ใครจะคิดว่า ตงเหมยจะดีใจขนาดนี้ทันทีที่นางเข้าไปในห้อง ตงเหมยก็ได้แสดงเสื้อผ้าชุดใหม่ของตนให้หลินซวงเอ๋อร์ดู" พระชายา ท่านดูเสื้อผ้าใหม่ที่พ่อบ้านฉินเพิ่งจะมอบให้ข้าเร็วเข้า สวัสดิการสาวใช้ชั้นหนึ่งช่างแตกต่างกันจริงๆ ท่านดูสิ วัสดุของเสื้อผ้าชุดนี้ นุ่มนวลและเรียบเนียนมาก ส่วนเงินเดือน ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โอ้สวรรค์ ขนาดกำลังฝันอยู่ก็ต้องตื่นเพราะเสียงหัวเราะเลย "เมื่อเห็นตงเหมกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข หลินซวงเอ๋อร์จึงพูดอย่างระมัดระวังเล็กน้อยว่า: " ตงเหมย ต่อไปพวกเราจะยังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เจ้าไม่ต้องดูแลข้ามากเกินไป จากนี้ไป เรียกข้าว่าซวงเอ๋อร์ก็พอแล้ว "ตงเหมยกล่าวว่า: "ทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ตอนนี้ท่านเป็นถึงพระชายาเชียวนะ การดูแลท่านเป็นหน้าที่ของข้า อีกอย่าง งานที่ความรับผิดชอบน้อยแต่ได้เงินมาก แมีใครบ้างที่ไม่ชื่นชอบ"หลินซวงเอ๋อร์รู้ว่าตงเหมยมีนิสัยที่เปิดเผยตรงไปตรงมามาโดยตลอด ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป จากนั้นก็หยิบกล่องไม้ออกมาจากลิ้นชักแล้วมอบให้ตงเหมย"นี่คืออะไร?" ตงเหมยรับกล่องไม้มา แล้วเปิดออกดู ก็เห็นต่างหูหยกคู่หนึ่งอยู่ในนั้น ทันใดนั้นดว
เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงผลักเปิดประตูเข้ามา หลินซวงเอ๋อร์ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทำให้มีหมอกลอยอยู่ในอากาศ นางกำลังนั่งหันหลังอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และกำลังจัดระเบียบชุดนอนที่อยู่บนไหล่เยี่ยเป่ยเฉิงเงยหน้าขึ้นก็บังเอิญเห็นไหล่เล็กๆของนางครึ่งหนึ่ง ราวกับว่าแขวนด้วยหยดน้ำ ขาวชุ่มชื้นสุดขีดเมื่อก่อน หลินซวงเอ๋อร์มักจะสวมชุดนอนสีขาวเรียบร้อย และร่างเล็กๆถูกพันไว้อย่างแน่นหนาในชุดนอนไม่เหมือนวันนี้ นางสวมชุดนอนสีแดงเข้มชุดหนึ่ง ชุดนอนนั้นนุ่มนวลงดงามมาก เนื้อผ้ามีกลิ่นหอมนุ่มนวลมาก และสามารถมองเห็นรูปร่างที่อ่อนแอ้นอรชรของนางได้ด้วยตาเปล่านางรวบผมขึ้นด้วยปิ่นปักผมที่ประณีตงดงามอย่างเรียบง่าย ผมดำนุ่มสลวยด้านหลังศีรษะก็สยายลงมา ทำให้นางมีบุคลิกที่เอื่อยเฉื่อยมากยิ่งขึ้น นางไม่ได้ผลัดแป้ง แต่ผิวพรรณกลับขาวใสเนียนละเอียด ปลายคิ้วและหางตาแลดูมีสเน่ห์มากเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ข้างประตูแล้วจ้องมองเป็นเวลานาน สายตาของเขาค่อยๆลึกล้ำขึ้นจนกระทั่งหลินซวงเอ๋อร์เห็นเขาผ่านกระจกทองสัมฤทธิ์ นัยน์ตาที่สดใสก็โค้งงอเล็กน้อย ปานสายลมในฤดูใบไม้ผลินางหันกลับมามองเขา มีสีแดงจางๆอยู่บนแก้มหลังจากอาบน้ำ และมีผ
“ ซวงเอ๋อร์ ครั้งนี้สวามีจะไปปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่”ทันทีที่พูดจบ ม่านเตียงก็ร่วงหล่นลงมา ห่อหุ้มพวกเขาทั้งสองไว้ในโลกใบเล็กๆจากนั้นโลกก็เริ่มหมุน ในนัยน์ตาของนางประกายไปด้วยแสงที่อบอุ่นน่าหลงใหลนางมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เอื้อมมือออกไปเกลี่ยคิ้วและดวงตาของเขา ตอนที่นางควบอารมณ์ของตนเองเอาไว้ไม่ได้ นางก็อดที่จะถามเขาไม่ได้ว่า: " สวามี ต่อไปท่านจะหลงรักคนอื่นหรือไม่? และจะอาลัยอาวรณ์คนอื่นเช่นนี้หรือเปล่า? "เยี่ยเป่ยเฉิงจูบลงไปบนคิ้วของนาง แล้วกล่าวว่า "จะเป็นไปได้อย่างไร สวามีรักเจ้าเพียงคนเดียว และจะอาลัยอาวรณ์เจ้าคนเดียวเท่านั้นในอนาคต"หลินซวงเอ๋อร์ไม่สามารถต้านทานได้ การจูบอันเร่าร้อนทำให้ใจของนางสั่นไหว มือทั้งสองข้างจับคอเสื้อของเขาเอาไว้ นางกล่าวว่า " แต่พวกนางต่างก็บอกว่า มันเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่จะชอบของใหม่เบื่อของเก่า สวามีชอบของใหม่เบื่อของเก่าหรือไม่? "เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนางว่า: "ถ้าสวามีหลงรักคนอื่น ซวงเอ๋อร์จะรู้สึกหึงหวงหรือเปล่า?"ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็มองเขาอย่างแน่วแน่ น้ำตาคลอเบ้า: " ถ้าสามีตกหลุมรั
ผ่านไปหลายวันแล้ว หลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเหยาซื่อจะยังมาหาตนครั้งที่แล้วเลิกลากันได้ไม่ดี ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกห่างเหินกับเหยาซื่อ แต่เมื่อนึกถึงความเมตตาในอดีตจะทิ้งให้นางอยู่นอกประตูไม่ได้ ดังนั้นจึงสวมเสื้อผ้าแล้วออกไปพบกับนางเมื่อเห็นเหยาซื่อยืนอยู่ใต้ดวงอาทิตย์จากระยะไกล ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่มีความสุข หลินซวงเอ๋อร์ก็คาดเดาเอาไว้ในใจแล้วจะต้องมาเพราะเรื่องของฉีหมิง และมาคิดบัญชีกับตนเองแน่ๆดังนั้น หลินซวงเอ๋อร์จึงไม่ได้ให้ตงเหมยตามมาด้วย ตามนิสัยใจคอของตงเหมยแล้วอาจจะทะเลาะวิวาทกับเหยาซื่อได้หลินซวงเอ๋อร์ยังคงเคารพเหยาซื่อจากก้นบึ้งของหัวใจ และปฏิบัติต่อนางในฐานะผู้อาวุโสมาโดยตลอด แม้ว่าคำพูดของนางจะไม่เหมาะสม และส่งผลต่อความสัมพันธ์ในอดีต หลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับนางเป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ หลินซวงเอ๋อร์เพิ่งจะมาที่ตรงหน้าเหยาซื่อ ก็ถูกนางตบหน้าไปฉาดหนึ่งหลินซวงเอ๋อร์ถูกตบจนหน้าหันไปด้านข้าง บนใบหน้าที่ขาวใสมีรอยนิ้วมือปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วมีเสียงอื้ออึงดังก้องอยู่ในหู หลังจากที่หน้าชาก็มีอาการปวดบวมตามมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร อดทนต่อความเ
เหยาซื่อก็โกรธเช่นกัน คำพูดทั้งหมดที่เก็บเอาไว้ในใจก็พรั่งพรูออกมาทันที: " ฮึ่ม! นาง ไม่ใช่เด็กป่าแล้วจะเป็นอะไร! ปีนั้นพ่อของนางเก็บพวกเขาขึ้นมาจากหิมะ เรื่องนี้คนรู้กันทั่วทั้งหมู่บ้าน! เป็นเพราะพ่อแม่ของนางกุมความลับไว้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงไม่รู้ความจริงมาโดยตลอด! "หลินซวงเอ๋อร์มองเหยาซื่ออย่างตกตะลึง และไม่สามารถตั้งสติได้อยู่ครู่หนึ่ง คำพูดของเหยาซื่อ ดังก้องอยู่ในหูของนาง"เจ้าก็ไม่ไตร่ตรองดูเลยว่า เจ้ากับพี่ชายตั้งแต่เล็กจนโต มีตรงไหนที่คล้ายคลึงกับพ่อแม่ของเจ้าบ้าง! พ่อแม่ของเจ้าเป็นคนที่หยาบกระด้าง แต่เหตุใด ถึงได้คลอดบุตรที่ผิวเนียนละเอียดออกมาได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าลับหลังคนในหมู่บ้านพูดถึงพวกเจ้าอย่างไร?"เมื่อเห็นใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์ซีดเผือด เหยาซื่อก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ และกล่าวว่า " พวกนางต่างก็บอกว่าเจ้ากับพี่ชายเป็นลูกของนางโคมเขียว! พ่อบังเกิดเกล้าเป็นใครก็ยังไม่รู้เลย! บางทีอาจจะมีแม่เป็นคนเดียวกันแต่ต่างพ่อก็ได้! "สมองของหลินซวงเอ๋อร์ว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง อ้าปาก เพื่อจะอธิบาย แต่สิ่งที่พูดออกมากลับไม่มีความมั่นใจเลย: "ไม่ใช่นะ ท่านพูดจาเหลวไหล! พ่อแม่ของข้ารัก
“สวามี…” หลินซวงเอ๋อร์มองเยี่ยเป่ยเฉิงทั้งน้ำตา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลรินลงมา ราวกับว่าเป็นไข่มุกหัวใจของเยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะแตกสลายไม่ได้เจอกันครึ่งวัน เหตุใดคนที่อยู่ตรงหน้าถึงร้องไห้แบบนี้?“ใครรังแกเจ้า? บอกสวามีมา ข้าจะไปฆ่าเขาเพื่อระบายความโกรธให้พระชายาของข้า” เยี่ยเป่ยเฉิงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับหน้านาง นิ้วอันเรียวยาว ทะลุเข้าไประหว่างเส้นผมของนางหลินซวงเอ๋อร์หน้าตาสะสวย แม้ว่าจะร้องไห้ ก็ดูเหมือนดอกลูกแพร์ที่เปียกชื้นไปด้วยเม็ดฝน ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่เอ็นดูสงสารมีเพียงครั้งนี้ ที่หลินซวงเอ๋อร์ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ความสิ้นหวังนั้นแผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงเห็นแล้ว รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากหลินซวงเอ๋อร์ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิงราวกับว่าเป็นแมว มือทั้งสองข้างโอบรอบเอวของเขาเอาไว้ แล้วเอาหน้าซุกไว้ที่หน้าอกของเขา กล่าวพร้อมสะอื้นไห้ว่า: "สวามี ข้าเป็นสาวป่าที่ไม่มีใครต้องการ... "เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว ยืดตัวคนที่อยู่ในอ้อมแขนให้ตรง มองท่าทางที่น้ำตานองหน้าของนาง แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า: "ใครบอกว่าเจ้าเป็นสาวป่าที่ไม่มีใครต้องกา
เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดหยอกล้อนาง จัดเสื้อผ้าหันหลังกลับแล้วเดินออกไปเมื่อผลักเปิดประตู เสวียนอู่ก็กำลังรออยู่ข้างนอกหลังจากที่เยี่ยเป่ยเฉิงออกมาแล้ว เสวียนอู่ก็ปิดประตูเยี่ยเป่ยเฉิงหันหน้าไปมองประตูที่ปิดสนิทอยู่ พูดกับเสวียนอู่ด้วยเสียงที่ทุ้มลึกว่า: "ไปตรวจสอบดูว่าตอนเช้าพระชายาไปพบกับใครมา แล้วพูดเรื่องอะไร"เสวียนอู่พยักหน้ารับในไม่ช้า เสวียนอู่ก็กลับมาพร้อมกับข่าวคราว และเอาผลจากการตรวจสอบรายงานให้เยี่ยเป่ยเฉิงฟังอย่างละเอียดเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว กำชับเสวียนอู่ว่า: "ไปเตรียมของสำหรับการเดินทางไปเมืองชิงเหอ เตรียมที่นอนนุ่มๆหลายชั้นบนรถม้าด้วย พระชายาเป็นหวัดได้ง่าย"เสวียนอู่กล่าวว่า: " เมืองชิงเหออยู่ห่างไกลมาก ไปกลับต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน อีกอย่าง เมืองชิงเหอยากจนข้นแค้น ท่านอ๋องให้ข้าน้อยไปตรวจสอบดีกว่า"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ไม่ต้อง พระชายาคิดถึงบ้าน ข้าจะไปเป็นเพื่อนนาง"เสวียนอู่กล่าวว่า: "แต่องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้ท่านอ๋องส่งคนไปตามหาราชินีแห่งเป่ยหรงไม่ใช่หรือ?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "เรื่องตามหาราชินีเป่ยหรงให้ไป๋อวี้ถังเป็นคนรับผิดชอบ เขาเก่งในการตามห
หลังจากเดินทางรอนแรมมาสิบวัน ในที่สุดก็มาถึงเมืองชิงเหอหลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านแล้วมองไปที่ต้นมะเดื่อโบราณต้นนั้น ทันใดนั้นนางก็หวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนในปีนั้นที่นี่ เป็นที่ที่นางบอกลาบ้านที่เมืองชิงเหอ ขึ้นวัวเทียมเกวียนตามลำพัง ใช้เวลาครึ่งเดือนถึงไปถึงเมืองหลวงที่นี้ตั้งอยู่ในที่ที่ไกลจากเมืองหลวง แต่ก็ถือได้ว่าเป็นดินแดนที่บริสุทธิ์เมืองชิงเหอไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย มีเพียงต้นมะเดื่อที่ทางเข้าหมู่บ้านเท่านั้นที่ดูเหมือนจะหนาขึ้น ใบไม้ที่อยู่บนต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ทำให้พื้นปกคลุมไปด้วยใบมะเดื่อหลายชั้นการเดินทางครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน เยี่ยเป่ยเฉิงจึงไม่ได้ให้คนติดตามมาด้วย ทำทุกอย่างแบบเรียบง่าย แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็เปลี่ยนไปเป็นเสื้อคลุมที่เรียบง่าย และบอกคนอื่นว่าเป็นสามีของหลินซวงเอ๋อร์เท่านั้นพอกลับมาถึงบ้านเกิด หลินซวงเอ๋อร์ดูเหมือนจะกลายเป็นหญิงสาวที่ไร้ซึ่งความกังวลคนนั้นอีกครั้ง ที่แห่งนี้ นางมีชีวิตในวัยเด็กที่สมบูรณ์พร้อม มีพ่อแม่และพี่ชายที่รักนาง แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะยากจน มีแม้แต่ร้านค้าดีๆก็ไม่มี แต่ที่แห่งนี
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ