บทที่ 26/2 เรื่องอับอายในโรงน้ำชาอวี้หลิว หม่าลั่วสะบัดแขนใส่เหวินไป๋เหลียน ประคองน้องสาวที่ยังคงสะอื้นไห้อย่างเสียขวัญออกไปจากโรงน้ำชา และพาไปขึ้นรถม้าที่มาจอดรอเมื่อรถม้าออกไปได้ระยะหนึ่งเสียงสะอื้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ หญิงสาวบอบบางในชุดสีขาว หน้าตาค่อยๆเปลี่ยนกลับสู่สภาพเดิม ดวงตาดอกท้อสีเงินเย็นชาทอประกายอันตรายจนหม่าลั่วขนอ่อนลุกชัน“คุณหนูถูกนางตบหน้าเสียแรง เจ็บหรือไม่ขอรับ”“หึ! อย่างนางน่ะหรือจะมีปัญญาแตะต้องข้า ที่นางตบโดนคือม่านพลังของอัคคีนิลกาฬต่างหาก หม่าเกอคอยดูเถอะว่ามนุษย์ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากสัมผัสกับเข้าพลังของอัคคีนิลกาฬจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้ ท่านรีบไปหาหวังเหลียงดีกว่า ข้ามีธุระอย่างอื่นที่ต้องทำก่อนกลับหอโอสถ” กล่าวจบรวี่เยว่และหุ่นภูตก็หายไปจากตรงนั้นเพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ข่าวซุบซิบนินทาเรื่องฮูหยินเอกของท่านเสนาธิการทหารหวังเหลียง หึงหวงสามีจนหน้ามืดตามัว ถึงขั้นลุกขึ้นมาด่าทอ ทำร้ายร่างกายหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดด้วยเลย ต่อหน้าธารกำนัลจำนวนมากในโรงน้ำชา ได้ถูกเล่าต่อจนแพร่กระจายไปทั่วเมือง รวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งสำนักเสนาธิ
บทที่ 27/1 วิกฤติในจวนเสนาธิการทันทีที่หวังเหลียงก้าวพ้นประตู ฮูหยินผู้เฒ่าก็ลมจับตามคาด หมอประจำจวนถูกตามตัวมารักษาฮูหยินทั้งสอง หวังเหลียงกลับไปเปลี่ยนชุดที่เรือนและออกไปหาอนุคนงาม พร้อมหยิบเอกสารเกี่ยวกับเรื่องพิษติดมือไปด้วยการที่เหวินไป๋เหลียนซึ่งเคยเป็นอนุ ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกได้หกปี แต่กลับถูกสามียื่นหนังสือหย่า ถือว่าเป็นเรื่องอัปยศอดสูอย่างยิ่งในชีวิตของสตรีคนหนึ่ง หลายคนคงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองมากกว่าการถูกสามีหย่าขาด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เหวินไป๋เหลียนจะตัดสินใจอย่างไรหวังลู่เสียนที่วิ่งตามบิดาออกไปเพื่อขอร้องแทนมารดา ถูกหวังเหลียงสั่งลงโทษด้วยการกักบริเวณไม่มีกำหนด ส่วนบุตรชายอย่างหวังซีเหยียนจนป่านนี้ยังไม่กลับจวน… หอโคมแดงชื่อดังในห้องรับรองส่วนตัว หวังซีเหยียนยังคงเมามายอยู่กับสหาย ข้างกายมีนางคณิกาในสภาพกึ่งเปลือย นอนลูบไล้แผ่นอกของเด็กหนุ่มที่สวมเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวติดกาย มือบางของนางเคลื่อนต่ำลงจนถึงส่วนกลางกาย จากนั้นขยับมือขึ้นลงอย่างชำนาญการ เพียงไม่นานเสียงการเคลื่อนไหวจากกิจกรรมเร่าร้อน ระหว่างเด็กหนุ่มและนางคณิกาก็ดังขึ้นด้วยความที่หวังซีเหย
บทที่ 27/2 วิกฤติในจวนเสนาธิการรวี่เยว่นั่งกินอาหารเช้าอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หลังจากที่เสี่ยวเฮยมาวสั่งให้แมวจรจัดแถวหอโอสถเยว่เสียง ไปสืบข่าวเรื่องความเคลื่อนไหวในจวนเสนาธิการ และกลับมารายงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในเวลานี้เสี่ยวเฮยมาวคือราชันย์แห่งแมวของเมืองหลวง! แมวทุกตัวยอมสวามิภักดิ์และเรียกมันว่า องค์ราชันย์ เมี้ยวววและด้วยความดีความชอบที่เสี่ยวเฮยมาวสร้างขึ้น รวี่เยว่จึงมอบกัญชาแมวสวรรค์เป็นรางวัลขอบคุณ ร่างยักษ์กำลังผ่อนคลาย นอนแผ่หลาให้จวี๋จื่อนวดพุงอย่างสบายใจ“คุณหนูเจ้าคะ อาฝานมาเจ้าค่ะ” ชุนอิ่งที่กระเตงเจ้าก้อนแป้งเข้าเอว เดินมาบอกหญิงสาวด้วยท่าทางกระตือรือร้นกว่าปกติ ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยประกายแห่งความพึงพอใจแอบแฝงอยู่“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ชุนอิ่ง ข้ากำลังรอข่าวจากฝานเกออยู่พอดี” ร่างบางรีบกินโจ๊กจนหมด ลุกเดินตามคนสนิทไปพบหม่าฝาน“ฝานเกอ มีข่าวอะไรมาแจ้งข้าบ้างวันนี้” รวี่เยว่ทักทายอีกฝ่ายด้วยคำเรียกขานคุ้นเคยแต่กระนั้นชายหนุ่มกลับค้อมตัวแสดงความเคารพนางอย่างนอบน้อม“คุณหนู เวลานี้จวนเสนาธิการกำลังวุ่นวายน่าดูเลยขอรับ เพราะเมื่อคืนนี้หวังเหลียงยื่นหนังสือหย่า และผ้าแพรสำ
บทที่ 28/1 คิดถึงเจ้าฮั่วเฮ่อฉีกลับถึงเมืองเทียนหวงในช่วงบ่าย หลังจากฟังรายงานเรื่องที่ให้คนไปสืบมา ใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกถึงความพอใจอยู่ไม่น้อย ยกยิ้มมุมปากดูเจ้าเล่ห์แต่กลับมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ“เป็นเช่นนี้เองสินะ พวกเจ้าออกไปได้”“พะย่ะค่ะ” สายสืบทั้งสองก้าวถอยออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ“มิน่าเล่า มนตรามายาจิ้งจอกถึงใช้ไม่ได้ผล หึ! ดูท่าว่าฝ่าบาทเจอเรื่องท้าทายถูกใจใหม่เข้าแล้วสินะ” อี้หรงเห็นแววตาของคู่พันธะ มันสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ“อี้หรง เจ้าสมเป็นสหายสนิทที่สุดของข้าจริงๆ ฟ่านจื่อ ต้วนคง ข้าจะไปหอโอสถเยว่เสียง “เขาคิดถึงรวี่เยว่น้อยใจแทบขาดอยู่แล้ว ไม่ได้เจอหน้านางห้าวัน เหมือนไม่ได้เจอหน้ากันห้าเดือนหอโอสถเยว่เสียงหลังหม่าฝานกลับไปเมื่อเช้า รวี่เยว่ก็กลับมายุ่งกับสินค้าตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดขายในอีกสามวันสุราหยางจื่อ เพิ่มพลังสำหรับบุรุษ ดื่มครั้งละจอกเช้าเย็น มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของพลังปราณในร่างกาย เสริมความแข็งแรงให้กับเส้นลมปราณ สร้างสมดุลหยินหยาง ช่วยให้กระชุ่มกระชวยสุราบุปผางามนิรันดร์ สำหรับสตรี ดื่มครั้งละจอกเช้าเย็นเช่นกัน สรร
บทที่ 28/2 คิดถึงเจ้ารวี่เยว่ประคองกระถางดอกไม้ในมืออย่างระมัดระวัง กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเสียงหวาน นำไปวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างโต๊ะทำงาน“ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ยังมีใครมาเกาะแกะรวี่เยว่น้อยของข้าอยู่หรือเปล่า” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็อดที่จะถามไถ่ออกมาไม่ได้อี้หรงลอบกลอกตาขึ้นฟ้า องค์ไท่จื่อทราบอยู่แล้วจะถามเพื่อ?! ก่อนจะไหน้ำส้มแตก ทางที่ดีช่วยสารภาพความในใจกับรวี่เยว่เสียก่อน! เพราะดูจากลักษณะแล้ว หญิงสาวยังไม่รู้จักความรักด้วยซ้ำ สุดหล่ออันดับสองอย่างมันจะบ้าตาย!รวี่เยว่เอียงหน้ามองคนถามตาปริบๆ พลันเกิดความคิดขึ้นมา หรือว่าองค์ไท่จื่อต้องการเป็นผู้ปกครองของนางอีกคน ถึงได้เอ่ยถามนางด้วยคำถามนี้ เหมือนอย่างที่ชินอ๋องเขียนมาถามนาง ไวเท่าความคิดหญิงสาวจึงเอ่ยปากถามชายหนุ่มออกไปตรงๆ“พี่ชายถามข้าเช่นนี้ เพราะต้องการจะมาเป็นผู้ปกครองของข้าหรือเจ้าคะ”แค่กๆ คราวนี้เป็นฮั่วเฮ่อฉีที่สำลักน้ำลายพรืดดด กร๊ากกก ฮ่าๆๆๆๆ! ทั้งอี้หรงและเสี่ยวเฮยมาวที่เพิ่งกลับเข้ามา ไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ขัน ในความไร้เดียงสาเรื่องความรักของรวี่เยว่ได้อีกต่อไป ทั้งแมวมีปีกทั้งลูกสุนัขปุกปุย ต่างพากันหัวเราะจนตัวงออยู่
บทที่ 29/1 สารภาพรักแบบชัดๆ ขณะที่ก้อนเนื้อในอกของฮั่วเฮ่อฉี แทบจะทะลุออกมานอกอก รวี่เยว่กลับมองชายหนุ่มด้วยแววตากระจ่างใส “เจ้า จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ” ฮั่วเฮ่อฉีเริ่มใจคอไม่ดี ครุ่นคิดว่าตนเองทำสิ่งใดผิดขั้นตอนรึเปล่า ไฉนสาวน้อยตรงหน้า ถึงไร้ปฏิกิริยาตอบโต้โดยสิ้นเชิง เขาทำผิดตรงไหน!!! “ข้าพอทราบเรื่องนี้อยู่แล้วเจ้าค่ะ หากพี่ชายไม่ชอบข้า คงไม่อยากพาข้าไปปล่อยให้วิ่งเล่นอยู่ที่ตำหนัก ตั้งแต่ตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก และคงไม่ส่งทั้งขนม โอสถ เสื้อผ้าและของขวัญอีกหลายอย่างมาให้ข้า ข้าพูดถูกใช่หรือไม่เจ้าคะ” “…” ฮั่วเฮ่อฉี “…เอ่อ…” หาคำพูดมาบรรยายความรู้สึกไม่ได้ ทางด้านเสี่ยวเฮยมาวและอี้หรงพากันกลอกตาขึ้นฟ้า จนลูกตาแทบจะหายเข้าไปด้านหลัง เสี่ยวเฮยมาวถึงกับซวนเซหลงทิศไปชั่วขณะ ตั้งแต่มันเกิดมาเป็นหมื่นปี ยังไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตที่ไหน ไร้เดียงสาสับสนเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่าคู่พันธะของมันมาก่อน โอ้ย สุดหล่อจะบ้าตาย! ปกติรวี่เยว่ฉลาดเป็นกรด ไหงกับเรื่องความรักถึงเข้าใจผิดไปได้!!! “ใครมียาดมบ้าง ขอหน่อยเถอะ ข้าจะเป็นลม” อี้หรงรีบใช้อุ้งเท้านุ่มฟูของมันตะปบตามตัว เพื่อหาดูว่
บทที่ 29/2 สารภาพรักแบบชัดๆ …แดนเทพ มหาเทพทั้งสองและมหาเทวี ต่างนั่งบิดแขนเสื้อของตนจนแทบขาด โดยเฉพาะมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ นางเขินไปกับศิษย์รักด้วย “แหม ศิษย์รักของข้านี่เกิดมาพร้อมชะตาหงส์โดยแท้ ถึงจะถูกคนชั่วพยายามเปลี่ยนชะตา ดึงนางลงมาให้ตกต่ำ แต่ก็ทำได้เพียงไม่นาน หงส์ตัวนี้ก็กลับมาผงาดอย่างสง่างามบนฟากฟ้าอีกครั้ง และที่สำคัญไม่ใช่แค่หนึ่งตำหนัก แต่มีถึงสามตำหนักที่แย่งชิงนางกัน โฮะๆๆๆ” มหาเทวีหัวเราะเสียงสูงด้วยความสะใจ “เมียจ๋าพูดถูกที่สุด นี่ ชิงหลง เมื่อไหร่เมียเจ้าจะออกจากการกักตนหรือ จะได้มาร่วมชื่นชมคนโปรดสวรรค์ไปพร้อมๆ กันกับพวกเรา” มหาเทพหวงหลงรินสุราน้ำค้างหยกห้าพันปีให้ศรีภรรยาอย่างเอาใจ ขณะหันไปถามสหาย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ออกมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ” มหาเทพชิงหลงเอนกายอย่างเกียจคร้าน มือยกจอกสุราขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสง่างาม “เจ้าไปเร่งนางหน่อยมิได้หรือชิงหลง” มหาเทพหวงหลงลองถามไถ่ “เฮอะ! ข้ายังไม่อยากถูกเพลิงมังกรแผดเผาจนหมดหล่อ ใครอยากเร่งให้นางออกจากการกักตน ก็เชิญไปเร่งเองเถิด ข้าไม่เอาด้วยคนล่ะ” มหาเทพชิงหลงแค่นเสียง ทำท่าขนลุกขนพองยามนึกถึงศรีภรรยาตอนอาละวาด
บทที่ 30/1 มารดากับบุตรชายเหวินไป๋เหลียนกรีดร้องด้วยความตกใจ ผู่หมัวมัวที่ติดตามมารับใช้รีบอาสาออกไปดู ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้ขยับตัว ร่างของเหวินไป๋เหลียนก็พุ่งออกไปจากตัวรถม้าเสียเองเวลานี้เหวินไป๋เหลียนลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าของรวี่เยว่ ผู่หมัวมัวรีบออกมาดู ครั้นเห็นว่าเจ้านายถูกควบคุมตัว ก็อ้าปากส่งเสียง รวี่เยว่เพียงปรายตามอง ร่างของผู่หมัวมัวก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าอีกคนจากนั้นจึงใช้พลังง้างปากของนางให้อ้าออก ทำในสิ่งที่เหวินไป๋เหลียนเห็นแล้วถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งกรี๊ดดดดด!!!“มีลิ้นไว้สร้างแต่เรื่องโป้ปดมดเท็จ ใส่ร้ายกระทั่งเด็กตัวเล็กๆ ไม่ละอายต่อฟ้าดิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สมควรที่จะมีลิ้นอีกต่อไป เห็นด้วยหรือไม่เหวินไป๋เหลียน”จากนั้นจึงขยับนิ้ว ส่งร่างของผู่หมัวมัวปลิวไปกระแทกต้นไม้ใหญ่อย่างแรง หญิงวัยกลางคนร่วงลงมากระแทกพื้น สภาพร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูป แค่มองก็รู้ว่าหมดลมหายใจไปแล้วรวี่เยว่ไม่มีวันลืมว่าผู่หมัวมัว คือคนที่ชอบยุแยง ให้หวังซีเหยียนกลั่นแกล้งนางอยู่เป็นประจำ ทั้งยังชอบปั้นน้ำเป็นตัว ว่านางคอยหาเรื่องน้องชายก่อนเพราะริษยา ทำให้นางโดนฮูหยินผู้เฒ่าลงโท
บทที่ 46/2 ข้าได้กลิ่นน้ำส้ม “ท่านก็ชมข้าเกินไป หากพูดถึงเรื่องรูปโฉม ตัวท่านเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าสักนิด” ถึงจะอายุมากกว่าเขาหลายปี ทว่าอวี้เหวินเทียนหยากลับดูอ่อนเยาว์มิต่างจากตัวเขาเท่าใดนัก เห็นทีบุรุษผู้นี้คงบรรลุตบะระดับหยวนอิงตั้งแต่อายุพอๆ กันกับเขา จากนั้นฮั่วเฮ่อฉีจึงก้าวไปหารวี่เยว่ด้วยสีหน้าท่าทางออดอ้อน “รวี่เยว่น้อย ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ข้าไม่อยู่ตั้งหลายวันเจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่” รวี่เยว่เจอลูกอ้อนแบบไม่ทันตั้งรับเข้าไป ใบหน้างามล้ำเกิดอาการร้อนวาบ ริ้วแดงพาดผ่านแก้มใส ขัดเขินจนทำสิ่งใดไม่ถูก ร่างบางสบตาชายหนุ่มสะคราญโฉมตรงหน้า กำลังจะอ้าปากตอบเขา ทว่าเสียงทุ้มต่ำของอวี้เหวินเทียนหยากลับดังขึ้นเสียก่อน “ข้าต้องขอโทษองค์ไท่จื่อด้วยจริงๆ เพราะการมาถึงก่อนกำหนดของข้าและคนตำหนักเทวาอนธการ จึงทำให้ รวี่เยว่น้อยของข้า มัวแต่ยุ่งกับการดูแลข้า และองครักษ์จนดึกจนดื่นทุกวัน นางคงไม่มีเวลาไปคิดถึงท่านเท่าใดนัก “อวี้เหวินเทียนหยาจงใจเน้นคำว่า รวี่เยว่น้อยของข้า ช้าๆ ชัดๆ ให้อีกฝ่ายได้ยิน “…” รวี่เยว่หน้าตางวยงง ยามได้ยินวาจาเหนือความคาดหมายจากปากชินอ๋อง นางไม่
บทที่ 46 ข้าได้กลิ่นน้ำส้ม ล่วงเลยมาค่อนคืน หัวหน้านักฆ่าที่วั่งเฉาว่าจ้างก็ยังไม่กลับมารายงานผลของภารกิจ ชายวัยกลางคนกระสับกระส่าย จนไม่มีสมาธิเล่นหมากกับองครักษ์คนสนิทอีกต่อไป “หลูไห่ คนที่เจ้าว่าจ้างให้ทำงาน เชื่อถือได้มากแค่ไหนกัน เพียงแค่การไปพาตัวผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากบ้าน ข้าหวังว่าจะไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นนะ” “เรียนนายท่าน กลุ่มคนที่ข้าว่าจ้าง แต่ละคนอยู่ที่ระดับเจี๋ยตันขั้นกลางเป็นอย่างต่ำ อีกทั้งไม่ได้ไปกันเพียงแค่คนหรือสองคนขอรับ” องครักษ์ที่ชื่อหลูไห่เอ่ยรายงานนายเหนือหัวไปตามความจริง การที่พวกเขาเลือกลงมือในคืนนี้ ด้วยเพราะสายสืบที่คอยจับตาความเคลื่อนไหว ของหอโอสถเยว่เสียงรายงานมาว่า หม่าลั่วและนักพรตหญิงระดับหยวนอิง เดินทางออกนอกเมือง เพื่อไปทำธุระสำคัญให้กับนายหญิง องครักษ์อีกสามคนที่เหลือ ระดับตบะอยู่ที่เจี๋ยตันขั้นสูงและปลาย ตัวนายหญิงหอโอสถเยว่เสียงเอง ระดับตบะก็อยู่ที่เจี๋ยตันขั้นต้น ไม่น่าครณามือนักฆ่าซึ่งมีจำนวนมากกว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว เชิญนายท่านพักผ่อนดีกว่านะขอรับ ข้าจะอยู่ฟังข่าวให้ท่านเอง” “ดีเหมือนกัน มีอะไรก็รีบมารายงาน ข้าจะรอฟังข่าวอยู่ที่ห
บทที่ 45/2 คิดไม่ซื่อ ชายหนุ่มอยู่สนทนากับฮูหยินผู้เฒ่าและหวังซีเหยียนอีกราวสองเค่อ จากนั้นจึงขอตัวกลับ เขาไม่ได้เหลียวมองหรือเอ่ยวาจาใดๆ กับหวังลู่เสียนแม้แต่คำเดียว มีเพียงหวังลู่เสียนที่แอบมองชายหนุ่มอีกสองสามครั้งด้วยสายตาจับผิด หลังจากนั้นสองวันก็เป็นพิธีฝังศพ เจิ้งเป่าเองก็มาร่วมพิธีอีกเช่นกัน หลายวันต่อมา เจิ้งเป่าพร้อมองครักษ์ได้มาเยี่ยมเยียนหวังซีเหยียน พร้อมยื่นข้อเสนอให้สหาย ในการช่วยเกลี้ยกล่อมพี่สาว เพื่อให้นางยอมมาเป็นอนุของเขา ถึงหญิงสาวจะนิสัยเสีย หากแต่รูปโฉมงดงามไม่น้อย เจิ้งเป่าจึงแอบเสียดายอยู่ลึกๆ ที่จะปล่อยให้ของดีเสียเปล่า… “อาเหยียน เจ้าลองตรองดู ชื่อเสียงของพี่สาวเจ้าฉาวโฉ่ไปทั่วเมืองหลวงขนาดนี้ จะมีตระกูลใดยอมแต่งนางเข้าจวนเป็นภรรยาเอกกัน อย่าว่าแต่ภรรยาเอกเลย แม้แต่อนุก็คงไม่มีใครเปิดประตูข้างรับ ข้าเห็นแก่มิตรภาพของพวกเราถึงได้ยื่นมือช่วย หากนางยอมเป็นอนุของข้า เงินทองค่าใช้จ่ายสำหรับการฝึกฝนที่สำนักเพลิงจักรพรรดิ ข้าจะเป็นผู้ออกให้เจ้าเอง เจ้าก็ลองคิดทบทวนให้ดีๆ ด้วยชื่อเสียงของตระกูลหวัง และตำแหน่งหน้าที่การงานของบิดาเจ้าในเวลานี้ ข้าเกรงว่าคงไม่สามา
บทที่ 45 คิดไม่ซื่อ ยามรัตติกาลในเมืองหลวงของอาณาจักรอู๋ซาง ดูปลอดภัยและเงียบสงบอย่างที่ควรจะเป็น มีเพียงย่านเริงรมย์ที่ยังคงสว่างไสวจากแสงโคม เสียงบรรเลงดนตรีครื้นเครง ดังเล็ดลอดออกมาจากหอสุราและหอโคมแดง บ่อนพนันสองสามแห่งล้วนคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต้องการเสี่ยงดวง มีทั้งนักบำเพ็ญและชาวบ้านทั่วไปปะปนกัน บางคนได้บางคนเสีย คละเคล้ากันไปซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ บนหลังคาของอาคารใกล้หอโอสถเยว่เสียง เวลานี้ถือว่าครึกครื้นไม่แพ้กัน เงาดำราวสิบกว่าเงาปรากฏขึ้น เป้าหมายของพวกมันคือเรือนนอนของนายหญิงเจ้าของหอ นักฆ่ามืออาชีพเหล่านี้ถูกว่าจ้างให้มาพาตัวหญิงสาวไปให้คนผู้หนึ่ง เมื่อได้รับสัญญาณจากคนที่เป็นหัวหน้า เงาดำทั้งหมดก็เร้นกายในความมืด ก่อนปรากฏตัวโอบล้อมเรือนนอนของหญิงสาว “เหลือชีวิตผู้หญิงคนนั้นไว้ คนอื่นๆ ฆ่าทิ้งได้หมด” “แล้วหากนักพรตระดับหยวนอิงที่ว่า ปรากฏตัวขึ้นมาจะทำเยี่ยงไร” “เจ้าโง่! ก็เผ่นสิวะ! ถามได้” นักฆ่าที่อยู่บนหลังคากระซิบกระซาบผ่านพลังปราณ ทว่ามิอาจซ่อนเสียงจากหูของรวี่เยว่และเสี่ยวเฮยมาวได้ ทั้งคู่เอามือปิดปาก กลั้นหัวเราะจนปวดท้อง สุดท้ายทนไม่ได้รวี่เยว่จำต้อ
บทที่ 44/2 เคืองแค้น รวี่เยว่สวมใส่ชุดผ้าแพรไหมสีขาวบริสุทธิ์ราคาแพง เยื้องย่างเข้ามาพร้อมชุนอิ่งที่มีรอยยิ้มบางประดับมุมปาก ร่างบางสาวเท้ามาหยุดอยู่หน้าหวังเหลียง เพ่งพิศอีกฝ่ายด้วยแววตายากคาดเดา ก่อนเหลียวมองคนอื่นที่เหลืออย่างเย็นชา “ใต้เท้าหวัง ข้ามาแสดงความเสียใจกับท่านเจ้าค่ะ ช่างน่าเห็นใจเหลือเกิน สตรีอันเป็นที่รัก กลับเลือกที่จะจากท่านไปไกลแบบนี้ เป็นใครก็คงปวดใจจนทนไม่ได้” หากฟังดูเผินๆคงเข้าใจว่าหญิงสาว กำลังแสดงความเห็นใจที่หวังเหลียงต้องสูญเสียภรรยา คงมีเพียงหวังเหลียงที่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ ”หุบปาก!!” เขาตวาดนางเสียงดัง พยายามหยัดกายลุกขึ้นทว่ากลับถูกแรงกดดันกระแทกใส่จนมิอาจขยับเขยื้อน ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชี้มือสั่นระริกมาที่รวี่เยว่อย่างกรุ่นโกรธ “เจ้า นังเด็กอกตัญญู! ยังจะกล้าเสนอหน้ามาเหยียบที่นี่อีกรึ! ไสหัวออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้!” หวังซีเหยียนลอบพิจารณาหญิงสาวทั้งสอง ก่อนเอ่ยปากถามหญิงชราอย่างข้องใจ “นางเป็นใครหรือขอรับท่านย่า ถึงได้รู้จักกับท่านพ่อ” “จะใครเสียอีกล่ะ! ก็นังเด็กอกตัญญูหวังลี่ถิง พี่สาวต่างมารดาของเจ้ากับเ
บทที่ 44 เคืองแค้น มิใช่แค่จวนตระกูลวั่งที่กำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด สภาพการณ์ของจวนตระกูลหวังในเวลานี้ หากกล่าวว่ากำลังเลวร้ายอย่างถึงที่สุด ก็คงไม่ผิดนัก ผู้นำตระกูลอย่างหวังเหลียงเอาแต่เมามายหัวราน้ำ อาละวาดขว้างปาข้าวของในเรือนจนพังพินาศ บ่าวไพร่ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนต่างเข้าหน้าไม่ติด ผ่านมาสามวันแล้วที่หวังเหลียงพยายามตามหาตัวจิ่วเม่ย ทว่าไร้ซึ่งเบาะแสใดๆให้สืบต่อ เพื่อนบ้านที่อยู่ในระแวกนั้น ต่างให้การตรงกันว่า ไม่เห็นใครเข้าหรือออกจากจวนสกุลจิ่ว ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาแม้แต่คนเดียว ทางด้านเหวินไป๋เหลียนที่พอมีสติหลงเหลือบ้างในช่วงกลางวัน รีบรุดมายังเรือนสามีด้วยสีหน้าท่าทางของผู้ชนะ หลังทราบข่าวเรื่องที่อนุในเรือนทองของหวังเหลียงหนีไป จากปากสาวใช้คนหนึ่งในจวน เหวินไป๋เหลียนเคยเป็นสตรีงดงาม ทว่าเวลานี้ซูบผอมจนตาลึกโหล นางยืนพิงอยู่ที่กรอบประตู เหยียดปากเอ่ยวาจาตอกย้ำสามีด้วยน้ำเสียงแดกดัน “โถๆๆๆ ท่านพี่ อนุคนงามยอดดวงใจของท่าน หอบผ้าหนีไปเสียแล้วหรือเจ้าคะ พอทราบว่าท่านพี่ตกต่ำกลายเป็นเพียง เสมียน หาใช่ท่านเสนาธิการทหารอีกต่อไป หึ! สมน้ำหน้า คนสารเลว! อยากมักมากเจ้า
บทที่ 43/2 อร่อยไหมเจ้าคะ อวี้เหวินเทียนหยานั่งรออยู่ในห้องอาหาร สนทนากับเสี่ยวเฮยมาวถึงธุระสำคัญ ที่รวี่เยว่ต้องสะสางในเมืองเทียนหวงแห่งนี้ ดวงตาคมกริบของอวี้เหวินเทียนหยาปรากฏระลอกคลื่น ยามได้ยินเรื่องที่นางถูกวางยาพิษเมื่อตอนเป็นเด็ก “เป็นเรื่องที่สมควรต้องสะสางจริงๆ …แล้วองค์ไท่จื่อฮั่วเฮ่อฉีล่ะ ท่านเย่หมิงคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร ดีพอสำหรับรวี่เยว่หรือไม่” เสี่ยวเฮยมาวไม่แปลกใจที่ชายหนุ่มทราบความ จึงเอ่ยตอบไปตามความเห็น เรื่องที่ตัวมันคิดว่าฮั่วเฮ่อฉีเป็นคนใช้ได้ ภายนอกอาจดูยโสโอหังไปบ้าง หากแต่ความจริงกลับเป็นคนดีและใจกว้างไม่น้อย อีกทั้งซื่อตรงต่อหัวใจตนเอง อวี้เหวินเทียนหยาพยักหน้าเบาๆ หลังได้ฟังความเห็นจากพยัคฆ์อนธการ ครู่ต่อมารวี่เยว่ก็ยกของว่างออกมาจากครัว หญิงสาวนั่งกินเป็นเพื่อนเขา “ท่านอ๋องกินเยอะๆ นะเจ้าคะ ข้าอุตส่าห์ตั้งใจทำเพื่อท่านโดยเฉพาะเลยนะ” มือบางคีบก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำใส่จานให้ร่างสูงด้วยรอยยิ้ม “อยากให้ข้ากินเยอะๆ เจ้าคงต้องป้อนข้าเหมือนสมัยก่อน” อวี้เหวินเทียนหยาเอ่ยเย้า หวนรำลึกถึงช่วงเวลา ในยามที่เขายุ่งจนไม่มีเวลากินข้าว รวี่เยว่จะ
บทที่ 43/1 อร่อยไหมเจ้าคะ เมื่อได้ฟังรายงานจากองครักษ์ ดวงตาคู่งามของรวี่เยว่ทอประกายเจิดจ้า สีหน้าแสดงถึงความปีติยินดีอย่างเหลือล้น “มาถึงแล้วอย่างนั้นหรือ?!” “ขอรับ” ร่างบางหันมายอบกายแช่มช้อยให้องค์ชายใหญ่ กล่าวร่ำลาอย่างมีมารยาท จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอ้าปากค้าง เพราะยังไม่ทันได้ถามในสิ่งที่ข้องใจ แผ่นหลังของสาวเจ้าก็หายไปจากครรลองสายตาเสียแล้ว หวงฝู่ฮ่าวอวี่เลยเปลี่ยนมาถามหม่าลั่วแทน “ใครมาหาคุณหนูรวี่เยว่หรือ นางถึงได้ตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง” หวังว่าไม่ใช่เจ้าปีศาจจิ้งจอก จากตำหนักเทพอนันต์ผู้นั้นนะ! หม่าลั่วกระตุกยิ้มมีเลศนัย ประสานมือค้อมเอวเต็มพิธีการ “อีกไม่นานก็ทรงทราบเองพะย่ะค่ะ กระหม่อมขอตัว” …ณ แดนเทพอันศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนที่สรรพชีวิตใฝ่ฝันว่าจะได้ขึ้นมาเสพสุขในบั้นปลาย สถานที่ซึ่งหลุดพ้น ปราศจากสิ่งโสมมทั้งปวง ไม่มีสิ่งใดรบกวนจิตใจให้มัวหมอง ไร้ซึ่งความวุ่นวาย ไร้ซึ่งการแก่งแย่งแข่งขัน เงียบสงบร่มรื่น…จนน่าเบื่อ จึงมิใช่เรื่องแปลกที่บรรดาทวยเทพทั้งหลาย ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการกักตนบำเพ็ญเพียร ด้วยเพราะไม่รู้ว่าวันๆ จะทำอะ
บทที่ 42/2 งานเลี้ยงน้ำชาแสนรื่นเริง โดยปกติงานเลี้ยงน้ำชาในจวนขุนนางใหญ่ น้ำชาชงใหม่จะถูกนำมาเปลี่ยนทุกๆ สองเค่อ สาวใช้ผู้มีหน้าที่รินชาให้แขก นำถ้วยใหม่มาเปลี่ยนให้รวี่เยว่ก่อนรินชา จากนั้นจึงเปลี่ยนให้คุณหนูที่อยู่ข้างๆ เป็นลำดับต่อไป รวี่เยว่ยกชาขึ้นมาเป่าอย่างละเมียดละไม ก่อนจะนิ่งงันไปชั่วขณะ ดวงตาทอประกายกล้าวาบหนึ่ง มุมปากยกยิ้มมีเลศนัย ลดมือวางถ้วยชาลง ก่อนยกขึ้นมาโบกเอื่อยเฉื่อยคล้ายไล่ความร้อน ในเสี้ยวลมหายใจนั้น ทุกสิ่งรอบกายพลันหยุดนิ่ง ร่างบางแวบไปปรากฏอยู่หน้าวั่งเตี้ยนเถียน ก่อนกลับมานั่งยังที่ของตนในชั่วพริบตา ทุกสิ่งเคลื่อนไหวเหมือนปกติอีกครั้ง ราวกับไม่มีสิ่งใดผิดแผกเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มือเรียวขาวผุดผาดของรวี่เยว่ ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ ทุกอากัปกิริยาตกอยู่ภายใต้สายตาของวั่งเตี้ยนเถียน ซึ่งแววตาฉายประกายอันตรายวาบหนึ่งก่อนจางหายไป… ครึ่งเค่อต่อมาท้องไส้ของวั่งเตี้ยนเถียนเริ่มบิดมวน เหงื่อกาฬเม็ดเล็กผุดซึมทั่วกรอบหน้า ก้มมองถ้วยชาของตนด้วยสีหน้าฉงน ก่อนหันไปมองรวี่เยว่ที่กำลังเจรจาการค้า กับบรรดาคุณหนูหลายคนที่มาร่วมงานด้วยสีหน้าแช่มชื่น ไร้ซึ่งอาการผิดปกติใ