แต่องค์ชายสิบเจ็ดร้องไห้หนักมาก เสียงของเขาดังก้องกังวาน จนทำให้เขาแสบแก้วหูหลินซวงเอ๋อร์ถูกเสียงร้องไห้นี้ดึงดูด กำลังจะลุกขึ้นยืน และพยายามที่จะมาทางนี้เยี่ยเป่ยเฉิงลดสายตาลง มององค์ชายสิบเจ็ดด้วยสายตาที่เย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า: " ห้ามร้องไห้! "ทันทีที่พูดจบ เสียงร้องไห้ก็หยุดลงทันทีตอนนี้องค์ชายสิบเจ็ดกลัวเยี่ยเป่ยเฉิงมากจริงๆ แม้แต่ร้องไห้ก็ไม่กล้า ว่านอนสอนง่ายราวกับว่าเป็นกระต่ายตัวหนึ่ง และสะอึกสะอื้นเป็นบางครั้งเท่านั้นเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า: " ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยากจะขังคนของข้าเอาไว้ในพระราชวัง เพื่อชุบเลี้ยงให้เป็นภรรยาตอนที่เจ้าเติบใหญ่? "องค์ชายสิบเจ็ดส่ายหัวราวกับว่าเป็นกลองป๋องแป๋ง: "ข้า... ข้าแค่พูดจาไร้สาระ นางเป็นคนของท่านลุง ข้าไม่กล้ารังแกนางอีกต่อไปแล้ว... "เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วลึก เขาย่อตัวลงไป จัดระเบียบเสื้อผ้าให้องค์ชายสิบเจ็ด แล้วพูดอย่างสงบนิ่งว่า: " วันนี้ เจ้าลื่นล้มลงไปในน้ำเอง ถ้าเจ้ากล้าพูดจาเหลวไหลอะไร ข้าจะดึงลิ้นของเจ้าออกมาเสีย จากนั้นก็สับให้ละเอียด แล้วโยนลงไปในทะเลสาบเพื่อให้เป็นอาหารปลา เจ้าเข้าใจไหม? "มุม
เยี่ยเป่ยเฉิงโอบเอวนางเอาไว้อย่างเผด็จการ แล้วกอดนางเอาไว้แน่น จากนั้นก็ใช้มือขนาดใหญ่อีกข้างหนึ่ง ถอดเสื้อผ้าของนางออกทันทีหลินซวงเอ๋อร์หดตัวลง ไม่ยอมปฏิบัติตาม พอถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก นางก็เหลือแค่เสื้อซับในบางๆหนึ่งตัวเท่านั้น...“ ท่านอ๋อง ข้าไม่หนาวแล้ว ข้าอยากกลับไปแล้วค่อยเปลี่ยน...”ยังไม่ทันได้พูดจบ นางก็จามหลายครั้งอย่างไม่ได้ตั้งตัว จมูกของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ในนัยน์ตาก็มีน้ำเล็ดลอดออกมาเยี่ยเป่ยเฉิงเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน: " ซวงเอ๋อร์คนดี ถ้าสวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้นจะทำให้เป็นหวัด ดังนั้นเจ้าถอดมันออกมาดีกว่า"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " พระราชวังอยู่ห่างจากจวนโหวเป็นเวลาแค่ธูปดอกเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้าสามารถทนได้ "เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย: "ถ้าเจ้าไม่ถอด แล้วเจ็บป่วยขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร?"มันไม่ง่ายเลยที่นางจะฟื้นฟูสุขภาพให้ดีขึ้นมาได้! ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพยายามที่จะไม่แตะต้องนางมาโดยตลอด ถึงกับยอมให้ตนเองลำบากไปพักผ่อนที่ห้องหนังสือ ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่นางจะร่างกายแข็งแรง ถ้านางป่วยขึ้นมาอีกครั้งล่ะก็! ตนเองก็จะต้อง...“ หลินซวงเอ๋อร์ ความอดทนของข้ามีจ
“ที่ไม่ถอดเพราะอยากจะรอความเจ็บป่วยหรือ?” เสียงเยี่ยเป่ยเฉิงแหบห้าวอย่างอธิบายไม่ถูก มืออีกข้างของเขาก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เขาฉีกเสื้อผ้าของนางออกจนเกิดเสียงดัง "แคว่ก"น้ำเสียงนั้นเสนาะหูมาก จนทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูกเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของหลินซวงเอ๋อร์มีราคาแพงมาก เนื้อผ้าหรูหราบางเบา แม้ว่าจะบางแต่ก็ปกปิด เวลาสวมใส่บนร่างกายจะเบาสบายมาก ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของมันก็คือ มันเปราะบางมากจนเกินไป แค่ดึงก็ขาดหลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว เหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังเกรี้ยวโกรธ: " ท่านอ๋อง ท่านจ่ายค่าเสื้อผ้าให้ข้าเลย!"เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองนางอย่างเงียบๆ: " ข้าเป็นคนซื้อมัน "หลินซวงเอ๋อร์โกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก จึงทำได้แค่เม้มปาก ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อเห็นเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบลดเสียงลง และโอ๋นางด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น: "ช่างเถิด วันพรุ่งนี้ข้าจะซื้อให้เจ้าใหม่ เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ"หลินซวงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก เบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความโกรธเยี่ยเป่ยเฉิงประนีประนอมอีกครั้ง: "เอาล่ะ! ข้าจะซื้อให้เจ้าวันนี้เลย ซื้อแบบเดียวกัน เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?"หลินซวงเอ๋อร์ยังคงไม่
มือของเขาลูบไล้ไปตามเอวจนไปถึงแผ่นหลังของนาง แต่เขาก็ยับยั้งไม่ให้ตนเองเคลื่อนไหวต่อไปสุดท้ายเขาก็ควบคุมตนเองได้เยี่ยเป่ยเฉิงมุดหัวเข้าไปในคอของนาง สงบสติอารมณ์เป็นเวลานาน ถึงได้อดทนต่อแรงกระตุ้นที่จะอยากจะกลืนกินนางเอาไว้ได้“เจ้าต้องห่วง ต่อหน้าคนอื่น ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”เมื่อสัมผัสได้ว่ามือข้างนั้นค่อยๆถอนออกทีละน้อย หลินซวงเอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกนางซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆอยู่พักหนึ่ง เพราะกลัวจะไปกระตุ้นเส้นประสาทของเขาโชคดีที่รถม้าหยุดแล่นร่างกะทัดรัดงดงามของหลินซวงเอ๋อร์ถูกพันไว้ใต้เสื้อคลุมขนาดใหญ่ พันนางเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่ลมเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถเล็ดลอดผ่านไปได้เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางที่พันด้วยเสื้อคลุมลงมาจากรถม้านางเงยหน้าขึ้นมองเขา ผมสีเข้มของนางสยายลงบนไหล่ของเขาอย่างอิสระ ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้โครงร่างของเขาดูเฉียบคมเล็กน้อย แต่นางกลับรู้สึกอ่อนโยนอยู่ในใจหัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นระรัวเยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มนางกลับไปที่เรือนฝั่งตะวันออกทันทีทันทีที่ก้าวเข้าไปในลานเรือน หลินซวงเอ๋อร์ก็ชี้ไปที่ห้องเล็กๆของตนเองแล้วพูดว่า "
หลินซวงเอ๋อร์กระเพื่อมขนตา แก้มทั้งสองข้างร้อนจัดหลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า: "สมรสกับท่าน มีข้อดีอะไรบ้าง?"เยี่ยเป่ยเฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ: "เจ้าคิดว่าอย่างไร?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ยังสามารถเล่นกับตงเหมยได้หรือไม่? ""ได้แน่นอน"“ยังอยู่ที่เรือนฝั่งตะวันออกหรือเปล่า?”"เจ้าอยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่น"หลินซวงเอ๋อร์เผยสีหน้าที่มีความสุขออกมา แล้วกล่าวว่า " ถ้าอย่างนั้นสามารถกินขนมถั่วสนได้อย่างอิสระหรือไม่? "เยี่ยเป่ยเฉิงอดหัวเราะไม่ได้ จนเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆ: "กินน้ำตาลให้น้อยลง และจะกินอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ"หลินซวงเอ๋อร์พูดด้วยความประหลาดใจว่า: " ข้าอยากกินเค้กดอกหอมหมื่นลี้เยอะๆ กินทุกวัน ได้หรือไม่? "เยี่ยเป่ยเฉิงมีรอยยิ้มอันอ่อนโยนในนัยน์ตาของเขา: " ได้ "หลินซวงเอ๋อร์นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วรีบกล่าวว่า: "ข้าอยากจะเลี้ยงกระต่าย ได้ไหม?"อันที่จริงนางอยากเลี้ยงกระต่ายมานานแล้ว ตอนที่นางยังเป็นเด็ก ท่านพ่อของนางขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา แล้วจับกระต่ายน้อยตัวหนึ่งกลับมาให้นาง นางเลี้ยงมันเป็นดี และเก็บหญ้าอ่อนที่สดใหม่ให้มันทุกวัน
แสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่าน ทำให้ทั้งห้องมีแสงสลัวๆแสงเพียงน้อยนิดตกกระทบไปบนหน้าด้านข้างของเขา ทำให้หน้าครึ่งหนึ่งของเขาสว่าง ครึ่งหนึ่งอยู่ในความมืด และมีโครงหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างเงียบๆ เขาอยู่ใกล้นางมาก ใกล้มากจนนางสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของตนเอง ในนัยน์ตาของเขาเขาหน้าตาดีมากจริงๆ โครงหน้าของเขาเหมือนรูปปั้นประติมากรรม ตั้งแต่คิ้วไปจนถึงสันจมูก ไปจนถึงริมฝีปากที่เรียวบาง คมเข้มชัดเจน และหล่อเหลาสง่าเป็นอย่างมากเพียงแต่ บนตัวของเขามีบุคลิกที่เข้มงวดเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวั่นไหวและหวาดกลัวเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน“ ซวงเอ๋อร์ เรียกข้าว่าสวามีหน่อย ได้ไหม?”มือที่อยู่บนหลังของนาง ออกแรงเล็กน้อย เพื่อดึงทั้งสองคนเข้ามาใกล้กันมากยิ่งขึ้นหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น แล้วสบสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเขาเข้าพอดีลมหายใจของเขากระทบใบหน้าของนาง ทำให้หัวใจของนางเต้นตุ้มๆต่อมๆนางรู้สึกสับสนวุ่นวายใจชั่วขณะ จากนั้นก็เรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า: " สวามี "ในนัยน์ตาของนางเป็นประกายเล็กน้อย น้ำเสียงของนางนุ่มนวลเป็นอย่างมากสุดท้าน นางก็เห็นส
ตอนนั้นที่นางมอบร่างกายนี้ให้เขา นางไม่ได้สมัครใจเลยสองสามครั้งถัดมา นางรู้อย่างมีสติว่ามันไม่ถูกต้อง แต่นางไม่อาจต่อต้านพฤติกรรมที่ยั่วยุของเขาได้ ทนต่อการล้อเล่นของเขาได้ ร่างกายจึงตกไปอยู่ภายใต้การรุกรานของเขาตามสัญชาตญาณ สุดท้ายตนเองก็ยอมพลีกายถวายใจให้เขาทุกอย่างร่างของเยี่ยเป่ยเฉิงแข็งทื่อ เขาทำให้นางร้องไห้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย“ ซวงเอ๋อร์คนดี ในเมื่อข้าบอกว่าจะสมรสกับเจ้า ก็คือจะรับผิดชอบต่อเจ้า” ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าผากของนางหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นแล้วมองดูเขา: "ถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านอ๋องไม่ล่วงเกินข้าได้ไหม? อีกเจ็ดวันหลังจากสมรสแล้ว... ค่อยร่วมหลับนอนกัน"เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสงสารของนาง ในที่สุดเยี่ยเป่ยเฉิงก็ทำไม่ลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความปรารถนาในดวงตาก็ค่อยๆจางหายไปเยี่ยเป่ยเฉิงเอาคางไถไหล่ของนางเบาๆ “เจ็ดวันหลังจากนี้ เจ้าจะต้องชดเชยข้าแบบทบดอกเลย ตกลงไหม?” คำพูดของเขานุ่มนวลราวกับสายน้ำไหล ลมหายใจอันอ่อนโยนโอบล้อมหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้ ทำให้นางไร้เรี่ยวแรงต้านทานราวกับว่าจมน้ำเพื่อเอาตัวรอดในวันนี้ หลินซวงเอ
ก่อนสมรส เยี่ยเป่ยเฉิงสัญญาว่าจะไม่แตะต้องนางอีก เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองจะต้องย้ายไปที่ห้องหนังสือในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขารักษาสัญญา และนอนอยู่ห้องหนังสือตลอด แต่ทุกครั้งที่อยู่ในค่ำคืนอันเงียบสงบ มันยากมากที่เขาจะนอนหลับโชคดีที่ เจ็ดวันอันยาวนาน กำลังจะสิ้นสุดลงในที่สุดสองวันก่อนงานสมรส ชุดแต่งงานที่ช่างเย็บปักเตรียมไว้ถูกส่งไปยังเรือนฝั่งตะวันออก เพื่อให้หลินซวงเอ๋อร์ลองสวมดู ถ้ามีตรงไหนที่ไม่พอดีก็จะเอามันกลับไปแก้ไขนอกจากชุดแต่งงานแล้วยังมีชุดเครื่องประดับศีรษะอีกด้วย วางเรียงรายในห้อง ตงเหมยกล่าวชื่นชมไม่ขาดปากของทุกชิ้นมีมูลค่ามหาศาล แถมยังทำอย่างประณีต มันไม่ต่างอะไรจากเครื่องประดับที่องค์ราชินีสวมใส่ในพระราชวังเลยตงเหมยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา: " การปฏิบัติต่อพระชายากับอนุภรรยาแตกต่างกันมาก ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้นที่นายท่านจวนโหวแต่งอนุภรรยา ให้แค่เครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้นก็เท่านั้น แถมยังต้องสวมชุดแต่งงานสีชมพู งานสมรสนั่น เทียบไม่ได้กับงานแต่งงานในครั้งนี้เลย ท่านอ๋องใส่ใจเจ้าจริงๆ สิ่งของเหล่านี้ แค่ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ามหาศาลแล้ว "หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหวาดหวั่นอ
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ