แชร์

บทที่ 440

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-04 18:00:00
ฮุ่ยอี๋เกรี้ยวโกรธมาก จนดึงดาบออกจากมาจากเอวของผู้คุมขัง นางชี้ดาบไปที่ผู้คุมขัง แล้วกล่าวว่า "ข้าจะถามเจ้าคำถามเดียวเท่านั้น! ทาสหมา! เจ้าจะปล่อยเขาหรือไม่?"

ดวงตาของนางแดงก่ำ ในนัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธ จิตสังหารอันดุร้ายแวบขึ้นในนัยน์ตา

ในขณะนี้ นางอยากจะฆ่าคนจริงๆ

ผู้คุมขังตกใจจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “องค์หญิงได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยจะไม่ปล่อยเขาไป เพียงแต่ว่ามีคนเบื้องบนสั่งมา ข้าน้อยจะรับปากองค์หญิง ว่าจะไม่เฆี่ยนตีเขาอีกแล้ว…”

ฮุ่ยอี๋เอาดาบจ่อที่ลำคอของเขา แล้วกล่าวว่า "ข้าอยากให้เจ้าปล่อยเขา!"

“ข้าน้อย... ข้าน้อย...” ผู้คุมขังตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก แต่คิดไม่ถึงว่า วินาทีต่อมา จะมีดาบอันแหลมคมจะแทงทะลุหน้าอกของเขา

ทันใดนั้น เลือดก็พุ่งออกมา และกระเซ็นเล็กไปบนกระโปรงของฮุ่ยอี๋เล็กน้อย

ฮุ่ยอี๋สะดุ้งตกใจ ดาบอันคมกริบที่อยู่ในมือหล่นลงพื้นจนมีเสียงดัง "เพล้ง"

ทันทีที่หันกลับมา ฮุ่ยอี๋ก็เห็นทั่วป๋าจิ่นยืนอยู่ข้างหลังนางด้วยสีหน้าแววตาที่ไร้ความรู้สึก

“เสด็จพี่..ท่านทำอะไรเนี่ย?” ฮุ่ยอี๋มีสีหน้าที่ซีดเผือด

ทั่วป๋าจิ่นดึงดาบออกอย่างสงบนิ่ง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 441

    หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกห้องหนังสือ รู้สึกสับสนอยู่ในใจเป็นอย่างมากนางไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูด และวิงวอนขอร้องอย่างไรเยี่ยเป่ยเฉิงถึงจะไปช่วยชีวิตฉีหมิงหลินซวงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำลังจะเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงของเสวียนอู่ดังมาจากข้างในเสวียนอู่กล่าวว่า: " ฉีหมิงทำให้องค์ชายใหญ่ขุ่นเคืองใจ ตอนนี้ตกอยู่ในมือของทั่วป๋าจิ่น เกรงว่ามันจะไม่ง่ายนัก"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากเมื่อสักครู่นี้ได้ยินเหยาซื่อบอกว่า ฉีหมิงมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ยอมโค้งหัวให้กับใคร นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง เขาก็ทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา ทำอะไรเสรีโดยไม่สนใจความคิดของคนอื่น ทำให้ขุนนางหลายคนในราชสำนักขุ่นเคืองใจไม่น้อย! แต่เนื่องจากสถานะของเขา องค์จักรพรรดิจึงให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ และไม่มีใครกล้าไม่พึงพอใจเขาหลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่า แม้แต่เชื้อพระวงศ์เขาก็กล้าทำให้ขุ่นเคืองใจ?ตอนนี้ตกต่ำผู้คนต่างก็พากันซ้ำเติม ตอนนี้ฉีหมิงกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เลยถูกคนแก้แค้น!ได้ยินมานานแล้วว่า คุกหลวงเป็นนรกที่กินคนโดยไม่ต้องคายกระดูกออกมา ฉีหมิงอยู่ในนั้นไม่รู้ว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน...“อย่าแพร่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 442

    แต่ว่า คำพูดที่พูดในภายหลัง หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ยินเลยหลินซวงเอ๋อร์กลับไปที่เรือนอวิ๋นซวน หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว นางก็ตัดสินใจเข้าไปในวังเพื่อพบกับฮุ่ยอี๋แต่้าไม่มีการเรียกพบ นางไม่สามารถเข้าไปในวังได้เลยบนโต๊ะอาหารหลินซวงเอ๋อร์กัดตะเกียบ มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างระมัดระวัง และพูดเบาๆว่า: "สวามี ข้าอยากเข้าไปในวัง"เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดเคลื่อนไหวเงยหน้าขึ้นมองนาง และถามอย่างสงบนิ่งว่า: " ซวงเอ๋อร์จะเข้าไปทำอะไรในวังหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้าอยากไปหาองค์หญิง"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "เพิ่งจะห่างกันเพียงไม่กี่วัน เหตุใดถึงอยากจะพบนาง ถ้าซวงเอ๋อร์รู้สึกเบื่อ สวามีจะเป็นเดินเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนซวงเอ๋อร์เอง "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "แต่ข้าอยากจะพบองค์หญิง สวามีส่งซวงเอ๋อร์เข้าวังได้หรือไม่?"สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อสักครู่นี้ และแฝงไปด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อย: " ซวงเอ๋อร์ต้องเชื่อฟังนะ หากคุณคิดถึงองค์หญิง อีกสักสองสามวัน สวามีจะไปรับองค์หญิงมาที่จวนเอง"หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และค่อยๆวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงเยี่ยเป่ยเฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 443

    ฟ้ายังไม่สว่าง ขอบท้องฟ้ามีแค่แสงสีขาวรำไรเท่านั้นหลินซวงเอ๋อร์เลิกผ้าห่มแล้วลุกขึ้นยืน นางเคลื่อนไหวเบาๆ ไม่กล้ารบกวนคนที่อยู่บนเตียงก่อนเข้านอน นางได้เติมยาที่ทำให้จิตใจสงบและยาที่ช่วยในการนอนหลับ ลงไปในยาต้มให้ต้มให้เยี่ยเป่ยเฉิงอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้ระวังอะไรนาง เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ เขาดื่มยาต้มในชามจนหมด ตอนนี้กำลังนอนหลับสนิทตงเหมยกำลังรออยู่นอกประตู เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์เดินออกมา ก็ถามด้วยความสงสัยว่า: "ดึกป่านนี้ พระชายาจะไปที่ไหนหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์พูดไปตามความเป็นจริง: "พี่ฉีกำลังเดือดร้อน ข้าจะเข้าวังเพื่อไปเข้าเฝ้าองค์หญิง "ตงเหมยมองไปที่ข้างหลังหลินซวงเอ๋อร์ ก็เห็นว่าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้ออกมาด้วย จึงด้วยที่หน้าที่กระวนกระวายใจว่า " ท่านอ๋องจะเห็นด้วยกับการไปของท่านหรือไม่"?หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ท่านอ๋องไม่รู้เรื่องนี้"ตงเหมยตกใจมาก รีบห้ามหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ แล้วกล่าวว่า "ในเมื่อท่านอ๋องไม่รู้เรื่องนี้ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านเข้าไปในพระราชวังเด็ดขาด "หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าจะทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงตื่น จึงรีบดึงนางออกไปทางด้านข้าง แล้วกล่าว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 444

    ในเวลานั้น แสงบนท้องฟ้าทะลุผ่านความมืด ท้องฟ้าก็ค่อยๆสว่างขึ้น บรรดานางกำนัลและขันทีในวังก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ของตน แล้วก็เริ่มยุ่งวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆหลินซวงเอ๋อร์ลงมาจากม้า และเอาม้าผูกไว้ที่ประตูพระราชวังพระราชวังใหญ่มาก นางไม่รู้ว่าตำหนักของฮุ่ยอี๋อยู่ที่ไหน ข้างกายมีองครักษ์และนางกำนัลลาดตระเวนเดินผ่านอยู่เป็นระยะๆหลินซวงเอ๋อร์เรียกหยุดนางกำนัลคนหนึ่งเอาไว้แล้วถามว่า "พี่สาว ข้าอยากจะถามว่า ตำหนักขององค์หญิงอยู่ที่ไหน?"นางกำนัลกระทืบเท้า พินิจมองหลินซวงเอ๋อร์ เมื่อเห็นว่านางแต่งตัวเรียบหรู ไม่เหมือนคนในวัง ในคำพูดจึงแฝงไปด้วยท่าทีที่ต่อต้านมากขึ้น: "ท่านเป็นใคร? ถึงได้กล้าถามเรื่องขององค์หญิง! "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้ามีเรื่องด่วนอยากจะเข้าเฝ้าองค์หญิง รบกวนพี่สาวช่วยไปรายงานด้วย บอกว่าหลินซวงเอ๋อร์ต้องการเข้าเฝ้านาง "นางกำนัลพูดด้วยความโกรธ: "ท่านจะเข้าเฝ้าองค์หญิงตามที่ท่านต้องการได้อย่างไร?ท่านเป็นบุตรีของขุนนางตระกูลไหนหรือ?อยากจะเข้าเฝ้าองค์หญิง ได้ถูกเรียกตัวมาหรือเปล่า?"หลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งนางไม่รู้ว่าเข้ามาในวังเพื่อพบฮุ่ยอี๋จะต้องถูกเรียกตัวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 445

    เนื่องจากเป็นห่วงฮุ่ยอี๋ หลินซวงเอ๋อร์จึงให้จื่อหลันพานางไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่งมีองครักษ์สองคนคอยเฝ้าประตูอยู่ นอกจากจื่อหลันที่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้จื่อหลันอยู่ในวังมาหลายปีแล้ว จึงคุ้นเคยกับการใช้กลอุบายหลอกลวง ต่อสู้กันทั้งทางแจ้งและทางลับ ในด้านติดต่อปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ก็มีไหวพริบมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ จึงควักเอาแท่งเงินสองแท่งออกมาจากในแขนเสื้อแล้วยัดมันเข้าไปในมือขององครักษ์ทั้งสอง และพูดเบาๆว่า: "พี่ชายทั้งสองได้โปรดเมตตาด้วย แม่นางท่านนี้เป็นสหายเก่าขององค์หญิง ครั้งนี้มาเพื่ออยากจะพบองค์หญิงสักครั้ง"ทหารองครักษ์ชั่งน้ำหนักเงิน มองหน้าซึ่งกันและกัน จากนั้นก็มองไปที่หลินซวงเอ๋อร์ และกล่าวว่า: " องค์ชายใหญ่มีรับสั่ง ห้ามใครเขาใกล้ตำหนักหลวนเฟิ่ง แม้ว่าจะเป็นสหายเก่าขององค์หญิงก็ไม่ได้ "จื่อหลันกล่าวว่า: " พี่องครักษ์ ได้โปรดผ่อนปรนให้หน่อย องค์หญิงแค่ถูกลงโทษด้วยการคุมขังเท่านั้น พอองค์จักรพรรดิหายโกรธก็คงจะปล่อยตัวนางออกมา... พอถึงเวลานั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์หญิงข้าจะพูดสิ่งดีๆของท่านทั้งสองให้องค์หญิงฟัง "คำพู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 446

    หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้าอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นว่าฮุ่ยอี๋เหงื่อออกเต็มศีรษะ หลินซวงเอ๋อร์ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในชามทองแดงออกมา แล้วบิดน้ำออก เช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากให้ฮุ่ยอี๋ และกล่าวปลอบโยนว่า: " องค์หญิงอย่ากลัวไปเลย มันเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว "ฮุ่ยอี๋มองหลินซวงเอ๋อร์ด้วยสายตาที่ขุ่นมัว ราวกับว่าจู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างได้ และพูดว่า: " ซวงเอ๋อร์ เจ้าได้โปรดไปขอร้องสวามีของเจ้า ให้เขาช่วยฉีหมิงด้วย... "หลินซวงเอ๋อร์ชะงักไปเล็กน้อย: "ดูเหมือนว่า องค์หญิงจะไม่วิธีเช่นกัน... "เดิมทีนางมาเข้ามาในวังเพื่อขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงเพราะเยี่ยเป่ยเฉิงปฏิเสธที่จะช่วย สุดท้าย องค์หญิงกลับให้นางไปขอร้องเยี่ยเป่ยเฉิง...เป็นไปได้ไหมว่า จะไม่มีใครสามารถช่วยฉีหมิงได้จริงๆ?น้ำเสียงของฮุ่ยอี๋แฝงเสียงสะอื้นไห้่: "ครั้งที่แล้วที่ข้าเห็นเขาที่คุกหลวง เขาถูกเฆี่ยนจนเลือดอาบไปทั้งตัว..."“ ซวงเอ๋อร์ เขาทำให้เสด็จพี่ของข้าขุ่นเคืองใจ เสด็จพี่ของข้าเป็นคนที่โหดเหี้ยมที่สุด ถ้าเขาต้องการฆ่าฉีหมิง เขาจะต้องทรมานเขาอย่างแน่นอน”“ตอนนี้ข้าถูกเสด็จพ่อกักบริเวณ จึงไม่มีทางที่จะไปช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 447

    ฮุ่ยอี๋รู้จักนิสัยใจคอของเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นอย่างดี จึงไม่กล้าให้นางอยู่นาน ดังนั้นจึงกำชับให้จื่อหลันพานางออกไปจื่อหลันส่งนางออกจากสวนจักรพรรดิ และกล่าวว่า: " พระชายาเดินไปตามถนนสายนี้ไปจนสุดทาง ก็จะถึงประตูพระราชวังแล้ว ข้างกายองค์หญิงยังต้องการคนดูแล ข้าจึงสะดวกส่งท่านได้แค่นี้ "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "เจ้ากลับไปดูแลองค์หญิงเถิด ข้ารู้จักเส้นทางนี้"จื่อหลันหันหลังกลับแล้วจากไปอย่างไร้กังวลหลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้ารอช้า เดินไปข้างหน้าตามเส้นทางเล็กๆที่ปูด้วยหินไข่ห่าน“แม่นางได้โปรดรอก่อน” น้ำเสียงอันนุ่มนวลดังมาจากด้านหลังหลินซวงเอ๋อร์หยุดเดินชั่วคราว พอหันกลับมา ก็เห็นนางกำนัลที่พบตรงระเบียงทางเดินในตอนเช้านางกำนัลรีบเดินมาหาหลินซวงเอ๋อร์ และกล่าวว่า "แม่นางมาหาองค็์หญิงไม่ใช่หรือ?หาตำหนักหลวนเฟิ่งเจอแล้วหรือยัง?"หลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ทันจะได้ตอบ นางกำนัลก็พูดอีกครั้งว่า: "แม่นางโปรดมากับข้าเถิด ข้ารู้ว่าตำหนักหลวนเฟิ่งอยู่ที่ไหน ข้าสามารถนำทางให้แม่นางได้"อารมณ์ประมาณว่า นางกำนัลคนนี้ยังไม่รู้ว่านาวได้พบกับองค์หญิงแล้ว?แต่ท่าทีของนางกำนัลคนนี้แตกต่างกันมาก จนหลินซวงเอ๋อร์

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 448

    เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวว่า " พระชายาเข้าวังตั้งแต่เมื่อไหร่?"ร่างกายตงเหมยอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อยว่า "เข้าไปตอนตีห้าเพคะ"เยี่ยเป่ยเฉิงถามอีกครั้งว่า: "นางเข้าวังเพื่อไปทำอะไร? เพื่อไปหาองค์หญิง?"ตงเหมยพยักหน้าอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า "ไปหาองค์หญิง"เยี่ยเป่ยเฉิงหัวเราะเยาะขโมยตราสัญลักษณ์ของเขาแล้วเข้าวังไปหาองค์หญิงก่อนรุ่งสาง มันคงจะไม่ใช่การพบปะกันตามธรรมดาใช่ไหม?“ไปหาองค์หญิงทำไม?” เยี่ยเป่ยเฉิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความโกรธตงเหมยก้มศีรษะให้ต่ำลง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรชั่วขณะหนึ่งเยี่ยเป่ยเฉิงหมดความอดทน จึงพูดอย่างเย็นชาว่า: "ถ้าไม่พูดความจริง ข้าจะจับเจ้าไปถ่วงน้ำในทะเลสาบ!"ร่างกายตงเหมยสั่นเทาอย่างรุนแรง คนคนนี้ยอกจากจะอ่อนโยนต่อหลินซวงเอ๋อร์แล้ว ก็ไม่สงสารเห็นใจพวกนางเลยแม้แต่น้อย เอะอะก็จะเฆี่ยนจะฆ่า น่าหวาดกลัวยิ่งนักเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความโกรธอย่างล้นหลามของเยี่ยเป่ยเฉิง ตงเหมยก็ไม่กล้าปิดบัง จึงทำได้แค่บอกความจริงเท่านั้น: " พระชายา บอกว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงให้ช่วย... ให้ช่วยเหลือใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status