จ้าวชิงชิงถูกคนห้ามกลับจวนหนิงหวังตอนที่นางถูกส่งตัวกลับมา สีหน้าของนางซีดเซียว ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด และมีรอยแส้อันน่าสะพรึงกลัวสองที่บนร่างกายจ้าวชิงชิงไม่สามารถทนได้ตั้งนานแล้ว ตอนที่กลับมา นางได้หมดสติไปแล้วพระชายาจ้าวรักบุตรสา่วเป็นอย่างมาก จึงรีบตามแพทย์หลวงมาที่จวนอย่างรวดเร็วโชคดีที่แพทย์หลวงมาได้ทันเวลา ฝังเข็มห้ามเลือดให้นาง และต้มยาให้นางดื่ม ถึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้พอหนิงหวังจ้าวหย่วนโหวทราบข่าว ก็รีบกลับมาจากพระราชวังทันทีหลังจากที่ทั้งสองได้สอบถามแล้ว ถึงได้รู้ว่าจากปากผู้ติดตามว่า บุตรสาวสุดที่รักของพวกเขาถูกเยี่ยเป่ยเฉิงเฆี่ยนตีจนมีสภาพเป็นเช่นนี้...“ เยี่ยเป่ยเฉิงตัวดี กล้าดีอย่างไรถึงได้ทำกับลูกสาวของข้าแบบนี้! ”จ้าวหย่วนโหวโกรธมาก และบอกว่าเขาจะไปฟ้องไทเฮา ฟ้ององค์จักรพรรดิ เพื่อให้พวกเขาทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวของเขาไทเฮาคือท่านป้าของจ้าวชิงชิง และเป็นน้องสาวทางสายเลือดของเขา คงจะไม่ยอมเพิกเฉยเรื่องนี้อย่างแน่นอน! เยี่ยเป่ยเฉิงจะต้องเอาเรื่องเยี่ยเป่ยเฉิงให้ได้! ให้เขาได้รับการลงโทษอย่างสาสม!แต่พระชายาจ้าวกับห้ามเขาเอาไว้ได้ทันเวลา“ท่านไม่ได
ถนนฉางอานในตลาดริมถนนที่คึกคัก ร่างของคนทั้งสองคนดึงดูดสายตาผู้คนเป็นพิเศษวันนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงอารมณ์ดีมาก จึงนัดหมายไป๋อวี้ถังมาประลองหมากล้อมที่หออวี๋นเซียวไป๋อวี้ถังไม่อยากเล่นกับเขา ประลองกันช่วงแรกๆเขาไม่มีกะจิตกะใจเล่นเลย พอประลองกับเขาไปสองสามเกมแล้ว ก็รู้สึกว่าตนเองชนะได้อย่างไม่สมศักดิ์ศรี หลังจากนั้นก็รู้สึกเบื่อหน่ายไป๋อวี้ถังทนความกระตือรือร้นของเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะเล่นแต่ก็สนองความกระตือรือร้นของเขาอยู่ดีแต่ทว่า ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะอารมณ์ดีจริงๆ ทั้งสองประลองกันเป็นเวลานาน ก็ยังไม่สามารถรู้แพ้รู้ชนะได้ไป๋อวี้ถังเลิกคิ้วให้เยี่ยเป่ยเฉิง แล้วพูดว่า "วันนี้อารมณ์ดีมากเลยหรือ?"เยี่ยเป่ยเฉิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ยกริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อย: "อารมณ์ดีมาก"ไป๋อวี้ถังอมยิ้ม จากนั้นก็วางหมากล้อมลงไปหนึ่งตัวดูจากท่าทางของเขาแล้ว เกรงว่าจะไม่ใช่แค่อารมณ์ดีเท่านั้นเยี่ยเป่ยเฉิงมาเขามีเพียงสองอารมณ์เท่านั้นถ้าไม่อารมณ์ดีสุดขีดก็อารมณ์ไม่ดีสุดขีดไป๋อวี้ถังพูดล้อเล่นว่า: "ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรถึงได้ทำให้สหายเยี่ยเบิกบานใจเช่นนี้?ข้าจำได้ว่า เจ
ตอนที่กลับไป ท้องฟ้ายังไม่มืด ร้านค้าข้างทางเต็มไปด้วยสินค้าที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย บนถนนที่กว้างใหญ่ พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ทำให้ครึกครื้นเป็นอย่างมากตอนที่เดินผ่านร้านขนมที่คุ้นเคย กลิ่นหอมหวานเย้ายวนก็โชยมาเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดเดินชั่วคราวไป๋อวี้ถังที่อยู่ด้านข้างจึงกล่าวว่า: "เจ้าไม่ชอบทานขนมหวานเหล่านี้ไม่ใช่หรือ?"ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก ไป๋อวี้ถังจึงรู้ว่าของชื่นชอบอะไร ในความทรงจำของเขา เยี่ยเป่ยเฉิงจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานและมันเยิ้มเหล่านี้เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เขากลับจวนหลังจากประชุมงานเสร็จจะซื้อแล้วห่อกลับไปสองชุดทุกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "นางชอบกิน"ไป๋อวี้ถังรู้อย่างแน่นอนว่า"นาง"ที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดหมายถึงใคร ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทันทีเขาเงยหน้ามองชื่อร้านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวในใจว่า " ที่แท้นางก็ชอบกินของพวกนี้ "แต่ว่า เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้คิดที่จะเข้าไป แค่หยุดเดินเพียงครู่หนึ่ง แล้วจากไปโดยที่ไม่ลังเลใจไป๋อวี้ถังรู้สึกงุนงง: "เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าไปซื้อแล้วห่อกลับสองชุด?"เมื่อได้ยินดังนี้ คิ้วของเยี่ยเป่ยเฉิงมีร่องรอยของความโศกเศร้า: "ช่ว
เมื่อเจ้าของร้านขายแผงลอยเห็นว่าไป๋อวี้ถังชื่นชอบสร้อยข้อมือเส้นนั้นเป็นอย่างมาก จึงกล่าวว่า "นายท่าน ถ้าชื่นชอบก็ซื้อเถิด มันเหมาะสมที่สุดที่จะนำกลับไปมอบให้หญิงสาวอันเป็นที่รัก"ไป๋อวี้ถังอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น แล้วค่อยๆวางสร้อยข้อมือกลับไป: " ข้าเป็นคนไม่มีคู่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้ "เจ้าของร้านแผงลอยยิ้มแล้วกล่าวว่า: "ซื้อเตรียมเอาไว้ก่อนก็ได้ บางทีอาจจะได้พบกันในภายหลัง"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมเขา เขาซื้อไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องเอาไปให้ใคร สร้อยข้อมือนี้ เดี๋ยวข้าซื้อเอง" ขณะที่พูดก็ควักเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากในอ้อมแขนแล้วมอบให้เจ้าของร้านแผงลอย“ไม่ต้องทอน บรรจุห่อสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้ข้าด้วย”เมื่อเจ้าของร้านแผงลอยเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงใจป้ำเช่นนี้ ก็รีบวางผลิตภัณฑ์อื่นๆทั้งหมดของตนเองไว้บนแผงอย่างรวดเร็ว"คุณชาย ท่านลองดูสิ่งของเหล่านี้สิขอรับ ล้วนเป็นของที่ยอดเยี่ยมทั้งนั้น"เดิมทีเยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชื่นชอบสิ่งเหล่านี้เลย แต่นัยน์ตาของเขาถูกของบางอย่างที่อยู่บนแผงดึงดูดอย่างรวดเร็วนั่นก็คือถุงเงินที่ปักลายมังกรหงส์ใบหนึ่งเขาหยิบถุงเงินใบนั้นเอาไว
แต่นางเป็นคนที่ไม่สามารถนั่งนิ่งได้ นางคิดว่า อย่างไรเสียมือของนางก็เกือบจะหายดีแล้ว ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ จึงฝึกฝนให้มากขึ้น“ภูเขามีต้นไม้ ต้นไม้ก็มีกิ่งก้าน ในใจข้าก็มีเจ้า เหตุใดจึงมิรู้” เมื่อเขียนถึงประโยคนี้ จู่ๆหลินซวงเอ๋อร์ก็ชะงักไปนางนึกถึงสิ่งที่เยี่ยเป่ยเฉิงพูดกับนางในวันนั้น และคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับนางเขาบอกว่าเขาจะสมรสกับนาง และทำให้นางกลายเป็นนายหญิงของจวนโหวในอนาคตโอ้สวรรค์ นางไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะเป็นนายหญิงดีที่ได้อย่างไรเมื่อนึกถึงการสมรสกับเยี่ยเป่ยเฉิง และต้องดูแลกิจการขนาดใหญ่เช่นนี้ หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจถ้านางทำได้ไม่ดีจะทำอย่างไร?เยี่ยเป่ยเฉิงจะรังเกียจนางหรือเปล่า?ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้นางคิดมากเกินไป จึงทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืนโชคดีที่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้บีบบังคับนาง แล้วบอกว่าจะให้เวลานางคิดไตร่ตรองแต่ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไร จิตใจของนางก็ยิ่งวุ่นวายสับสนมากขึ้นเท่านั้น จึงทำให้มีแม้กระทั่งความคิดที่จะหลบหนีการสมรสกับเยี่ยเป่ยเฉิง เป็นเรื่องที่นางไม่เคยนึกถึงเลย แม้แต่ในความฝันก็ไม่กล้
เยี่ยเป่ยเฉิงโกรธขึ้นมาโดยที่ไม่มีสาเหตุอีกครั้ง และดูท่าทางเหมือนว่าจะโกรธมากหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดเขาบอกว่าเขาไม่อยากได้ถุงเงินใบนั้น และเป็นเขาที่โยนมันลงบนพื้น พอมาถึงตอนนี้เหตุใดถึงได้มาโทษนาง?แต่ทว่า เกรี้ยวโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ ขายไปแล้วก็คือขายไปแล้วนับตั้งแต่ที่เขาโยนมันลงบนพื้น วันต่อมาหลินซวงเอ๋อร์ก็ขายมันให้กับเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าเจ้าของร้านชื่นชอบมันมาก จึงซื้อมันในราคายี่สิบเหรียญเงินยี่สิบเหรียญ เทียบเท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของนาง หลินซวงเอ๋อร์จึงไม่ลังเลใจ และมอบมันให้กับเจ้าของร้านทันที" ท่านอ๋อง เอาอย่างนี้ไหม ข้าจะทำอันใหม่ให้ท่าน ปักเป็ดแมนดารินคู่หนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ ท่านว่าดีหรือไม่?” หลินซวงเอ๋อร์พยายามที่จะง้อเขา "หากเยี่ยเป่ยเฉิงยังเกรี้ยวโกรธอยู่ตลอดเวลา มันจะไม่ส่งผลดีกับนางแค่ทว่า นางเป็นคนที่มีวาทศิลป์ที่ไม่ดีมาโดยตลอด จึงไม่มีประสบการณ์ทางด้านการง้อคนอะไรเห็นไหม แค่พูดคำที่ไม่ตรงกับความปรารถนาของเขา ก็ทำให้เขาโกรธอีกแล้ว“เป็ดแมนดารินป่าคู่หนึ่งมันมีอะไรพิเศษหรือ! ข้าอยากจะได้อันเดิมอันนั้น!”ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธ
ตลาดนัดริมถนนในตอนเย็นคึกคักเป็นที่สุดหลินซวงเอ๋อร์สวมชุดสีเรียบง่ายและคล้องแขนของตงเหมยเอาไว้ แล้วเดินอยู่บนถนนอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยแม้ว่านางจะไม่ได้แต่งหน้า แต่งตัวอย่างเรียบง่าย แต่ผิวพรรณของนางขาวกว่าหิมะ และมีบุคคลิกที่เหมือนว่าเกิดจากโคลนตมแต่ก็ไม่เปื้อนสกปรก จึงทำให้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบตัวอยู่เสมอแตทว่า หลินซวงเอ๋อร์กลับไม่ได้สังเกตเห็นการจับจ้องของผู้คนที่เดินผ่านไปมา นางไม่ได้ออกจากจวนมาเป็นเวลานานแล้ว มันง่ายเลยที่จะได้ออกมาสักครั้ง นางจึงต้องเดินเที่ยวเล่นให้หนำใจ“ ซวงเอ๋อร์ เจ้านำเงินมาพอไหม?” ตงเหมยก็ตื่นเต้นพอๆกัน แต่ก่อนออกจากจวนเพื่อทำธุระ มีเพียงครั้งนี้เท่านั้น ที่ท่านอ๋องยอมให้นางติดตามหลินซวงเอ๋อร์ออกจากจวนมาเที่ยวเล่นหลินซวงเอ๋อร์ควักถุงเงินออกมาจากอ้อมแขน แล้วกล่าวว่า " ตอนที่ออกมาจากจวน ท่านอ๋องให้ข้ามาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะพอหรือไม่ "ตงเหมยมองดูถุงเงินหนักๆที่อยู่ในมือนาง ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปล่งประกายก็: " ท่านอ๋องช่างใจกว้างมากเลย ถึงได้ให้เงินรางวัลเข้ามากมายขนาดนี้ "ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็มีสีหน้าที่แดงระเรื่อนางเอามือแตะริมฝีปากที่บวมแ
“แม่นาง”มีเสียงแปลกหน้าดังมาจากด้านหลังหลินซวงเอ๋อร์หันกลับมา ก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ท่านยาย มีเรื่องอะไรหรือ?"หญิงชราดูไปแล้วเป็นคนที่ใจดีมีเมตตา นางยิ้มให้หลินซวงเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า " ขาของยายเดินเหินไม่สะดวก แม่นางส่งยายกลับบ้านได้หรือไม่? "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "บ้านของยายอยู่ไหนหรือ?"หญิงชราชี้ไปที่ปากทางเข้าซอยทิศตะวันตก แล้วกล่าวว่า “ อยู่ไม่ไกลมากนัก อยู่ข้างหน้านี่เอง แม่นางดูเป็นคนจิตใจดี ช่วหญิงชราอย่างยายสักครั้งได้หรือไม่? ”หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย นางมองดูของขนาดเล็กขนาดใหญ่ที่อยู่บนพื้น ทำให้นางไปไหนไม่ได้เลยนางพูดกับหญิงชราว่า: "ท่านยาย ข้าต้องขอโทษด้วย ตอนนี้ข้าต้องเฝ้าดูสิ่งของเหล่านี้ ไปไม่ได้จริงๆ เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวข้าจะหาคนอื่นให้? "หญิงชราคิดไม่ถึงว่านางจะปฏิเสธ หญิงชราขมวดคิ้วเล็กน้อย“แม่นาง ยายหาใครไม่ได้จริงๆ หากเจ้ามีจิตใจดี ได้โปรดช่วยยายด้วย”หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วนางสัญญากับตงเหมยไว้แล้ว จึงไม่สามารถผิดสัญญากับนางได้ ส่วนหญิงชราคนนี้... หลินซวงเอ๋อร์มองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่ทางการหลายคนที่อยู
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ