม้ซวงเอ๋อร์จะไม่ถือสาในตอนนี้ วันหน้าหากนางรู้ความรู้สึกเจียงหว่านที่มีต่อท่านเข้า จะต้องถือสาแน่นอน”เยี่ยเป่ยเฉิงเงียบไปชั่วขณะ ก่อนกล่าว “หากซวงเอ๋อร์ไม่มีความสุข ข้าจะไม่ให้นางอยู่อีกแล้ว! วันนี้ให้นางย้ายออกไปได้เลย…”ได้ยินเช่นนี้ ฮุ่ยอี๋ก็ไม่พูดอีก ได้แต่ชำเลืองมองร่างนั้นที่อยู่ด้านนอก แล้วหยักยิ้มขึ้นเจียงหว่านยืนอยู่นอกประตู ได้ยินบทสนทนาด้านในอย่างชัดเจน นางกำมือแน่นจนเล็บหยักลงบนฝ่ามือ ในใจมีความเกลียดชังอย่างมาก!ในขณะนั้นเอง ก็

    Last Updated : 2024-10-28
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บบที่ 544

    เยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ข้างใน จ้าวชิงชิงเองก็มิกล้าบุ่มบ่ามเคาะประตู จึงเอาแต่ยืนรอด้านนอกกระทั่งประตูห้องเปิดออก เยี่ยเป่ยเฉิงเดินออกจากข้างใน จ้าวชิงชิงและเจียงหว่านเงยหน้ามองเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“ท่านอ๋อง...”“ท่านอ๋อง...”ทั้งสองแทบเรียกเป็นเสียงเดียวกันเยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ออกจากตำหนัก!”ประโยคนี้พูดกับเจียงหว่าน ส่วนจ้าวชิงชิงนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงไม่แม้แต่ปรายตามองจ้าวชิงชิงหน้าดำหน้าแดง ปราดมองเจียงหว่านด้วยสายตาชิงชัง สายตาชิงชังคู่นั้นประหนึ่งอยากเฉือนนางเป็นชิ้นๆเจียงหว่านตามหลังเยี่ยเป่ยเฉิง ยามเดินผ่านจ้าวชิงชิงนางกลับชะลอฝีเท้า หยักยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “จ้าวชิงชิง พวกเราไม่มีใครชนะทั้งนั้น”สิ้นเสียง เจียงหว่านจึงเดินตัวปลิวผ่านหน้าจ้าวชิงชิงไปจ้าวชิงชิงมาดหมายจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นพลันได้กลิ่นหอมกรุ่นบางอย่าง ทำเอาจามไปทีอย่างกลั้นไม่อยู่ นางคลึงจมูกครู่หนึ่ง ก่อนก่นด่าตามหลังเจียงหว่าน “ลมผีจากไหนกัน พัดกลิ่นสาบจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มา!”เจียงหว่านมิได้เอ่ยปากแต่อย่างใด เร่งฝีเท้าตามติดเยี่ยเป่ยเฉิงครั้นเยี่ยเป่ยเฉิงจากไป จ้าว

    Last Updated : 2024-10-28
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 545

    จ้าวชิงชิงไม่เข้าใจเช่นกันว่าตอนนี้ตนเป็นอะไรไป สิ่งเดียวที่นึกได้คือเพิ่งไปในวังมา บางทีโรคของฮุ่ยอี๋ยังไม่หายสนิท ไม่ทันระวังจึงแพร่ใส่ตัวนางเข้าแล้วคิดได้ดังว่า จ้าวชิงชิงพลันหวาดกลัวทันใด กลัวว่าตนจะติดโรคเข้าให้แล้วไม่ช้าแพทย์ก็ถูกเชิญเข้าจวนเรื่องโชคดีคือ สิ่งที่นางติดมิใช่โรคระบาดแต่อย่างใด เป็นเพียงโรคลมพิษเท่านั้นทว่ารอยขีดข่วนน่ากลัวบนใบหน้าจะต้องใช้เวลากี่เดือนถึงจะฟื้นฟูเป็นปกติ......…..หลังจากกลับถึงค่ายทหาร เจียงหว่านมองโอสถที่ฮุ่ยอี๋ก่อนตกสู่ห้วงความคิดครานี้ เจียงหว่านไม่กล้าเสี่ยง จึงลองให้ผู้ป่วยติดโรคใกล้ตายกินดูก่อนสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ โอสถที่ฮุ่ยอี๋ให้มาครานี้ได้ผลจริง เดิมทีโรคระบาดนี้อยู่ในช่วงวิกฤตสุดขีดแล้ว ทว่าเมื่อกินยาเข้าไป เมื่อย่างสู่วันที่สองอาการป่วยกลับหายเป็นปลิดทิ้งแต่อาการของเขารุนแรงยิ่ง จำต้องใช้ยาหลายครั้ง อีกทั้งผู้ป่วยในระยะแรกใช้ยาเพียงขวดเดียวก็หายแล้วครั้นเห็นสถานการณ์ดังว่า เจียงหว่านจึงบอกเยี่ยเป่ยเฉิง “ท่านอ๋อง ตรงนี้ให้ข้าจัดการเถิด ท่านไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มต่อกันหลายวันแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”เยี่ยเป่ย

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status