แชร์

บทที่ 480

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เดิมทีแค่ตั้งใจจะมายั่วยุนาง ทว่าหลินซวงเอ๋อร์กลับไม่คล้อยตามเลยสักนิด นางยังคงยิ้มอย่างเรียบเฉย ราวกับไม่ได้ตั้งใจฟังที่นางพูดเลย แค่ลูบเสือบนพื้นตัวนั้นอย่างอ่อนโยน

เจียงหว่านเลยต้องพูดให้ชัดเจนอีกหน่อย “ยกตัวอย่างเช่นท่านอ๋อง ท่านอ๋องคือเทพสงครามแห่งต้าซ่งชีวิตนี้ถูกกำหนดให้เป็นคนจิตใจกว้างขวาง สูงส่งเหนือผู้คน บุรุษอย่างท่านอ๋อง ต้องคู่ควรกับสตรีที่สวยที่สุดในโลกใบนี้!”

ในที่สุดหลินซวงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมองนาง ทว่าวาจาที่กล่าวออกมากลับทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจเล็กน้อย

“แม่นางเจียง เจ้าอยากลูบต้าหู่ดูหน่อยไหม? มันเชื่องมากเลยนะ”

เจียงหว่านหมดความอดทน กล่าวด้วยท่าทาโกรธ“แม่นางหลิน เจ้าฟังไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งเลอะเลือนกันแน่?”

หลินซวงเอ๋อร์ยิ้ม นางไม่ชอบโต้เถียงกับคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทว่าแม่นางเจียงผู้นี้ กลับเหมือนตั้งใจจะยั่วโมโหนาง

น้ำเสียงของหลินซวงเอ๋อร์ยังคงอ่อนโยนเช่นเคย “แม่นางที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยอย่างพวกเราสามารถมีชีวิตดีๆ ได้ก็นับว่าเพ้อฝันเกินตัวแล้ว เทียบไม่ได้กับแม่นางเจียงที่มีชาติกำเนิดสูงส่งหรอก ตั้งแต่เด็กก็รู้จักสี่หนังสือห้าคัมภีร์ เต็มไปด้วยความสามารถ ทั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 481

    เจียงหว่านฝืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ข้าติดตามท่านอ๋องมาหลายปี ไยไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายตัวนี้เลย"“มันชื่อว่าต้าหู่” หลินซวงเอ๋อร์เอ่ยแก้เจียงหว่านไม่เคยรู้มาก่อน ยังคงเรียกสัตว์ร้ายๆ เหมือนเดิมต้าหู่เหมือนจะเข้าใจ จึงหันกลับมาคำรามใส่นางอีกครั้งเจียงหว่านตกใจมากจนถอยหลังไปสองสามก้าวและหายใจถี่รัวขึ้นมาชั่วพริบตา“ต้าหู่ วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังขนาดนี้?” หลินซวงเอ๋อร์ลูบหัวเจ้าต้าหู่ พยายามทำให้มันสงบลง แต่ดูเหมือนเจ้าต้าหู่จะเกลียดเจียงหว่าน และมีความอาฆาตต่อนางอย่างแรงเจียงหว่านสงบสติลง สายตาที่มองต้าหู่ฉายประกายมืดมนออกมาอย่างรวดเร็ว“แม่นางเจียง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ วันนี้เจ้าต้าหู่อาจจะไม่สบายนิดหน่อย ทำให้เจ้าตกใจแล้วจริงๆ” หลินซวงเอ๋อร์หันไปกล่าวกับเจียงหว่าน เจียงหว่านเก็บสีหน้าทันที และกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อน "ไม่เป็นไร สัตว์ร้าย เกิดมาเลือดเย็น เลี้ยงให้เชื่องไม่ได้หรอก"หลินซวงเอ๋อร์รีบจับต้าหู่ไว้ทันที ทว่าสักพัก ต้าหู่ก็พยายามดิ้นจะไปตะครุบฉีกทึ้งเจียงหว่านทั้งเป็นเจียงหว่านหน้าซีดทันที“ต้าหู่!” เสียงตำหนิดังมาจากด้านหลัง ต้าหู่สงบลงทันทีหลินซวงเอ๋อ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 482

    นางกลับไปที่เรือนตะวันออกด้วยความสิ้นหวัง และไม่มีกระจิตกระใจเล่นกับต้าหู่แล้วต้าหู่นอนหมอบอยู่บนพื้น มองดูนางอย่างหงอยๆ เช่นกันหลินซวงเอ๋อร์เก็บใบแปะก๊วยขึ้นมาพลางเกาหูของต้าหู่ไปด้วย "เจ้าก็เกลียดเจียงหว่านเหมือนกันใช่หรือไม่?"เมื่อเห็นต้าหู่เงียบ หลินซวงเอ๋อร์ก็พึมพัมกับตัวเอง "ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน..."ตลอดทั้งวัน หลินซวงเอ๋อร์ใจไม่อยู่กับร่องกับรอยนางนั่งอยู่บนบันไดหิน และรออยู่ทั้งอย่างนั้นจนถึงเย็น ก็ยังไม่เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงกลับมาตอนกลางคืนลมแรง ตงเหมยจึงนำน้ำร้อนมาให้นาง ก่อนจะให้นางกลับไปพักที่ห้องก่อนหลินซวงเอ๋อร์กล่าวด้วยความสนใจเล็กน้อย "แต่ท่านพี่ข้ายังไม่กลับมาเลยนะ"เขาไม่กลับมา นางจะนอนหลับได้อย่างไรนางเอามือเท้าคาง สองตาจ้องมองที่ประตู แทบจะรอคอยด้วยความร้อนใจ เหมือนหินเฝ้าสามีอย่างไรอย่างนั้นครั้นตงเหมยเห็นว่าโน้มน้าวนางไม่ได้ ก็ไปหยิบเสื้อคลุมสีแดงมีปกขนสุนัขจิ้งจอกมาจากในห้องแล้วสวมให้นางในการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงตั้งใจยิงสุนัขจิ้งจอกสองตัวเพื่อนาง ต่อมาก็ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงเอามาทำเป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงอากาศห

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 483

    หลินซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยเป่ยเฉิงจู่ๆ ถึงเคร่งขรึมใส่นางเช่นนี้ นางคิดไม่ออกว่าตัวเองทำไม่ดีตรงไหนอีก ถึงได้ไปยั่วให้เขาโมโหเข้าเมื่อเห็นอาหารที่ตั้งใจเตรียมหกลงบนพื้นหมด หลินซวงเอ๋อร์ก็ขอบตาแดงก่ำ จู่ๆ ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาเล็กน้อยอาหารพวกนี้นางเตรียมมาตั้งแต่เช้า ทว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้กินเลยสักคำ นางก็ทำตกบนพื้นหมด น่าเสียดายจริงๆ …หลินซวงเอ๋อร์ก้มตัวนั่งลง ใช้มือเก็บขนมที่ตกกระจานอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่ในถาดอาหารทีละนิดตงเหมยเองก็ตกใจกับเหตุการณ์กะทันหันนี้จนทำอะไรไม่ถูก ครั้นเห็นสีหน้าน้อยใจของหลินซวงเอ๋อร์ ตงเหมยก็อธิบาย “พระชายาเป็นห่วงว่าท่านอ๋องไม่ได้กินอะไรดีๆ จึงอยากมาส่งอาหารให้ท่านอ๋องด้วยตัวเองสักหน่อย แล้วก็เสื้อผ้าเปลี่ยนของพวกท่านทั้งสอง พระชายาก็เอามาด้วย…”“พาพระชายากลับไป! ต่อไปห้ามนางมาที่นี่อีก! ช่วงนี้ ที่ไหนก็ห้ามให้นางไป!” เยี่ยเป่ยเฉิงขัดคำพูดของตงเหมย น้ำเสียงดูน่าเกรงขามอย่างมาก ทำให้ผู้คนอดรู้สึกกลัวไม่ได้“หากเจ้ากล้าพานางออกจวนโดยพลการ ข้าจะหักขาของเจ้าซะ!”ตงเหมยหน้าซีด ไม่กล้าพูดแทนหลินซวงเอ๋อร์อีกหลินซวงเอ๋อร์กล่าวขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 484

    หลินซวงเอ๋อร์ยังคงไม่พูดจา ก้มหน้าก้มตาเก็บขนมที่กระจัดกระจายบนพื้นเจียงหว่านหยักยิ้ม ยามจะจากไปเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหันกลับมาพูดกับหลินซวงเอ๋อร์ “ยากอเอี๊ยะหลายขวดที่ข้าเตรียมไว้ให้แม่นางหลินนั้น แม่นางหลินต้องใช้ตลอด รอยแผลเป็นบนตัวจะได้หายโดยไว”เมื่อเห็นเจียงหว่านไม่ได้ตามไป เยี่ยเป่ยเฉิงพลันชะงักฝีเท้า หันกลับมามองนาง ตะโกนเร่งรัด “เจียงหว่าน!”ครั้นได้ยินเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกเขา เจียงหว่านจึงบอกหลินซวงเอ๋อร์ “ท่านอ๋องเรียกข้าแล้ว ข้าต้องไปก่อน” พูดจบก็จับชายกระโปรงวิ่งเบาๆตามไปตงเหมยถ่มน้ำลายไล่หลังเจียงหว่าน ซ้ำยังก่นด่าตามหลังไม่หยุด “อะไรกัน! ในเมื่อใสซื่อขนาดนี้ทำไมต้องอธิบายให้มากความด้วย! เห็นชัดๆว่ามีพิรุธ!”“ตงเหมย พวกเรากลับกันเถอะ” หลินซวงเอ๋อร์ยืนขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ หันหลังเดินกลับไปตงเหมยถือสัมภาระทั้งสองไว้ข้างหลัง ภายในสัมภาระล้วนเป็นเสื้อผ้าที่เยี่ยเป่ยเฉิงซักเตรียมมาคืน สุดท้ายก็ส่งให้ไม่ทันอยู่ดี“จะทำอย่างไรกับเสื้อผ้าเหล่านี้ดี? พระชายาไม่เอาให้ท่านอ๋องแล้วหรือ?”หลินซวงเอ๋อร์ปีนขึ้นรถม้า “ในเมื่อเขาไม่ต้องการ เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้แล้ว”ตง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 485

    นอกเมืองหลวงห่างไปร้อยลี้ แสงเพลิงสว่างไสวทั่วฟ้า การเข่นฆ่าอันไร้มนุษยธรรมยังคงดำเนินต่อเหล่าทหารในชุดเกราะถือดาบคมกริบ กำลังล้อมผู้คนนับร้อยไว้ดาบและกระบี่แหลมคมฉายแววเย็นเยียบภายใต้แสงเพลิง ชายหนุ่มคนอีกคนหนึ่งถูกทหารสองนายลากตัวออกมาจากกลุ่มฝูงชนชายหนุ่มดิ้นรนสุดชีวิต ทว่าร่างกายผ่ายผอมไร้เรี่ยวแรงไม่มีทางดิ้นรนได้อยู่แล้วชายหนุ่มทั้งหวาดกลัวทั้งไร้ที่พึ่งพา เขาพอรู้ถึงชะตาที่ตนกำลังจะต้องเผชิญในอีกไม่ช้าแล้ว เสียงอันหดหู่ดังขึ้น“ข้าไม่ได้ป่วย ข้าแค่โดนอากาศเย็นมากเกินไป ข้าหาได้แพร่เชื้อโรค ขอร้องนายท่าน......”“ข้าแค่ไม่ระวังต้องอากาศเย็นมากไป ทานยาสักนิดก็หายแล้ว......ท่านอย่าฆ่าข้าเลย ขอร้องท่านอย่าฆ่าข้าเลย......”ทว่าคำอ้อนวอนของเขากลับไร้ซึ่งการตอบกลับเหล่าทหารลากตัวเขาเข้าห้องปิดตายห้องหนึ่ง ไม่นาน เขาก็กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเย็นเยียบนายทหารลากศพออกจากห้อง ก่อนโยนทิ้งลงเตาเผาขยะขนาดมหึมาชั่ววินาทีที่ศพตกลงไป เพลิงรอุพลันพวยพุ่งขึ้นฟ้า หลอมเหลวทุกสิ่งจนไฟปะทุทั่วเมื่อเผชิญกับสิ่งตรงหน้า ประชาชนที่ไร้ซึ่งอาวุธไม่กล้าเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว มองร่างไร้วิญญาณที่ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 486

    ”แม่......ท่านแม่......”เด็กชายหลบข้างหลังผู้เป็นแม่ด้วยความหวาดกลัว ดวงตาไร้เดียงสาฉายแววผวากลัวหมดหนทางทหารสองนายดึงตะขอเหล็กเหน็บเอว เดินหน้าเข้ามาหาทั้งสองตะขอเหล็กนั้นฉายแวววับ ปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือก หญิงสาวปกป้องเด็กชายไว้ข้างหลังพลางเดินถอยไม่หยุด“ท่านผู้ดูแล เขาไม่เป็นอันใดหรอก แค่ไม่ทันระวังสำลักเข้า เขาหาได้ป่วยแต่อย่างใด……” เสียงหวาดกลัวสุดชีวิตของหญิงสาวไม่ได้ทำให้นายทหารเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด พวกเขาสะบัดตะขอเหล็กในมือ มาดหมายพาตัวเด็กชายเข้าห้องลับเพื่อ “ตรวจโรค”ปากว่าตรวจโรค ทว่าความจริงแล้วเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นอันที่จริง ยามแรกเริ่มยังเชิญหมอมา แต่ต่อมาหมอก็ติดโรค ถูกโยนทิ้งในเตาเผาเช่นกัน จากนั้นก็ไม่มีหมอคนไหนมาอีก......ส่วนคนที่รอดมาได้ จึงกลายเป็นว่าต้องอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายเท่านั้น.....“ท่านผู้ดูแล ขอร้องพวกท่านอย่าทำเช่นนี้เลย......เขายังเด็ก เขาไม่ได้ติดเชื้อ เขาไม่ได้ติดเชื้อจริงๆ......”หญิงสาวร้องไห้อ้อนวอนอย่างน่าสังเวช นางพับแขนเสื้อเด็กชายขึ้น ยื่นแขนเล็กๆของเขาให้ผู้ดูแลดู “ผู้ดูแล ท่านดูสิ พวกท่านเห็นไหม เขาไม่มีผื่นแดง เขาไม่ได้ติดเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 487

    เว่ยหวยซานเอ่ย “เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไป ถึงอย่างไรวันนี้ผู้คนเหล่านี้ ข้าก็จะพาไปให้ได้!” นายทหารหมดหนทาง ทำได้เพียงหลีกทาง ให้เว่ยหวยซานพาฝูงชนที่ยังไม่เกิดอาการออกไปเว่ยหวยซานให้องครักษ์เกราะทองคุ้มกัน ตนสวมหน้ากากปิดบังหน้า จากนั้นเคลื่อนย้ายเหล่าฝูงชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยยามจากไป นายทหารได้เอ่ยโน้มน้าวไว้ “นายพลเว่ย โรคระบาดนี้ร้ายแรงเกินคณา หากแพร่ระบาดไป ต้องตายสิ้นอย่างแน่นอน หากพวกท่านยืนกรานจะสอดมือข้องเกี่ยว เช่นนั้นก็คิดถึงผลที่ตามมาให้ดี......”เว่ยหวยซานเอ่ย “ฝ่าบาทของพวกเจ้าไร้ความสามารถ ทำใจหาหมอมาให้ประชาชนเหล่านี้ไม่ได้! มองชีวิตผู้คนเป็นเพียงมดแมลง! พวกเจ้าไม่รักษา ท่านอ๋องของเราจะหาหมอมารักษาเอง!”นายทหารมิกล้าขววางทางอีกต่อไป เว่ยหวยซานประชันหน้ากับนายทหาร ลำเลียงฝูงชนออกย้ายไปฐานที่มั่นใหม่ภายในรถม้า เด็กชายยังคงอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาว “แม่ พวกเราถูกช่วยไว้แล้วใช่ไหม?”หญิงสาวเอ่ย “ท่านอ๋องช่วยเราไว้ เขาคือเทพสงครามแห่งราชวงศ์ซ่ง เป็นพระเจ้าที่คอยปกป้องพวกเราประชาชน มีเขาอยู่ พวกเราจะไม่เป็นอะไร......”เด็กชายเอ่ยต่อ “แต่ข้าได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า ท่านอ๋องเทพแ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 488

    ชั่วเวลานั้น เว่ยหวยซานเดินเข้ามาจากนอกกระโจมเขามองเด็กชายที่นอนบนเตียงครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เรียนท่านอ๋อง เป็นดั่งที่คนเหล่านี้พูดจริงๆ ทั่วป๋าจิ่นจับประชาชนที่อาจติดเชื้อทั้งหมดกักขังไว้นอกเมือง เจ้าสารเลวนั่น! หากไปช่วยไม่ทัน ทุกคนต้องถูกมันฆ่าหมดแน่!”เว่ยหวยซานพรั่งพรูคำหยาบด้วยความโกรธ “มารดามันสิ! ไร้ความเป็นคนไปแล้ว! แม้แต่หมอยังไม่เชิญมาให้พวกเขาด้วยซ้ำ!”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “ตอนนี้จัดการเรื่องถึงไหนแล้ว?”เว่ยหวยซานเอ่ย “จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ ผู้คนที่เหลือรอดมาถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว และทำการแยกกักตัวไว้อีกแห่งแล้วขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงพยักหน้า กล่าวต่อ “ให้พวกเขาแยกกันอาศัย อย่ารวมตัวกันมากเกินไป นอกจากนั้นสั่งการให้เหล่าทหารเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง”เว่ยหวยซานจดจำคำของเยี่ยเป่ยเฉิงขึ้นใจ ทั้งยังกระจายคำสั่งครบทุกตัวอักษรไม่ขาดไม่เกินกระทั่งเว่ยหวยซานจากไป เยี่ยเป่ยเฉิงจึงถามไถ่เจียงหว่าน “โรคนี้พอมีทางรักษาได้หรือไม่?”อันที่จริงจวบจนถึงยามนี้ นางยังหาวิธีรักษาไม่ได้ อย่างไรเสียแม้นางจะร่ำเรียนการแพทย์มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอโรค

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status