บทที่ 25/2 เหวินไป๋เหลียนเหวินไป๋เหลียนแทบจะกรีดร้องออกมา ทว่าต้องข่มกลั้นอารมณ์ไว้ ภายในอกปวดร้าวประหนึ่งถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเค้นหัวใจ หวังลู่เสียนประคองมารดาออกไปจากเรือนของบิดาด้วยความสับสนในงานเลี้ยงวันเกิดของเหวินไป๋เหลียน ขุนนางหลายคนพาภรรยาและบุตรสาว มาร่วมอวยพรฮูหยินท่านเสนาธิการกันอย่างคับคั่ง ดูรื่นเริงมิต่างจากงานเลี้ยงจวนขุนนางใหญ่ทั่วๆไป ทั้งที่ความเป็นจริง เจ้าของวันเกิดหาได้มีความสุขอย่างที่เห็นภายนอกแม้นว่าบุตรทั้งสองจะกลับมา ทว่าท่านเสนาธิการแทบไม่กลับจวน อ้างว่ามีงานสำคัญเร่งด่วนต้องสะสางให้เสร็จก่อนสิ้นเดือน เพราะกลับไปทีไร มารดาเป็นต้องสั่งให้เขาไปปลอบใจเหวินไป๋เหลียน ที่อารมณ์คุกรุ่นราวถ่านร้อนตลอดเวลา…มิได้สงบสุขร่มเย็นชุ่มชื่นหัวใจเหมือนจวนสกุลจิ่ว หลังจากแขกเหรื่อที่มาร่วมงานวันเกิดเดินทางกลับกันไปหมด เหวินไป๋เหลียนกลับถึงเรือนได้ก็เริ่มฟาดงวงฟาดงาความหวังที่คิดว่าสามี จะมอบของขวัญถูกใจให้เป็นอันพังทลาย เพราะเมื่อเช้านี้หวังเหลียงมาหานางแต่เช้าด้วยท่าทางอ่อนโยน มอบกล่องใส่เครื่องประดับจากร้านดังให้ทว่าเมื่อเปิดออกภายในกลับเป็นเครื่องประดับทำจากหยกสีชมพู
บทที่ 26 /1 เรื่องอับอายในโรงน้ำชาอวี้หลิว “ใครมันทำร้ายน้องสาวข้า! ใคร!” จิตสังหารจากตบะระดับหยวนอิงของชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง เหน็บหนาวเสียดแทงจนผู้คนภายในโรงน้ำชาจนตัวสั่นเทิ้ม “ฮึก พี่ชาย นางทำร้ายข้า ฮึก นางด่าว่าข้าเป็นนางจิ้งจอก ยั่วยวนสามีของนางเจ้าค่ะ ฮืออ” หญิงสาวสะอื้นไห้ชี้นิ้วไปยังเหวินไป๋เหลียน ก่อนซบหน้ากับอ้อมแขนของพี่ชาย สะอื้นไห้จนตัวโยน “ไอหยา ทะ ทำอย่างไรดีล่ะทีนี้ นะ นายท่านหม่า ขอท่านโปรดใจเย็นก่อนเถิดขอรับ” หลงจู๊พยายามรวบรวมกำลัง หันไปเอ่ยกับหม่าลั่วที่เพิ่งมาถึงอย่างยากลำบาก หม่าลั่วเก็บจิตสังหาร ประคองหญิงสาวที่บอกว่าเป็นน้องสาวของเขาขึ้น ร่างสูงก้าวเข้ามาเหวินไป๋เหลียนอย่างไม่ยำเกรง พยายามข่มกลั้นโทสะที่กำลังปะทุ เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยถามอีกฝ่าย “ฮูหยินท่านนี้ ยิ่งใหญ่มาจากไหน ถึงได้มากล่าววาจาต่ำช้า ดูถูกน้องสาวข้าว่าเป็นนางจิ้งจอกยั่วยวนสามีของท่าน!” เหวินไป๋เหลียนเลือดในกายเย็นเยียบ นางไม่เคยสัมผัสจิตสังหารของนักพรตระดับหยวนอิงมาก่อน ร่างกายหนาวสะท้าน ชาวาบตั้งแต่หนังศีรษะจรดปลายเท้า หวาดกลัวจนปากคอสั่น แต่กระนั้นด้วยความมั่นใจว่าหยกแดงล้อมทอง ท
บทที่ 26/2 เรื่องอับอายในโรงน้ำชาอวี้หลิว หม่าลั่วสะบัดแขนใส่เหวินไป๋เหลียน ประคองน้องสาวที่ยังคงสะอื้นไห้อย่างเสียขวัญออกไปจากโรงน้ำชา และพาไปขึ้นรถม้าที่มาจอดรอเมื่อรถม้าออกไปได้ระยะหนึ่งเสียงสะอื้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ หญิงสาวบอบบางในชุดสีขาว หน้าตาค่อยๆเปลี่ยนกลับสู่สภาพเดิม ดวงตาดอกท้อสีเงินเย็นชาทอประกายอันตรายจนหม่าลั่วขนอ่อนลุกชัน“คุณหนูถูกนางตบหน้าเสียแรง เจ็บหรือไม่ขอรับ”“หึ! อย่างนางน่ะหรือจะมีปัญญาแตะต้องข้า ที่นางตบโดนคือม่านพลังของอัคคีนิลกาฬต่างหาก หม่าเกอคอยดูเถอะว่ามนุษย์ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากสัมผัสกับเข้าพลังของอัคคีนิลกาฬจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้ ท่านรีบไปหาหวังเหลียงดีกว่า ข้ามีธุระอย่างอื่นที่ต้องทำก่อนกลับหอโอสถ” กล่าวจบรวี่เยว่และหุ่นภูตก็หายไปจากตรงนั้นเพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ข่าวซุบซิบนินทาเรื่องฮูหยินเอกของท่านเสนาธิการทหารหวังเหลียง หึงหวงสามีจนหน้ามืดตามัว ถึงขั้นลุกขึ้นมาด่าทอ ทำร้ายร่างกายหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดด้วยเลย ต่อหน้าธารกำนัลจำนวนมากในโรงน้ำชา ได้ถูกเล่าต่อจนแพร่กระจายไปทั่วเมือง รวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งสำนักเสนาธิ
บทที่ 27/1 วิกฤติในจวนเสนาธิการทันทีที่หวังเหลียงก้าวพ้นประตู ฮูหยินผู้เฒ่าก็ลมจับตามคาด หมอประจำจวนถูกตามตัวมารักษาฮูหยินทั้งสอง หวังเหลียงกลับไปเปลี่ยนชุดที่เรือนและออกไปหาอนุคนงาม พร้อมหยิบเอกสารเกี่ยวกับเรื่องพิษติดมือไปด้วยการที่เหวินไป๋เหลียนซึ่งเคยเป็นอนุ ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกได้หกปี แต่กลับถูกสามียื่นหนังสือหย่า ถือว่าเป็นเรื่องอัปยศอดสูอย่างยิ่งในชีวิตของสตรีคนหนึ่ง หลายคนคงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองมากกว่าการถูกสามีหย่าขาด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เหวินไป๋เหลียนจะตัดสินใจอย่างไรหวังลู่เสียนที่วิ่งตามบิดาออกไปเพื่อขอร้องแทนมารดา ถูกหวังเหลียงสั่งลงโทษด้วยการกักบริเวณไม่มีกำหนด ส่วนบุตรชายอย่างหวังซีเหยียนจนป่านนี้ยังไม่กลับจวน… หอโคมแดงชื่อดังในห้องรับรองส่วนตัว หวังซีเหยียนยังคงเมามายอยู่กับสหาย ข้างกายมีนางคณิกาในสภาพกึ่งเปลือย นอนลูบไล้แผ่นอกของเด็กหนุ่มที่สวมเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวติดกาย มือบางของนางเคลื่อนต่ำลงจนถึงส่วนกลางกาย จากนั้นขยับมือขึ้นลงอย่างชำนาญการ เพียงไม่นานเสียงการเคลื่อนไหวจากกิจกรรมเร่าร้อน ระหว่างเด็กหนุ่มและนางคณิกาก็ดังขึ้นด้วยความที่หวังซีเหย
บทที่ 27/2 วิกฤติในจวนเสนาธิการรวี่เยว่นั่งกินอาหารเช้าอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หลังจากที่เสี่ยวเฮยมาวสั่งให้แมวจรจัดแถวหอโอสถเยว่เสียง ไปสืบข่าวเรื่องความเคลื่อนไหวในจวนเสนาธิการ และกลับมารายงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องในเวลานี้เสี่ยวเฮยมาวคือราชันย์แห่งแมวของเมืองหลวง! แมวทุกตัวยอมสวามิภักดิ์และเรียกมันว่า องค์ราชันย์ เมี้ยวววและด้วยความดีความชอบที่เสี่ยวเฮยมาวสร้างขึ้น รวี่เยว่จึงมอบกัญชาแมวสวรรค์เป็นรางวัลขอบคุณ ร่างยักษ์กำลังผ่อนคลาย นอนแผ่หลาให้จวี๋จื่อนวดพุงอย่างสบายใจ“คุณหนูเจ้าคะ อาฝานมาเจ้าค่ะ” ชุนอิ่งที่กระเตงเจ้าก้อนแป้งเข้าเอว เดินมาบอกหญิงสาวด้วยท่าทางกระตือรือร้นกว่าปกติ ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยประกายแห่งความพึงพอใจแอบแฝงอยู่“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ชุนอิ่ง ข้ากำลังรอข่าวจากฝานเกออยู่พอดี” ร่างบางรีบกินโจ๊กจนหมด ลุกเดินตามคนสนิทไปพบหม่าฝาน“ฝานเกอ มีข่าวอะไรมาแจ้งข้าบ้างวันนี้” รวี่เยว่ทักทายอีกฝ่ายด้วยคำเรียกขานคุ้นเคยแต่กระนั้นชายหนุ่มกลับค้อมตัวแสดงความเคารพนางอย่างนอบน้อม“คุณหนู เวลานี้จวนเสนาธิการกำลังวุ่นวายน่าดูเลยขอรับ เพราะเมื่อคืนนี้หวังเหลียงยื่นหนังสือหย่า และผ้าแพรสำ
บทที่ 28/1 คิดถึงเจ้าฮั่วเฮ่อฉีกลับถึงเมืองเทียนหวงในช่วงบ่าย หลังจากฟังรายงานเรื่องที่ให้คนไปสืบมา ใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกถึงความพอใจอยู่ไม่น้อย ยกยิ้มมุมปากดูเจ้าเล่ห์แต่กลับมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ“เป็นเช่นนี้เองสินะ พวกเจ้าออกไปได้”“พะย่ะค่ะ” สายสืบทั้งสองก้าวถอยออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ“มิน่าเล่า มนตรามายาจิ้งจอกถึงใช้ไม่ได้ผล หึ! ดูท่าว่าฝ่าบาทเจอเรื่องท้าทายถูกใจใหม่เข้าแล้วสินะ” อี้หรงเห็นแววตาของคู่พันธะ มันสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ“อี้หรง เจ้าสมเป็นสหายสนิทที่สุดของข้าจริงๆ ฟ่านจื่อ ต้วนคง ข้าจะไปหอโอสถเยว่เสียง “เขาคิดถึงรวี่เยว่น้อยใจแทบขาดอยู่แล้ว ไม่ได้เจอหน้านางห้าวัน เหมือนไม่ได้เจอหน้ากันห้าเดือนหอโอสถเยว่เสียงหลังหม่าฝานกลับไปเมื่อเช้า รวี่เยว่ก็กลับมายุ่งกับสินค้าตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดขายในอีกสามวันสุราหยางจื่อ เพิ่มพลังสำหรับบุรุษ ดื่มครั้งละจอกเช้าเย็น มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของพลังปราณในร่างกาย เสริมความแข็งแรงให้กับเส้นลมปราณ สร้างสมดุลหยินหยาง ช่วยให้กระชุ่มกระชวยสุราบุปผางามนิรันดร์ สำหรับสตรี ดื่มครั้งละจอกเช้าเย็นเช่นกัน สรร
บทที่ 28/2 คิดถึงเจ้ารวี่เยว่ประคองกระถางดอกไม้ในมืออย่างระมัดระวัง กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเสียงหวาน นำไปวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างโต๊ะทำงาน“ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ยังมีใครมาเกาะแกะรวี่เยว่น้อยของข้าอยู่หรือเปล่า” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็อดที่จะถามไถ่ออกมาไม่ได้อี้หรงลอบกลอกตาขึ้นฟ้า องค์ไท่จื่อทราบอยู่แล้วจะถามเพื่อ?! ก่อนจะไหน้ำส้มแตก ทางที่ดีช่วยสารภาพความในใจกับรวี่เยว่เสียก่อน! เพราะดูจากลักษณะแล้ว หญิงสาวยังไม่รู้จักความรักด้วยซ้ำ สุดหล่ออันดับสองอย่างมันจะบ้าตาย!รวี่เยว่เอียงหน้ามองคนถามตาปริบๆ พลันเกิดความคิดขึ้นมา หรือว่าองค์ไท่จื่อต้องการเป็นผู้ปกครองของนางอีกคน ถึงได้เอ่ยถามนางด้วยคำถามนี้ เหมือนอย่างที่ชินอ๋องเขียนมาถามนาง ไวเท่าความคิดหญิงสาวจึงเอ่ยปากถามชายหนุ่มออกไปตรงๆ“พี่ชายถามข้าเช่นนี้ เพราะต้องการจะมาเป็นผู้ปกครองของข้าหรือเจ้าคะ”แค่กๆ คราวนี้เป็นฮั่วเฮ่อฉีที่สำลักน้ำลายพรืดดด กร๊ากกก ฮ่าๆๆๆๆ! ทั้งอี้หรงและเสี่ยวเฮยมาวที่เพิ่งกลับเข้ามา ไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ขัน ในความไร้เดียงสาเรื่องความรักของรวี่เยว่ได้อีกต่อไป ทั้งแมวมีปีกทั้งลูกสุนัขปุกปุย ต่างพากันหัวเราะจนตัวงออยู่
บทที่ 29/1 สารภาพรักแบบชัดๆ ขณะที่ก้อนเนื้อในอกของฮั่วเฮ่อฉี แทบจะทะลุออกมานอกอก รวี่เยว่กลับมองชายหนุ่มด้วยแววตากระจ่างใส “เจ้า จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ” ฮั่วเฮ่อฉีเริ่มใจคอไม่ดี ครุ่นคิดว่าตนเองทำสิ่งใดผิดขั้นตอนรึเปล่า ไฉนสาวน้อยตรงหน้า ถึงไร้ปฏิกิริยาตอบโต้โดยสิ้นเชิง เขาทำผิดตรงไหน!!! “ข้าพอทราบเรื่องนี้อยู่แล้วเจ้าค่ะ หากพี่ชายไม่ชอบข้า คงไม่อยากพาข้าไปปล่อยให้วิ่งเล่นอยู่ที่ตำหนัก ตั้งแต่ตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก และคงไม่ส่งทั้งขนม โอสถ เสื้อผ้าและของขวัญอีกหลายอย่างมาให้ข้า ข้าพูดถูกใช่หรือไม่เจ้าคะ” “…” ฮั่วเฮ่อฉี “…เอ่อ…” หาคำพูดมาบรรยายความรู้สึกไม่ได้ ทางด้านเสี่ยวเฮยมาวและอี้หรงพากันกลอกตาขึ้นฟ้า จนลูกตาแทบจะหายเข้าไปด้านหลัง เสี่ยวเฮยมาวถึงกับซวนเซหลงทิศไปชั่วขณะ ตั้งแต่มันเกิดมาเป็นหมื่นปี ยังไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตที่ไหน ไร้เดียงสาสับสนเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่าคู่พันธะของมันมาก่อน โอ้ย สุดหล่อจะบ้าตาย! ปกติรวี่เยว่ฉลาดเป็นกรด ไหงกับเรื่องความรักถึงเข้าใจผิดไปได้!!! “ใครมียาดมบ้าง ขอหน่อยเถอะ ข้าจะเป็นลม” อี้หรงรีบใช้อุ้งเท้านุ่มฟูของมันตะปบตามตัว เพื่อหาดูว่
บทที่ 51/2 คนร้ายตัวจริง ถึงแม้ตัวเลี่ยวโร่เป้ยจะโดดเด่นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างไร แต่กลับไม่มีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ของอาณาจักรหวงซา ด้วยว่ามีมารดาเป็นสตรีจากอาณาจักรอู๋ซาง รวมถึงเรื่องที่นางเป็นเพียงบุตรีจากอนุ เมื่อเป็นเช่นนั้น เลี่ยวเจิงเวยจึงหารือกับสือเซิน วางแผนช่วยเขาพิชิตอาณาจักรอู๋ซาง หากทำสำเร็จเลี่ยวเจิงเวยสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่า จะแต่งตั้งเลี่ยวโร่เป้ยขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอู๋ซางคนต่อไป ภายใต้ร่มเงาของอาณาจักรหวงซา เรื่องนี้วั่งเฉาหาได้รับรู้ เขาเข้าใจว่า หากหวงฝู่ฮ่าวอวี่ได้นั่งบัลลังก์ต่อจากพระบิดา สำนักกระบี่สวรรค์จะสนับสนุนวั่งเตี้ยนเถียน ให้ได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างเต็มที่…ทั้งที่ความจริงตนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งของสือเซิน …อาณาจักรหวงซาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาพิภพทงเทียนเหอ มีสายแร่หลายชนิดเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาณาจักร ทว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และเต็มไปด้วยภูเขาหินจึงขาดแคลนพื้นทำการเกษตร หลายร้อยปีมานี้มักเข้าโจมตีเมืองติดชายแดนของอาณาจักรอู๋ซางอยู่เนืองๆ จุดประสงค์เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในเขตนั้นมาเป็นของตน เพิ่งจะมีการทำสัญญาสงบศึกไปเม
บทที่ 51/1 คนร้ายตัวจริง จวนอัครมหาเสนาบดี ภายในโถงรับรองของเรือนส่วนตัว วั่งเฉาเข่าทรุดกระอักเลือด รับแรงกดดันหนักหน่วงจากบุรุษในชุดผ้าไหมสีเงินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความหวาดหวั่นค่อนไปทางหวาดกลัว หวนรำลึกถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในวันที่บุรุษผู้นี้เดินทางมาหาเขา พร้อมยื่นข้อเสนออันแสนหอมหวานยั่วยวนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน สิ่งที่เขาต้องลงมือทำคือการกำจัดเด็กหญิงซึ่งมีชะตาหงส์ตามคำทำนายของหอพยากรณ์ในปีนั้น เด็กผู้หญิงอายุห้าหนาว ที่เกิดกลางฤดูวสันต์หลายคนถูกกำจัด ไม่ก็ถูกทำให้ไร้ซึ่งพลังธาตุ หากแต่คาดไม่ถึงว่า หนึ่งในนั้นจะรอดพ้นการคุกคามทั้งหมดทั้งมวลมาได้! กระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาและกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการผู้สูงส่ง แม้แต่พยัคฆ์อนธการยังยอมรับนางเป็นคู่พันธะ! “อาจารย์ หากวั่งเฉาตายจะมีคนสงสัยได้นะขอรับ โปรดยั้งมือด้วยเถิด” เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปงามที่นั่งกอดกระบี่อยู่บนเก้าอี้ดังขึ้น แรงกดดันหายไปตามคำขอ วั่งเฉาหอบหายใจรีบโกยอากาศเข้าปอดหนักหน่วง นึกว่าตนจะแดดิ้นด้วยมือบุรุษตรงหน้าเสียแล้ว เพียงแค่แรงกดดันยังทำเขากระอักเลือดไปหลายคำจนแทบสิ้นสติ
บทที่ 50/2 ความหวาดหวั่นและยำเกรง บัดนี้ เด็กคนนั้นกลายเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทวาอนธการอันยิ่งใหญ่ สูงส่งห่างไกลจนมิอาจเอื้อมถึง เขาเคยปรามาสนางว่าเป็นเพียงแค่ขยะไร้ประโยชน์ ทั้งที่ความจริงนางคืออัจฉริยะ จะมีสักกี่คนบนมหาพิภพทงเทียนเหอ ที่สามารถบรรลุระดับหยวนอิงตั้งแต่อายุสิบห้า!… เขาและมารดาทำลายวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สมควรเป็นของตนลงกับมือ! ช่างน่าแค้นใจนัก… แต่หากว่าเขาทวงสิทธิ์ความเป็นบิดาของนาง กลับคืนมาต่อหน้าธารกำนัลในเวลานี้ ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจได้ผล! ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรง ให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญู ต่อบุพการีและผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง หวังเหลียงหยัดกายลุกขึ้นก้าวออกมาที่ขอบกั้นอัฒจันทร์ กำลังจะอ้าปากเปล่งเสียงเรียกชื่อบุตรี ทว่ากลับถูกพลังลึกลับอันแข็งแกร่ง กระแทกเข้าที่ลำคอจนจุกแน่นก่อนกระอักเลือดออกมา ครั้นเหลือบมองขึ้นไปด้านบน สายตาพลันประสบเข้ากับดวงตาสีเขียวมรกต ทรงอำนาจดุดันของพยัคฆ์อนธการ พร้อมถ้อยคำส่งผ่านพลังปราณดังกึกก้องในโสตประสาท “หากไม่อยากสลายเป็นจุณ ก็เลิกคิดตอแยกับรวี่เยว่ซะ เพราะข้าหาใช่ผู้มีจิตใจเมตตา จำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้ให้ดี!” ร่างอรช
บทที่ 50/1 ความหวาดหวั่นและยำเกรง สุ้มเสียงแว่วหวาน เอื้อนเอ่ยแสดงความเคารพฮ่องเต้ของแคว้นอู๋ซางอย่างนอบน้อม วรกายสูงสง่าของโอรสสวรรค์ หยัดขึ้นจากเก้าอี้ประธาน ก้าวมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบา “ธิดาเทพ ยินดีที่ได้พบ” เขากล่าวรับคำทักทายของนาง ก่อนเอ่ยวาจาต่อจากนั้น “คล้ายมาก ช่างคล้ายมากจริงๆ ต้าอ๋อง ท่านเองก็คิดเหมือนข้าใช่หรือไม่” ฮ่องเต้หวงฝู่ฮุ่ยหมิ่นหันไปถามลูกพี่ลูกน้องของตน ผู้เป็นอ๋องปกครองแดนทักษิณ ต้าอ๋องหรือ หวงฝู่เจิ้งหยาง บุตรชายของต้าอ๋องผู้เฒ่าผู้ล่วงลับ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของหวงฝู่ฮุ่ยหมิ่น “คล้ายอาลี่มากพะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับพระองค์” ต้าอ๋องลุกขึ้นจากที่นั่งก้าวมาสมทบกับฮ่องเต้ “ธิดาเทพ ข้าคงต้องขอละลาบละล้วงถามท่านซักคำถาม ไม่ทราบว่าพอจะบอกข้าได้ไหมว่า มารดาของท่านมีนามว่าอะไรหรือ” ต้าอ๋องเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการทราบ ด้วยน้ำเสียงสุภาพและอ่อนโยน “เรียนต้าอ๋อง มารดาของหม่อมฉันมีนามว่า เยว่หนิงลี่เพคะ” คำตอบของนางสร้างความตื่นตะลึงอีกครั้งให้ใครหลายๆคนในสนามประลอง บุตรีรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่! นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวตรงหน้าคือเด
บทที่ 49/2 วันเปิดงาน ฮั่วเฮ่อฉีเองช่วงนี้ก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับพี่น้อง และศิษย์จากตำหนักเทพอนันต์ จนแทบไม่มีเวลาปลีกตัวมาพบรวี่เยว่ ชายหนุ่มถูกผู้อาวุโสขอให้ช่วยหลอมยา ให้บรรดาน้องๆ และศิษย์ตัวแทน จนตัวเขาแทบหมดเรี่ยวแรงทุกวี่วัน อี้หรงได้แต่มองคู่พันธะอย่างเห็นใจ ‘ใครใช้ให้ท่านอยากเป็นนักปรุงโอสถระดับเก้า ตั้งแต่อายุเท่านี้กันล่ะ ก้มหน้ารับชะตากรรมไปเถอะ ข้าเอาใจช่วย‘ สรุปว่าการเอาใจช่วยของอี้หรง ซึ่งหากฟังดีๆ จะคล้ายว่ากำลังสมน้ำหน้าเขา ทำให้มันโดนฮั่วเฮ่อฉีกัดหูไปหนึ่งทีจนน้ำตาร่วง… จากฤดคิมหันต์ย่างเข้าต้นฤดูสารท อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวผันเปลี่ยนเป็นเย็นสดชื่นอีกครั้ง เวลาแห่งการประลองอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอู๋ซางได้เริ่มต้นขึ้น ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้าเมืองเทียนหวงเพื่อร่วมแข่งขัน หรือร่วมเป็นสักขีพยานในศึกของนักพรตรุ่นเยาว์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ สนามประลองหลักที่ใช้ทำพิธีเปิดนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง สามารถจุผู้ชมได้มากถึงสองหมื่นคน ท้องฟ้าสีครามสดใสไร้เมฆบัง สายลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ ราวกับดนตรีที่เล่นโดยธรรมชาติ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
บทที่ 49/1 วันเปิดงานประลอง สิบห้าวันต่อมา ตัวแทนจากตำหนักเทวาอนธการได้เดินมาถึง โดยมีผู้อาวุโสหนึ่งและสอง นำศิษย์มากฝีมือซึ่งมีอายุไม่เกินสิบแปด จำนวนทั้งหมดหกคนที่จะเข้าร่วมการประลอง เดินทางมาด้วยตนเอง ส่วนองค์ไท่จื่ออย่างองค์ชายใหญ่ และองค์หญิงรองมิได้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เพียงแค่มาร่วมชมความสนุกเฉยๆ ฮ่องเต้ทราบข่าวจากชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา จึงมอบตำหนักรับรองริมทะเลสาบให้เป็นที่พักสำหรับคนจากตำหนักเทวาอนธการ ส่วนคนจากตำหนักเทพอนันต์ มีตำหนักใกล้ภูเขาทางทิศเหนือเป็นที่พักประจำอยู่แล้ว อวี้เหวินเทียนหยาและรวี่เยว่ไปรอรับพวกเขาอยู่ที่นั่นตั้งแต่ช่วงสาย ครั้นพอได้เวลามวลอากาศบนท้องฟ้าเหนือตำหนักก็แยกออกเป็นช่องกว้างขนาดใหญ่ คณะเดินทางทั้งหมดจากตำหนักเทวาอนธการก็ทยอยกันออกมา ทันทีที่อวี้เหวินอิงเอ๋อร์เห็นหน้ารวี่เยว่ นางก็ขี่กระบี่พุ่งตรงมาหา ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราจดจ้องธิดาเทพผู้เป็นสหายรักด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจ “รวี่เยว่ คนใจร้าย ท่านทิ้งข้าไว้คนเดียวตั้งหลายเดือน ข้าเหงามากเลยรู้ไหม ฮึก ไม่มีใครเล่นสนุกกับข้าเลย ทุกคนเอาแต่เก็บตัวฝึกวิชา…ท่านสัญญาได้หรือไม่ว่าต่อไป
บทที่ 48/2 ความเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็ครบกำหนดจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ ทั้งหวังเหลียงและฮูหยินผู้เฒ่าต่างอ้อนวอนหญิงสาว ขอให้นางเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก ยอมให้พวกเขาอาศัยอยู่ที่จวนหลังนี้ต่อไป เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็คือครอบครัวของนาง รวี่เยว่หัวเราะเย้ยหยัน ก่อนกล่าววาจาตอบโต้จนคนฟังหน้าชา “ฮ่าๆๆ ให้ข้าเห็นกับความเป็นพ่อลูกอย่างนั้นรึ! ช่างพูดออกมาได้ไม่อายปาก หากไม่ตกที่นั่งลำบากคงยังมองว่าข้าเป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์อยู่สิท่า หึ! หน้าหนาไร้ยางอาย ข้าหาใช่บุตรหลานของพวกท่านนานแล้ว จำมิได้รึ?! เสมียนหวัง ท่านยังจำได้หรือไม่ หลังจากท่านส่งหนังสือตัดขาดไปให้ข้าเมื่อหกปีก่อน ท่านก็หยุดส่งเสียข้า ไม่สนใจว่าข้าจะมีที่ซุกหัวนอนหรือมีข้าวกิน โชคดีที่เจ้าของบ้านเช่าหลังนั้นเวทนาข้า แม่นมชุน และพี่ชุนอิ่ง ถึงได้ยอมให้พวกข้าอยู่โดยไม่เก็บเงินค่าเช่าเป็นเวลาสามเดือน! ไฉนตอนนั้นพวกท่านถึงไม่คิดว่าข้าเป็นคนในครอบครัวบ้างเล่า ทั้งๆ ที่เสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินของมารดาข้าแท้ๆ! ข้าให้เวลาพวกท่านเก็บของหนึ่งวัน พรุ่งนี้เช้ายามเฉิน (07:00-08:59) พวกท่านทุกคนต้องย้ายออกไปจากที่นี่! หากไม่ยอมไปข้าจะไปแจ้งทาง
บทที่ 48/1 ความเปลี่ยนแปลง หวังเหลียงกระดกจอกสุราเข้าปากจนหมด ก่อนหันมามองมารดาด้วยสายตาว่างเปล่า “ท่านแม่จะถามข้าทำไมขอรับ ในเมื่อท่านบอกเองว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น” “อาเหลียง นี่มันใช่เวลาที่เจ้าจะมาประชดประชันข้าไหม ลองตรองดูให้ดี บางทีเรื่องนี้อาจเชื่อมโยงกัน เริ่มจากการที่เจ้ามาถามข้าเรื่องพิษ ต่อมาลุงของเจ้าก็หายตัว จากนั้นพลังของเจ้าก็…เฮ้อออ “ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจยาวในท้ายประโยคและเริ่มกล่าวต่อ “เจ้าไม่คิดว่ามันน่าแปลกหรอกรึ แต่ที่ข้ามาถามเจ้า เป็นเพราะวันนี้ทั้งเสียนเอ๋อร์และเหยียนเอ๋อร์ จู่ๆ ก็ไข้ขึ้นสูงอย่างไม่มีสาเหตุ หมอกี่คนมาตรวจต่างบอกว่าเป็นไข้ไม่ได้ถูกพิษ อาการเหมือนกับเจ้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด” คำพูดของหญิงชรามีความเป็นไปได้อยู่หลายส่วน หากนำมาเชื่อมโยงกันให้ดีๆ ก็จะเห็นจุดที่น่าสงสัย ทว่าในเอกสารที่เขาเคยอ่านผ่านตา ระบุไว้ชัดเจนเรื่องพิษเพลิงอสูรสดับปราณ ว่าจะออกฤทธิ์ได้ดีกับเด็กเล็กเท่านั้น ทั้งไม่เคยปรากฏในบันทึกไว้ว่าพิษนี้มีผลกับผู้ใหญ่ แต่หากตัวเขาถูกพิษชนิดนี้จริง นั่นก็หมายความว่า ต้องมีนักปรุงโอสถระดับสูง ที่สามารถปรุงพิษเพลิงอสูร
บทที่ 47/2 สองตำหนักเปิดใจ ครั้งนี้ฮั่วเฮ่อฉีดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ หากองค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงมีความสามารถพิเศษนี้จริง นั่นก็หมายความว่ารวี่เยว่คือองค์หญิงของตำหนักเทวาอนธการ และอวี้เหวินเทียนหยาก็คือพระปิตุลาของนาง! มิน่าเล่าเขาถึงกล่าวว่า สวรรค์เล่นตลกกับเขา! รอยยิ้มงดงามเจิดจ้าราวแสงตะวันยามเช้า ที่ส่งไปถึงดวงตาของฮั่วเฮ่อฉีผุดพรายเต็มดวงหน้า มือใหญ่ยกมากุมต้นแขนทั้งสองข้างของอวี้เหวินเทียนหยาพร้อมเขย่าเบาๆ “หลานเขยคงต้องขอฝากตัวกับท่านแล้ว พระปิตุลาของรวี่เยว่” เขาลอยหน้าลอยตาเอ่ยวาจาฝากฝังตัวเองกับอีกฝ่ายแบบเนียนๆ อวี้เหวินเทียนหยาคิ้วกระตุก ก้าวถอยหลังให้หลุดจากการเกาะกุมของฮั่วเฮ่อฉี ก่อนเอ่ยวาจาน้ำเสียงเนิบนาบระคนหมั่นไส้อย่างอดไม่อยู่ “หึ! อย่าเพิ่งหลงระเริงนัก ข้ายังไม่ได้บอกว่าท่านผ่านการทดสอบแล้วเสียหน่อย เรื่องนี้คงต้องดูกันอีกนาน และที่สำคัญเสด็จพี่ของข้าฝากมาบอกท่านว่า” “ธิดาของข้าจะเป็นเพียงภรรยาคนเดียวในชีวิตของสามีนาง หากบุรุษผู้นั้นทำไม่ได้ ก็ไสหัวไปไกลๆ เพราะข้าจะไม่มีวันยกนางให้เด็ดขาด!” อวี้เหวินเทียนหยาถ่ายทอดวาจาของ