จ้าวเล่อซีพิศโฉมสตรีตรงหน้า ในที่สุดเขาก็ได้ตัวนางมาครอบครอง นับจากนี้นางจะอยู่เคียงข้างเขา คอยส่งเสียงหวานเร่าร้อนให้เขาฟังทุกเช้าค่ำความจริงในระยะเวลาที่ผ่านมา เขาจะใช้กำลังหรืออำนาจบีบบังคับขุนนางตัวเล็กๆ อย่างม่านเจิ้นให้ส่งตัวลูกสาวคนที่ห้ามาบำเรอสวาทเขาก็ทำได้อย่างง่ายดาย แต่จ้าวเล่อซีคิดว่ากระทำเช่นนั้นช่างไม่สมกับเป็นเขาเสียเลย จึงปล่อยให้นางใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ และเขาเพียงแค่วางกับดักล่อเอาไว้อย่างแนบเนียนกระทั่งคืนเทศกาลโคมไฟมาถึง เอี๊ยะถังคิดข่มเหงหญิงงามของเขา ชายหนุ่มจึงโกรธมาก แต่ยังปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อไปเพื่อลองใจนาง กระทั่งเขาแจ้งชัดในใจว่าม่านซือซือไม่ยอมให้เอี๊ยะถังข่มเหงเป็นแน่แท้จ้าวเล่อซีจึงยื่นมือช่วยนางเอาไว้และสตรีอย่างม่านซือซือคือคนที่เขาอยากร่วมรัก และมอบรสสวาทให้เขาสุขสม‘เจ้ายินยอมให้ข้าทำรักด้วยหรือไม่’ จ้าวเล่อซีถาม แต่เสียงดังก้องอยู่เพียงในอกเขาเมื่อไม่อาจเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดให้นางเข้าใจ เขาจึงต้องใช้ภาษากายแทนชายหนุ่มจูบนาง จูบอย่างใจปรารถนา และแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปาก ดูดดื่มความบริสุทธิ์ของม่านซือซือเรียวลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัด
เขาดูดติ่งเนื้อนิ่ม ดูดราวกับอยากให้นางปล่อยน้ำหวานรสเลิศ เพื่อเขาจะได้สุขสมกับการปรนเปรอนางด้วยปาก แต่ม่านซือซือเป็นสตรีที่อดกลั้นดีเลิศ นางเสียวซ่านปานนี้ หากยังไม่หลั่งความสาวให้เขาชิม ทว่าแอ่งเนื้อนางแฉะชื้นและเต้นตุบๆ ตอบรับการทำรักของเขา“อ่าส์... คุณชาย... ข้าทรมานเหลือเกิน ท่านไม่ปรารถนาเข้ามาในตัวข้าหรืออย่างไร”ม่านซือซือขอร้องจ้าวเล่อซี หาใช่การออกคำสั่ง‘ปีศาจน้อย เจ้าช่างขวัญกล้าเทียมฟ้า คิดจะกลืนกินมังกรของจักรพรรดิเล่อซีเลยรึ’ จ้าวเล่อซีเอ่ยจบก็หัวเราะหึๆแน่นอน เขาต้องก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิในอีกไม่ช้า เขาจะกลับเมืองหลวงพร้อมยกทัพออกไปสังหารคนชั่วเพื่อล้างแค้นให้บิดา จากนั้นก็ครองอาณาจักรอันกว้างใหญ่ของแคว้นชิง เรื่องเหล่านี้ผิงเสียนผู้เป็นมารดาพูดกรอกหูให้เขาได้ยินตลอดก่อนที่นางจะจากไปด้วยความแค้นหลังจากนั้นเขาถูกเลี้ยงดูด้วยท่านตาผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ รวมถึงลุงกับป้าที่รักเขายิ่งกว่าลูกตน แต่ทุกคนมีนิสัยบิดเบี้ยว เขาจึงได้รับสืบทอดความอำมหิตและนิยมเรื่องอุ่นเตียงวิปริตมาสู่จิตใจ กระทั่งเขาถูกส่งตัวมาที่นี่ ใช้ชีวิตในคฤหาสน์สัตตบงกชเพื่อรอเวลาที่จะกลับเมืองหลวง แน่นอนเขาม
คุณชายท่านมีความสุขอันใด ม่านซือซือสะดุ้งตื่นกลางดึก นางอ่อนเพลียมาทั้งวัน พอตกดึกก็ฝันเห็นภาพน่ากลัว ความฝันคล้ายเรื่องจริง กระนั้นนางกลับไม่แน่ใจว่าเรื่องดังกล่าวผ่านมานานเท่าใด ด้วยมันเลือนรางประหนึ่งว่าในหัวนางถูกใครบางคนลบภาพเหล่านั้นออกไป เมื่อลืมตาขึ้น นางก็สัมผัสหัวไหล่ด้านซ้ายของตนและอดแปลกใจไม่ได้ มันมีแผลเป็นเล็กๆ แผลที่นางเคยถามเซี่ยอี๋ผู้เป็นมารดาและได้คำตอบอย่างไม่แน่ชัด รู้เพียงแต่ว่าเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กเล็กทว่าคืนนี้ ภาพฝันอธิบายถึงรอยแผลดังกล่าวว่ามีสาเหตุจากการที่นางถูกใครคนหนึ่งทำร้ายบนหอสูงที่ด้านล่างเป็นทะเล เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวสูง นางจดจำใบหน้าเขาไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นคนใจร้ายมากขณะที่นางเตรียมนอนลงอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ของจ้าวเล่อซีก็มาอยู่ข้างๆ นาง ไออุ่นเขาและกายแกร่งทำให้หัวใจนางเต้นไหวระรัว“คุณชาย ท่านอยากให้ข้าปรนนิบัติหรือ...” นางถามเขาเสียงหวานหลายวันแล้วที่เขาไม่ได้มายังเรือนโอสถ และนางทราบว่าเขามีงานต้องสะสาง ใจนางเป็นห่วงเขา พอได้พบจ้าวเล่อซี นางจึงอยากดูแลอีกฝ่ายอย่างที่สุดชายหนุ่มยังเงียบอยู่เช่นเดิม ก่อนค่อยๆ เอนกายนอนลงพร้อมนางม่านซื
ปรารถนาเป็นของท่าน แต่ตอนนี้เขาจำต้องปล่อยให้นางลองในสิ่งที่อยากเรียนรู้‘หากทำให้ข้าขัดเคืองใจสักนิดละก็... รู้หรือไม่โทษฐานคือสิ่งใด ซือซือ’ เขาว่าในใจ และหลุดเสียงคำรามดุดันให้นางได้ยิน และนั่นยิ่งทำให้ม่านซือซือลำพองใจ อีกทั้งเกิดความซาบซ่านจนนางอยากครอบครองทุกอย่างในตัวชายหนุ่ม“คุณชาย...ซือซือเป็นของท่านแล้ว คุณชายเล่า...ปะ เป็นของซือซือ บ้างได้หรือไม่”จ้าวเล่อซีหัวเราะหึๆๆ สตรีเช่นนางไปเอาคำพูดเหล่านี้มาจากที่ใด นี่คงเพราะอ่านหนังสือประโลมโลกหรือกลอนฝากรักมากเกินไป และนางคงหวังเก็บไว้ใช้กับเขาที่เรือนโอสถเพื่อตักตวงความสุขจากเขาเพียงผู้เดียว ม่านซือซือเจ้าช่างร้ายเหลือ!ในขณะที่นางกำลังปลุกปล้ำท่อนเนื้อร้อนของเขาอยู่นั้น ร่างอรชรก็ถูกจับยกสูง ม่านซือซือตกใจด้วยไม่ทันระวังตัวจึงร้องวี้ดว้าย แต่นางตกใจได้เพียงประเดี๋ยวเดียว จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มพลันเผยออ้าก่อนหวีดเสียงหวานพร่าไม่หยุด“อี้ๆๆ คุณชาย ท่านรังแกข้า”‘เป็นเจ้าที่ท้าทายข้าก่อน ยังมีหน้ากล่าวหาจ้าวเล่อซีอีกรึ’เขาสื่อสารกับนางด้วยดวงตาคมกริบ จากนั้นจึงรุกนางจนร่างอรชรอ่อนระทวย“โอ้ คุณชาย อร๊าย...ไม่ นะ ข้ายอมแล้ว”ชา
“...คุณชาย!”หญิงสาวกลั้นลมหายใจ จากนั้นจึงออกแรงควบ ควบความแข็งที่อุ่นจัดของจ้าวเล่อซีและเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ความเจ็บไม่ได้เกิดขึ้น หากเป็นความอึดอัดจนเหมือนร่างกายถูกท่อนซุงขนาดใหญ่ตอกเข้าใส่ด้วยมังกรชายหนุ่มตัวอวบหนา แต่เมื่อนางได้อยู่ในท่าทางแสนหวิวไหวกลับกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เจ็บจุกอยู่บ้าง ทว่ามันเต็มไปด้วยความรัญจวนเมื่อได้ครอบครองแก่นกายเขา ยามนั้น ม่านซือซืออยากบอกคำหวานกับจ้าวเล่อซี ทว่านางยังขัดเขิน ด้วยการรุกเขาเยี่ยงนี้เกินงามอยู่สักหน่อย‘เจ้ากำลังยั่วยวนข้า... หึๆๆ ห่างกันไม่กี่วัน เรียนรู้วิธีมัดใจมังกรได้เก่งกาจเพียงนี้ ช่างเหลวไหลเสียจริงซือซือ’ดวงตาดอกท้อมองใบหน้าของชายหนุ่มและอดสงสัยไม่ได้จ้าวเล่อซียิ้ม ยิ้มอย่างจอมมารร้าย ทว่าเหตุใดมันถึงทำให้นางอบอุ่นหัวใจ“คุณชาย ชาตินี้ข้าคงตายตาหลับเมื่อได้เห็นใบหน้าของท่าน”จ้าวเล่อซีนึกฉุนที่ม่านซือซือเอ่ยเช่นนั้น นางช่างเพ้อฝันและยังพูดไม่รู้จักคิด ใบหน้าเขาเป็นสิ่งต้องห้าม ผู้ใดก็ไม่ควรมอง รวมถึงเสียงของเขาก็ไม่ควรได้ยิน!‘แม้ต้องตายเจ้าก็ยอมแลกกับการได้เห็นหน้าข้ารึ...แล้วเสียงปีศาจนี่อีก เจ้าอยากได้ยินไปทำไม
เทศกาลปาแตงโม เทศกาลปาแตงโมของแคว้นชิงเวียนมาถึงอีกปี และปีนี้อากาศค่อนข้างเย็น อีกทั้งมีลมแรงตลอดวันร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ที่ระเบียงของอารามหลวง เป็นจุดเดียวกันกับที่ครั้งหนึ่งมีเหตุการณ์น่าเศร้า เมื่อองค์ชายน้อยขี้โรคพลัดตกเขา เสียชีวิตลงอย่างน่าสงสาร“ตอนนี้จะไม่ใช่แค่จัดการกับสายเลือดของเทียนฉางและอี้เหอแต่จะเป็นการโค่นอำนาจของเขาที่มีอยู่ในวังหลวงมาหลายสิบปีแบบถอนรากถอนโคน องค์ชายมั่นใจแล้วหรือที่จะทำเช่นนั้น” อาเฟยเอ่ยถามและอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ เขารับใช้จ้าวเล่อซีมาตั้งแต่เป็นหนุ่มน้อยตอนนี้อายุล่วงเลยมาสามสิบกว่าจึงรู้จักนิสัยใจคออีกฝ่ายดี แม้ภายนอกจ้าวเล่อซีดูดุดันแข็งแกร่งถึงขั้นหยาบกระด้าง หากในส่วนลึกเขาเป็นคนขรึม เงียบ และอ่อนโยน โดยเฉพาะกับคนที่รัก กระนั้นเขามักแสดงอารมณ์ร้ายๆ จนผู้คนหวาดกลัว ทั้งหมดเป็นเพราะการเลี้ยงดูของถานปิง และบรรดาแม่ทัพที่เป็นลุงของเขา บุรุษเหล่านั้นล้วนมีจิตใจบิดเบี้ยว นี่คือสิ่งที่ผิงเสียนผู้ล่วงลับเป็นห่วง ทว่าเมื่อนางสิ้นใจลง ฝันร้ายของผิงเสียน กลับกลายเป็นจริง‘อย่างไรข้าก็หันหลังคืนไม่ได้ เพื่อชีวิตข้า และคนที่ข้ารัก...’อาเฟยมองมือและนิ้วยา
จ้าวเล่อซีในวัยสิบสองปี มองแม่ทัพถานปิงผู้เป็นตาด้วยสายตาที่ยากคาดเดาความนัย ใบหน้าซึ่งสวมหน้ากากปกปิดไว้บ่งบอกไม่ได้ว่าเขายิ้มอยู่ หรือกำลังมีอารมณ์เคียดแค้น“หากไม่ฆ่าเขา เจ้าคงไม่อาจขึ้นเป็นใหญ่นั่งบัลลังก์แคว้นชิง อย่าลืมว่าเทียนฉางกำลังจะมีราชโองการแต่งตั้งมู่จิ้นเป็นรัชทายาทแทนเจ้าคนอย่างมันอาจโง่เขลา แต่เกากงกงและเหออี้คือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง”เด็กชายอึดอัดในใจเหลือล้น ก่อนทำมือเพื่อสื่อสารกับท่านตา‘แล้วเขาต้องตายเท่านั้นหรือ ข้าถึงจะนั่งบนบัลลังก์มังกรเหมือนบิดา มู่จิ้นไม่ใช่ญาติของข้าหรือ ข้าควรมีเขาเป็นเพื่อน’ถานปิงเก็บความฉุนเฉียวแทบไม่มิด หลานชายคนนี้จิตใจเมตตาเหมือนบิดาของมัน อยากเป็นจักรพรรดิที่มีผู้คนกราบไหว้เยี่ยงนั้น โลกนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับคนเช่นนั้นหรอก มังกรควรมีไว้ให้คนยำเกรงและหวาดกลัว!“ซีเอ๋อร์ โลกนี้มีแต่คนแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ตาแก่มากแล้ว บรรดาลุงของเจ้าล้วนมีครอบครัว เขาต้องดูแลคนของเขา ตัวเจ้าหากไม่ลุกขึ้นจับดาบแล้วฟันคอศัตรู เจ้าก็เป็นเพียงรัชทายาทในนาม ถึงจะมีราชโองการจากจักรพรรดิองค์ก่อนระบุไว้ให้ลูกชายของกุ้ยเฟยผิงเสียนเป็นรัชทายาทและสืบอำ
ณ อารามหลวงบนภูเขาสูง เป็นสถานที่ซึ่งคนในวังต้องมากลิ้งแตงโม และเล่นสนุกด้วยการปาแตงโมใส่กัน แต่ด้านหนึ่งของหอสูงที่มีแต่ความเงียบสงบเป็นส่วนที่ใช้สำหรับพักผ่อนของจ้าวเทียนฉาง ยามนั้นร่างผอมบางขององค์ชายน้อยสั่นเทาด้วยความตื่นตกใจ เขาไม่ควรเชื่อคำพูดยุยงของนางกำนัลผู้นั้น เขาไม่ควรเลย...หาไม่แล้วคงไม่ต้องรับรู้เรื่องชวนให้อึดอัดใจเยี่ยงนี้มู่จิ้นฉงนฉงายต่อสิ่งที่เขาเห็นด้วยสองตาจ้าวเทียนฉาง ผู้เป็นทั้งบิดาและจักรพรรดิแคว้นชิงกำลังทำเรื่องที่เขาไม่อาจอธิบายได้ แต่สองหูสองตาเขาเห็นภาพดังกล่าวแล้วได้แต่ยืนตัวแข็งค้าง“เสด็จพ่อ...” เสียงของมู่จิ้นไม่ได้หลุดลอดออกจากลำคอ ตัวเขาเย็นเยียบไปหมด ผิดแต่ที่เป้ากางเกงเขากลับพองขึ้น มันพองอย่างนี้ในตอนเช้าตรู่และเวลาที่เขาปวดเบา ทว่าอาการพองขยายทำให้แท่งหยกน้อยชี้ชัน อีกทั้งเขารู้สึกคันมากๆ ที่ปลายหัวหยักจ้าวเทียนฉางกำลังขึ้นคร่อมร่างขาวเนียนอยู่ อีกฝ่ายอ้าขากว้างและนั่งอยู่บนโต๊ะกลมๆ ซึ่งเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้อ่อนหวาน หากมันดังด้วยจริตเกินหญิง“ฝ่าบาท แทงลึกๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพร้อม พร้อมให้พระองค์ตักตวงความสุขอย่างเต็มที่”แน่แล้ว คนที่
ม่านซือซือต้องตื่นกลางดึก หวังกวงมีสีหน้าเครียดจัด และนางออกคำสั่งบ่าวไพร่ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนหันมาบอกสิ่งสำคัญกับคนตั้งครรภ์ “ฮูหยิน อดทนให้มากและดื่มยานี่เสีย จากนั้นข้าจะพาท่าน เดินทางทันที”“เดินทาง หมายความว่าอย่างไรป้าหวัง”“ที่นี่ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว คนของแม่ทัพถานรู้ที่ซ่อนของเรา”ได้ยินคำพูดของหวังกวง ใจหล่นหาย แต่จะให้แสดงความขลาดเขลาคงทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อม่านซือซือดื่มยาเสร็จนางจึงเตรียมตัวเพื่อหลบหนี ขณะเดียวกันความร้อนก็แผ่ขยายโอบคลุมรอบๆ ตัว“ไฟไหม้หรือ ใครกัน ใครทำเรื่องพวกนี้”“อย่าไปสนใจ เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้” หวังกวงว่าจบก็จับจูงมือม่านซือซือ จากนั้นทั้งคู่จึงหลบไปทางด้านหลังของเรือนไม้ และขึ้นรถม้าคันโตที่มีเหล่าองครักษ์ของจ้าวเล่อซีคุ้มกัน“เราจะปลอดภัยใช่หรือไม่ป้าหวัง”“เพียงแค่ไปถึงเขตของสกุลตี้...เราจะปลอดภัย และไม่ต้องห่วง รัชทายาทเตรียมการไว้ทุกอย่าง ฮูหยินจะไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย”“สกุลตี้...”หวังกวงกุมมือม่านซือซือและมอบพลังใจให้นาง“หลายเดือนที่ผ่านมามีเรื่องร้ายและดีเกิดขึ้นมากมาย ข้าเพียงแต่ไม่ได้เอ่ยให้ฮูหยินทราบ ทั้งนี้เพราะรัชทา
ข้าเลี้ยงลูก ท่านออกรบ ม่านซือซือรู้ว่าร่างกายของจ้าวเล่อซีไม่แข็งแรงดังเดิม แต่เขาเป็นบุรุษที่จิตใจห้าวหาญและเข้มแข็งเหนือผู้ใด เมื่อเขายืนยันว่าจะออกรบป้องกันทัพแม่ทัพถานที่กำลังจะบุกเข้าเมืองหลวง นางก็ไม่อาจรั้งเขาไว้“ภรรยาจะรอท่านอยู่ที่นี่”‘อย่าได้กังวลใจสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ท่านอาเทียนฉางของข้าไม่ใช่คนโง่ หลิวฟ่านก็มีกลุ่มพ่อค้าคอยสนับสนุนเสบียงมากมาย ในท้องพระคลังไม่มีสิ่งใดขาด ย่อมเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารยามออกรบ’คนอุ้มท้องไม่ได้ต้องการสร้างความกังวลใจให้สามี แต่นางหลุดปากไปว่า “แต่ฝ่ายนั้นคือแม่ทัพถาน”‘เพราะเป็นเขา ข้าจึงต้องออกรบด้วยตนเอง’ชายหนุ่มเอ่ยแล้วจึงจูบที่หน้าผากนาง ตามด้วยการกอดร่างม่านซือซือไว้ในอ้อมกอด‘ฮูหยิน ผอมไปหรือไม่’ม่านซือซืออยากหัวเราะทั้งน้ำตา หลายวันที่ผ่านมานางแย่งอาหารเขามากินเกือบทั้งหมด สิ่งใดที่หวังกวงทำพร้อมปรุงเป็นทั้งขนม ของว่าง และน้ำแกงที่มาจากเนื้อสัตว์หายาก เมื่อชายหนุ่มปฏิเสธไม่ต้องการบำรุงร่างกายก็เป็นม่านซือซือที่ทั้งเสียดายและไม่อยากให้หวังกวงกับทุกคนที่อดหลับอดนอนทำของเหล่านี้ต้องเสียกำลังใจ“หากภรรยากินมากกว่านี้ เกรงว่าท่านพี่คง
กุ้ยเฟยปีศาจกุ้ยเฟยฟ่านจิงผู้มีตราหงส์ในมือ เดินสำรวจพื้นที่สำคัญในวังหลัง ก่อนที่นางจะหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นว่าตำหนักของมเหสีอี้เหอมีหญ้าและวัชพืชหนาตา ดอกไม้ก็เหี่ยวเฉาแต่เดิมนางไม่ได้อยากเหยียบย่างเข้าไปด้วยซ้ำ แต่ได้ข่าวว่าคนที่อยู่ข้างในกำลังหาทางให้สกุลหลิวกระทำเรื่องชั่วบางอย่างเพื่อป้ายความผิดให้แก่นาง และดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเห็นชอบสิ่งนี้ด้วยน่าหัวร่อนัก คนพวกนี้ชอบกลับขาวให้เป็นดำ ทำเรื่องถูกให้เป็นผิด เช่นนี้นางยิ่งนึกสนุก ด้วยหลิวฟ่านหาใช่คนเดิม นางพร้อมที่จะชโลมทุกอย่างด้วยเลือด!“วางแผนสังหารบิดางั้นรึ...”อาเฟยพยักหน้าน้อยๆ เขาไม่อยากให้หลิวฟ่านสร้างกรรมใดอีก นางได้เป็นถึงกุ้ยเฟยในวันนี้ก็มีอำนาจพอแล้ว นอกจากนั้นควรสะสางเรื่องต่างๆ แต่พองาม มิใช่ระรานคนอื่นไปทั่ว“อย่าได้ทำสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ รวมถึงเรื่องที่เจ้ากำลังคิดอยู่ในใจ”“อี้เหอเป็นหนามทิ่มใจซือฝุมิใช่หรือ”“เคยเป็น แต่ตอนนี้นางหมดสิ้นเขี้ยวเล็บ ก็มิต่างจากหญิงชราที่หน้าตาไร้ความสวยงาม อยู่ไปก็เหมือนซากสัตว์ที่เน่าเหม็น เช่นนั้นข้ายังจะต้องทำสิ่งใดให้เปรอะเปื้อนมืออีก”“แต่ข้าไม่เห็นด้วย นางทำให้สตรีห
ม่านซือซือตื่นขึ้นในช่วงรุ่งสาง นางไอติดกันหลายครั้ง และพบว่าคนที่ยกจอกน้ำชาให้นางคือสามี แต่หลังจากหายคอแห้ง นางต้องตกใจเป็นอย่างมาก จ้าวเล่อซีได้แผลหลายที่ และนางเห็นว่าเขาบาดเจ็บหนัก แต่ยังทนฝืนนั่งเฝ้านางข้างเตียงไม่ห่างไปไหน“ท่านพี่... ภรรยาช่างเป็นสตรีที่นำแต่เรื่องเลวร้ายมาให้ท่านอยู่เสมอ”จ้าวเล่อซีไม่ได้เอ่ยคำใด เขาจุมพิตที่หลังมือนาง ก่อนนำมาวางไว้ที่หน้าอกของตน“ข้าจะไม่อ่อนแอและร้องไห้อีก” ม่านซือซือบอกกับชายหนุ่ม และนางตั้งใจทำเช่นนั้นจริงๆ ทว่าความตั้งใจของนางคงต้องออกแรงมากอยู่สักหน่อย เพราะหลังจากนั้นอาการของจ้าวเล่อซีก็หนักขึ้นมากเขายิ้มให้ผู้เป็นภรรยาและพยายามบังคับเสียงอันประหลาดแสนน่ากลัวของตน และเปล่งออกมาอย่างยากลำบาก“คลอดบุตรชายให้ข้า ชาตินี้บุรุษแซ่จ้าวก็ตายตาหลับแล้ว”ม่านซือซือสั่นผวาทั้งร่าง นางไม่รู้ว่าจ้าวเล่อซีคิดอย่างไรถึงได้เอ่ยเรื่องน่าหวาดหวั่นเช่นนั้น แต่มันก็เป็นความจริง พอนางลุกเดินได้ตามปกติ กลับกลายเป็นว่าจ้าวเล่อซีไม่ได้ลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกเลยสามวันผ่านไป ม่านซือซือก็ซูบผอมลง นางนั่งไม่ติด เดินวนไปมาในเรือนหลังเล็กแห่งนั้น กระทั่งเห็นหน้าข
ม่านซือซือไม่ได้มองสิ่งรอบกายเนื่องจากต้องซ่อนตัว และถูกพาหลบเพื่อขึ้นรถม้าคันใหม่ซึ่งมีหน่วยคุ้มกันที่เข้มแข็ง ทว่าถึงจะมีกำลังเตรียมพร้อม แต่คนของสกุลเตียวก็มีกลุ่มที่เข้ามาเสริมไม่ขาด อีกทั้งฝ่ายนั้นมิใช่มือสังหารหากเป็นทหารที่ออกรบเป็นประจำ มีกลยุทธ์ที่แยบยล คนพวกนั้นคือทหารของถานปิง!เอี๊ยะถังหนาวจับไปถึงขั้วหัวใจ เขาไม่กลัวพวกหมาหมู่ แต่กลัวที่สุดคือพวกที่ฉลาดมีไหวพริบ และทหารสกุลถานก็เป็นพวกที่มีฝีมือยากหาใครเทียบได้เสียงแตรเขาสัตว์ดังต่อๆ กันพร้อมธนูที่พุ่งมาราวกับห่าฝนมือปราบหนุ่มใช้ดาบในมือกวัดแกว่งพร้อมออกคำสั่งให้รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด สุดท้ายแทนที่จะช่วยเหลือม่านซือซือได้สมใจ กลายเป็นว่าเขาติดกับดักอยู่ตรงกลางกลุ่มของคนสกุลเตียวและทหารของถานปิง “วางอาวุธเสีย พวกเราไม่ได้ต้องการชีวิตเจ้า” เสียงผู้ที่อำพรางตัวเอ่ยขึ้น“ฮ่าๆๆ พวกหมาหมู่ คิดชั่วกับผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย หากข้ายังมีลมหายใจอยู่ อย่างไรก็ชิงตัวจ้าวฮูหยินไปไม่ได้”“กล่าวเช่นนั้น เจ้าก็ไม่สมควรมีลมหายใจแล้ว”“ฮ่าๆๆ หากแน่จริงก็ข้ามศพข้าไปก่อน”คนที่ซ่อนตัวอยู่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม
ม่านซือซือสะลึมสะลือตั้งแต่ถูกจับขึ้นรถม้า พอการเคลื่อนไหวรอบตัวหยุดลง นางจึงนั่งนิ่งคอยฟังเสียงรอบตัวด้านนอก และคนตั้งครรภ์ใจชื้นขึ้นเมื่อนางเป่าปาก เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขรม นางมั่นใจว่าสุนัขสองตัวที่นางดูแลไว้กำลังตามนางมา ทว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน เหตุใดจะรับมือมนุษย์ได้ อีกทั้งตัวหนึ่งยังได้รับบาดเจ็บ“อย่าให้นางกับพวกเดรัจฉานหนีรอด”เสียงดังกล่าวดังเข้ามาในรถม้า ม่านซือซือไม่ได้มีวิทยายุทธ์ย่อมต้องกลัวตายเป็นธรรมดาและการต่อสู้ยังดุเดือดมาก ม่านซือซือไม่รู้ว่าผู้ใดมาช่วยนาง แต่ภาวนาขอให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด กระทั่งคนของสกุลเตียวเปิดประตูรถม้าเข้ามา คราแรกนางไม่ได้ตกใจสักเท่าใด แต่หลังจากนั้นผู้ที่หัวเราะด้วยเสียงบ้าคลั่งก็เผยตัว เขาคือมู่จิ้น!“ข้านึกไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้าอีก โอกาสดีๆ เช่นนี้ต้องยอมรับว่าคุณหนูเตียวทำให้ข้าได้เล่นสนุกกับจ้าวฮูหยินอย่างถูกเวลา”“องค์ชาย ท่านเป็นคนบัดซบโดยแท้ ทำเรื่องชั่วช้าได้ตลอดเวลา คิดหรือว่าจะทำให้ข้ากลัว”“ฮ่าๆๆ เจ้าอาจเป็นสตรีเก่งกล้า แต่จ้าวเล่อซีมันขี้ขลาดโดยเฉพาะยามเห็นเมียของมันถูกข้ารังแก!”“อย่าคิดว่าท่านจะหักหาญใช้กำลังข่มเหงน
เล่ห์ร้ายสตรีเรือนโอสถม่านซือซือถูกคุมตัวขึ้นรถม้า นางห่วงทั้งเหม่ยหลานและฝูเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนเป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้างในรถม้ามีเพียงนางคนเดียว ถึงไม่ได้ถูกมัดมือหรือปิดปากแต่นางไม่อาจหลบหนี ด้วยมีทหารจากกรมการปกครองและคนสกุลเตียวคุมอยู่ อีกทั้งคำพูดของเตียวจื่อก่อนส่งนางขึ้นรถม้าแจ้งชัดว่าม่านซือซือตกที่นั่งลำบากแล้ว“ระวังตัวเอาไว้ ความผิดที่เจ้าก่อมิอาจหนีพ้น ตอนนี้บิดาเจ้าสารภาพหมดเปลือก ได้รับโทษถูกส่งตัวไปยังเมืองทางใต้ ไปเป็นนักโทษสร้างกำแพงเมืองที่นั่น แต่น่าเสียดาย ระหว่างทางมีโจรร้ายดักปล้นขบวน พวกมันส่งม่านเจิ้นไปรอที่ประตูนรกแล้ว ส่วนเจ้าก่อนที่จะตายตามเขาข้าคิดว่าคงต้องทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสาหัส เริ่มจากถูกผ่าท้องควักลูกน้อยออกมาดูโลกก่อนดีหรือไม่ โอ้... แต่ช้าก่อน ข้าลืมเสียสนิทเจ้าเป็นมนุษย์โอสถ เช่นนั้นต้องจับยัดใส่แจกันยักษ์หรือไหเหล้า ขุนจนอ้วนให้น่าเกลียด จากนั้นจึงกรีดเลือดควักหัวใจให้รัชทายาทกิน!”ม่านซือซือตัวแข็งทื่อ นางหวาดผวากับคำพูดอีกฝ่าย หากเตียวจื่อรู้หลายสิ่งเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าคำพูดนางอาจมีเค้าความจริง“คุณหนูเตียว ทะ ท่านกำลังสร
ทาสสวาทอสรพิษ ณ ป่าช้าไร้ญาติทางทิศใต้ของเมืองหลวง ร่างของสตรีนางหนึ่งถูกใส่ไว้ในโลงไม้ สีหน้านางซีดเผือดริมฝีปากเป็นสีคล้ำ บริเวณลำคอมีรอยเชือกซึ่งนางผูกคอตนกับขื่อของเรือนในคราแรกนั้น เหล่าคนงานที่จัดการศพอยากเร่งฝังศพเพื่อจะได้เสร็จงานให้ไวแล้วรีบไปรับเงินส่วนที่เหลือ แต่ทหารที่คุมคนงานมาที่นี่รวมถึงสัปเหร่อต่างซุบซิบกันว่า หญิงคิดสั้นนางนี้เป็นสาวงามต่างแคว้น มีศักดิ์เป็นถึงลูกสาวของจักรพรรดินี อีกทั้งร่างกายยังบริสุทธิ์ไร้ราคี เมื่อรู้เช่นนี้ใครเล่าอยากจะทิ้งเนื้อหงส์ไว้ในโลงไม้ อย่างน้อยได้เพลินด้วยตาและลิ้มรสสักนิดก็ยังดี“คุณหนูของเจ้ากรมการปกครองบอกว่านางทำเสน่ห์และเล่นคุณไสยฯ เช่นนี้ข้าเลยอยากลองแทรกหนอนเข้าไปข้างในกลีบคับๆ นั่น อยากรู้จริงว่านางจะเด็ดดวงหรือไม่”“เจ้าไม่กลัวรึ ร่างของนางอาจมีตะขาบหรือพิษแทรกซึมอยู่ก็ได้ และยังเป็นศพตายโหงด้วย!”“ฮ่าๆๆ ยิ่งดี ยิ่งเฮี้ยน ยิ่งน่ากลัว ข้ายิ่งพึงใจ”“ช่างวิปริตโดยแท้พี่ชาย”เมื่อมีคนหนึ่งเอ่ยเช่นนั้นแล้วโลงศพจึงไม่ได้ถูกนำลงฝัง มันถูกเปิดออกจึงเผยให้เห็นร่างของเสี่ยวเหยาที่นอนนิ่งๆ มองเผินๆ ดูราวกับสตรีที่หลับใหลเพียงเท่านั้น
ภรรยาอยู่บน ท่านพี่อยู่ข้างล่าง ม่านซือซือมีความสุขยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าจักรพรรดิเทียนฉางแต่งตั้งกุ้ยเฟยคนใหม่ นางจึงสั่งให้ห้องครัวทำอาหารเลี้ยงคนทั้งตำหนัก ทุกอย่างล้วนเป็นของดี มีสุราและการขับร้องเพลงด้วย“นางได้รับตำแหน่งกุ้ยเฟยฟ่านจิง!” เหม่ยหลานเอ่ยถึงหลิวฟ่าน ยามนี้นางได้ถือตราหงส์ในวังหลัง มีอำนาจเหนือมเหสีอี้เหอขั้นหนึ่ง“โอ้ ชื่อนี้เหมาะสมกับหลิวฟ่านเหลือเกิน”“นางเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเทียนฉาง อีกทั้งอาเฟยก็อยู่รับใช้ที่ตำหนักในด้วย”ได้ยินเหม่ยหลานกล่าวเช่นนั้น ม่านซือซืออดหน้าแดงไม่ได้ด้วยรู้ความหมายของประโยคดังกล่าวดี“สามคน...เฮ้อ ข้าอยากเตือนอยู่หรอก แต่สุดท้ายทั้งหลิวฟ่านและอาเฟยต่างเป็นผู้เลือกชีวิตของตน”“แล้วรัชทายาทเล่า ไม่ได้ออกความเห็นใดหรือ”เหม่ยหลานมองม่านซือซือ ก่อนหัวเราะอย่างขบขัน“ฮูหยิน นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดย่อมต้องเป็นรัชทายาทเล่อซี!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนตั้งท้องจึงหัวเราะตามแม่นมหลาน สามีนางช่างเป็นจอมบงการทุกสิ่งโดยแท้ กระทั่งเรื่องจับคู่ หรือใครจะอยู่บนอยู่ล่าง แม้แต่...แทรกระหว่างกลางในยามอุ่นเตียง องค์ชาย