แชร์

บทที่ 435

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“นายท่าน ท่านนาย ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เขาเป็นคนบุกเข้ามาเอง นายท่านรีบจับเขาเร็ว…” แพทย์เฉินรีบอธิบาย อยากจะอยู่ห่างจากชายคนนั้นให้มากที่สุด และก้าวเท้าเข้าไปที่หาเยี่ยเป่ยเฉิงโดยที่ไม่รู้ตัว

แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว องครักษ์ลับก็ชักดาบอันคมกริบออกมา แล้วจ่อที่คอของเขาทันที

แพทย์เฉินจึงไม่กล้าหุนหันพลันแล่น

“นายท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยนะ…”

“เขาเคยสัมผัสตัวเจ้า” เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองแพทย์เฉินเบาๆ น้ำเสียงเบามาก แต่กลับให้ความรู้สึกกดดัน

แพทย์เฉินพูดไม่ออก

เมื่อสักครู่นี้ เขาได้สัมผัสตัวชายหนุ่มคนนี้จริงๆ

แต่ทว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะติดเชื้อหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นแพทย์ เขาก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า ตนเองจะรอดพ้น และจะไม่ติดเชื้อจากโรคนี้...

“นายท่านหมายความว่า…” น้ำเสียงของแพทย์เฉินสั่นเทาเล็กน้อย

เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเสวียนอู่ แล้วกล่าวว่า "เอาทั้งสองคนจำคุกแยกกันก่อน หลังจากตรวจพบอาการแล้ว ค่อยจัดการ!"

เสวียนอู่รีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากหน้าอกแล้วปิดปากปิดจมูกเอาไว้ องครักษ์ลับทั้งสองที่อยู่ข้างหลังก็ป้องกันเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ก้าวไปข้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 436

    หลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเหยาซื่อจะมาหาตนเองนางยืนอยู่นอกประตูจวน รอเป็นเวลานานถึงจะเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหยาซื่อถึงมาหานาง เพราะอย่างไรเสีย นางก็เคยสัญญากับเหยาซื่อแล้วว่า จะไม่รบกวนฉีหมิงอีกต่อไป อีกอย่างช่วงนี้ นางไม่ได้พบกับเขาเป็นการส่วนตัวเลยทันทีที่เห็นหลินซวงเอ๋อร์ เหยาซื่อก็รีบเข้าไปทักทาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ซึ่งแตกต่างจากท่าทีที่ห่างเหินเย็นชาในอดีตเป็นอย่างอย่างมากแต่เหยาซื่อยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูด หลินซวงเอ๋อร์ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: "ท่านป้า ช่วงเวลานี้ ข้าไม่ได้พบกับพี่ฉีเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปข้องแวะกับเขา ไม่ทราบว่าท่านป้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยาซื่อแข็งทื่อเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานก็กล่าวอย่างกระอึกกระอักว่าว่า: " ซวงเอ๋อร์...ครั้งที่แล้วป้าไม่ได้คิดให้รอบคอบเอง เจ้ารู้ไหมว่า ป้าเป็นคนที่สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด เจ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ… "สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด?ตอนนั้นตอนที่นางพูดคำเหล่านี้พูดมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เพื่อไม่ให้นางไปเกาะแกฉีหมิงอีก คำพูดรุนแรงทุกประเภทก็พูดออกมาจนหมด แถม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 437

    หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยขอร้องเยี่ยเป่ยเฉิง?เขาจะเห็นด้วยหรือ?ท้ายที่สุดแล้ว เขาเกลียดฉีหมิงมาก ไม่ต้องพูดถึงการช่วยชีวิตเขา เขาอาจจะฆ่าเขาด้วยมือของตนเองก็ได้...เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ลังเลใจ เหยาซื่อก็โกรธ และชี้ไปที่จมูกของหลินซวงเอ๋อร์แล้วด่าทอทันที: " หลินซวงเอ๋อร์ตัวดี!เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าลูกชายของข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร? "“ตอนที่เกิดน้ำท่วมที่เมืองชิงเหอ ยุ้งฉางของบ้านเจ้าถูกน้ำท่วม ทั้งครอบครัวของพวกเจ้าแทบจะอดอยากตาย! ฉีหมิงลูกชายของข้าเอาข้าวครึ่งถุงจากที่บ้านไปช่วยชีวิตครอบครัวของพวกเจ้าเอาไว้!”“ตอนนี้ ลูกชายของข้ากำลังเดือดร้อน แต่เจ้ากลับเลือกที่จะนิ่งดูดาย!”“ดังคำกล่าวที่ว่า แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียว ก็จะตอบแทนดุจสายธาร ! แต่เจ้าล่ะ? เจ้าเป็นคนอกตัญญูที่ไม่รู้จักสำนึกในบุญคุณคน! ถึงปฏิเสธที่จะช่วย! และเฝ้าดูลูกชายของข้าตาย!”“ หลินซวงเอ๋อร์ หัวใจของเข้าทำจากเหล็กหรือ? ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเจ้าถูกสุนัขกัดกินไปแล้วใช่หรือไม่? เสียแรงที่ลูกชายของข้าต้องการจะสมรสกับเจ้า! แต่เจ้ากลับอกตัญญูเช่นนี้! มันช่างทำให้คนช้ำใจจริงๆ…”เหยาซื่อนั่งลงบนพื้น และเริ่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 438

    ในคุกที่ร้อนชื้น ราวเหล็กที่มีรอยด่างตรงตระหง่าน ภายใต้แสงไฟ ราวเหล็กทอดเงาตัดกันบนพื้น น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากฉีหมิงถูกมัดไว้กับไม้กางเขน มือและเท้าทั้งสองข้างขถูกล่ามโซ่เอาไว้ผู้คุมขังจะเฆี่ยนตีเขายี่สิบครั้งทุกๆหนึ่งชั่วโมง ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้บนตัวของเขาทิ้งเต็มไปด้วยคราบเลือด ทุกรอยแส้ลึกจนสามารถเห็นกระดูกเหงื่อเย็นปกคลุมหน้าผาก ทำให้เส้นผมที่ขมับเปียกชื้น เลือดฝาดที่อยู่บนใบหน้าของฉีหมิงหมดไป และมีกลิ่นเน่าเหม็นก็ตลบอบอวลไปทั่วทั้งคุกผู้คุมขังเหวี่ยงแส้ที่อยู่ในมือ ฟาดแส้ลงไปที่บนตัวของฉีหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า แส้ตีไปที่เนื้อของเขา และได้ยินเสียงแส้แต่ละอันได้อย่างชัดเจนการเฆี่ยนตียี่สิบครั้งเสร็จอย่างรวดเร็ว ผู้คุมขังโยนแส้เปื้อนเลือดไปที่มุมห้องด้วยความเซ็ง พลางเดินออกไปข้างนอก พลางพูดกับผู้คุมขังอีกคนว่า: " หรือว่าแส้อันนี้ฟาดไปบนร่างกายของคนแล้วไม่เจ็บ?ข่าเฆี่ยนเขานานขนาดนั้น! ไม่เห็นเขาร้องสักแอะ! องค์ชายใหญ่ให้พวกเราจัดการเขาเป็นพิเศษ แค่เฆี่ยนตีเขาแบบนี้ มันง่ายเกินไปไหม? "รู้ไหมว่า แส้นี้แช่ในน้ำพริกและน้ำเกลือเป็นพิเศษ เป็นการลงโทษที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 439

    น้ำพริกในถังมีสีแดงสด ผู้คุมขังถือถังน้ำพริกเอาไว้แล้วเขย่าเล็กน้อย น้ำในถังก็กระเด็นไปมา ไม่นานกลิ่นพริกก็อบอวลไปทั่วทั้งห้องขังฉีหมิงรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดบนร่างกายหมดไป ตอนนี้อาศัยแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายประทังชีวิตเอาไว้เสื้อผ้าบนร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด เลือดที่เหนียวข้นรวมตัวกันอยู่ที่ปลายนิ้วของเขาทีละน้อย และหยดลงมาทีละหยดบนใบหน้าของเขาไม่มีเลือดฝาดเลย แม้แต่ริมฝีปากของเขาก็ซีดเผือดสุดขีด ทำให้ใบหน้าที่เย็นชาอยู่แล้วของเขาดูเย็นชามากยิ่งขึ้นแต่เขาก็ยังคงต่ำต้อยไม่หยิ่งผยอง ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด“เหอะ พวกเจ้า...พวกเจ้าทำได้แค่นี้หรือ?” ริมฝีปากของฉีหมิงโค้งขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มแวบขึ้นในส่วนลึกของนัยน์ตา ดวงตาที่เย็นชาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขายังจะสามารถปากดีได้อีก ผู้คุมขังจึงกล่าวเยาะเย้ยว่า: " ใกล้จะตายอยู่แล้วยังจะมาทำเป็นปากดีอีก! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำให้คนที่อยู่เบื้องบนขุ่นเคืองใจ! ถ้าใต้เท้าฉีมีไหวพริบมากกว่านี้ รู้อัธยาศัยมนุษย์ยิ่งกว่านี้ ก็คงจะไม่ต้องมีจุดจบเช่นนี้! "ฉีหมิงกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า: "แม้ว่าจะให้โอกาสข

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 440

    ฮุ่ยอี๋เกรี้ยวโกรธมาก จนดึงดาบออกจากมาจากเอวของผู้คุมขัง นางชี้ดาบไปที่ผู้คุมขัง แล้วกล่าวว่า "ข้าจะถามเจ้าคำถามเดียวเท่านั้น! ทาสหมา! เจ้าจะปล่อยเขาหรือไม่?"ดวงตาของนางแดงก่ำ ในนัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธ จิตสังหารอันดุร้ายแวบขึ้นในนัยน์ตาในขณะนี้ นางอยากจะฆ่าคนจริงๆผู้คุมขังตกใจจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “องค์หญิงได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยจะไม่ปล่อยเขาไป เพียงแต่ว่ามีคนเบื้องบนสั่งมา ข้าน้อยจะรับปากองค์หญิง ว่าจะไม่เฆี่ยนตีเขาอีกแล้ว…”ฮุ่ยอี๋เอาดาบจ่อที่ลำคอของเขา แล้วกล่าวว่า "ข้าอยากให้เจ้าปล่อยเขา!"“ข้าน้อย... ข้าน้อย...” ผู้คุมขังตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก แต่คิดไม่ถึงว่า วินาทีต่อมา จะมีดาบอันแหลมคมจะแทงทะลุหน้าอกของเขาทันใดนั้น เลือดก็พุ่งออกมา และกระเซ็นเล็กไปบนกระโปรงของฮุ่ยอี๋เล็กน้อยฮุ่ยอี๋สะดุ้งตกใจ ดาบอันคมกริบที่อยู่ในมือหล่นลงพื้นจนมีเสียงดัง "เพล้ง"ทันทีที่หันกลับมา ฮุ่ยอี๋ก็เห็นทั่วป๋าจิ่นยืนอยู่ข้างหลังนางด้วยสีหน้าแววตาที่ไร้ความรู้สึก“เสด็จพี่..ท่านทำอะไรเนี่ย?” ฮุ่ยอี๋มีสีหน้าที่ซีดเผือดทั่วป๋าจิ่นดึงดาบออกอย่างสงบนิ่ง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 441

    หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกห้องหนังสือ รู้สึกสับสนอยู่ในใจเป็นอย่างมากนางไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูด และวิงวอนขอร้องอย่างไรเยี่ยเป่ยเฉิงถึงจะไปช่วยชีวิตฉีหมิงหลินซวงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำลังจะเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงของเสวียนอู่ดังมาจากข้างในเสวียนอู่กล่าวว่า: " ฉีหมิงทำให้องค์ชายใหญ่ขุ่นเคืองใจ ตอนนี้ตกอยู่ในมือของทั่วป๋าจิ่น เกรงว่ามันจะไม่ง่ายนัก"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากเมื่อสักครู่นี้ได้ยินเหยาซื่อบอกว่า ฉีหมิงมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ยอมโค้งหัวให้กับใคร นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง เขาก็ทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา ทำอะไรเสรีโดยไม่สนใจความคิดของคนอื่น ทำให้ขุนนางหลายคนในราชสำนักขุ่นเคืองใจไม่น้อย! แต่เนื่องจากสถานะของเขา องค์จักรพรรดิจึงให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ และไม่มีใครกล้าไม่พึงพอใจเขาหลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่า แม้แต่เชื้อพระวงศ์เขาก็กล้าทำให้ขุ่นเคืองใจ?ตอนนี้ตกต่ำผู้คนต่างก็พากันซ้ำเติม ตอนนี้ฉีหมิงกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เลยถูกคนแก้แค้น!ได้ยินมานานแล้วว่า คุกหลวงเป็นนรกที่กินคนโดยไม่ต้องคายกระดูกออกมา ฉีหมิงอยู่ในนั้นไม่รู้ว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน...“อย่าแพร่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 442

    แต่ว่า คำพูดที่พูดในภายหลัง หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ยินเลยหลินซวงเอ๋อร์กลับไปที่เรือนอวิ๋นซวน หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว นางก็ตัดสินใจเข้าไปในวังเพื่อพบกับฮุ่ยอี๋แต่้าไม่มีการเรียกพบ นางไม่สามารถเข้าไปในวังได้เลยบนโต๊ะอาหารหลินซวงเอ๋อร์กัดตะเกียบ มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างระมัดระวัง และพูดเบาๆว่า: "สวามี ข้าอยากเข้าไปในวัง"เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดเคลื่อนไหวเงยหน้าขึ้นมองนาง และถามอย่างสงบนิ่งว่า: " ซวงเอ๋อร์จะเข้าไปทำอะไรในวังหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้าอยากไปหาองค์หญิง"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "เพิ่งจะห่างกันเพียงไม่กี่วัน เหตุใดถึงอยากจะพบนาง ถ้าซวงเอ๋อร์รู้สึกเบื่อ สวามีจะเป็นเดินเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนซวงเอ๋อร์เอง "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "แต่ข้าอยากจะพบองค์หญิง สวามีส่งซวงเอ๋อร์เข้าวังได้หรือไม่?"สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อสักครู่นี้ และแฝงไปด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อย: " ซวงเอ๋อร์ต้องเชื่อฟังนะ หากคุณคิดถึงองค์หญิง อีกสักสองสามวัน สวามีจะไปรับองค์หญิงมาที่จวนเอง"หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และค่อยๆวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงเยี่ยเป่ยเฉ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 443

    ฟ้ายังไม่สว่าง ขอบท้องฟ้ามีแค่แสงสีขาวรำไรเท่านั้นหลินซวงเอ๋อร์เลิกผ้าห่มแล้วลุกขึ้นยืน นางเคลื่อนไหวเบาๆ ไม่กล้ารบกวนคนที่อยู่บนเตียงก่อนเข้านอน นางได้เติมยาที่ทำให้จิตใจสงบและยาที่ช่วยในการนอนหลับ ลงไปในยาต้มให้ต้มให้เยี่ยเป่ยเฉิงอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้ระวังอะไรนาง เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ เขาดื่มยาต้มในชามจนหมด ตอนนี้กำลังนอนหลับสนิทตงเหมยกำลังรออยู่นอกประตู เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์เดินออกมา ก็ถามด้วยความสงสัยว่า: "ดึกป่านนี้ พระชายาจะไปที่ไหนหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์พูดไปตามความเป็นจริง: "พี่ฉีกำลังเดือดร้อน ข้าจะเข้าวังเพื่อไปเข้าเฝ้าองค์หญิง "ตงเหมยมองไปที่ข้างหลังหลินซวงเอ๋อร์ ก็เห็นว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้ออกมาด้วย จึงด้วยที่หน้าที่กระวนกระวายใจว่า " ท่านอ๋องจะเห็นด้วยกับการไปของท่านหรือไม่"?หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ท่านอ๋องไม่รู้เรื่องนี้"ตงเหมยตกใจมาก รีบห้ามหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ แล้วกล่าวว่า "ในเมื่อท่านอ๋องไม่รู้เรื่องนี้ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านเข้าไปในพระราชวังเด็ดขาด "หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าจะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงตื่น จึงรีบดึงนางออกไปทางด้านข้าง แล้วกล่าว

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status