แชร์

บทที่ 511

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-20 18:00:01
เมื่อเห็นนางยอมกินในที่สุด จู่ๆ ใจของไป๋อวี้ถังก็เกิดความรู้สึกอิ่มเอมอย่างอธิบายไม่ถูกขึ้นมา

นี่คือน้ำตาลปั้นที่นางคนึงหามานานมาก ในนั้นผสมกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวากับน้ำผึ้ง หลินซวงเอ๋อร์เลียไปคำหนึ่ง ในใจอย่าเอ่ยถึงเลยว่าพึงพอใจมากแค่ไหน

น้ำตาลรูปหงส์สวยมาก นางไม่กล้ากัด ได้แต่เลียไปทีละคำด้วยความระมัดระวัง

บนถนนไร้ผู้คนไปหมดแล้ว มีแค่บางครั้งจะมีคนเมาเดินออกมาจากร้านขายเหล้าเท่านั้น

หลินซวงเอ๋อร์รู้ว่าไม่ควรไปยุแหย่คนที่ดื่มเหล้า จึงตั้งใจเดินหลบเลี่ยงพวกเขาไป

แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งเดินโซซัดโซเซพุ่งเข้ามาหา

ทว่าท่าทาง เท้าที่เขาย่ำเดินกลับเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์หลบไม่ทัน ไหล่จึงถูกเขาชนอย่างแรงโดยไม่ทันระวัง

น้ำตาลปั้นในมือร่วงหล่นตุบอยู่บนพื้น แตกจนแหลกละเอียด

หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิม มองน้ำตาลปั้นบนพื้นอย่างยิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

ไป๋อวี้ถังคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ เมื่อได้สติกลับมา หลินซวงเอ๋อร์ก็แทบถูกคนชนล้มลงบนพื้นแล้ว

คล้อยหลังเร่งรีบปกป้องคนไว้ด้านหลัง สายตาของไป๋อวี้ถังก็มองผู้ชายที่ชนตรงหน้าอย่างเยือกเย็น

คาดว่าผู้ชายคนนี้จะดื่มเหล้าจนเมา เพราะกลิ่นเห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 512

    เขาแอบออกแรงที่นิ้ว สีหน้าของผู้ชายค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะเลือดคลั่ง“ไว้…ไว้ชีวิตด้วย…”สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดทำให้ผู้ชายเค้นคำออกมาจากลำคอด้วยความยากลำบากไป๋อวี้ถังยิ่งมีแววตาเย็นชาขึ้น ในดวงตานั้นเจือไปด้วยจิตสังหาร ทำให้คนอดรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อไม่ได้“พี่ใหญ่ไป๋…”เสียงอ่อนนุ่มหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง คิ้มที่ขมวดเป็นปมของไป๋อวี้ถังก็ค่อยๆ คลายออกเขาปล่อยผู้ชายคนนั้น และหันกลับมามองหลินซวงเอ๋อร์ ท่าทางเย็นเยือกดุจน้ำแข็งเปลี่ยนไปเป็นมาดผู้ดีของคุณชายไปชั่วพริบตาหลินซวงเอ๋อร์รีบเข้าไปหา เหลือบมองชายที่ตกใจจนหน้าซีดอยู่บนพื้น ก่อนจะดึงแขนเสื้อของไป๋อวี้ถัง “พี่ใหญ่ไป๋ ช่างมันเถิด เขาดื่มเหล้าจนเมา เป็นแค่คนขี้เมาคนหนึ่ง”เทศกาลไหว้พระจันทร์จัดอยู่บนถนนใหญ่ หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าไป่อวี้ถังพลั้งมือฆ่าคนขึ้นมา ชื่อเสียงของเขาต้องไม่ดีแน่ไป่อวี้ถังกล่าวด้วยท่าทางเหมือนปกติ “แม่นางซวงเอ๋อร์โปรดวางใจ แค่สั่งสอนเขาธรรมดาๆ พี่ใหญ่ไป๋หาใช่มารที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ข้าไม่ฆ่าเขาหรอก”หางตาของเขาเผยรอยหยักยิ้มราบเรียบออกมา ไม่เหมือนท่าทางที่อยากฆ่าคนสักนิดหลินซวงเอ๋อร์โล่งใจ “วั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-20
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 513

    จากนั้น หลินซวงเอ๋อร์ก็เอ่ยเสริมอีกว่า “เพียงแต่ พี่ใหญ่ไป๋ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร เขาเป็นคนดี ก่อนหน้านี้ยังช่วยข้าตั้งหลายครั้ง ต่อไปหากเจอเขา เราก็ควรเกรงใจเขาสักหน่อย”ตงเหมยพยักหน้า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แม้พระชายาไม่พูด บ่าวก็รู้ท่านสมุหราชเลขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไร”เมื่อเห็นว่าไป๋อวี้ถังยังไม่กลับมา ตงเหมยก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “ว่าแต่ ท่านสมุหราชเลขาก็ไปตั้งนานแล้ว ไยถึงยังไม่กลับมาอีก?”หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหน้า เดาว่า “บางทีอาจจะไล่ตามพ่อค้าคนนั้นกระมัง เรารออีกสักหน่อยเถิด”…..ในขณะนั้น ในซอยลึกมืดมิด มีชายคนหนึ่งฟุบอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด กระดูกทั่วร่างแตกหักหลายแห่ง เลือดกระอักไหลออกมามาจากปากเขา พลางเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัว เห็นร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินออกมาจากส่วนลึกของซอยเสื้อคลุมสีดำต้องลมปลิวไสว เผยให้เห็นรูปร่างที่โดดเด่นของเขา ย่างก้าวเขามั่นคง ราวกับพยายามมาเอาชีวิต ทั่วร่างเคลือบไปด้วยไอเย็นยะเยือก ทำให้คนรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมากำแพงด้านหลังมีรอยแตกร้าวหนึ่ง เป็นเขาที่โดนถีบจนร่างชนเข้ากับกำแพงอย่างจังเมื่อครู่นี้เอง… กำลังนั้นหนักหน่วงมาก กระดูกของผู้ชายแตกหักไปทั่วต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-21
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 514

    ในค่ายทหารจู่ๆ ชายที่นอนเอนกายอยู่บนเตียงเกิดเป็นไข้ขึ้นมา อาการเหมือนจะรุนแรงกว่าก่อนหน้าอย่างมาก ไม่เพียงแผลทั่วร่างเกิดเป็นหนอง ปากก็เริ่มส่งเสียงไม่ออกแล้วเยี่ยเป่ยเฉิงสั่งให้คนแยกกระโจมที่ชายคนนี้พักอยู่ออกไปเป็นพิเศษ ยกเว้นเขาและเจียงหว่าน ห้ามให้ใครเข้าใกล้ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ในกองทัพติดเชื้อโดยไม่ระวังหลังจากเดินออกมาจากกระโจม เยี่ยเป่ยเฉิงเอาผ้าปิดหน้าและถุงมือออก พลางกล่าวกับเจียงหว่าน “ไม่ใช่ให้ยาแก้แล้วหรอกหรือ? เหตุใดคนผู้นี้ถึงยังเป็นเช่นนี้อยู่!”เจียงหว่านกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “โรคนี้รุนแรงเกินไป ยาของข้ายังขาด…”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วมุ่นให้เวลาเจียงหว่านไปตั้งนาน แต่นางกลับจัดยาแก้รักษาโรคนี้ไม่ได้มาตลอด ชาวบ้านที่อยู่อย่างสุขสงบก่อนหน้าพากันติดโรคระบาด อาการยิ่งโหมรุนแรงขึ้น หากยังรักษาไม่ได้อยู่อีก เกรงว่าผลที่ตามมามิอาจจะจินตนาการได้ บางทีอาจจะอันตรายไปถึงผู้คนในเมืองหลวง…ทว่าเสิ่นป๋อเหลียงยังกลับไปไม่ถึงเมืองหลวง เยี่ยเป่ยเฉิงได้แค่ฝากความหวังไว้กับเจียงหว่านเท่านั้นแต่นางกลับทำให้เขาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า!เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆ หมดความอดท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-21
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 515

    พูดถึงงูดำหางไหม้ จู่ๆ เหมือนเยี่ยเป่ยเฉิงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าพลันซีดขาวทันทีในเวลานี้เอง รองแม่ทัพหวังขุ่ยเพิ่งกลับมาจากกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้าน และกำลังจะผูกม้าของตัวเองไว้ในคอกม้า ก็บังเอิญเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่นอกกระโจมพอดี จึงอดเดินเข้าไปถามไม่ได้ “วันนี้คือวันไหว้พระจันทร์ ไยท่านอ๋องจึงไม่กลับบ้านเล่า?”เยี่ยเป่ยเฉิงไม่พูดอะไร ยื่นมือไปแย่งสายบังเหียนในมือหวังขุ่ยมา พลิกตัวขึ้นหลังม้า และขี่หายลับไปในความมืดทันทีหวังขุ่ยงุนงงอยู่กับที่ ทอดมองไปยังทิศทางที่เยี่ยเป่ยเฉิงจากไป ก่อนมองเจียงหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้าง พลางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “นี่…ท่านอ๋องคงจะไม่ได้ลืมว่าวันนี้คือวันไหว้พระจันทร์หรอกใช่ไหม?”เจียงหว่านไม่พูดอะไร นางกัดริมฝีปาก และกำมือแน่นจนเล็บแทบจะหยักลงไปในเนื้อหวังขุ่ยเห็นนางถูกทิ้งอยู่ในค่ายทหารคนเดียวก็รู้สึกสงสารเล็กน้อย จึงกล่าวว่า “วันไหว้พระจันทร์ แม่นางเจียงไม่กลับบ้านไปฉลองหรือ? เช้านี้พี่ชายกับพี่สะใภ้แม่นางตั้งใจส่งคนมาถ่ายทอดข้อความ ให้แม่นางกลับไปฉลองวันนี้  เหตุใดแม่นางยังอยู่ที่นี่อยู่อีก?”เจียงหว่านยิ้ม “ไม่ล่ะ โรคระบาดยังไม่หาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-21
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 516

    เยี่ยเป่ยเฉิงควบม้ากลับไปที่จวนอย่างไม่หยุดหย่อนเมื่อมาถึงหน้าประตูจวนก็เห็นไป๋อวี้ถังกำลังกลับออกมาจากด้านในพอดี“เพิ่งกลับมาหรือ?”ไป๋อวี้ถังไม่ค่อยดูแปลกใจเท่าไหร่นัก ยังคงถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติเยี่ยเป่ยเฉิงพลิกตัวลงจากม้า คาดว่าน่าจะรีบมา หน้าอกเขาถึงได้กระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ บนหน้าผากยังชื้นไปด้วยเหงื่อ“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”เยี่ยเป่ยเฉิงถามเขาไป๋อวี้ถังกล่าวด้วยท่าทางเรียบเฉย “มาส่งแม่นางซวงเอ๋อร์กลับ”เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไป “เพิ่งกลับมาตอนนี้หรือ?”ไป๋อวี้ถังพยักหน้า “นางรอเจ้าทั้งคืน เจ้าไม่รู้หรือ?”นัยน์ตาดำขลับเบิกกว้าง เยี่ยเป่ยเฉิงอดตกใจไม่ได้ “รอจนถึงตอนนี้และเพิ่งกลับมาหรือ?”เมื่อครู่เขาไปหานางที่ข้างสะพาน เมื่อเห็นนางไม่อยู่ เขาก้รู้สึกโล่งใจ คิดว่านางรอตัวเองไม่ไหว น่าจะกลับจวนไปนานแล้ว…แต่ไป๋อวี้ถังบอกเขาว่า นางเพิ่งกลับมาตอนนี้…นางรอเขาทั้งคืนเต็มๆ …เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในของเยี่ยเป่ยเฉิงยิ่งเสียใจและโทษตัวเองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้หลายวันมานี้เขายุ่งมาก ยุ่งจนไม่กินไม่นอน ยุ่งจนลืมเวลา และถึงขั้นลืมนัดสำคัญไป…เรื่องนัดวันไหว้พระจันทร์ เป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-21
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 517

    “ท่านพี่ ท่านยืนอยู่หน้าประตูทำไมหรือ? ท่านรีบเข้ามาสิ…”เยี่ยเป่ยเฉิงถูกนางลากเข้ามาในห้องทั้งที่ยังนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นหลินซวงเอ๋อร์หมุนตัวไปอยู่ด้านหลังเขาอีกครั้ง และจะปลดเสื้อคลุมบนตัวเขาออก อาจจะเป็นเพราะง่วงเกินไป ปากนางเอาแต่หาวไม่หยุดจู่ๆ เยี่ยเป่ยเฉิงก็จับมือนางไว้ พลางหมุนตัว กอดนางไว้แน่นหลินซวงเอ๋อร์หยุดชะงักทุกอย่าง ขยี้ตาที่ง่วงงุน ก่อนถามเขาด้วยความนุ่มนวล “ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงระงับความรู้สึก และกล่าวด้วยเสียงแหบพร้า “ขอโทษ ซวงเอ๋อร์ พี่ผิดสัญญา พี่ลืมวันสำคัญของเรา พี่ทำให้ซวงเอ๋อร์รอทั้งคืน…”เขากระชับกอดแน่นมาก หลินซวงเอ๋อร์หายใจไม่ค่อยออกเล็กน้อยกระนั้นนางไม่ได้ผละเขาออกแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับเอื้มมือกอดเอวเขาตอบ และกล่าวปลอบ “ไม่เป็นไร ท่านพี่ไม่มาต้องมีเหตุผลแน่ ท่านพี่ยุ่งมากเลยใช่หรือไม่? ยุ่งจนลืมว่าเมื่อวานคือวันไหว้พระจันทร์ใช่หรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงตอบกลับ “อืม” เสียงเบา แขนยิ่งกระชับแน่น แทบอยากเอานางเข้าไปสิงในร่างของตัวเองหลินซวนเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย “ข้าเดาว่าต้องเป็นแบบนี้ ท่านพี่ไม่มาอย่างไม่มีเหตุผลแน่นอน แม้ไม่มา ท่านพี่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 518

    “ซวงเอ๋อร์ไม่โกรธพี่สักนิดเลยหรือ?” เยี่ยเป่ยเฉิงถามขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าด้วยความประหลาดใจ พลางถามเขากลับ “เหตุใดต้องโกรธด้วย? ท่านพี่ไม่ได้ตั้งใจผิดนัดเสียหน่อย ท่านพี่มีเรื่องเร่งด่วนต้องจัดการ อีกอย่าง ตอนนี้ท่านพี่ก้กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ?”“ซวงเอ๋อร์…” เยี่ยเป่ยเฉิงหัวใจเต้นแรง ก่อนขานเรียกนางอย่างอดใจไม่ไหว“หืม?”หลินซวงเอ๋อร์ยังคงเป่าฝ่ามือให้เขาเบาๆ ด้วยกลัวว่าการตีเมื่อครู่จะทำให้เขาเจ็บจริงๆ “ต่อไปพี่จะไม่ผิดสัญญากับเจ้าอีกแล้ว…”วาจาเขาหนักแน่นมาก แววตาที่มองนางทั้งล้ำลึกทั้งลึกซึ้งหลินซวงเอ๋อร์ยิ้มออกมา ลักยิ้มบนแก้มเผยออกมาอีกครา “ได้สิ งั้นลงโทษครั้งต่อไปท่านต้องซื้อน้ำตาลปั้นให้ข้าสองอันนะ ”“ได้”เยี่ยเป่ยเฉิงโล่งใจในที่สุดเขารู้ ซวงเอ๋อร์ของเขานิสัยดีมาก ไม่เคยโวยวายไร้เหตุผลเลยสักนิด กระทั้งไม่ต้องให้เขาง้อทุกวิธีนิสัยของนางเหมือนกับกระต่ายนอบน้อม ซึ่งอ่อนโยนกับเขาตลอดไปจู่ๆ ก็รู้สึกว่าเอวมันโล่งๆ เยี่ยเป่ยเฉิงถึงได้นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามนางทันที “ถุงกระเป๋าที่ซวงเอ๋อร์ปักให้พี่ล่ะ?”หลินซวงเอ๋อร์ถาม “อยู่ใต้หมอน ท่านพี่จะสวมตอนนี้เลยหรื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 519

    หลังจากได้ลิ้มลองคร่าวๆ คล้ายกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็ยิ่งควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ริมฝีปากนางอ่อนนุ่มน่าดึงดูด ขยับไหวราวกับกลีบดอกไม้ละเอียด รสชาติที่ลิ้มลองในปากยังมีความหวานบางเบา ทำเอาใครต่อใครอยากแนบชิดใกล้ขึ้นอีกอย่างทนไม่ได้เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆรั้งอีกฝ่ายเข้าอ้อมอก ดวงตาจดจ้องนางอย่างละเอียด ก่อนค้นพบว่าต่อให้จ้องมองแค่ไหนก็ไม่เพียงพอขนตาของนางทั้งยาวทั้งแพหนา สั่นระริกเบาๆราวกับปีกนกตามลมหายใจยามหลับผิวพรรณนางขาวลเอียดดุจหิมะ ยามเขินอายมักขึ้นริ้วแดงระเรื่องเห็นชัด ทำเอาคนมองอยากกัดสักครั้งปอยผมเส้นละเอียดกระจายบนหมอน ผมทุกเส้นส่งกลิ่นหอมจางๆ เยี่ยเป่ยเฉิงอดยื่นมือเกี่ยวปอยผมขึ้นมาดอมดมเสียไม่ได้นางหอมจริงๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าหอมละเมียดทั้งสิ้นซวงเอ๋อร์ของเขางดงามยิ่ง ทั้งหอมทั้งอ่อนนุ่ม......เยี่ยเป่ยเฉิงมองนาง ก่อนความคิดบางอย่างพลันผุดขึ้นอยากกอดนางเช่นนี้ไปชั่วชีวิต ไม่ปล่อยนางไปชั่วนิรันดร์สุดท้าย สายตาเขาจึงหยุดลงที่ริมฝีปากเล็กของนาง ริมฝีปากที่ถูกเขาบรรจงจูบชุ่มชื้น ยิ่งดูอ่อนโยนน่าทะนุถนอม......เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ทนอีกต่อไป เขาโน้มตัวดูดดุนริมฝีปากนางนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-22

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status