นางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตลอดทาง และไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน ไม่ต้องพูดถึงว่าตนเองควรจะไปที่ไหน ดังนั้นจึงเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีเป้าหมายนางอยากจะกลับไปที่เมืองชิงเหอ กลับไปบ้านเกิดของตนเองแต่บ้านไม้ที่ไม่มีคนอยู่หลังนั้นผุพังไปตามกาลเวลาไปตั้งนานแล้วนางไม่มีบ้านแล้วหลังจากออกจากจวนโหว นางก็จะไม่ได้พบกับตงเหมยเพื่อนคนเดียวของนางอีกต่อไปนับแต่นี้เป็นต้นไป นางตัวคนเดียว ไม่มีใครเคียงข้างนางไม่มีญาติ ไม่มีสหาย โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล แต่กลับไม่มีที่สำหรับนางเลยลมยามค่ำคืนพัดมาอย่างโหมกระหน่ำ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนลูกสุนัขที่ถูกคนทอดทิ้งตัวหนึ่ง ทั้งทำอะไรไม่ถูกทั้งน่าสงสาร อ่อนแอไร้ซึ่งที่พึ่งพิงในเวลานี้ จู่ๆนางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยนางไม่ควรไล่บี้ถามเยี่ยเป่ยเฉิงแบบนั้นใช่หรือไม่...เยี่ยเป่ยเฉิงมีนิสัยที่เย็นชา และเจ้าอารมณ์มาก แต่เขากลับปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีเขาจะจดจำทุกสิ่งที่นางชื่นชอบได้ ซื้อเค้กดอกหอมหมื่นลี้และขนมลูกสนให้นาง คอยหนุนหลังให้นาง ไม่ปล่อยให้ใครมารังแกนางเขารู้ว่านา กลัวความหนาว จึงยอมให้นางนอนในเรือนอวิ๋นซวน แถมยังตั้งใจเพิ่มผ้
ร่างเล็กๆที่อยู่ในอ้อมแขนสั่นเทาจากการร้องไห้ เยี่ยเป่ยเฉิงคว้าไหล่ของนางเอาไว้ ยืดร่างกายของนางให้ตรง จ้องมองดู ก็เห็นว่าสาวน้อยคนนี้ร้องไห้อย่างน่าเวทนามากเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด จนแทบจะกล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า: " ยืนกรานจะจากไปเองไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าถึงร้องไห้? "หน้าอกอันกว้างของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง จังหวะการหายใจยุ่งเหยิง เมื่อกี้ตอนที่ตามมา เขาคงจะเดินเร็วมากหลินซวงเอ๋อร์ร้องไห้หนักมาก จนพูดไม่ออก ทำได้แต่มองเขาพร้อมเสียงสะอื้นไห้นัยน์ตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องไปที่หลินซวงเอ๋อร์ ในที่สุดน้ำเสียงของเขาก็นุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย: " ดึกดื่นขนาดนี้เจ้าจะกลับไปที่ไหน? จะกลับไปที่เมืองชิงเหอหรือจะกลับไปหาฉีหมิง? เจ้าก็เป็นคนของข้าอยู่ดี! เจ้ายังอยากจะไปที่ไหนอีก! "หลินซวงเอ๋อร์สะอึกสะอื้น อาจเป็นเพราะนางตกใจกลัว จึงพยายามมุดเข้าไปในอ้อมแขน ของเยี่ยเป่ยเฉิงต่อไปเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ยอมทำตามใจนาง วางมือไว้บนไหล่ของนาง บังคับให้นางมองมาที่เขา“เจ้าร้องไห้ทำไม? จะร้องไห้เรื่องอะไร? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?เหตุใดถึงไม่รู้จักหวาดกลัวตั้งแต่ทีแรก!”เยี่ยเป่ยเ
หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนริมฝีปากอันเรียวบางของเยี่ยเป่ยเฉิงกลายเป็นเส้นบางๆ และพูดอย่างเย็นชา: "ทำไม? เสียใจอีกแล้วหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ข้า... ขาของข้าชา จึงเดินไม่ได้ "อันที่จริงแล้ว เมื่อกี้ตอนที่นางปะหน้ากับสุนัขป่าอันนั้น นางตกใจจนขาอ่อนแรงไปนานแล้ว ถ้าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่พยุงนางเอาไว้ นางคงจะทรุดตัวลงไปบนพื้นตั้งนานแล้วเยี่ยเป่ยเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า "อยากจะให้อุ้มหรือแบก?"ดวงตาของหลินซวงเอ๋อร์เบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางไม่ได้พูดอะไร เยี่ยเป่ยเฉิงก็คุกเข่าลงทันที มองไปทางด้านข้าง แล้วกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้นก็แบกก็แล้วกัน"หลินซวงเอ๋อร์หน้าแดง ยืนอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกที่เขินอายเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวข่มขู่ว่า: " ยังรีบขึ้นมาอีก? ระวังสุนัขป่าเหล่านั้นจะย้อนกลับมาระหว่างทางนะ พอถึงเวลานั้น ข้าคงจะดูแลเจ้าไม่ได้ "เมื่อได้ยินดังนี้ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัว จึงขึ้นไปบนหลังเขาเสียแต่โดยดีบนถนนที่กว้างขวาง ยังคงมีโคมไฟที่กวัดแกว่งไปมาอย่างโดดเดี่ยวอยู่สองสามอัน แต่อารมณ์ความรู้สึกของหลินซวงเอ๋อร์เปลี
หลินซวงเอ๋อร์จุตพิตหนึ่งครั้งแบบผิวเผิน ไม่กล้าค้างเอาไว้นาน จึงถอยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับแมลงปอสัมผัสน้ำแต่สำหรับเยี่ยเป่ยเฉิง มันก็แค่ดับความกระหายของเขาเท่านั้นเยี่ยเป่ยเฉิงนั่งอยู่ข้างเตียง ร่างกายสงบนิ่งราวกับว่าเป็นภูเขาหลินซวงเอ๋อร์เผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว คิดว่าจูบเขานิดหน่อยก็ถือว่าเป็นการขอโทษเขาแล้วแต่เยี่ยเป่ยเฉิงจะปล่อยนางไปได้อย่างไร?เขาจับมือนางเอาไว้ทันที แล้วเอานางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง มือขนาดใหญ่โอบเอวของนางเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้นางหลบหนี“แค่นี้หรือ?” เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองนาง หลินซวงเอ๋อร์เห็นนัยน์ตาที่เหมือนหมาป่าของเขาอีกครั้ง ลมหายใจอันอบอุ่นของเขาแทรกซึมเข้าไปในประสาทสัมผัสทั้งหมดของนางหลินซวงเอ๋อร์หดตัวกลับเล็กน้อย นางเสียใจที่ใช้วิธีนี้เพื่อเอาใจเขา ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังเล่นกับไฟแล้วเผาตนเองนัยนฺตาของนางเปียกชื้น เอ่ยปากพูดว่า: "แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?"เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆเข้ามาใกล้ๆพร้อมความกดดันที่คลุมเครือ และกล่าวว่า: "แค่นี้ มันจะไปพอได้อย่างไร"หลินซวงเอ๋อร์หน้าแดง ถูกเขาบีบบังคับให้ถอยหลัง และจับคอเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนกเล
สายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงลึกล้ำราวกับค่ำคืนอันเงียบสงบ: " หลินซวงเอ๋อร์ เจ้าลงมือทำก่อนสักครั้งนะ ลงมือทำก่อนสักครั้ง ข้าก็จะไม่โกรธเจ้าแล้ว"สีหน้าของหลินซวงเอ๋อร์เปลี่ยนไปเป็นสีแดง ความไว้เนื้อไว้ตัวที่อยู่ในจิตใต้สำนึกทำให้นางไม่สามารถทำก่อนได้เยี่ยเป่ยเฉิงดูเหมือนจะหมดความอดทน พูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเร่งรัดว่า: "เรียนรู้มาตั้งนาน ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ก้มหน้าลง ในเวลานี้ใบหน้าของนางแดงก่ำ แม้แต่ติ่งหูเล็กๆของนางดูเหมือนจะมีหยดเลือด“เรียนรู้ได้มากแค่ไหนแล้ว?” เยี่ยเป่ยเฉิงเร่งรัดนางหลินซวงเอ๋อร์ตัวสั่นเทา ราวกับว่าตกใจกับน้ำเสียงของเขาเยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจนใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่า สาวน้อยคนนี้จำเป็นจะต้องได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี ไร้เดียงสาเกินไปก็ไม่ดี เขาให้นางอ่านหนังสือตั้งมากมาย แต่นางกลับไม่มีความคิดชั่วร้ายอะไรเลย!เขาจะต้องคิดหาวิธี เอาความสำรวมที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของนางออกไปทีทีละน้อย!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ จู่ๆใบหน้าของเขาก็ถูกเสยขึ้นเยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่อ และเห็นนางค่อยๆก้มหน้า และค่อยๆเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆนางทำตามที่ตำราบอก สำรวจแหวว่าย
หลินซวงเอ๋อร์ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานานที่แท้ ฤกษ์มงคลที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นโมฆะ แม้ว่างานสมรสจะไม่ได้จัดขึ้น แต่เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังคงเอาชื่อของนางไว้ในลำดับวงศ์ตระกูลของจวนหย่งอัน หลังจากเข้าสู่ลำดับวงศ์ตระกูลแล้ว นางก็ถือว่าเป็นพระชายาที่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีของเขาแล้วเพราะเรื่องนี้ กงชิงเยวี่ยจึงโกรธมากจนกินข้าวปลาไม่ลงสองวัน ช่วงเวลานี้กำลังเมินเฉยทำเป็นไม่สนใจเยี่ยเป่ยเฉิง และขู่ว่า ถ้าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่หย่าร้างกับหลินซวงเอ๋อร์ ก็ไม่ต้องเรียกนางว่าแม่อีกต่อไป!ดังนั้น เยี่ยเป่ยเฉิง ไม่ได้ขอให้หลินซวงเอ๋อร์ไปแสดงความเคารพต่อกงชิงเยวี่ย แต่ให้นางจุดธูปสักการะบรรพบุรุษตามกฎระเบียบเท่านั้นเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ กงชิงเยวี่ยก็เกรี้ยวโกรธมาก จนอดไม่ได้ที่จะพึมพำต่อหน้าท่านป้าจ้าวว่า: " ดูสิ! ลูกชายตัวดีของข้าคนนี้ เกิดมาเพื่อทำให้ข้าโกรธ! สมรสกับสาวใช้มาเป็นพระชายา ถ้าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะหรือ? "ท่านป้าจ้าวพูดปลอบใจว่า " นายหญิงอย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ มันไม่ง่ายเลยที่ท่านอ๋องจะฝักใฝ่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง อีกอย่าง ข้าคิดว่
ใครจะคิดว่า ตงเหมยจะดีใจขนาดนี้ทันทีที่นางเข้าไปในห้อง ตงเหมยก็ได้แสดงเสื้อผ้าชุดใหม่ของตนให้หลินซวงเอ๋อร์ดู" พระชายา ท่านดูเสื้อผ้าใหม่ที่พ่อบ้านฉินเพิ่งจะมอบให้ข้าเร็วเข้า สวัสดิการสาวใช้ชั้นหนึ่งช่างแตกต่างกันจริงๆ ท่านดูสิ วัสดุของเสื้อผ้าชุดนี้ นุ่มนวลและเรียบเนียนมาก ส่วนเงินเดือน ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โอ้สวรรค์ ขนาดกำลังฝันอยู่ก็ต้องตื่นเพราะเสียงหัวเราะเลย "เมื่อเห็นตงเหมกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข หลินซวงเอ๋อร์จึงพูดอย่างระมัดระวังเล็กน้อยว่า: " ตงเหมย ต่อไปพวกเราจะยังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เจ้าไม่ต้องดูแลข้ามากเกินไป จากนี้ไป เรียกข้าว่าซวงเอ๋อร์ก็พอแล้ว "ตงเหมยกล่าวว่า: "ทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ตอนนี้ท่านเป็นถึงพระชายาเชียวนะ การดูแลท่านเป็นหน้าที่ของข้า อีกอย่าง งานที่ความรับผิดชอบน้อยแต่ได้เงินมาก แมีใครบ้างที่ไม่ชื่นชอบ"หลินซวงเอ๋อร์รู้ว่าตงเหมยมีนิสัยที่เปิดเผยตรงไปตรงมามาโดยตลอด ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป จากนั้นก็หยิบกล่องไม้ออกมาจากลิ้นชักแล้วมอบให้ตงเหมย"นี่คืออะไร?" ตงเหมยรับกล่องไม้มา แล้วเปิดออกดู ก็เห็นต่างหูหยกคู่หนึ่งอยู่ในนั้น ทันใดนั้นดว
เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงผลักเปิดประตูเข้ามา หลินซวงเอ๋อร์ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทำให้มีหมอกลอยอยู่ในอากาศ นางกำลังนั่งหันหลังอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และกำลังจัดระเบียบชุดนอนที่อยู่บนไหล่เยี่ยเป่ยเฉิงเงยหน้าขึ้นก็บังเอิญเห็นไหล่เล็กๆของนางครึ่งหนึ่ง ราวกับว่าแขวนด้วยหยดน้ำ ขาวชุ่มชื้นสุดขีดเมื่อก่อน หลินซวงเอ๋อร์มักจะสวมชุดนอนสีขาวเรียบร้อย และร่างเล็กๆถูกพันไว้อย่างแน่นหนาในชุดนอนไม่เหมือนวันนี้ นางสวมชุดนอนสีแดงเข้มชุดหนึ่ง ชุดนอนนั้นนุ่มนวลงดงามมาก เนื้อผ้ามีกลิ่นหอมนุ่มนวลมาก และสามารถมองเห็นรูปร่างที่อ่อนแอ้นอรชรของนางได้ด้วยตาเปล่านางรวบผมขึ้นด้วยปิ่นปักผมที่ประณีตงดงามอย่างเรียบง่าย ผมดำนุ่มสลวยด้านหลังศีรษะก็สยายลงมา ทำให้นางมีบุคลิกที่เอื่อยเฉื่อยมากยิ่งขึ้น นางไม่ได้ผลัดแป้ง แต่ผิวพรรณกลับขาวใสเนียนละเอียด ปลายคิ้วและหางตาแลดูมีสเน่ห์มากเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ข้างประตูแล้วจ้องมองเป็นเวลานาน สายตาของเขาค่อยๆลึกล้ำขึ้นจนกระทั่งหลินซวงเอ๋อร์เห็นเขาผ่านกระจกทองสัมฤทธิ์ นัยน์ตาที่สดใสก็โค้งงอเล็กน้อย ปานสายลมในฤดูใบไม้ผลินางหันกลับมามองเขา มีสีแดงจางๆอยู่บนแก้มหลังจากอาบน้ำ และมีผ
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ