บทที่ 30/2 มารดากับบุตรชายมือบางหยิบกระดาษที่มีรายชื่อขึ้นมาดู ดวงตาดอกท้อเย็นชายิ่งกว่าเก่า “คืนนี้ส่งคนไปพา เหวินฉาน มาหาข้า”เสียงของรวี่เยว่เย็นเยียบ อุณหภูมิในห้องลดลงกระทั่งเสี่ยวเฮยมาวยังรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ ดวงตาสีเขียวของมันวาวโรจน์ดูราวกับกำลังพอใจ“อาาา อากาศร้อนๆ แบบนี้ ได้ไอเย็นมาช่วยคลายร้อนค่อยดีขึ้นหน่อย รวี่เยว่ เจ้าอย่าเพิ่งเก็บไอเย็นล่ะ ข้ากำลังสบาย”“…” รวี่เยว่ มีแบบนี้ด้วยหรือเจ้าคะหม่าลั่วลอบยิ้ม รีบออกไปสั่งการตามคำสั่งของรวี่เยว่ก่อนจะหลุดขำเหวินฉาน คือพี่ชายของเหวินกุ้ยเหริน หรือก็คือลุงของหวังเหลียง ชายชรามีตำแหน่งเป็นหมอหลวง ทำงานใกล้ชิดนักปรุงโอสถของราชวงศ์ จึงไม่แปลกใจที่เขาจะเรียนรู้วิธีปรุงโอสถ มาจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นหลังออกมาจากหอโอสถเยว่เสียง หวังเหลียงก็สั่งให้คนบังคับรถม้าตรงกลับจวนทันที มีเรื่องที่เขาต้องคุยกับมารดาเรือนฟาหยางฮูหยินผู้เฒ่าเหวินเอนกายอยู่บนตั่งด้วยอารมณ์หดหู่ หลังจากเหวินไป๋เหลียนถูกส่งไปอยู่วัดเมื่อเช้านี้ หลานสาวคนโปรดก็ถูกสั่งกักบริเวณห้ามออกจากเรือน ห้ามกระทั่งไม่ให้มาพบนางในขณะกำลังทอดถอนใจอยู่นั้น หวังเหลียงก็
บทที่ 31/1 รวี่เยว่งานยุ่งทั้งวันทั้งคืน ใบหน้าของหวังเหลียงดำคล้ำ เมื่อรับรู้ว่าบุตรชายออกไปหาเจิ้งเป่า เด็กหนุ่มเสเพลบุตรชายคหบดีใหญ่ ศิษย์สำนักเพลิงจักรพรรดิรุ่นเดียวกันกับหวังซีเหยียน เขาเคยห้ามบุตรชายไม่ให้คบหากับเจิ้งเป่า แต่กลายเป็นว่าหวังซีเหยียนขัดคำสั่งไม่ปฏิบัติตาม “ไปพาตัวคุณชายกลับมา หากเขาขัดขืนข้าอนุญาตให้จับมัดแล้วลากตัวกลับจวน!” หวังเหลียงเอ่ยสั่งองครักษ์ส่วนตัวเสียงเข้ม “ขอรับ!” ราวหนึ่งเค่อถัดมา ฮูหยินผู้เฒ่าเหวินก็ฟื้นคืนสติ หลังจากดื่มยาที่หมอจี๋เค่อ หมอประจำจวนจัดไว้ให้ก็รีบเอ่ยถามจูหมัวมัว “อาเหลียงล่ะ จูหมัวมัว” “ท่านเสนาธิการไปหาคุณชายเจ้าค่ะ” จูหมัวมัวบอกแค่นั้น แต่ไม่ได้บอกว่าไปหาหวังซีเหยียนที่ใด “เจ้ามาช่วยข้าแต่งตัว ข้าต้องไปพบท่านผู้นั้นเพื่อแจ้งเรื่องสำคัญ” สีหน้าของหญิงชราแฝงความกังวลอยู่หลายส่วน หากไม่จำเป็นจริงๆ นางเองก็มิได้ต้องการที่จะไปรบกวนคนผู้นั้น หอโอสถเยว่เสียง หลังจากที่ฮั่วเฮ่อฉีไปยืนคิด นั่งคิด นอนคิด กลิ้งคิดมาหลายตลบ ในที่สุดชายหนุ่มก็ค้นพบ กลยุทธ์ผูกมัดรวี่เยว่ทางอ้อมขึ้นมาได้หนึ่งอย่าง อีกทั้งยังช่วยรวี่เยว่น้อยของเขา หาเงินเ
บทที่ 32/2 รวี่เยว่งานยุ่งทั้งวันทั้งคืน จวนตระกูลเหวิน อากาศในค่ำคืนนี้อบอ้าวกว่าทุกวัน เหวินฉานจึงต้องเปิดหน้าต่างนอน เสียงลมพัดแผ่วเบาเคล้าเสียงใบไม้เสียดสีดังลอดเข้ามาในห้อง มีบางจังหวะที่ฟังคล้ายเสียงคนผิวปาก ชายชราเพิ่งล้มตัวลงนอน ยังไม่ทันเคลิ้มหลับ พลันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวภายในห้อง ไพล่คิดว่าคงเป็นแมวของหลานสาว แอบเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ เขาเปิดเปลือกตาขยับขึ้นมานั่ง เพ่งสายตามองหาแมวผ่านแสงจันทร์รำไร จนประสบเข้ากับเงาดำที่ยืนอยู่ปลายเตียง กำลังจะอ้าปากส่งเสียง ทว่าช้ากว่าผู้มาเยือนยามวิกาล ในห้องใต้ดินของหอโอสถเยว่เสียง เหวินฉานนั่งสลบไสลศีรษะตกห้อยคางชิดอก อยู่บนเก้าอี้โลหะหนา พนักวางแขนมีขนาดกว้าง ที่ดูเหมือนถูกหลอมขึ้นมาเป็นพิเศษ “เจ้าสับท้ายทอยเหวินฉานแรงไปรึเปล่าโส่วจิน“ หม่าลั่วยืนกอดอกถามลูกน้อง มองเหวินฉานที่ยังหัวห้อยด้วยสายตายากคาดเดา จากนั้นจึงหันไปสั่งลูกน้องอีกคน “โส่วอิ๋น ไปเอาน้ำเย็นมา อ้อ ใส่น้ำแข็งลงไปครึ่งก้อนด้วยล่ะ” คนสั่งกลัวไม่เย็นพอเลยขอเพิ่มน้ำแข็งไปด้วย ไม่ฟื้นให้มันรู้ไป! “ขอรับ หัวหน้า” ซ่าส์…ในคืนที่อากาศร้อนอบอ้าวจนเหงื่
บทที่ 32/1 ล้วงข้อมูล รวี่เยว่เกือบหลุดขำกับถ้อยคำที่ว่า “ตอบมาให้ไวเพราะข้างานยุ่ง!” ของเสี่ยวเฮยมาว สัตว์อสูรคู่พันธะของนางช่างพิเศษสุดๆ ไม่เหมือนใครจริงๆ ที่บอกว่ายุ่งเพราะจะรีบไปเคล้าเคลียกัญชาแมวสวรรค์ล่ะไม่ว่า! “เมื่อสิบปีก่อนใครสั่งให้เจ้าปรุงพิษชนิดนี้ออกมา” คำถามนี้ของเสี่ยวเฮยมาว ทำเหวินฉานถึงขั้นหลั่งน้ำตา ชายชราคร่ำครวญ ร้องขอความเมตตากับผู้ที่อยู่ในเงามืด “โฮ นายท่าน ได้โปรดอย่าบังคับให้ข้าตอบคำถามนี้เลยขอรับ หากข้าพูดไปไม่ใช่แค่ตัวข้าที่ต้องตาย แม้แต่ลูกเมียของข้า จะพากันเดือดร้อนไปด้วย นายท่านโปรดเห็นใจข้าน้อยเถิด“เรื่องที่เขาทำผิดกฎต้องห้ามของหมอหลวง ก็มีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต กอปรกับผู้ที่สั่งให้เขาปรุงยาพิษชนิดนี้ แล้วนำไปมอบให้เหวินกุ้ยเหรินผู้เป็นน้องสาว คือบุคคลที่ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถแตะต้องได้ง่ายๆ “จะไม่ยอมพูดสินะ ไม่เป็นไร ในเมื่อไม่ยอมเปิดปากดีๆ ข้าคงต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อง้างปากเจ้า” สุ้มเสียงที่เปล่งออกมาคราวนี้ กลับเป็นเสียงของหญิงสาววัยแรกรุ่น ร่างอรชรก้าวออกมาจากเงามืด พร้อมพยัคฆ์อนธการตัวมหึมาน่าเกรงขามข้างกาย รวี่เยว่แบมือซ้ายออก อัค
บทที่ 32/2 ล้วงข้อมูลเมื่อขึ้นมาอยู่บนศาลาเป็นที่เรียบร้อย รวี่เยว่รับกล่องของขวัญมาจากหม่าลั่ว ยื่นให้เกากงกงคนสนิทของหวงฝู่ฮ่าวอวี่ “หม่อมฉันหวังว่าองค์ชายใหญ่จะทรงชอบ นี่เป็นสินค้าชนิดใหม่สำหรับบุรุษโดยเฉพาะ ซึ่งหอโอสถเยว่เสียงจะวางขายในเดือนหน้า หม่อมฉันจึงถือโอกาส นำมาถวายพระองค์เป็นคนแรกเพคะ” ครั้นได้ยินว่าตนเป็นคนแรกที่ได้รับสินค้าที่ยังไม่ได้วางขายก่อนใคร สีหน้าและแววตาของหวงฝู่ฮ่าวอวี่ แสดงถึงความเปรมปรีดิ์อย่างเด่นชัด เขารีบรับกล่องมาเปิดดู ข้างในเป็นขวดหยกสีขาวแกะสลักเป็นลายพระอาทิตย์ดูล้ำค่า “เพียงแค่ขวดบรรจุยังพิถีพิถันขนาดนี้ ไม่ทราบว่าข้างในคือสิ่งใดหรือคุณหนูรวี่เยว่” “ข้างในคือน้ำมันหอมสำหรับหยดลงในน้ำยามแช่ตัวเพคะ เป็นสูตรสำหรับบุรุษโดยเฉพาะ มีสรรพคุณช่วยให้พลังปราณในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้น จิตใจสงบมีสมาธิ ลดความเหนื่อยล้า รวมถึงอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้ออย่างเห็นผล ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณด้วยนะเพคะ” สูตรนี้มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ช่วยนางคิดค้นเองกับมือ สมุนไพรบางตัวที่ใช้ก็มาจากแดนปราณ หาไม่ได้บนโลกมนุษย์ คุณภาพสินค้าของนางถึงได้ล้ำเลิศ และลอกเลียนแบบกันไม่ได้ รา
บทที่ 33/1 หวังลู่เสียน เมื่อทราบว่าคนที่นางรอคอยมาถึงแล้ว รวี่เยว่จึงหันไปพยักหน้ากับหม่าลั่ว ก่อนเอ่ยปากขอตัวกลับ ส่วนหม่าลั่วก็ขอตัวไปเตรียมรถม้า ก่อนแวบหายไปจากตรงนั้น ปล่อยให้รวี่เยว่อยู่กับหุ่นภูตและเสี่ยวเฮยมาว “ให้ข้าเดินไปส่งคุณหนูเถิด” หวงฝู่ฮ่าวอวี่รีบออกตัว ความจริงเขาอยากใช้เวลากับนางให้มากกว่านี้ เพียงแต่มิอาจเอ่ยรั้ง หากทำเช่นนั้นก็เกรงว่าหญิงสาวจะลำบากใจ และเมื่อพวกเขา เดินมาถึงลานหน้าโถงรับรองหลักของตำหนัก เสียงเอะอะโวยวายจากหน้าประตูใหญ่ได้ลอยเข้าหู “ข้าบอกให้พวกเจ้าหลีกไป! กล้าดีอย่างไรถึงกีดกัน ไม่ให้ข้าเข้าไปพบองค์ชายใหญ่!” หวังลู่เสียนแผดเสียงใส่ทหารอารักขาอยู่หน้าตำหนัก โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาเริ่มหยุดมุงดูเพื่อสังเกตการณ์ หวงฝู่ฮ่าวอวี่จากที่อารมณ์ดีๆ เวลานี้ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเย็นชา เกากงกงรีบเอ่ยถามองครักษ์ที่อยู่ด้านใน “เกิดอะไรขึ้น ใครมันบังอาจมาโวยวาย รบกวนความสงบอยู่หน้าตำหนัก แล้วไยพวกเจ้าถึงนิ่งเฉย อยากถูกลงโทษกันหรืออย่างไร!“ “เรียนกงกง ผู้ที่กำลังส่งเสียงโวยวายอยู่ด้านนอก คือคุณหนูหวังลู่เสียนขอรับ” องครักษ์ประส
บทที่ 33/2 หวังลู่เสียน ”องค์ชายใหญ่เพคะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฮึก ไยนางถึงมาอยู่กับพระองค์ที่นี่ได้ ทรงบอกเสียนเอ๋อร์สิเพคะ” หยาดน้ำตาหลั่งรินเปียกชุ่มแพขนตาอีกครา ดูงดงามบอบบางราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ทว่าหาได้มีผลต่อความรู้สึกของหวงฝู่ฮ่าวอวี่ในเวลานี้ “หวังลู่เสียน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาหยาบคายกับแขกของข้า เจ้าต่างหากที่ไม่ได้รับเชิญแล้วบุกรุกมาที่นี่! ทหาร…” แต่ก่อนที่หวงฝู่ฮ่าวอวี่จะได้สั่งทหาร ให้ลากตัวหวังลู่เสียนออกไป เกากงกงก้าวฝ่าแรงกดดันเข้ามา กระซิบบางอย่างข้างหู ชายหนุ่มลดแรงกดดันลง พยักหน้าเห็นด้วยกับคนสนิท ทันทีที่แรงกดดันหายไป หวังลู่เสียนก็ปรี่เข้าไปหารวี่เยว่ พร้อมแผดเสียงใส่อย่างไร้มารยาท “ต้องเป็นเพราะเจ้าที่ยั่วยวนองค์ชายใหญ่! บอกข้ามานะว่าเจ้าเป็นใคร เป็นนางจิ้งจอกมาจากที่ไหน!” ที่หวังลู่เสียนกล้าเอ่ยถามเช่นนี้ เป็นเพราะตัวนาง รู้จักบรรดาองค์หญิง ท่านหญิง รวมถึงคุณหนูจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงทุกคน ด้วยเหตุนี้นางจึงแน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้า หาได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ของเมืองหลวง รวี่เยว่มิได้เอ่ยคำใดโต้ตอบ ยังคงยืนแผ่นหลังเหยียดตรง ประสานมือไว้ที่หน้าท้องเชิดคางเล็กน้อย
บทที่ 34 /1 ข่าวดีของจวนเสนาธิการ ครั้นมาถึงเรือนของหวังลู่เสียน ก็ตวาดไล่สาวใช้ทั้งหมดให้ออกไปจากห้องนอนของบุตรสาว หวังลู่เสียนได้ยินเสียงบิดา จึงหยัดกายลุกขึ้นมาจากเตียง ใบหน้างามดูซีดเซียวกว่าปกติ กำลังจะเอ่ยคาราวะ ทว่าถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าที่ใบหน้าเสียก่อน เพียะ! ใบหน้างามหันตามแรงตบ สัมผัสได้ถึงรสชาติสนิมอบอวลในปาก หวังลู่เสียนตกใจชะงักค้าง เพราะตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ นางไม่เคยถูกบิดาว่ากล่าวหรือลงโทษเลยสักครั้ง น้ำตาแห่งความเสียใจพรั่งพรูอาบดวงหน้า หันมาถามบิดาเสียงขาดห้วง “ฮึก ทะ ท่านพ่อ ท่าน ฮึก ตีลูกด้วยเหตุใดเจ้าคะ ลูกทำ ฮึก สิ่งใดผิด…” หวังเหลียงหน้าแดงก่ำ โทสะพุ่งสูงเสียดฟ้า จ้องมองบุตรสาวเขม็ง บดกรามแน่นจนขึ้นเป็นขึ้นสัน ตะคอกถามเสียงดังราวฟ้าผ่า ขนาดว่าบ่าวไพร่ที่ถูกไล่ให้ออกไปจากเรือน ยังได้ยินสิ่งที่หวังเหลียงเอ่ย “นังลูกไม่รักดี! เจ้าไปท้องกับใครมา!” ในชั่วขณะที่ทุกคนกำลังก้มหน้า สาวใช้นางหนึ่งเร้นกายหายไปจากตรงนั้น มุ่งหน้าไปยังคอกม้าท้ายจวน… หวังลู่เสียนตกตะลึงกับคำกล่าวของบิดา ความรู้สึกหลากหลายถาโถมราวคลื่นซัด หลุบตามองหน้าท้องของตน ยกมือสัมผัสอย่างแผ่วเบา ภ
บทที่ 51/2 คนร้ายตัวจริง ถึงแม้ตัวเลี่ยวโร่เป้ยจะโดดเด่นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างไร แต่กลับไม่มีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ของอาณาจักรหวงซา ด้วยว่ามีมารดาเป็นสตรีจากอาณาจักรอู๋ซาง รวมถึงเรื่องที่นางเป็นเพียงบุตรีจากอนุ เมื่อเป็นเช่นนั้น เลี่ยวเจิงเวยจึงหารือกับสือเซิน วางแผนช่วยเขาพิชิตอาณาจักรอู๋ซาง หากทำสำเร็จเลี่ยวเจิงเวยสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่า จะแต่งตั้งเลี่ยวโร่เป้ยขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางคนต่อไป ภายใต้ร่มเงาของอาณาจักรหวงซา เรื่องนี้วั่งเฉาหาได้รับรู้ เขาเข้าใจว่า หากหวงฝู่ฮ่าวอวี่ได้นั่งบัลลังก์ต่อจากพระบิดา สำนักกระบี่สวรรค์จะสนับสนุนวั่งเตี้ยนเถียน ให้ได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างเต็มที่…ทั้งที่ความจริงตนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งของสือเซิน …อาณาจักรหวงซาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาพิภพทงเทียนเหอ มีสายแร่หลายชนิดเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาณาจักร ทว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และเต็มไปด้วยภูเขาหินจึงขาดแคลนพื้นทำการเกษตร หลายร้อยปีมานี้มักเข้าโจมตีเมืองติดชายแดนของอาณาจักรอู๋ซางอยู่เนืองๆ จุดประสงค์เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในเขตนั้นมาเป็นของตน เพิ่งจะมีการทำสัญญาสงบศึกไปเม
บทที่ 51/1 คนร้ายตัวจริง จวนอัครมหาเสนาบดี ภายในโถงรับรองของเรือนส่วนตัว วั่งเฉาเข่าทรุดกระอักเลือด รับแรงกดดันหนักหน่วงจากบุรุษในชุดผ้าไหมสีเงินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความหวาดหวั่นค่อนไปทางหวาดกลัว หวนรำลึกถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในวันที่บุรุษผู้นี้เดินทางมาหาเขา พร้อมยื่นข้อเสนออันแสนหอมหวานยั่วยวนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งที่เขาต้องลงมือทำคือการกำจัดเด็กหญิงซึ่งมีชะตาหงส์ตามคำทำนายของหอพยากรณ์ในปีนั้น เด็กผู้หญิงอายุห้าหนาว ที่เกิดกลางฤดูวสันต์หลายคนถูกกำจัด ไม่ก็ถูกทำให้ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากแต่คาดไม่ถึงว่า หนึ่งในนั้นจะรอดพ้นการคุกคามทั้งหมดทั้งมวลมาได้! กระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาและกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการผู้สูงส่ง แม้แต่พยัคฆ์อนธการยังยอมรับนางเป็นคู่พันธะ! “อาจารย์ หากวั่งเฉาตายจะมีคนสงสัยได้นะขอรับ โปรดยั้งมือด้วยเถิด” เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปงามที่นั่งกอดกระบี่อยู่บนเก้าอี้ดังขึ้น แรงกดดันหายไปตามคำขอ วั่งเฉาหอบหายใจรีบโกยอากาศเข้าปอดหนักหน่วง นึกว่าตนจะแดดิ้นด้วยมือบุรุษตรงหน้าเสียแล้ว เพียงแค่แรงกดดันยังทำเขากระอักเลือดไปหลายคำจนแทบสิ้นสติ
บทที่ 50/2 ความหวาดหวั่นและยำเกรง บัดนี้ เด็กคนนั้นกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการอันยิ่งใหญ่ สูงส่งห่างไกลจนมิอาจเอื้อมถึง เขาเคยปรามาสนางว่าเป็นเพียงแค่ขยะไร้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนางคืออัจฉริยะ จะมีสักกี่คนบนมหาพิภพทงเทียนเหอ ที่สามารถบรรลุระดับหยวนอิงตั้งแต่อายุสิบห้า!… เขาและมารดาทำลายวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สมควรเป็นของตนลงกับมือ! ช่างน่าแค้นใจนัก… แต่หากว่าเขาทวงสิทธิ์ความเป็นบิดาของนาง กลับคืนมาต่อหน้าธารกำนัลในเวลานี้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้ผล! ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรง ให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญู ต่อบุพการีและผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หวังเหลียงหยัดกายลุกขึ้นก้าวออกมาที่ขอบกั้นอัฒจันทร์ กำลังจะอ้าปากเปล่งเสียงเรียกชื่อบุตรี ทว่ากลับถูกพลังลึกลับอันแข็งแกร่ง กระแทกเข้าที่ลำคอจนจุกแน่นก่อนกระอักเลือดออกมา ครั้นเหลือบมองขึ้นไปด้านบน สายตาพลันประสบเข้ากับดวงตาสีเขียวมรกต ทรงอำนาจดุดันของพยัคฆ์อนธการ พร้อมถ้อยคำส่งผ่านพลังปราณดังกึกก้องในโสตประสาท “หากไม่อยากสลายเป็นจุณ ก็เลิกคิดตอแยกับรวี่เยว่ซะ เพราะข้าหาใช่ผู้มีจิตใจเมตตา จำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้ให้ดี!” ร่างอรช
บทที่ 50/1 ความหวาดหวั่นและยำเกรง สุ้มเสียงแว่วหวาน เอื้อนเอ่ยแสดงความเคารพฮ่องเต้ของแคว้นอู๋ซางอย่างนอบน้อม วรกายสูงสง่าของโอรสสวรรค์ หยัดขึ้นจากเก้าอี้ประธาน ก้าวมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบา “ธิดาเทพ ยินดีที่ได้พบ” เขากล่าวรับคำทักทายของนาง ก่อนเอ่ยวาจาต่อจากนั้น “คล้ายมาก ช่างคล้ายมากจริงๆ ต้าอ๋อง ท่านเองก็คิดเหมือนข้าใช่หรือไม่” ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นหันไปถามลูกพี่ลูกน้องของตน ผู้เป็นอ๋องปกครองแดนทักษิณ ต้าอ๋องหรือ หวงฝู่เจิ้งหยาง บุตรชายของต้าอ๋องผู้เฒ่าผู้ล่วงลับ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของหวงฝู่ฮุ่ยหมิ่น “คล้ายอาลี่มากพะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับพระองค์” ต้าอ๋องลุกขึ้นจากที่นั่งก้าวมาสมทบกับฮ่องเต้ “ธิดาเทพ ข้าคงต้องขอละลาบละล้วงถามท่านซักคำถาม ไม่ทราบว่าพอจะบอกข้าได้ไหมว่า มารดาของท่านมีนามว่าอะไรหรือ” ต้าอ๋องเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการทราบ ด้วยน้ำเสียงสุภาพและอ่อนโยน “เรียนต้าอ๋อง มารดาของหม่อมฉันมีนามว่า เยว่หนิงลี่เพคะ” คำตอบของนางสร้างความตื่นตะลึงอีกครั้งให้ใครหลายๆคนในสนามประลอง บุตรีรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่! นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวตรงหน้าคือเด
บทที่ 49/2 วันเปิดงาน ฮั่วเฮ่อฉีเองช่วงนี้ก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับพี่น้อง และศิษย์จากตำหนักเทพอนันต์ จนแทบไม่มีเวลาปลีกตัวมาพบรวี่เยว่ ชายหนุ่มถูกผู้อาวุโสขอให้ช่วยหลอมยา ให้บรรดาน้องๆ และศิษย์ตัวแทน จนตัวเขาแทบหมดเรี่ยวแรงทุกวี่วัน อี้หรงได้แต่มองคู่พันธะอย่างเห็นใจ ‘ใครใช้ให้ท่านอยากเป็นนักปรุงโอสถระดับเก้า ตั้งแต่อายุเท่านี้กันล่ะ ก้มหน้ารับชะตากรรมไปเถอะ ข้าเอาใจช่วย‘ สรุปว่าการเอาใจช่วยของอี้หรง ซึ่งหากฟังดีๆ จะคล้ายว่ากำลังสมน้ำหน้าเขา ทำให้มันโดนฮั่วเฮ่อฉีกัดหูไปหนึ่งทีจนน้ำตาร่วง… จากฤดคิมหันต์ย่างเข้าต้นฤดูสารท อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวผันเปลี่ยนเป็นเย็นสดชื่นอีกครั้ง เวลาแห่งการประลองอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอู๋ซางได้เริ่มต้นขึ้น ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้าเมืองเทียนหวงเพื่อร่วมแข่งขัน หรือร่วมเป็นสักขีพยานในศึกของนักพรตรุ่นเยาว์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ สนามประลองหลักที่ใช้ทำพิธีเปิดนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง สามารถจุผู้ชมได้มากถึงสองหมื่นคน ท้องฟ้าสีครามสดใสไร้เมฆบัง สายลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ ราวกับดนตรีที่เล่นโดยธรรมชาติ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
บทที่ 49/1 วันเปิดงานประลอง สิบห้าวันต่อมา ตัวแทนจากตำหนักเทวาอนธการได้เดินมาถึง โดยมีผู้อาวุโสหนึ่งและสอง นำศิษย์มากฝีมือซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปด จำนวนทั้งหมดหกคนที่จะเข้าร่วมการประลอง เดินทางมาด้วยตนเอง ส่วนองค์ไท่จื่ออย่างองค์ชายใหญ่ และองค์หญิงรองมิได้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เพียงแค่มาร่วมชมความสนุกเฉยๆ ฮ่องเต้ทราบข่าวจากชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา จึงมอบตำหนักรับรองริมทะเลสาบให้เป็นที่พักสำหรับคนจากตำหนักเทวาอนธการ ส่วนคนจากตำหนักเทพอนันต์ มีตำหนักใกล้ภูเขาทางทิศเหนือเป็นที่พักประจำอยู่แล้ว อวี้เหวินเทียนหยาและรวี่เยว่ไปรอรับพวกเขาอยู่ที่นั่นตั้งแต่ช่วงสาย ครั้นพอได้เวลามวลอากาศบนท้องฟ้าเหนือตำหนักก็แยกออกเป็นช่องกว้างขนาดใหญ่ คณะเดินทางทั้งหมดจากตำหนักเทวาอนธการก็ทยอยกันออกมา ทันทีที่อวี้เหวินอิงเอ๋อร์เห็นหน้ารวี่เยว่ นางก็ขี่กระบี่พุ่งตรงมาหา ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราจดจ้องธิดาเทพผู้เป็นสหายรักด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจ “รวี่เยว่ คนใจร้าย ท่านทิ้งข้าไว้คนเดียวตั้งหลายเดือน ข้าเหงามากเลยรู้ไหม ฮึก ไม่มีใครเล่นสนุกกับข้าเลย ทุกคนเอาแต่เก็บตัวฝึกวิชา…ท่านสัญญาได้หรือไม่ว่าต่อไป
บทที่ 48/2 ความเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็ครบกำหนดจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ ทั้งหวังเหลียงและฮูหยินผู้เฒ่าต่างอ้อนวอนหญิงสาว ขอให้นางเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก ยอมให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่จวนหลังนี้ต่อไป เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็คือครอบครัวของนาง รวี่เยว่หัวเราะเย้ยหยัน ก่อนกล่าววาจาตอบโต้จนคนฟังหน้าชา “ฮ่าๆๆ ให้ข้าเห็นกับความเป็นพ่อลูกอย่างนั้นรึ! ช่างพูดออกมาได้ไม่อายปาก หากไม่ตกที่นั่งลำบากคงยังมองว่าข้าเป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์อยู่สิท่า หึ! หน้าหนาไร้ยางอาย ข้าหาใช่บุตรหลานของพวกท่านนานแล้ว จำมิได้รึ?! เสมียนหวัง ท่านยังจำได้หรือไม่ หลังจากท่านส่งหนังสือตัดขาดไปให้ข้าเมื่อหกปีก่อน ท่านก็หยุดส่งเสียข้า ไม่สนใจว่าข้าจะมีที่ซุกหัวนอนหรือมีข้าวกิน โชคดีที่เจ้าของบ้านเช่าหลังนั้นเวทนาข้า แม่นมชุน และพี่ชุนอิ่ง ถึงได้ยอมให้พวกข้าอยู่โดยไม่เก็บเงินค่าเช่าเป็นเวลาสามเดือน! ไฉนตอนนั้นพวกท่านถึงไม่คิดว่าข้าเป็นคนในครอบครัวบ้างเล่า ทั้งๆ ที่เสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินของมารดาข้าแท้ๆ! ข้าให้เวลาพวกท่านเก็บของหนึ่งวัน พรุ่งนี้เช้ายามเฉิน (07:00-08:59) พวกท่านทุกคนต้องย้ายออกไปจากที่นี่! หากไม่ยอมไปข้าจะไปแจ้งทาง
บทที่ 48/1 ความเปลี่ยนแปลง หวังเหลียงกระดกจอกสุราเข้าปากจนหมด ก่อนหันมามองมารดาด้วยสายตาว่างเปล่า “ท่านแม่จะถามข้าทำไมขอรับ ในเมื่อท่านบอกเองว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น” “อาเหลียง นี่มันใช่เวลาที่เจ้าจะมาประชดประชันข้าไหม ลองตรองดูให้ดี บางทีเรื่องนี้อาจเชื่อมโยงกัน เริ่มจากการที่เจ้ามาถามข้าเรื่องพิษ ต่อมาลุงของเจ้าก็หายตัว จากนั้นพลังของเจ้าก็…เฮ้อออ “ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจยาวในท้ายประโยคและเริ่มกล่าวต่อ “เจ้าไม่คิดว่ามันน่าแปลกหรอกรึ แต่ที่ข้ามาถามเจ้า เป็นเพราะวันนี้ทั้งเสียนเอ๋อร์และเหยียนเอ๋อร์ จู่ๆ ก็ไข้ขึ้นสูงอย่างไม่มีสาเหตุ หมอกี่คนมาตรวจต่างบอกว่าเป็นไข้ไม่ได้ถูกพิษ อาการเหมือนกับเจ้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด” คำพูดของหญิงชรามีความเป็นไปได้อยู่หลายส่วน หากนำมาเชื่อมโยงกันให้ดีๆ ก็จะเห็นจุดที่น่าสงสัย ทว่าในเอกสารที่เขาเคยอ่านผ่านตา ระบุไว้ชัดเจนเรื่องพิษเพลิงอสูรสดับปราณ ว่าจะออกฤทธิ์ได้ดีกับเด็กเล็กเท่านั้น ทั้งไม่เคยปรากฏในบันทึกไว้ว่าพิษนี้มีผลกับผู้ใหญ่ แต่หากตัวเขาถูกพิษชนิดนี้จริง นั่นก็หมายความว่า ต้องมีนักปรุงโอสถระดับสูง ที่สามารถปรุงพิษเพลิงอสูร
บทที่ 47/2 สองตำหนักเปิดใจ ครั้งนี้ฮั่วเฮ่อฉีดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ หากองค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงมีความสามารถพิเศษนี้จริง นั่นก็หมายความว่ารวี่เยว่คือองค์หญิงของตำหนักเทวาอนธการ และอวี้เหวินเทียนหยาก็คือพระปิตุลาของนาง! มิน่าเล่าเขาถึงกล่าวว่า สวรรค์เล่นตลกกับเขา! รอยยิ้มงดงามเจิดจ้าราวแสงตะวันยามเช้า ที่ส่งไปถึงดวงตาของฮั่วเฮ่อฉีผุดพรายเต็มดวงหน้า มือใหญ่ยกมากุมต้นแขนทั้งสองข้างของอวี้เหวินเทียนหยาพร้อมเขย่าเบาๆ “หลานเขยคงต้องขอฝากตัวกับท่านแล้ว พระปิตุลาของรวี่เยว่” เขาลอยหน้าลอยตาเอ่ยวาจาฝากฝังตัวเองกับอีกฝ่ายแบบเนียนๆ อวี้เหวินเทียนหยาคิ้วกระตุก ก้าวถอยหลังให้หลุดจากการเกาะกุมของฮั่วเฮ่อฉี ก่อนเอ่ยวาจาน้ำเสียงเนิบนาบระคนหมั่นไส้อย่างอดไม่อยู่ “หึ! อย่าเพิ่งหลงระเริงนัก ข้ายังไม่ได้บอกว่าท่านผ่านการทดสอบแล้วเสียหน่อย เรื่องนี้คงต้องดูกันอีกนาน และที่สำคัญเสด็จพี่ของข้าฝากมาบอกท่านว่า” “ธิดาของข้าจะเป็นเพียงภรรยาคนเดียวในชีวิตของสามีนาง หากบุรุษผู้นั้นทำไม่ได้ ก็ไสหัวไปไกลๆ เพราะข้าจะไม่มีวันยกนางให้เด็ดขาด!” อวี้เหวินเทียนหยาถ่ายทอดวาจาของ