แชร์

บทที่ 117

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หออวี๋นเซียว

เยี่ยเป่ยเฉิงวางหมากล้อมดำแล้วหยิบหมากล้อมขาวสองสามตัวขึ้นมา

เมื่อสังเกตเห็นว่าวันนี้จิตใจของไป๋อวี้ถังไม่ได้อยู่ที่เกมหมากล้อม เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่าเป็นการชนะที่ไม่ยุติธรรม และไม่น่าสนุกเลย

เยี่ยเป่ยเฉิงจึงโยนหมากล้อมดำที่อยูในมือกลับไป จิบชาพร้อมกล่าวว่า: "ไม่เล่นแล้ว ไม่รู้ว่าจิตใจของสหายไป๋ลอยไปแห่งหนใด จิตใจถึงไม่ได้อยู่ในเกมหมากล้อมเลย ข้ารู้สึกชนะแบบไม่ยุติธรรมเลย "

ไป๋อวี้ถังไม่มีอารมณ์เล่นหมากล้อมจริงๆ นับตั้งแต่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้นั้น เขาก็นอนไม่หลับ และช่วงนี้ก็ไปถนนฉางอานอยู่บ่อยครั้ง เพื่อหวังว่าจะได้พบนางอีกครั้ง

น่าเสียดายที่ ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่ได้พบเห็นนางอีกเลย

ไป๋อวี้ถังก็โยนหมากล้อมกลับไปเช่นกัน และมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพการพบกับหญิงสาวในวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในสมองโดยที่ไม่รู้ตัว ราวกับว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพียงแต่ตอนนี้มุมถนนที่นางเคยยืนอยู่ตรงนั้นนั้นว่างเปล่า และไม่มีสาวสวยคนนั้นให้เหลือบมองอีกแล้ว

“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? ข้าหาเวลามาประลองหมากล้อมกับเจ้า ไม่ได้มาเพื่อดูเจ้าเหม่อลอย” เยี่ยเป่ยเฉิงใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะ เพื่อเตือนให้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 118

    ไป๋อวี้ถังฟังการเยาะเย้ยเสียดของเขาออกอย่างแน่นอน จึงพูดทันทีว่า: "นางไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ใช่คนที่มีเล่ห์กล จะไม่มีนัยน์ตาที่สะอาดเช่นนั้น""โอ้? สะอาด?"เยี่ยเป่ยเฉิงหัวเราะอีกครั้ง แล้วใช้คำเตือนดั้งเดิมที่ไป๋อวี้ถังเคยเตือนเขาว่า: "ถ้าเห็นเจ้ารับราชการมานานแล้ว จึงไม่เข้าใจสตรีเลย สตรีเสแสร้งเก่งเป็นที่สุด ยิ่งคนที่มีเล่ห์กลมาก ภายนอกก็ยิ่งแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย สิ่งนี้จะสามารถกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายที่จะปกป้องนางได้... หวังว่าสหายไป๋ จะไม่หลงใหลกับรูปลักษณ์ภายนอก..."พูดจบ เขาก็จิบชาอย่างสบายๆ แล้วมองไป๋อวี้ถังด้วยหางตา เมื่อเห็นสีหน้าย่ำแย่ของเขา ก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขตอนที่ตักเตือนเขา ก็ใช้วาทศิลป์เช่นนี้ คราวนี้เขาจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้! จะต้องหัวเราะเยาะเขาให้เต็มที่!ทุกประโยค เยี่ยเป่ยเฉิงแทบจะเอาทุกคำพูดที่ไป๋อวี้ถังพูดกับเขาในตอนนั้น ส่งคืนให้เขาไปโดยไม่ตกหล่นแม้แต่เพียงคำเดียวไป๋อวี้ถังยิ้มพร้อมส่ายหัว คำตักเตือนที่ตนพูดกับเยี่ยเป่ยเฉิงในตอนนั้นได้กลายเป็นวาทกรรมที่เขาใช้หัวเราะเยาะเขาในตอนนี้ไป๋อวี้ถังกล่าวว่า: "ดวงตาของค

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 119

    แสงแดดยามอรุณเล็ดลอดผ่านหมอกอันหนาทึบ สาดแสงเข้าไปในสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสาวใช้หลายคนในลานจวนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในสวนดอกไม้ในยามเช้าเมื่อวานนี้เขาสอนหลินซวงเอ๋อร์ฝึกคัดอักษรวิจิตรดึกมาก วันนี้ในตอนเช้าเยี่ยเป่ยเฉิงจึงตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดังในลานจวน เยี่ยเป่ยเฉิงก็เรียกหาหลินซวงเอ๋อร์สองครั้งในห้อง แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ เขาจึงลุกขึ้น แล้วสวมเสื้อคลุมแบบลวกๆ เปิดประตู ยกเท้าขึ้นและกำลังจะออกจากประตูไป แต่กลับหยุดก้าวเท้ากะทันหันสายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงจับจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ไม่ไกล มองแค่ครั้งเดียว แก็ไม่สามารถละสายตาออกไปได้อีกเลยแสงยามเช้าอันสดใสเล็ดลอดผ่านต้นไห่ถังที่บานสะพรั่ง ทำให้กลายเป็นแสงเล็กๆที่ตกกระทบบนตัวของหญิงสาววันนี้นางเปลี่ยนเป็นชุดสีม่วงควันบุหรี่ ซึ่งเป็นชุดที่เขาตั้งใจเลือกให้นาย ช่างเหมาะกับนางมากจริงๆใต้ต้นไห่ถัง หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวมองดูต้นไห่ถังที่กำลังชูช่อบานสะพรั่ง พร้อมกับสัมผัสถึงสายลมที่พัดโชยมา ปล่อยให้สายลมพัดชายกระโปรงของนาง ปล่อยให้เส้นผมตรงขมับปลิวไปตามสายลม ตามที่สายลมต้องการนัยน์ตาที่สุกใสคู่นั้น

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 120

    “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเด็ด คราวหน้าข้าจะไม่กล้าทำอีกแล้ว ท่านอ๋องอย่าตัดมือข้าได้หรือไม่?”นางคุกเข่าลงต่อหน้าเขา ตอนที่นางเงยหน้าขึ้นมองเขา ในดวงตาที่สดใสก็เต็มไปด้วยความขี้ขลาดและความกลัวเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาจะตัดมือนางเมื่อไหร่กัน?หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ และถามนางว่า: "ใครบอกเจ้าว่า เด็ดดอกไม้จะต้องถูกตัดมือ?"หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างงงงวย: "นี่ไม่ใช่กฎของจวนโหวหรือคะ?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าใจร้ายใจดำขนาดนี้เลยหรือ?"แค่เด็ดดอกไม้ดอกเดียวถึงต้องตัดมือข้างหนึ่ง คนนอกรู้ว่ากฎของจวนโหวเข้มงวดมากขนาดนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็คงจะไม่กลายเป็นปีศาจที่สังหารผู้คนโดยไม่กะพริบตา?ความกดดันที่มองไม่เห็นปะทะมาที่หน้าของนาง หลินซวงเอ๋อร์ก้มศีรษะลงและไม่กล้าพูดอะไรทันใดนั้นภายในห้องก็เงียบลง หลินซวงเอ๋อร์กำลังรอที่จะถูกเขาลงโทษจากนั้นไม่นาน เสียงของเขาก็ดังมาจากเหนือศีรษะ แต่ไม่ได้หมายที่จะลงโทษนาง“ถ้าเจ้าชื่นชอบ ดอกไม้ทั้งหมดในสวนนี้ เจ้าสามารถเด็ดได้เลย”“อะไรนะ?” หลินซวงเอ๋อร์คิดว่าตนเองได้ยินผิดอีกแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับเห

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 121

    “ยกเว้นเรื่องนี้ จะขออะไรก็ได้!” พอเยี่ยเป่ยเฉิงพูดจบ ก็จ้องมองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่เห็นการแสดงออกใดๆเลยหลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธที่จะไม่พูดถึงมันอีก คิ้วที่สวยงามขมวดกัน เห็นได้ชัดว่านางต่อต้านเขา โดยการต่อต้านเขาอย่างเงียบๆแต่ว่า การต่อต้านนั้นไร้ประโยชน์ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่เห็นด้วยกับคำขอร้องนี้ของนางอย่างแน่นอน!เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวกับนางว่า: "กฎของของจวนโหวไม่ได้มีไว้เพื่อประดับจวนเฉยๆ ในเมื่อลงนามสัญญาห้าปี และยังไม่หมดอายุ แม้ว่าจะเป็นข้าก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้ นอกจากนี้ เงินที่เจ้าจะนำมาไถ่ถอนตนเองก็ยังไม่เพียงพอ "ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าขาดแค่ยี่สิบตำลึงเท่านั้น"ยี่สิบตำลึง สำหรับจวนโหวที่ใหญ่โตโอฬารแล้วเป็นเงินเพียงน้อยนิด วันนั้นตอนที่ล่องเรือยามราตรีเขาได้มอบเงินสิบตำลึงให้แก่คนพายเรือ น่าจะไม่สนใจเงินเล็กๆน้อยๆของนาง...“มันคนละเรื่องกัน เจ้าสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตข้าแต่เงินยี่สิบตำลึงนั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เจ้าก็ค่อยๆเก็บหอมรอมริบ พอเก็บได้เพียงพอแล้วข้าจะให้เจ้าออกจากจวนแน่”หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ในวันนั้นที่ไ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 122

    ค่อนข้างจะเหมือนเจ๋อเซียนที่ไม่ฝักใฝ่ทางโลกีย์แต่ว่า เขาไม่ใช่เจ๋อเซียนอะไรสักหน่อย บางหลังหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่า เยี่ยเป่ยเฉิงที่ดูเหมือนจะไม่ฝักใฝ่ทางโลกีย์ และพฤติตัวดี อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่แย่มาก...หลินซวงเอ๋อร์นั่งอยู่ในรถม้า โดยใช้มือเล็กๆดึงแขนเสื้อเอาไว้อย่างประหม่าได้ยินคนพูดว่า จักรพรรดิน่าเกรงขามมาก นางจึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย“ไม่ต้องกังวล พอเข้าไปในวังแล้วก็ให้อยู่ข้างกายข้า อย่าเถลไถล” เยี่ยเป่ยเฉิงเอามือเล็กๆที่นางใช้จับแขนเสื้อมาวางไว้บนฝ่ามือของเขาแล้วกล่าวว่า: "มีข้าอยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าหรอก"ฝ่ามือของเยี่ยเป่ยเฉิงมีขนาดใหญ่มาก จนความร้อนที่แผดเผาดูเหมือนจะละลายผู้คนได้หลินซวงเอ๋อร์รีบดึงมือของนางออกมาจากฝ่ามือของเขา ก้มหน้าลงแล้วกล่าวว่า "ข้าจะพูดให้น้อยลง และพยายามไม่ทำให้ท่านอ๋องอับอาย"เยี่ยเป่ยเฉิงเม้มริมฝีปาก เขาไม่ชอบให้หลินซวงเอ๋อร์ปฏิเสธเขา ในทางกลับกัน เขาหวังว่า หลินซวงเอ๋อร์จะพึ่งพาเขาให้มากขึ้นกว่านี้แต่ว่า วันนี้เขาก็สังเกตเห็นการแต่งหน้าของนางได้อย่างรวดเร็วบนริมฝีปากสีชมพูทาชาดสีแดงบางๆ ทำให้ริมฝีปากดูชุ่มชื้นมากขึ้น ราวก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 123

    เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้ปฏิเสธเขารังแกนางจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงชอบรังแกนางแต่ว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาของเขา ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่วันนี้นางแต่งหน้าเข้มเกินไป โทษที่ชาดทาปากของนางยั่วยวนจนเกินไป โทษต้องโทษที่กลิ่นบนตัวของนางหอมหวานจนเกินไป ไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อกี้เดิมทีเขาแค่อยากแกล้งนาง ใครให้นางตอบสนองเขา ทันทีที่นางตอบสนอง เขาก็อดใจไม่ไหว เลยอยากจะได้มากกว่านี้...เมื่อเห็นนางซุกตัวอยู่ที่มุมรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงจึงต้องเตือนนางว่า: "ถึงประตูวังแล้ว เจ้าอยากลงไปแบบนี้ไหม?"หลินซวงเอ๋อร์ก้มหน้ามอง ถึงพบว่าเสื้อคลุมด้านนอก เสื้อที่อยู่ตรงกลาง เสื้อชั้นในทั้งหมดถูกปลดออกแล้ว...ใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์แดงราวลูกตำลึงสุก และรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนเองผลสุดท้ายยิ่งนางลนลานยิ่งทำอะไรไม่ถูก กระดุมตรงปกเสื้อก็ติดผิดเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยนาง แต่หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว และหันหลังกลับไปเพื่อป้องกันไม่ให้เขาแตะต้องตัวเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดชะงักชั่วคราว แล้วยิ้มเล็กน้อยไม่กลัวเขาเร็วขนาดนี้เลยหรือ? กล้าโกรธเขาแล้ว?เขาเอื้อมมือออกไป โอบก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 124

    เยี่ยเป่ยเฉิงผูกเชือกเสื้อเส้นสุดท้ายให้นางแล้วกล่าวว่า: "เสร็จแล้ว ลงจากรถเถิด"ทั้งสองลงจากรถม้าพร้อมกันประตูพระราชวังมีความโอ่อ่าสง่างาม มีองครักษ์ยืนถือดาบทั้งสองด้าน พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ช่างทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมากหลินซวงเอ๋อร์ติดตามเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างใกล้ชิด และรู้สึกกระวนกระวายใจนางรู้สึกว่า พระราชวังที่ยิ่งใหญ่และเย็นชาแห่งนี้ ราวกับว่าเป็นกรงขังเย็นที่กลืนกินคนได้ จึงทำให้นางรู้สึกไม่อึดอัดไปทั้งตัวฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งโอบมือเล็กๆที่วิตกกังวลของนางอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยเป่ยเฉิง แต่กลับเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างที่สงบนิ่งของเขา มุมที่แหลมคม แฝงไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามอคราวนี้ นางไม่เลือกที่จะดึงดัน แต่ปล่อยให้เขาจับมือนางเอาไว้ได้ตามใจชอบ ความอบอุ่นที่อยู่ในฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างยิ่งงานเลี้ยงของพระราชวงศ์แตกต่างจากคนทั่วไป ไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ ผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็เป็นบุคคลสำคัญ และมีผู้คนนั่งอยู่เต็มห้องจัดเลี้ยงตอนท้ายจักรพรรดิก็พาพระราชินีและนางสนมทั้งหลายเข้ามาในงานเลี้ยง ทุกคนต่างก็

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 125

    หลินซวงเอ๋อร์พลางกินพลางชมการร้องเล่นเต้นรำไปด้วย บรรยากาศในงานเลี้ยงสนุกสนานปรองดองกันเป็นอย่างมากเธอนางคิดไม่ถึงเลยว่า สถานะอย่างนางจะสามารถเข้าวังได้ และสามารถนั่งร่วมงานเลี้ยงในวังกับเหล่าขุนนางได้และเหตุผลที่นางได้มีโอกาสนี้ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเธอที่พานางมาที่นี่ ให้นางกินอาหารที่มีรสเลิศเช่นนี้หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิง คนที่พานางมาที่วัง คนที่ปอกเปลือกปูให้นางด้วยตนเองโดยที่ไม่รู้ตัวเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำลังมองนางเช่นเดียวกัน นัยน์ตาของเขาสะท้อนแสงอันเจิดจ้าในห้องจัดเลี้ยง ตอนที่หลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เขา แสงในนัยน์ตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที และส่องแสงประกายสดใสเขาสูงส่งมาตั้งแต่กำเนิด ใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้ทั้งห้องจัดเลี้ยงดูงดงามมากยิ่งขึ้น งดงามราวกับว่าไม่มีอยู่จริงทุกครั้งที่นางถูกเขาจ้องมอง หลินซวงเอ๋อร์ก็จะรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย และหัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว“พี่เป่ยเฉิง” น้ำเสียงอันหวานหยาดเยิ้มทำลายบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ทันทีที่หลินซวงเอ๋อร์หันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน“พี่เป่ยเฉิง

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status