“นายท่าน ท่านนาย ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เขาเป็นคนบุกเข้ามาเอง นายท่านรีบจับเขาเร็ว…” แพทย์เฉินรีบอธิบาย อยากจะอยู่ห่างจากชายคนนั้นให้มากที่สุด และก้าวเท้าเข้าไปที่หาเยี่ยเป่ยเฉิงโดยที่ไม่รู้ตัวแต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว องครักษ์ลับก็ชักดาบอันคมกริบออกมา แล้วจ่อที่คอของเขาทันทีแพทย์เฉินจึงไม่กล้าหุนหันพลันแล่น“นายท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยนะ…”“เขาเคยสัมผัสตัวเจ้า” เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองแพทย์เฉินเบาๆ น้ำเสียงเบามาก แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันแพทย์เฉินพูดไม่ออกเมื่อสักครู่นี้ เขาได้สัมผัสตัวชายหนุ่มคนนี้จริงๆแต่ทว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะติดเชื้อหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นแพทย์ เขาก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า ตนเองจะรอดพ้น และจะไม่ติดเชื้อจากโรคนี้...“นายท่านหมายความว่า…” น้ำเสียงของแพทย์เฉินสั่นเทาเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเสวียนอู่ แล้วกล่าวว่า "เอาทั้งสองคนจำคุกแยกกันก่อน หลังจากตรวจพบอาการแล้ว ค่อยจัดการ!"เสวียนอู่รีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากหน้าอกแล้วปิดปากปิดจมูกเอาไว้ องครักษ์ลับทั้งสองที่อยู่ข้างหลังก็ป้องกันเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ก้าวไปข้า
หลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเหยาซื่อจะมาหาตนเองนางยืนอยู่นอกประตูจวน รอเป็นเวลานานถึงจะเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหยาซื่อถึงมาหานาง เพราะอย่างไรเสีย นางก็เคยสัญญากับเหยาซื่อแล้วว่า จะไม่รบกวนฉีหมิงอีกต่อไป อีกอย่างช่วงนี้ นางไม่ได้พบกับเขาเป็นการส่วนตัวเลยทันทีที่เห็นหลินซวงเอ๋อร์ เหยาซื่อก็รีบเข้าไปทักทาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ซึ่งแตกต่างจากท่าทีที่ห่างเหินเย็นชาในอดีตเป็นอย่างอย่างมากแต่เหยาซื่อยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูด หลินซวงเอ๋อร์ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: "ท่านป้า ช่วงเวลานี้ ข้าไม่ได้พบกับพี่ฉีเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปข้องแวะกับเขา ไม่ทราบว่าท่านป้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยาซื่อแข็งทื่อเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานก็กล่าวอย่างกระอึกกระอักว่าว่า: " ซวงเอ๋อร์...ครั้งที่แล้วป้าไม่ได้คิดให้รอบคอบเอง เจ้ารู้ไหมว่า ป้าเป็นคนที่สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด เจ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ… "สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด?ตอนนั้นตอนที่นางพูดคำเหล่านี้พูดมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เพื่อไม่ให้นางไปเกาะแกฉีหมิงอีก คำพูดรุนแรงทุกประเภทก็พูดออกมาจนหมด แถม
หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยขอร้องเยี่ยเป่ยเฉิง?เขาจะเห็นด้วยหรือ?ท้ายที่สุดแล้ว เขาเกลียดฉีหมิงมาก ไม่ต้องพูดถึงการช่วยชีวิตเขา เขาอาจจะฆ่าเขาด้วยมือของตนเองก็ได้...เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ลังเลใจ เหยาซื่อก็โกรธ และชี้ไปที่จมูกของหลินซวงเอ๋อร์แล้วด่าทอทันที: " หลินซวงเอ๋อร์ตัวดี!เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าลูกชายของข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร? "“ตอนที่เกิดน้ำท่วมที่เมืองชิงเหอ ยุ้งฉางของบ้านเจ้าถูกน้ำท่วม ทั้งครอบครัวของพวกเจ้าแทบจะอดอยากตาย! ฉีหมิงลูกชายของข้าเอาข้าวครึ่งถุงจากที่บ้านไปช่วยชีวิตครอบครัวของพวกเจ้าเอาไว้!”“ตอนนี้ ลูกชายของข้ากำลังเดือดร้อน แต่เจ้ากลับเลือกที่จะนิ่งดูดาย!”“ดังคำกล่าวที่ว่า แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียว ก็จะตอบแทนดุจสายธาร ! แต่เจ้าล่ะ? เจ้าเป็นคนอกตัญญูที่ไม่รู้จักสำนึกในบุญคุณคน! ถึงปฏิเสธที่จะช่วย! และเฝ้าดูลูกชายของข้าตาย!”“ หลินซวงเอ๋อร์ หัวใจของเข้าทำจากเหล็กหรือ? ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเจ้าถูกสุนัขกัดกินไปแล้วใช่หรือไม่? เสียแรงที่ลูกชายของข้าต้องการจะสมรสกับเจ้า! แต่เจ้ากลับอกตัญญูเช่นนี้! มันช่างทำให้คนช้ำใจจริงๆ…”เหยาซื่อนั่งลงบนพื้น และเริ่
ในคุกที่ร้อนชื้น ราวเหล็กที่มีรอยด่างตรงตระหง่าน ภายใต้แสงไฟ ราวเหล็กทอดเงาตัดกันบนพื้น น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากฉีหมิงถูกมัดไว้กับไม้กางเขน มือและเท้าทั้งสองข้างขถูกล่ามโซ่เอาไว้ผู้คุมขังจะเฆี่ยนตีเขายี่สิบครั้งทุกๆหนึ่งชั่วโมง ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้บนตัวของเขาทิ้งเต็มไปด้วยคราบเลือด ทุกรอยแส้ลึกจนสามารถเห็นกระดูกเหงื่อเย็นปกคลุมหน้าผาก ทำให้เส้นผมที่ขมับเปียกชื้น เลือดฝาดที่อยู่บนใบหน้าของฉีหมิงหมดไป และมีกลิ่นเน่าเหม็นก็ตลบอบอวลไปทั่วทั้งคุกผู้คุมขังเหวี่ยงแส้ที่อยู่ในมือ ฟาดแส้ลงไปที่บนตัวของฉีหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า แส้ตีไปที่เนื้อของเขา และได้ยินเสียงแส้แต่ละอันได้อย่างชัดเจนการเฆี่ยนตียี่สิบครั้งเสร็จอย่างรวดเร็ว ผู้คุมขังโยนแส้เปื้อนเลือดไปที่มุมห้องด้วยความเซ็ง พลางเดินออกไปข้างนอก พลางพูดกับผู้คุมขังอีกคนว่า: " หรือว่าแส้อันนี้ฟาดไปบนร่างกายของคนแล้วไม่เจ็บ?ข่าเฆี่ยนเขานานขนาดนั้น! ไม่เห็นเขาร้องสักแอะ! องค์ชายใหญ่ให้พวกเราจัดการเขาเป็นพิเศษ แค่เฆี่ยนตีเขาแบบนี้ มันง่ายเกินไปไหม? "รู้ไหมว่า แส้นี้แช่ในน้ำพริกและน้ำเกลือเป็นพิเศษ เป็นการลงโทษที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ
น้ำพริกในถังมีสีแดงสด ผู้คุมขังถือถังน้ำพริกเอาไว้แล้วเขย่าเล็กน้อย น้ำในถังก็กระเด็นไปมา ไม่นานกลิ่นพริกก็อบอวลไปทั่วทั้งห้องขังฉีหมิงรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดบนร่างกายหมดไป ตอนนี้อาศัยแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายประทังชีวิตเอาไว้เสื้อผ้าบนร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด เลือดที่เหนียวข้นรวมตัวกันอยู่ที่ปลายนิ้วของเขาทีละน้อย และหยดลงมาทีละหยดบนใบหน้าของเขาไม่มีเลือดฝาดเลย แม้แต่ริมฝีปากของเขาก็ซีดเผือดสุดขีด ทำให้ใบหน้าที่เย็นชาอยู่แล้วของเขาดูเย็นชามากยิ่งขึ้นแต่เขาก็ยังคงต่ำต้อยไม่หยิ่งผยอง ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด“เหอะ พวกเจ้า...พวกเจ้าทำได้แค่นี้หรือ?” ริมฝีปากของฉีหมิงโค้งขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มแวบขึ้นในส่วนลึกของนัยน์ตา ดวงตาที่เย็นชาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขายังจะสามารถปากดีได้อีก ผู้คุมขังจึงกล่าวเยาะเย้ยว่า: " ใกล้จะตายอยู่แล้วยังจะมาทำเป็นปากดีอีก! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำให้คนที่อยู่เบื้องบนขุ่นเคืองใจ! ถ้าใต้เท้าฉีมีไหวพริบมากกว่านี้ รู้อัธยาศัยมนุษย์ยิ่งกว่านี้ ก็คงจะไม่ต้องมีจุดจบเช่นนี้! "ฉีหมิงกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า: "แม้ว่าจะให้โอกาสข
ฮุ่ยอี๋เกรี้ยวโกรธมาก จนดึงดาบออกจากมาจากเอวของผู้คุมขัง นางชี้ดาบไปที่ผู้คุมขัง แล้วกล่าวว่า "ข้าจะถามเจ้าคำถามเดียวเท่านั้น! ทาสหมา! เจ้าจะปล่อยเขาหรือไม่?"ดวงตาของนางแดงก่ำ ในนัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธ จิตสังหารอันดุร้ายแวบขึ้นในนัยน์ตาในขณะนี้ นางอยากจะฆ่าคนจริงๆผู้คุมขังตกใจจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “องค์หญิงได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยจะไม่ปล่อยเขาไป เพียงแต่ว่ามีคนเบื้องบนสั่งมา ข้าน้อยจะรับปากองค์หญิง ว่าจะไม่เฆี่ยนตีเขาอีกแล้ว…”ฮุ่ยอี๋เอาดาบจ่อที่ลำคอของเขา แล้วกล่าวว่า "ข้าอยากให้เจ้าปล่อยเขา!"“ข้าน้อย... ข้าน้อย...” ผู้คุมขังตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก แต่คิดไม่ถึงว่า วินาทีต่อมา จะมีดาบอันแหลมคมจะแทงทะลุหน้าอกของเขาทันใดนั้น เลือดก็พุ่งออกมา และกระเซ็นเล็กไปบนกระโปรงของฮุ่ยอี๋เล็กน้อยฮุ่ยอี๋สะดุ้งตกใจ ดาบอันคมกริบที่อยู่ในมือหล่นลงพื้นจนมีเสียงดัง "เพล้ง"ทันทีที่หันกลับมา ฮุ่ยอี๋ก็เห็นทั่วป๋าจิ่นยืนอยู่ข้างหลังนางด้วยสีหน้าแววตาที่ไร้ความรู้สึก“เสด็จพี่..ท่านทำอะไรเนี่ย?” ฮุ่ยอี๋มีสีหน้าที่ซีดเผือดทั่วป๋าจิ่นดึงดาบออกอย่างสงบนิ่ง
หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกห้องหนังสือ รู้สึกสับสนอยู่ในใจเป็นอย่างมากนางไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูด และวิงวอนขอร้องอย่างไรเยี่ยเป่ยเฉิงถึงจะไปช่วยชีวิตฉีหมิงหลินซวงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำลังจะเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงของเสวียนอู่ดังมาจากข้างในเสวียนอู่กล่าวว่า: " ฉีหมิงทำให้องค์ชายใหญ่ขุ่นเคืองใจ ตอนนี้ตกอยู่ในมือของทั่วป๋าจิ่น เกรงว่ามันจะไม่ง่ายนัก"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากเมื่อสักครู่นี้ได้ยินเหยาซื่อบอกว่า ฉีหมิงมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ยอมโค้งหัวให้กับใคร นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง เขาก็ทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา ทำอะไรเสรีโดยไม่สนใจความคิดของคนอื่น ทำให้ขุนนางหลายคนในราชสำนักขุ่นเคืองใจไม่น้อย! แต่เนื่องจากสถานะของเขา องค์จักรพรรดิจึงให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ และไม่มีใครกล้าไม่พึงพอใจเขาหลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่า แม้แต่เชื้อพระวงศ์เขาก็กล้าทำให้ขุ่นเคืองใจ?ตอนนี้ตกต่ำผู้คนต่างก็พากันซ้ำเติม ตอนนี้ฉีหมิงกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เลยถูกคนแก้แค้น!ได้ยินมานานแล้วว่า คุกหลวงเป็นนรกที่กินคนโดยไม่ต้องคายกระดูกออกมา ฉีหมิงอยู่ในนั้นไม่รู้ว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน...“อย่าแพร่
แต่ว่า คำพูดที่พูดในภายหลัง หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ยินเลยหลินซวงเอ๋อร์กลับไปที่เรือนอวิ๋นซวน หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว นางก็ตัดสินใจเข้าไปในวังเพื่อพบกับฮุ่ยอี๋แต่้าไม่มีการเรียกพบ นางไม่สามารถเข้าไปในวังได้เลยบนโต๊ะอาหารหลินซวงเอ๋อร์กัดตะเกียบ มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างระมัดระวัง และพูดเบาๆว่า: "สวามี ข้าอยากเข้าไปในวัง"เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดเคลื่อนไหวเงยหน้าขึ้นมองนาง และถามอย่างสงบนิ่งว่า: " ซวงเอ๋อร์จะเข้าไปทำอะไรในวังหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้าอยากไปหาองค์หญิง"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "เพิ่งจะห่างกันเพียงไม่กี่วัน เหตุใดถึงอยากจะพบนาง ถ้าซวงเอ๋อร์รู้สึกเบื่อ สวามีจะเป็นเดินเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนซวงเอ๋อร์เอง "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "แต่ข้าอยากจะพบองค์หญิง สวามีส่งซวงเอ๋อร์เข้าวังได้หรือไม่?"สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อสักครู่นี้ และแฝงไปด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อย: " ซวงเอ๋อร์ต้องเชื่อฟังนะ หากคุณคิดถึงองค์หญิง อีกสักสองสามวัน สวามีจะไปรับองค์หญิงมาที่จวนเอง"หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และค่อยๆวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงเยี่ยเป่ยเฉ
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ