แชร์

บทที่ 477

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ท้องฟ้ามืดสนิท เยี่ยเป่ยเฉิงเดินอยู่ข้างหน้า เจียงหว่านเดินตาม ไม่นานก็ถูกเขาสะบัดทิ้งไว้ด้านหลัง แม้เรือนฝั่งตะวันออกจะห่างจากเรือนฝั่งตะวันตกมาก กระนั้นมันก็แค่ไม่กี่ร้อยก้าวเท่านั้น

ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสอยู่ลำพังกับเยี่ยเป่ยเฉิง เจียงหว่านจึงจงใจเดินช้าๆ

ทว่าเยี่ยเป่ยเฉิงเดินเร็วมาก ไม่สนใจด้านหลังของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เจียงหว่านตามเขาไม่ทัน จึงตะโกนเรียกอยู่ด้านหลัง “ท่านอ๋อง ฟ้ามืดเกินไป ข้าเห็นทางไม่ชัด ท่านเดินช้าลงหน่อย รอข้าด้วยสิ”

ไม่คิดเลยว่าเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดฝีเท้าลงจริงๆ

เจียงหว่านมีสีหน้าดีใจ รีบเดินสามขุมตามไป

อาจเป็นเพราะมองทางไม่ชัดหรือหยุดเท้าไม่ทัน เจียงหว่านไม่ระวัง ชนเข้ากับแผ่นหลังเยี่ยเป่ยเฉิง

นางดีดตัวออกห่างเยี่ยเป่ยเฉิงไปช่วงหนึ่งอย่างตกใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเขินอาย “ท่านอ๋อง ท่านเดินเร็วไปทำไมกัน?ข้าแทบตามท่านไม่ทัน” ขณะกล่าวก็เดินตรงไปข้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เจียงหว่านยังคงจงใจเดินช้าๆ อยู่ข้างหน้าเหมือนเดิม แต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่ยอมเดินไปข้างหน้าอีก

ครั้นเห็นเขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เจียงหว่านก็หันมามองเขาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย พร้อม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 478

    หลินซวงเอ๋อร์หลับตางีบหลับอยู่บนเตียงคำพูดของตงเหมยวนเวียนอยู่ในหัวนางมาตลอด สลัดทิ้งเท่าไหร่ก็สลัดทิ้งไม่พ้น “เจียงหว่านติดตามท่านอ๋องมาหลายปี ย่อมรู้จักนิสัยท่านอ๋องดีที่สุด หากพระชายาไม่เตรียมป้องกัน หากท่านอ๋องถูกแย่งไปจริงๆ จะทำเช่นไรล่ะเจ้าคะ?”“เจียงหว่านทั้งเก่งวิชาแพทย์ ทั้งยังมีชาติกำเนิดสูงส่ง อย่าว่าแต่รูปลักษณ์ของนางโดดเด่นเลย แค่เอ่ยถึงชาติกำเนิดก็ได้เปรียบกว่ามากโขแล้ว บ่าวว่าท่านย่าก็ชอบนางมากแน่...”“การระวังผู้อื่นนั้นมิควรขาด พระชายาระวังนางไว้สักหน่อยเถิด บ่าวว่านางไม่ใช่คนดีอะไร!”“อีกอย่าง บ่าวว่าท่านอ๋องปฏิบัติต่อนางไม่ธรรมดา ถึงขั้นไปส่งนางด้วยตัวเอง! เรือนทิศตะวันตกไกลไม่กี่ก้าวเอง! บ่าวหลับตาเดินไปยังได้เลย! ยังต้องให้คนไปส่งด้วยหรือ?”ยิ่งหลินซวงเอ๋อร์คิดนางก็ยิ่งไม่สบายใจหลังจากได้ฟังสิ่งที่ตงเหมยพูดมา เหมือนตัวเองไม่ใช่อะไรสักอย่างจริงๆ ! เจียงหว่านเหมือนมีอะไรทุกอย่าง แต่นางนั้นไม่มีอะไรเลย หากเจียงหว่านเป็นอย่างที่ตงเหมยบอก มาแย่งสามีของตัวเองไป แล้วนางจะเอาอะไรไปแข่งกับอีกฝ่ายได้?กลัวว่ายังไม่ทันได้แข่ง นางคงขโมยไปจนไม่เหลืออะไรแล้ว...“เ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 479

    เช้าตรูวันรุ่งขึ้นบนบันไดหินที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำค้างและน้ำฝน สายลมเย็นในฤดูใบไม้ร่วงทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่น เมื่อสายลมพัดผ่านลานที่เพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อครู่ ใบแปะก๊วยสีทองอร่ามก็ปกคลุมไปทั่วอีกคราทุกครั้งที่สายลมพัดผ่าน ต้าหู่ชอบไล่ตามใบไม้ที่สายลมพัดร่วงลงมาอยู่ในลานบ้านอย่างมากในตอนแรก ตอนที่ต้าหู่เข้ามาอยู่ในเรือนทิศตะวันออกได้ไม่นาน คนในจวนต่างพากันกลัวมัน เรื่องกินดื่มจึงเป็นหลินซวงเอ๋อร์ดูแลด้วยตัวเองตงเหมยที่ใจกล้ามาแต่ไหนแต่ไรก็ยังตกใจไม่น้อย ใครที่ไหนเขาเลี้ยงเสือไว้ในลานบ้านกันหลินซวงเอ๋อร์จึงอธิบายให้นางด้วยความอดทน“ต้าหู่อ่อนโยนมาก”“ต้าหู่ไม่กัดคน”“ต้าหู่รอบรู้มาก”ตงเหมยไม่เชื่อ ยังคงรักษาระยะห่างกับต้าหู่ด้วยความเคารพหลินซวงเอ๋อร์เลียนแบบเยี่ยเป่ยเฉิง อยากให้ตงเหมยลองยื่นมือไปลูบต้าหู่ตงเหมยไหนเลยจะกล้า ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ลูบต้าหู่ต่อมา นานวันเข้า ตงเหมยพบว่า เจ้าต้าหู่เหมือนจะไม่ทำร้ายคนจริง แค่คำรามที่ฟังดูแล้วน่ากลัวเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่อ่อนโยนมาก ตงเหมยแกล้งทำเป็นใจกล้ายื่นมือออกไปลูบหัวมัน ปรากฏว่าพอได้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 480

    เดิมทีแค่ตั้งใจจะมายั่วยุนาง ทว่าหลินซวงเอ๋อร์กลับไม่คล้อยตามเลยสักนิด นางยังคงยิ้มอย่างเรียบเฉย ราวกับไม่ได้ตั้งใจฟังที่นางพูดเลย แค่ลูบเสือบนพื้นตัวนั้นอย่างอ่อนโยนเจียงหว่านเลยต้องพูดให้ชัดเจนอีกหน่อย “ยกตัวอย่างเช่นท่านอ๋อง ท่านอ๋องคือเทพสงครามแห่งต้าซ่งชีวิตนี้ถูกกำหนดให้เป็นคนจิตใจกว้างขวาง สูงส่งเหนือผู้คน บุรุษอย่างท่านอ๋อง ต้องคู่ควรกับสตรีที่สวยที่สุดในโลกใบนี้!”ในที่สุดหลินซวงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมองนาง ทว่าวาจาที่กล่าวออกมากลับทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจเล็กน้อย“แม่นางเจียง เจ้าอยากลูบต้าหู่ดูหน่อยไหม? มันเชื่องมากเลยนะ”เจียงหว่านหมดความอดทน กล่าวด้วยท่าทาโกรธ“แม่นางหลิน เจ้าฟังไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งเลอะเลือนกันแน่?”หลินซวงเอ๋อร์ยิ้ม นางไม่ชอบโต้เถียงกับคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทว่าแม่นางเจียงผู้นี้ กลับเหมือนตั้งใจจะยั่วโมโหนางน้ำเสียงของหลินซวงเอ๋อร์ยังคงอ่อนโยนเช่นเคย “แม่นางที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยอย่างพวกเราสามารถมีชีวิตดีๆ ได้ก็นับว่าเพ้อฝันเกินตัวแล้ว เทียบไม่ได้กับแม่นางเจียงที่มีชาติกำเนิดสูงส่งหรอก ตั้งแต่เด็กก็รู้จักสี่หนังสือห้าคัมภีร์ เต็มไปด้วยความสามารถ ทั

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 481

    เจียงหว่านฝืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ข้าติดตามท่านอ๋องมาหลายปี ไยไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายตัวนี้เลย"“มันชื่อว่าต้าหู่” หลินซวงเอ๋อร์เอ่ยแก้เจียงหว่านไม่เคยรู้มาก่อน ยังคงเรียกสัตว์ร้ายๆ เหมือนเดิมต้าหู่เหมือนจะเข้าใจ จึงหันกลับมาคำรามใส่นางอีกครั้งเจียงหว่านตกใจมากจนถอยหลังไปสองสามก้าวและหายใจถี่รัวขึ้นมาชั่วพริบตา“ต้าหู่ วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังขนาดนี้?” หลินซวงเอ๋อร์ลูบหัวเจ้าต้าหู่ พยายามทำให้มันสงบลง แต่ดูเหมือนเจ้าต้าหู่จะเกลียดเจียงหว่าน และมีความอาฆาตต่อนางอย่างแรงเจียงหว่านสงบสติลง สายตาที่มองต้าหู่ฉายประกายมืดมนออกมาอย่างรวดเร็ว“แม่นางเจียง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ วันนี้เจ้าต้าหู่อาจจะไม่สบายนิดหน่อย ทำให้เจ้าตกใจแล้วจริงๆ” หลินซวงเอ๋อร์หันไปกล่าวกับเจียงหว่าน เจียงหว่านเก็บสีหน้าทันที และกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อน "ไม่เป็นไร สัตว์ร้าย เกิดมาเลือดเย็น เลี้ยงให้เชื่องไม่ได้หรอก"หลินซวงเอ๋อร์รีบจับต้าหู่ไว้ทันที ทว่าสักพัก ต้าหู่ก็พยายามดิ้นจะไปตะครุบฉีกทึ้งเจียงหว่านทั้งเป็นเจียงหว่านหน้าซีดทันที“ต้าหู่!” เสียงตำหนิดังมาจากด้านหลัง ต้าหู่สงบลงทันทีหลินซวงเอ๋อ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 482

    นางกลับไปที่เรือนตะวันออกด้วยความสิ้นหวัง และไม่มีกระจิตกระใจเล่นกับต้าหู่แล้วต้าหู่นอนหมอบอยู่บนพื้น มองดูนางอย่างหงอยๆ เช่นกันหลินซวงเอ๋อร์เก็บใบแปะก๊วยขึ้นมาพลางเกาหูของต้าหู่ไปด้วย "เจ้าก็เกลียดเจียงหว่านเหมือนกันใช่หรือไม่?"เมื่อเห็นต้าหู่เงียบ หลินซวงเอ๋อร์ก็พึมพัมกับตัวเอง "ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน..."ตลอดทั้งวัน หลินซวงเอ๋อร์ใจไม่อยู่กับร่องกับรอยนางนั่งอยู่บนบันไดหิน และรออยู่ทั้งอย่างนั้นจนถึงเย็น ก็ยังไม่เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงกลับมาตอนกลางคืนลมแรง ตงเหมยจึงนำน้ำร้อนมาให้นาง ก่อนจะให้นางกลับไปพักที่ห้องก่อนหลินซวงเอ๋อร์กล่าวด้วยความสนใจเล็กน้อย "แต่ท่านพี่ข้ายังไม่กลับมาเลยนะ"เขาไม่กลับมา นางจะนอนหลับได้อย่างไรนางเอามือเท้าคาง สองตาจ้องมองที่ประตู แทบจะรอคอยด้วยความร้อนใจ เหมือนหินเฝ้าสามีอย่างไรอย่างนั้นครั้นตงเหมยเห็นว่าโน้มน้าวนางไม่ได้ ก็ไปหยิบเสื้อคลุมสีแดงมีปกขนสุนัขจิ้งจอกมาจากในห้องแล้วสวมให้นางในการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงตั้งใจยิงสุนัขจิ้งจอกสองตัวเพื่อนาง ต่อมาก็ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงเอามาทำเป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงอากาศห

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 483

    หลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยเป่ยเฉิงจู่ๆ ถึงเคร่งขรึมใส่นางเช่นนี้ นางคิดไม่ออกว่าตัวเองทำไม่ดีตรงไหนอีก ถึงได้ไปยั่วให้เขาโมโหเข้าเมื่อเห็นอาหารที่ตั้งใจเตรียมหกลงบนพื้นหมด หลินซวงเอ๋อร์ก็ขอบตาแดงก่ำ จู่ๆ ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาเล็กน้อยอาหารพวกนี้นางเตรียมมาตั้งแต่เช้า ทว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้กินเลยสักคำ นางก็ทำตกบนพื้นหมด น่าเสียดายจริงๆ …หลินซวงเอ๋อร์ก้มตัวนั่งลง ใช้มือเก็บขนมที่ตกกระจานอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่ในถาดอาหารทีละนิดตงเหมยเองก็ตกใจกับเหตุการณ์กะทันหันนี้จนทำอะไรไม่ถูก ครั้นเห็นสีหน้าน้อยใจของหลินซวงเอ๋อร์ ตงเหมยก็อธิบาย “พระชายาเป็นห่วงว่าท่านอ๋องไม่ได้กินอะไรดีๆ จึงอยากมาส่งอาหารให้ท่านอ๋องด้วยตัวเองสักหน่อย แล้วก็เสื้อผ้าเปลี่ยนของพวกท่านทั้งสอง พระชายาก็เอามาด้วย…”“พาพระชายากลับไป! ต่อไปห้ามนางมาที่นี่อีก! ช่วงนี้ ที่ไหนก็ห้ามให้นางไป!” เยี่ยเป่ยเฉิงขัดคำพูดของตงเหมย น้ำเสียงดูน่าเกรงขามอย่างมาก ทำให้ผู้คนอดรู้สึกกลัวไม่ได้“หากเจ้ากล้าพานางออกจวนโดยพลการ ข้าจะหักขาของเจ้าซะ!”ตงเหมยหน้าซีด ไม่กล้าพูดแทนหลินซวงเอ๋อร์อีกหลินซวงเอ๋อร์กล่าวขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 484

    หลินซวงเอ๋อร์ยังคงไม่พูดจา ก้มหน้าก้มตาเก็บขนมที่กระจัดกระจายบนพื้นเจียงหว่านหยักยิ้ม ยามจะจากไปเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหันกลับมาพูดกับหลินซวงเอ๋อร์ “ยากอเอี๊ยะหลายขวดที่ข้าเตรียมไว้ให้แม่นางหลินนั้น แม่นางหลินต้องใช้ตลอด รอยแผลเป็นบนตัวจะได้หายโดยไว”เมื่อเห็นเจียงหว่านไม่ได้ตามไป เยี่ยเป่ยเฉิงพลันชะงักฝีเท้า หันกลับมามองนาง ตะโกนเร่งรัด “เจียงหว่าน!”ครั้นได้ยินเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกเขา เจียงหว่านจึงบอกหลินซวงเอ๋อร์ “ท่านอ๋องเรียกข้าแล้ว ข้าต้องไปก่อน” พูดจบก็จับชายกระโปรงวิ่งเบาๆตามไปตงเหมยถ่มน้ำลายไล่หลังเจียงหว่าน ซ้ำยังก่นด่าตามหลังไม่หยุด “อะไรกัน! ในเมื่อใสซื่อขนาดนี้ทำไมต้องอธิบายให้มากความด้วย! เห็นชัดๆว่ามีพิรุธ!”“ตงเหมย พวกเรากลับกันเถอะ” หลินซวงเอ๋อร์ยืนขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ หันหลังเดินกลับไปตงเหมยถือสัมภาระทั้งสองไว้ข้างหลัง ภายในสัมภาระล้วนเป็นเสื้อผ้าที่เยี่ยเป่ยเฉิงซักเตรียมมาคืน สุดท้ายก็ส่งให้ไม่ทันอยู่ดี“จะทำอย่างไรกับเสื้อผ้าเหล่านี้ดี? พระชายาไม่เอาให้ท่านอ๋องแล้วหรือ?”หลินซวงเอ๋อร์ปีนขึ้นรถม้า “ในเมื่อเขาไม่ต้องการ เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้แล้ว”ตง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 485

    นอกเมืองหลวงห่างไปร้อยลี้ แสงเพลิงสว่างไสวทั่วฟ้า การเข่นฆ่าอันไร้มนุษยธรรมยังคงดำเนินต่อเหล่าทหารในชุดเกราะถือดาบคมกริบ กำลังล้อมผู้คนนับร้อยไว้ดาบและกระบี่แหลมคมฉายแววเย็นเยียบภายใต้แสงเพลิง ชายหนุ่มคนอีกคนหนึ่งถูกทหารสองนายลากตัวออกมาจากกลุ่มฝูงชนชายหนุ่มดิ้นรนสุดชีวิต ทว่าร่างกายผ่ายผอมไร้เรี่ยวแรงไม่มีทางดิ้นรนได้อยู่แล้วชายหนุ่มทั้งหวาดกลัวทั้งไร้ที่พึ่งพา เขาพอรู้ถึงชะตาที่ตนกำลังจะต้องเผชิญในอีกไม่ช้าแล้ว เสียงอันหดหู่ดังขึ้น“ข้าไม่ได้ป่วย ข้าแค่โดนอากาศเย็นมากเกินไป ข้าหาได้แพร่เชื้อโรค ขอร้องนายท่าน......”“ข้าแค่ไม่ระวังต้องอากาศเย็นมากไป ทานยาสักนิดก็หายแล้ว......ท่านอย่าฆ่าข้าเลย ขอร้องท่านอย่าฆ่าข้าเลย......”ทว่าคำอ้อนวอนของเขากลับไร้ซึ่งการตอบกลับเหล่าทหารลากตัวเขาเข้าห้องปิดตายห้องหนึ่ง ไม่นาน เขาก็กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเย็นเยียบนายทหารลากศพออกจากห้อง ก่อนโยนทิ้งลงเตาเผาขยะขนาดมหึมาชั่ววินาทีที่ศพตกลงไป เพลิงรอุพลันพวยพุ่งขึ้นฟ้า หลอมเหลวทุกสิ่งจนไฟปะทุทั่วเมื่อเผชิญกับสิ่งตรงหน้า ประชาชนที่ไร้ซึ่งอาวุธไม่กล้าเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว มองร่างไร้วิญญาณที่ม

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status