แชร์

บทที่ 537

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เจียงหว่านสีหน้าซีดเซียว “ไม่! เจียงหว่านจะไม่แต่งงานออกไป! เจียงหว่านแค่อยากอยู่ข้างกายท่านอ๋อง อยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋องตลอดไป…”

เยี่ยเป่ยเฉิงพยายามอดทนอย่างมาก ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ข้ามีพระชายาอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้ว! หากเจ้ายังไม่รู้จักไร้ยางอายเช่นนี้อยู่อีก รังแต่จะทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจมากขึ้น!”

เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “หากรักษาโรคระบาดครั้งนี้ได้สำเร็จ ก้ถือว่าเป็นเกียรตืยศของตระกูลเจียงเจ้า! ส่วนอย่างอื่น ข้าข้าแนะขำเจ้าอย่าได้คิดเพ้อฝัน!”

เจียงหว่านกัดริมฝีปากแน่น พลางพยักหน้า และพยายามกล่าวด้วยความอดกลั้น “เจ้าค่ะ เจียงหว่านเข้าใจแล้ว…”

นางหยัดกายลุกขึ้นด้วยความหมดอาลัยตายอยาก และเดินออกไปจากกระโจมของเยี่ยเป่ยเฉิง

สายลมด้านนอกกระโจมพัดต้องกายนาง ช่างเหน็บหนาวจับใจ

ความเหน็บหนาวเช่นนี้ แล่นมาจากก้นบึ้งสุดหัวใจ

นางรักเขามาตั้งหลายปี ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเขา และลดศักดิ์ศรีของตัวเองลง ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมชายตามองนางเลยสักนิด!

นางไม่เข้าใจว่าตัวเองเทียบหลินซวงเอ๋อร์ตรงไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่นางเลิศกว่าหลินซวงเอ๋อร์ทุกอย่าง ดีกว่านางทุกอย่าง…

แต่ในใจเขา กลับมีแค่ผู้หญิงคนนั้น…

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 538

    “ซวงเอ๋อร์…ซวงเอ๋อร์เจ้ารีบมาดูเร็ว ผื่นแดงบนตัวข้าหายไปหมดแล้วใช่ไหม?”หลินซวงเอ๋อร์รีบเดินไปอยู่ข้างๆ ฮุ่ยอี๋ แล้วเลิกเสื้อของนางขึ้น พบว่าผื่นแดงบนตัวนาวหายไปหมดแล้วจริงๆ หลินซวงเอ๋อร์อดดีใจไม่ได้ รีบให้จื่อหลันไปเชิญหมอหลวงมาไม่นานจื่อหลันก็พาหมอหลวงมา หมอหลวงยืนลังเลอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้ามาหลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตูคุยกับหมอหลวง “หากท่านหมอกลัว ก็ตรวจอยู่ที่หน้าประตูก็ได้”หมอหลวงซาบซึ้งอย่างมาก และตั้งใจจะตรวจฮุ่ยอี๋อยู่ตรงหน้าประตูจริงหลินซวงเอ๋อร์แง้มประตูออก พอให้ฮุ่ยอี๋ยื่นมือออกมาได้พอดีหมอหลวงเห็นผื่นแดงบนแขนนางหายไปหมดแล้ว ก็อดตกใจไม่ได้หลังจากที่เขาตรวจอย่างละเอียดแล้ว ก็พูดไม่ออกอยู่นานด้วยอารามตกตะลึง“นี่…นี่มันมหัศจรรย์นัก…”ใจฮุ่ยอี๋บีบแน่น รีบสอบถาม “เป็นอย่างไร? เจ้ารีบว่ามาสิ!”หมอหลวงพูดจาสะเปะสะปะด้วยความตื่นเต้น “ไม่คิดเลยว่าอาการขององค์หญิงจะดีขึ้นอย่างน่าประหลาด…กระหม่อมจะไปกราบทูลฝ่าบาทและพระสนมเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ…”ฮุ่ยอี๋เหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน จวบจนหลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเรียกนาง ฮุ่ยอี๋ถึงได้สติกลับมา“ซวงเอ๋อร์…ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 539

    หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า “เจ้าค่ะ”หลังจากสงบลงแล้ว ถึงได้ถามในสิ่งที่สงสัยในใจออกมา“แต่ข้าไม่เข้าใจเหตุใดเลือดของเจ้าถึงรักษาโรคได้?”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว “ไม่รู้สิ หม่อมฉันเดาว่า อาจเป็นเพราะข้าทานยามากมายมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ก็ถูกงูดำหางไหม้กัดไปทีหนึ่ง และด้วยความบังเอิญ ในเลือดของข้าอาจมีบางอย่างรักษาโรคนี้ได้”คิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกคาดไม่ถึง ทว่ากลับเชื่อวาจาของหลินซวงเอ๋อร์ นางมองหลินซวงเอ๋อร์ ก่อนกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า เลือดของเจ้าช่างเป็นยาดีจริงๆ …”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว “ในเมื่อพระองค์หายแล้ว หม่อมฉันก็ไม่ขออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพระองค์แล้ว หม่อมฉันจะไปหาสามีหม่อมฉันอยากใช้เลือดตัวเองไปรักษาผู้คนที่ติดโรคระบาดเหล่านั้น”“ไม่ได้!”รีบขวางนางไว้หลินซวงเอ๋อร์มองด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ?”กล่าว “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? หากให้คนทั้งใต้หล้ารู้ว่าเลือดของเจ้าแก้พิษได้ ทั้งตัวเจ้านี้เกรงว่าคงถูกหลายคนโหยหาแล้ว!”หลินซวงเอ๋อร์อธิบาย“ไม่ใช่้เพคะ เลือดของหม่อมฉันไม่สามารถแก้พิษหลากหลายชนิดได้ เพียงแค่รักษาโรคระบาดได้เท่านั้น องค์หญิงเข้าใจผิดแ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 540

    เจียงหว่านตามเยี่ยเป่ยเฉิงเข้าวังไปด้วย นางอยากรู้ โรคระบาดที่แม้แต่นางยังรักษาไม่หาย ยังมีใครเก่งกว่านางอีก!ไม่นานทั้งสองก็มาถึงวัง ณ เวลานี้ประตูใหญ่ตำหนักหลวนเฟิ่งปิดสนิท หมอหลวงในวังเดินตามกันออกมาจากข้างในทีละคนฮ่องเต้โยกย้ายหมอหลวงในวังทุกคนมาตรวจชีพจรให้ฮุ่ยอี๋ หลังได้เสียงตอบกลับเป็นคำเดียวกัน ฮ่องเต้ก็ด,่งใจในที่สุดทุกคนต่างใคร่รู้ โรคระบาดของฮุ่ยอี๋ดีขึ้นได้อย่างไร ฮุ่ยอี๋บอกแค่เพียงว่าหลินซวงเอ๋อร์หาท่านหมออวิ๋นโหยวจากนอกวังมาและให้ยาแก่นาง ผื่นแดงบนตัวนางก็หายไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์ฮุ่ยอี๋ว่าด้วยท่าทางจริงจัง แม้ทุกคนจะสงสัย กระนั้นก็ไม่ถามอะไรมากอีก อย่างไรเสีย เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือกำจัดโรคระบาดนี้ให้สิ้น ในเวลานี้เอง มีขันทีมาแจ้งว่า เยี่ยเป่ยเฉิงมารอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนักฮ่องเต้มีสีหน้าไม่พอใจข่าวผู้ป่วยแตกตื่นแพร่มาถึงหูทั่วป๋าจิ่นนานแล้ว ทั่วป๋าจิ่นจึงใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับเหล่าขุนนางตำหนิเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างหนักต่อหน้าฝ่าบาทเยี่ยเป่ยเฉิงเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเกือบจะปล่อยให้ผู้ติดเชื้อหลบหนี ทำให้ผู้คนในเมืองฉางอานตกอยู่ในอันตราย! เหตุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 541

    “โชคดีที่เสด็จอาย้ายพวกชาวบ้านที่รอดมาได้ได้ทันเวลา พระเจ้าไม่ได้พวกเขาตาย เสด็จพ่อมิควรตำหนิเสด็จอา ทว่าควรตบรางวัลให้ถึงจะถูกเพคะ! ”ขณะกล่าว ฮุ่ยอี๋ก็เจือจางเลือดที่นางเตรียมไว้ด้วยน้ำ แล้วแบ่งใส่ขวดสีขาวหลายขวด นางกล่าวกับฮ่องเต้ว่า “เสด็จพ่อดูสิ นี่คือยาดีที่หลินซวงเอ๋อร์หามาด้วยตวามยากลำบาก ในเมื่อเสด็จอามาแล้ว ก็ให้ท่านแบ่งยานี้ไปให้ผู้ป่วยดื่ม เมื่อดื่มยานี้แล้ว โรคระบาดก็จัดการได้แล้ว…”วาจาที่ฮุ่ยอี๋กล่าว ได้ระงับโทสะของฮ่องเต้ไว้ได้ในที่สุดภายใต้อำนาจและผลประโยชน์ ฮ่องเต้มิได้ตำหนิโทษเยี่ยเป่ยเฉิง ทว่าฟังความเห็นของฮุ่ยอี๋ ให้เยี่ยเป่ยเฉิงนำยารักษาไปช่วยผู้ป่วยที่รอดชีวิตอยู่เจียงหว่านเข้าวังไปพร้อมกับเยี่ยเป่ยเฉิง ครั้นเห็นฮุ่ยอี๋ดีขึ้นแล้วจริงๆ เจียงหว่านก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมากนางอดถามขึ้นมาไม่ได้ “หม่อมฉันขอถามสักหน่อย องคืหญิงอาการดีขึ้นได้อย่างไรเพคะ?”ฮุ่ยอี๋เหลือบมองนางอย่างเรียบเฉย “ข้าบอกแล้ว ท่านหมออวิ๋นโหยวจ่ายยาให้ข้า! ข้าดื่มแล้วจึงดีขึ้น!”เจียงหว่านสืบถามต่อ “ขอมิบังอาจถามท่านหมออวิ๋นโหยวไหนหรือเพคะ วิชาแพทย์ถึงได้เก่งกาจเพียงนี้! เจียงหว่านอยากสอบถา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 542

    ฮุ่ยอี๋ให้จื่อหลานนำยาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วส่งให้กับเยี่ยเป่ยเฉิง และยังมอบยาบำรุงเลือดมากมายให้แก่เขาด้วยฮุ่ยอี๋กล่าวกำชับ “ในขวดน้ำเหล่านี้ล้วนเป็นยาที่รักษาโรคระะบาดได้ เสด็จอาแบ่งให้ผู้ป่วยดื่มคนละขวดก็ดีขึ้นแล้ว ส่วนยาบำรุงเหล่านี้ข้าเตรียมไว้ให้ซวงเอ๋อร์”เยี่ยเป่ยเฉิงเลิกคิ้วขึ้น “เหตุใดถึงเตรียมพวกนี้ให้ซวงเอ๋อร์? ซวงเอ๋อร์เป็นอะไรหรือ?”ฮุ่ยอี๋ย่อมไม่กล้าบอกความจริง หากให้เขารู้ว่าในขวดยาหลายร้อยขวดนี้มีเลือดของหลินซวงเอ๋อร์ผสมอยู่ เยี่ยเป่ยเฉิงต้องโมโหนางขึ้นมาแน่!สำหรับเรื่องนี้ ฮุ่ยอี๋ปวดใจเช่นกัน อย่างไรเสีย เพื่อเตรียมเลือดเหล่านี้ หลินซวงเอ๋อร์กลั้นใจกรีดข้อมือตัวเอง หากไม่ใช่เพราะนางมีแรงจำกัด ยัยทึ่มคนนั้นคงปล่อยเลือดตัวเองให้แห้งเป็นแน่!เมื่อรุ้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวัง หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะตำหนิ เลยให้ฮุ่ยอี๋ส่งนางออกไปทางด้านหลังอย่างเงียบๆ เกรงว่าตอนนี้คนคงไปถึงที่จวนแล้วฮุ่ยอี๋มองเจียงหว่านที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา จึงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ข้ามีเรื่องจะคุยกับเสด็จอา เจ้ายืนอยู่ที่นี่มันเกะกะ รับยาไปแล้ว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 543

    สิ้นเสียง เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเห็นท่าทางนี้ของเขา ฮุ่ยอี๋ก็เข้าใจทันที“ในเมื่อเสด็จอารู้ความรู้สึกของนาง ไยถึงให้นางอยู่ข้างกายอีก? ปล่อยผู้หญิงงามหยดขนาดนี้ไว้ตรงหน้า นานวันเข้าคงกลายเป็นความรักกระมัง?”“ไม่มีทาง! กระหม่อมไม่มีความรู้สึกใดต่อนาง!” เยี่ยเป่ยเฉิงตอบอย่างหนักแน่นฮุ่ยอี๋กล่าว “ไม่มีความรู้สึกใดๆ สักนิดจริงหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ไม่พะย่ะค่ะ!”ฮุ่ยอี๋กล่าว “ในเมื่อไม่มี เสด็จอาก้ไม่ควรเก็บนางไว้ในจวน พอนานวันเข้า มันมักจะทำให้คนมีช่องโหว่! อีกอย่าง! ผู้หญิงถือสาเรื่องเหล่านี้มาก! แม้ซวงเอ๋อร์จะไม่ถือสาในตอนนี้ วันหน้าหากนางรู้ความรู้สึกเจียงหว่านที่มีต่อท่านเข้า จะต้องถือสาแน่นอน”เยี่ยเป่ยเฉิงเงียบไปชั่วขณะ ก่อนกล่าว “หากซวงเอ๋อร์ไม่มีความสุข ข้าจะไม่ให้นางอยู่อีกแล้ว! วันนี้ให้นางย้ายออกไปได้เลย…”ได้ยินเช่นนี้ ฮุ่ยอี๋ก็ไม่พูดอีก ได้แต่ชำเลืองมองร่างนั้นที่อยู่ด้านนอก แล้วหยักยิ้มขึ้นเจียงหว่านยืนอยู่นอกประตู ได้ยินบทสนทนาด้านในอย่างชัดเจน นางกำมือแน่นจนเล็บหยักลงบนฝ่ามือ ในใจมีความเกลียดชังอย่างมาก!ในขณะนั้นเอง ก็

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บบที่ 544

    เยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ข้างใน จ้าวชิงชิงเองก็มิกล้าบุ่มบ่ามเคาะประตู จึงเอาแต่ยืนรอด้านนอกกระทั่งประตูห้องเปิดออก เยี่ยเป่ยเฉิงเดินออกจากข้างใน จ้าวชิงชิงและเจียงหว่านเงยหน้ามองเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“ท่านอ๋อง...”“ท่านอ๋อง...”ทั้งสองแทบเรียกเป็นเสียงเดียวกันเยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ออกจากตำหนัก!”ประโยคนี้พูดกับเจียงหว่าน ส่วนจ้าวชิงชิงนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงไม่แม้แต่ปรายตามองจ้าวชิงชิงหน้าดำหน้าแดง ปราดมองเจียงหว่านด้วยสายตาชิงชัง สายตาชิงชังคู่นั้นประหนึ่งอยากเฉือนนางเป็นชิ้นๆเจียงหว่านตามหลังเยี่ยเป่ยเฉิง ยามเดินผ่านจ้าวชิงชิงนางกลับชะลอฝีเท้า หยักยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “จ้าวชิงชิง พวกเราไม่มีใครชนะทั้งนั้น”สิ้นเสียง เจียงหว่านจึงเดินตัวปลิวผ่านหน้าจ้าวชิงชิงไปจ้าวชิงชิงมาดหมายจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นพลันได้กลิ่นหอมกรุ่นบางอย่าง ทำเอาจามไปทีอย่างกลั้นไม่อยู่ นางคลึงจมูกครู่หนึ่ง ก่อนก่นด่าตามหลังเจียงหว่าน “ลมผีจากไหนกัน พัดกลิ่นสาบจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มา!”เจียงหว่านมิได้เอ่ยปากแต่อย่างใด เร่งฝีเท้าตามติดเยี่ยเป่ยเฉิงครั้นเยี่ยเป่ยเฉิงจากไป จ้าว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 545

    จ้าวชิงชิงไม่เข้าใจเช่นกันว่าตอนนี้ตนเป็นอะไรไป สิ่งเดียวที่นึกได้คือเพิ่งไปในวังมา บางทีโรคของฮุ่ยอี๋ยังไม่หายสนิท ไม่ทันระวังจึงแพร่ใส่ตัวนางเข้าแล้วคิดได้ดังว่า จ้าวชิงชิงพลันหวาดกลัวทันใด กลัวว่าตนจะติดโรคเข้าให้แล้วไม่ช้าแพทย์ก็ถูกเชิญเข้าจวนเรื่องโชคดีคือ สิ่งที่นางติดมิใช่โรคระบาดแต่อย่างใด เป็นเพียงโรคลมพิษเท่านั้นทว่ารอยขีดข่วนน่ากลัวบนใบหน้าจะต้องใช้เวลากี่เดือนถึงจะฟื้นฟูเป็นปกติ......…..หลังจากกลับถึงค่ายทหาร เจียงหว่านมองโอสถที่ฮุ่ยอี๋ก่อนตกสู่ห้วงความคิดครานี้ เจียงหว่านไม่กล้าเสี่ยง จึงลองให้ผู้ป่วยติดโรคใกล้ตายกินดูก่อนสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ โอสถที่ฮุ่ยอี๋ให้มาครานี้ได้ผลจริง เดิมทีโรคระบาดนี้อยู่ในช่วงวิกฤตสุดขีดแล้ว ทว่าเมื่อกินยาเข้าไป เมื่อย่างสู่วันที่สองอาการป่วยกลับหายเป็นปลิดทิ้งแต่อาการของเขารุนแรงยิ่ง จำต้องใช้ยาหลายครั้ง อีกทั้งผู้ป่วยในระยะแรกใช้ยาเพียงขวดเดียวก็หายแล้วครั้นเห็นสถานการณ์ดังว่า เจียงหว่านจึงบอกเยี่ยเป่ยเฉิง “ท่านอ๋อง ตรงนี้ให้ข้าจัดการเถิด ท่านไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มต่อกันหลายวันแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”เยี่ยเป่ย

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status