Home / วาย / ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า / บทนำ สารฤดูปีนั้นด้ายแดงเริ่มถักทอ

Share

บทนำ สารฤดูปีนั้นด้ายแดงเริ่มถักทอ

last update Last Updated: 2025-01-30 18:16:33

                                                                                 บทนำ

     สารทฤดูในเมืองจางงดงามไม่แพ้เมืองใดในแคว้นเหว่ย ยามนี้เป็นช่วงปลายฤดูแล้ว ใบไม้เริ่มแปรเปลี่ยนหลากสี กิ่งไม้เริ่มไร้ใบจนเหมือนกระดูกเรียวเล็กแต่ก็ดูงดงามแปลกตาไปอีกแบบ อากาศเองก็ไม่ร้อนอบอ้าวเฉกเช่นเดิมอีกแล้ว

     ดังนั้นวันนี้กู่ซิงอีจึงคึกคักเป็นพิเศษ หมักสุราหามรุ่งหามค่ำ มือหนึ่งทำงานมือหนึ่งยกสุราเข้าปากด้วยความอารมณ์ดี

     กลิ่นหอมของสุรากำจายทั่วปากทำให้มีแรงทำงานมากกว่าเดิม ยามเมื่อหมักสุราเสร็จสิ้นจนถึงขั้นตอนปิดผนึกแล้วเขากลับไม่ได้นำไหสุราไปเก็บในที่ซึ่งควรเก็บตั้งแต่แรก แต่กลับยกมานั่งอาบแสงจันทร์ที่ลานหน้าบ้านแทน

     จันทร์สกาวเต็มดวงเริ่มเอียงไปมากกว่าครึ่งแผ่นฟ้าแล้ว บ่งบอกว่าคืนนี้เขาทำงานหนักยิ่งนัก และอาจเพราะทำงานตั้งแต่เด็กกู่ซิงอีจึงสูงโปร่งกว่าบุรุษทั่วไปในเมืองจางอยู่บ้าง

     ยามนี้เขานั่งลงที่แคร่ไม้ไผ่กลางลานบ้านซึ่งรอบตัวเต็มไปด้วยไหสุราเกือบสิบไหที่เพิ่งยกมาวาง

     ‘สุราอาบแสงจันทร์ คนหมักเมามาย สุราย่อมรสชาติดี’

     นี่เป็นความเชื่อส่วนตัวของเขา

     ปีนี้กู่ซิงอีอายุสิบแปดแล้ว ตัวเขาเป็นเด็กกำพร้า โตมากับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในหมู่บ้านกงโดยมีผู้เฒ่าเว่ยเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนั้นแหละที่เก็บเขามาเลี้ยงดู ที่นั่นการค้าไม่ได้คึกคักเท่าเมืองหลวงแห่งนี้ และด้วยเพราะเป็นทางผ่านของเส้นทางการขนส่งสินค้าจึงมีแค่ช่วงหนึ่งที่โรงเตี๊ยมจะมีลูกค้าเข้ามาพัก ดังนั้นเวลาว่างที่เหลือผู้เฒ่าเว่ยก็จะสอนเขาทำสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเสมอ

     แต่ที่มักจะพูดโอ้อวดตนเองอยู่บ่อยครั้งว่าทำได้ดีที่สุดก็เห็นจะเป็นการหมักสุรานี่แหละ กู่ซิงอีในวัยเยาว์ก็ค้านหัวชนฝาตลอดว่าไม่จริงอยู่ทุกครา จนกระทั่งเขาได้เดินทางออกจากหมู่บ้านกงมายังเมืองจางเพื่อย้ายถิ่นฐานที่อยู่ตามผู้เฒ่าเว่ย ถึงได้รู้ว่ารสสุราของผู้เฒ่าเว่ยที่หมักเองกับมือนั้นรสชาติยอดเยี่ยมเพียงไร

     หมู่บ้านกงที่เขาเคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เล็กไร้โรงเตี๊ยมแห่งอื่นเพราะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ จึงมีเพียงโรงเตี๊ยมของผู้เฒ่าเว่ยเท่านั้น ดังนั้นคนแก่ผู้นั้นจึงมักโก่งราคาค่าห้องมากกว่าเดิมเสมอ ทำให้ไม่กี่ปีก็เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง สุดท้ายจึงตัดสินใจขายโรงเตี๊ยมพาตนย้ายมาเมืองหลวงหวังหาลู่ทางใหม่

     แต่โชคไม่เข้าข้าง ไม่นานผู้เฒ่าเว่ยก็จากไป

     กู่ซิงอีตอนนั้นอายุแค่สิบสี่ปี กอดเงินที่ผู้เฒ่าเว่ยทิ้งไว้ให้นั่งร้องไห้หน้าหลุมศพอยู่หลายวัน

     ต่อมาจึงใช้วิชาหมักสุราที่ผู้เฒ่าเว่ยสอนหาเลี้ยงปากท้องตนเอง ทว่าล่วงเลยมาจนบัดนี้ ไม่ว่าเขาจะหมักสุราด้วยวิธีการใดล้วนไม่เคยได้รสชาติอย่างที่ผู้เฒ่าเว่ยหมักเลยสักครั้ง มีเพียงค้นพบว่าสุราของตนเองก็มีรสชาติเฉพาะเหมือนกัน แถมตอนนี้ยังเป็นสุราขึ้นชื่อที่มีคนต้องการมากมาย ความต้องการนั้นไม่ได้มาจากว่ารสชาติมันเลิศเลอจนเกินเหตุ แต่อาจเพราะมีน้อยราคาจึงแพงขึ้นอีกเท่าตัว ความต้องการก็เลยสูงขึ้นเช่นกัน

     มิใช่กู่ซิงอีไม่เล็งเห็นจุดสำคัญที่จะทำให้ตนร่ำรวยขึ้นมาจากเรื่องนี้ แต่สามปีก่อนเคยทำมาแล้ว หมักเยอะขายเยอะ แต่กลายเป็นว่าคนได้ไปมักจะบอกว่าเป็นสุราของปลอม รสชาติไม่เหมือนที่เคยได้ลิ้มลอง

     ภายหลังเขาถึงได้เข้าใจว่าต้องหมักตอนไหน แล้วต้องทำอย่างไรจึงจะเหมือนเดิม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสุราของเขาต้องอาบแสงจันทราในวันที่พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น

     ดังนั้นสุราที่ขึ้นชื่อของเขาจึงถูกขนามนามว่า ‘สุราแสงจันทร์’

     และเหนือสิ่งอื่นใดการหมักให้ได้รสชาติดีก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาด้วย เช่นวันนี้ที่เขารู้สึกไร้กังวลเลยสามารถหมักออกมาได้เยอะกว่าปกติ

     เวลานี้บนท้องนภาปลอดโปร่งมีเมฆลอยเคลื่อนตัวเบาบาง ดวงจันทร์ส่องสกาวสว่างไสว แต่น่าเสียดายที่แสงจันทร์สว่างเจิดจ้าจนเกินไป ดวงดาวดวงน้อยจึงถูกบดบังรัศมีไปเกือบหมด

     กู่ซิงอีฮัมเพลงเสียงเบา มือปลดน้ำเต้าข้างเอวที่ใส่สุราไว้ออกมายกกระดกไปอึกใหญ่ ก่อนจะหงายหลังลงบนแคร่ นอนห้อยขากระดิกเท้าตามจังหวะเพลงในลำคอ

     ผมดำที่มัดไว้ลวก ๆ เป็นทรงสูงแผ่กระจายไม่เป็นทิศไม่เป็นทาง แต่เพราะใบหน้ารูปงามเป็นทุนเดิม ทั้งเกลี้ยงเกลาและได้สัดส่วน ไม่ว่าต่อให้เขาจะตีลังกานอนอย่างไรเสียก็ยังน่ามองอยู่ดี

     ดวงหน้ารูปงามเริ่มเคลือบสีแดงเจือจาง มิได้มาจากพิษของสุรา แต่มาจากออกแรงมากไป คนทั่วไปยามปกติสามารถหมักสุราได้วันละไม่กี่ไหใหญ่ ตัวเขาเองก็เช่นกัน แต่วันไหนอารมณ์ดีก็มักจะยั้งมือไม่อยู่ มีของในโรงเก็บของมากเท่าไรก็ลงมือทำมากเท่านั้น! ดังนั้นสิบกว่าไหที่เรียงรายรอบตัวจึงทำให้ใช้แรงไปไม่น้อย

     สายลมเย็นย่ำของค่ำคืนพัดผ่านมา กู่ซิงอีหลับตาพริ้มเพื่อพักผ่อนชั่วครู่เท่านั้น มิได้หวังจะหลับลึกเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราเพราะเขายังต้องเก็บสุรากลับเข้าที่ก่อนแสงแรกของวันพรุ่งนี้จะมาเยือน

     ยามเมื่อได้หลับตาลงแล้วเสียงลมกลับชัดเจนกว่าเดิม กู่ซิงอีได้ยินเสียงลมแทรกผ่านกิ่งไม้ดังมาไม่ขาด ราวกับกำลังหยอกล้อใบไม้ที่เหลือไม่มากเท่าไรบนหัวของเขา

     ต้นไม้ใหญ่กลางลานบ้านที่คอยให้ร่มเงากับบ้านหลังเล็กของเขามาเสมอ หลายเดือนก่อนยังคงผลิใบเต็มต้น ไม่นานกลับคล้ายสั่งลา แต่เป็นความรู้สึกที่ว่า ‘ไว้พบกันใหม่’ เพราะมันเป็นต้นไม้ใหญ่อายุมากย่อมไม่ตายโดยง่าย ต่อให้เหมันต์ฤดูปีนี้ที่ใกล้มาเยือนมันก็จะสามารถผ่านไปได้ด้วยดี

     จวบจนกระทั่งเขาอดทนอีกนิด ไม่กี่เดือนก็จะพบใบน้อย ๆ ของมันแตกยอดออกมาใหม่ ดังนั้นต่อให้เวลานี้มันโรยรากู่ซิงอีก็เชื่อมั่นว่าเดี๋ยวมันก็กลับมาอีกครั้ง

     สิ่งที่เขาไม่พอใจที่สุดก็คงจะเป็นต้นพลับที่อยู่หน้าทางออกของประตูบ้านต้นนั้นกระมัง ปีก่อนไม่ออกผลให้เขาสักผล ปีนี้ปลายทางของมันก็ยังคงไม่ต่างจากเดิม

     “คอยดูเถอะ” เขายกนิ้วชี้เรียวยาวขึ้นกลางอากาศทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะชี้ไปในทิศทางที่ต้นพลับยืนต้นสูงเลยความสูงของตัวเขาไปเพียงนิด “ปีหน้าถ้าไม่ออกผล เจ้าตายแน่!”

     ปีนี้นอกจากต้นที่มีเพียงกิ่งแล้วเหลือสิ่งใดให้เขาอีก เปลืองน้ำของบ้านผู้อื่นเหลือเกิน

     กล่าวจบกู่ซิงอีก็ถอนหายใจ คิดว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้ก็อากาศดี แสงจันทร์เด่นชัด ช่วงเวลาที่ดำเนินไปในแนวทางนี้ต่อไปย่อมเป็นวันที่สงบสุขของเขา!

     อีกฝั่งกลางเมืองจางที่จวนใหญ่ของตระกูลว่าน ดึกดื่นค่อนคืนไปแล้วก็ยังมีคนผู้หนึ่งมิได้หลับใหลเช่นกัน

     ว่านฟู่เฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น ขาสองข้างถูกผ้าไหมมันเงาผืนหนึ่งปิดคลุมไว้ เขานั่งอยู่ข้างหน้าต่างมาสักพักแล้วเพราะนอนไม่หลับ ยามนี้กำลังเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่กำลังทอแสงบนท้องนภา เริ่มแรกที่เขามานั่งมองมันยังอยู่อีกฝั่งแต่ตอนนี้เริ่มขยับไปอีกทางแล้ว

     ว่านฟู่เฉิงรู้ว่าพรุ่งนี้ยังต้องจัดการงานอีกเยอะแต่เขาก็ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ยิ่งดึกลงไปมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้หวนนึกถึงเวลาเก่า ๆ ขึ้นมา นั่นคือช่วงที่ตนเองยังเดินเหินได้ดีก่อนจะล้มป่วยหนักจนพิการ

     ความรู้สึกของขาที่วิ่งหรือเดินจนเมื่อยเป็นอย่างไรนั้นเขาแทบจำไม่ได้แล้ว สิ่งเหล่านั้นที่ผ่านมานานหลายปีล้วนกลายเป็นเพียงความทรงจำที่พร่าเลือน สองขาแม้จะยังมีความรู้สึกอยู่บ้างแต่ก็คล้ายด้านชาจนเคยชินไปเสียแล้ว

     ยามนี้มีเพียงเรื่องหนึ่งที่จุกอยู่ในอกยากจะเอื้อนเอ่ยให้ผู้ใดได้ยินยล อีกส่วนคือความต้องการกลับไปเป็นเหมือนเดิมเท่านั้นที่ยังคงติดค้างในใจ

     จวนตระกูลว่านเป็นจวนพ่อค้าที่ร่ำรวยติดอันดับต้นของแคว้นเหว่ย ดังนั้นย่อมมิใช่มีห้องหับเพียงไม่กี่ห้องหรือของมีค่าไม่กี่ชิ้นแบบบ้านคนมีฐานะทั่วไป จำต้องมีคนคอยตรวจตราตามเวลาเสมอ

     ในตอนนั้นบ่าวชายที่เดินตรวจจวนอยู่ก็สะดุดตาเข้ากับเรือนแห่งหนึ่งที่ไฟยังติดอยู่และบานหน้าต่างถูกเปิดไว้ แน่นอนย่อมรู้ว่าที่ตั้งของเรือนซึ่งติดกับลานว่างนั้นเป็นที่อยู่ของผู้ใด เขาจึงเดินเข้ามาดูและได้เจอเจ้านายของตนยังคงนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างอย่างที่คาดไว้

     “คุณชาย ดึกมาแล้ว ให้บ่าวช่วยท่านกลับไปที่เตียงดีหรือไม่ขอรับ” เขากล่าวถามด้วยความระมัดระวัง เพราะคุณชายว่านมักไม่ชอบให้ใครทำเหมือนว่าตัวเองพิการจนต้องคอยพึ่งพาคนอื่นตลอด

     แต่ด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากร่างกายที่ผอมบางของคุณชายก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะหมดแรงในช่วงค่ำจนไม่มีแรงขยับเก้าอี้รถเข็นกลับไปด้านในด้วยตัวเองได้ บ่าวชายคนนี้จึงเอ่ยถามเพราะอยากช่วยจริง ๆ

     “ไม่เป็นไร” ครั้งนี้ว่านฟู่เฉิงไม่ได้โวยวายเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เพิ่งเดินไม่ได้ในช่วงแรกอีกแล้ว กลับสุขุมมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว เขาเอ่ยเนิบนาบออกไปว่า “ไปทำงานของเจ้าต่อเถิด”

     “ขอรับคุณชาย” บ่าวชายรับคำเสร็จก็เดินตรวจเวรยามต่อ และคิดว่าอีกสักพักจะแวะมาดูใหม่ หากคุณชายเผลอหลับไปตนเองจะได้แอบปิดหน้าต่างให้ แต่คงไม่ได้เข้าไปช่วยขยับย้ายคุณชายเข้าไปที่เตียงนอนเพราะเกรงว่าจะไปรบกวนการนอนของคุณชายเข้า คงต้องปล่อยไว้บนรถเข็นเช่นนั้น

     ว่านฟู่เฉิงหลับตาลงพักสายตา ชั่วขณะนั้นสายลมระลอกหนึ่งก็พัดเข้ามาทางหน้าต่าง เป็นความเย็นสบายที่ปลอดโปร่งแต่ก็ไม่ได้ทำให้จิตใจของคนพิการเช่นเขาดีขึ้นเท่าไรนัก

                                                                           สารทฤดูมาเยือน

                                                                             สายลมเป็นใจ

                                                                         ด้ายแดงจึงเริ่มถักทอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 1 (1.4) ผู้ใดบอกกันว่าชีวิตจะสงบสุข

    “อาอี อาอี!” รุ่งอรุณเพิ่งมาเยือนไม่นาน ท้องนภาเริ่มอาบย้อมสีส้มแค่บางส่วน เสียงเรียกก็ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้านของกู่ซิงอีที่ตั้งอยู่ท้ายเมืองแล้ว เจ้าของบ้านยังไม่ทันตื่นเต็มที่ก็ถูกเสียงเรียกอันคุ้นเคยปลุกขึ้นมาจากภวังค์แห่งการหลับใหล นั่นคือเสียงของเซี่ยลู่หลินสหายคนสนิทของตนเองที่กู่ซิงอีไม่มีทางจำผิด ร่างสูงเดินงัวเงียมาตามเสียงเรียก บานประตูบ้านถูกคนที่อยู่อีกฝั่งทุบจนสั่นคลอนไปหมด คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเปิดประตูออกแล้วเขาจึงพูดว่า “เสี่ยวลู่ เจ้ามาตะโกนหน้าบ้านผู้อื่นแต่เช้าขนาดนี้มีเรื่องด่วน...” กู่ซิงอียังไม่ทันพูดจบ เงาเล็กที่อยู่ตรงหน้าก็กระโจนเข้าหาเขา จับแขนทั้งสองข้างของเขาแน่นแล้วเขย่าไปมา “อาอี! อาอี!” เซี่ยลู่หลินกล่าวด้วยความร้อนรน “เจ้าต้องช่วยข้า ต้องช่วยข้า!” แต่ละคำที่กล่าวมาล้วนแทบฟังไม่ออก กู่ซิงอีไม่ตกใจอะไรมากนัก ปกติเซี่ยลู่หลินก็เป็นกระต่ายน้อยขี้ตื่นตูมอยู่แล้ว และแถมยังชอบโวยวายอีกด้วย ดังนั้นท่าทางแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ที่แปลกก็คือการที่เสี่ยวลู่มาหาเขาเช้าตรู่ขนาดนี้ต่างหาก เพราะจวนสกุลเซี่ยต

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า    บทที่ 1 (2.4) เตรียมวางแผน

    “คนผู้นั้นชอบเจ้าหรือไม่” พอกู่ซิงอีถามมาถึงตรงนี้ เซี่ยลู่หลินก็พยักหน้าเพียงนิด กู่ซิงอีจึงเดาเรื่องราวได้ทั้งหมดว่าทำไมสหายยังไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับตนสักที “เพราะฐานะของเขา?” “...” เซี่ยลู่หลินคราวนี้พยักหน้าอย่างแรง หยาดน้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม นางรีบยกมือปาดออกอย่างรวดเร็ว กู่ซิงอีพอเข้าใจแล้วก็ไม่คาดคั้นเรื่องคนรักของสหายอีก แต่ปัญหาตอนนี้คือเรื่องการแต่งงานมากกว่า เซี่ยหลี่จวินบิดาของเซี่ยลู่หลินเป็นพ่อค้าที่เห็นเงินทองมาเป็นอันดับแรกสุด ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของเขาคือผลกำไร ดังนั้นการแต่งงานครั้งนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ เซี่ยหลี่จวินเป็นแบบนี้มานานแล้วกู่ซิงอีรู้จักเป็นอย่างดี สมัยก่อนนายท่านเซี่ยยังชอบสั่งห้ามให้เซี่ยลู่หลินไม่มาเล่นกับตนเพราะเขาเป็นเด็กที่กำพร้าและยากจน แถมเป็นบุรุษอีกด้วย คงกลัวว่าเซี่ยลู่หลินจะมาชอบพอกับเขาเข้าแล้วหนีตามกันไป แต่เซี่ยลู่หลินแม้จะเกรงกลัวบิดามากขนาดไหนทว่าก็ยังแอบมาหาเขาตลอด และเพราะบิดาของเซี่ยลู่หลินเข้มงวดจนเกินไปขนาดคนที่มีฐานะใกล้เคียงกันยังแทบไม่อยากให้เซี่ยลู่หลินไปพบปะ ดังนั้นทั้งคู่จึงเป็นสหายสนิท

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 1 (3.4) ยังมิทันพ้นวัน ข่าวก็แพร่กระจายออกไปไกล

    เมืองจางแห่งนี้ข่าวไปไวยิ่งนัก เสี่ยวลู่บอกกับเขาว่าตนได้รับการทาบทามเมื่อวานตอนเช้า แต่บิดาเพิ่งบอกนางตอนหัวค่ำ ใจนางร้อนรนอยากมาหาเขาตั้งแต่ยามดึกแล้วแต่ติดที่หาจังหวะหนีออกมาไม่ได้ พอรุ่งสางของวันนี้ถึงแอบออกมาได้ในที่สุด พอคำนวณดูนี่ยังไม่ทันพ้นวันด้วยซ้ำ ข่าวลื่อก็ดังไปทั่วเมืองแล้ว เห็นทีเรื่องนี้ก็คงยุ่งยากไปอีกเท่าตัว “ไม่แปลกหรอก ทั้งสองตระกูลเป็นตระกูลพ่อค้าเหมือนกัน ร่ำรวยพอ ๆ กัน ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ข้าเองก็คิดว่าในสักวันต้องได้เห็นงานมงคลที่เอิกเกริกสักครั้งเช่นกัน วันนี้ก็มาถึงแล้ว!” “ฮ่า ๆ เจ้าหวังดื่มสุรามงคลสิท่า” “ทั้งสองตระกูลร่ำรวยขนาดนั้น แถมตระกูลว่านและตระกูลเซี่ยก็รักหน้ารักตามากกว่าใคร จัดงานทั้งที คงเลี้ยงคนทั้งเมือง!” “เจ้าก็กล่าวเกินไป ยังต้องไว้หน้าวังหลวงอยู่บ้าง คงต้องบอกว่าเลี้ยงคนเกินครึ่งเมืองแทน!” “ฮ่า ๆ” กู่ซิงอีได้ฟังก็หัวเราะเสียงเยียบเย็นในใจ มือบีบจอกชาแน่นขึ้นทันที หึ สุราหรือ ไว้ไปขอของข้าดื่มแทนแล้วกัน! งานแต่งในครั้งนี้ไหนเลยจะลำบากให้พวกเจ้าลากสังขารมาดื่มสุรามงคล เพราะมันจะต้องไม่เกิดขึ้น!

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 1 (4.4) ยลโฉมครานั้น ภาพจำมิลืมเลือน

    “ชมเกินไปแล้ว แค่คุ้นเคยเล็กน้อย ๆ เดิมข้าเป็นคนจมูกดีอยู่แล้วด้วย แต่ปกติจะได้กลิ่นขนาดนี้คงต้องทำสุราหกใส่ตัวเองกระมัง” แม่ค้าร้านน้ำตาลปั้นมองบุรุษชุดฟ้าสีพื้นที่เนื้อผ้าไม่ได้ดีมากไม่ได้หยาบมาก และค่อนข้างสะอาดสะอ้าน ดูไม่เหมือนพวกที่ชอบดื่มสุราต่างน้ำ อีกทั้งใบหน้ารูปงามที่พบยากในเมืองจางก็ดูไม่เมามายหรืออ่อนล้าอย่างกับคนที่ดื่มสุรามากจนเกินพอดีเลยสักนิด แล้วเหตุใดกลิ่นบนตัวจึงชัดเจนนัก “ข้าแค่ไปส่งสุราเท่านั้น” กู่ซิงอีกล่าวเรื่องจริงเพียงครึ่งส่วน ในตอนนั้นท่านน้าก็หันไปรับลูกค้าพอดีเขาจึงไม่ต้องหาเรื่องมาแก้ตัวอีก ครั้นพอไม่มีคนชวนคุยแล้วเขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนมาทำอะไรอยู่กลางตลาด เป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้าสีเข้มคันหนึ่งพลันขับผ่านหน้าเขาไปพอดี คิ้วของกู่ซิงอีเลิกขึ้นเล็กน้อย รู้ได้ทันทีว่ารถคันนี้ต้องเป็นของคุณชายว่านแน่นอน เพราะตัวรถม้าออกแบบให้ค่อนข้างเตี้ยยกห่างจากพื้นไม่ถึงหนึ่งข้อศอก ดังนั้นจึงดูออกได้ง่ายว่าไม่ใช่รถม้าแบบทั่วไป และเมื่อมองตามไปก็พบว่ารถม้าได้หายเข้าไปข้างร้านว่านพอดี เลี้ยวไปในจุดอับสายตาที่คนไม่ค่อยสังเกตเห็นผ่านประตูสีน้ำตาลบานใ

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 2 (1.3) สุดท้ายก็ไม่กล้าอยู่ดี

    จวนตระกูลเซี่ยจะว่าใหญ่โตก็คือใหญ่โต แต่การดูแลค่อนข้างหละหลวม หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะว่ากู่ซิงอีเข้าออกบ่อยจนชินไปแล้ว รู้ว่าควรเข้าที่ใด รู้ว่าที่หลบอยู่ตรงไหน และรู้ว่าควรมาเวลาใด ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะแอบย่องเข้ามาเหมือนโจรผู้หนึ่ง ยามปกติกู่ซิงอีมักจะหลบซ่อนบนต้นไม้ใกล้บานหน้าต่างห้องของเซี่ยลู่หลินแล้วใช้หินสามก้อนโยนไปกระทบหน้าต่างตามจังหวะ แต่สารทฤดูดำเนินมาครึ่งทางแล้วใบไม้จึงเริ่มร่วงหล่นใกล้หมดต้น จะหลบอย่างไรก็หลบไม่มิด ดังนั้นวันนี้กู่ซิงอีจึงเดินมาเคาะบานหน้าต่างของสหายตามจังหวะเดียวกับที่ใช้หินโยน เคาะหนึ่งครั้งเว้นไปสักพัก ช่วงเวลาที่เว้นไปก็หันมองซ้ายขวาและด้านหน้าตลอดเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เซี่ยลู่หลินกับเขาเป็นสหายกันมานานแบ่งแยกออกอย่างชัดเจนว่าไม่เคยคิดเกินเลย นับเป็นสหายที่ล่มหัวจมท้ายจนรู้ใจ แต่อย่างไรเสียคนทั่วไปก็คงมองว่าบุรุษและสตรีที่ไหนจะเป็นเพื่อนกันได้ แม้นพวกเขาไม่คิดอันใดแต่คนนอกย่อมต้องคิดแน่ กู่ซิงอีนึกถึงชื่อเสียงของเซี่ยลู่หลินมาก่อนเสมอจะทำให้สหายเสียชื่อไม่ได้ เวลาแอบย่องมาเล่นด้วยกันที่จวนตระกูลเซี่ยจึงต้องคอยระวังอยู่ตลอด ทว

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 2 (2.3) นี่คนหรือนักบวช

    กู่ซิงอีถึงขั้นเกาหัวด้วยความฉงน จู่ ๆ ก็โดนฝ่ามืออรหันต์ “จะส่งคนไปทั้งที่ก็ต้องส่งแบบที่เจ้าตัวชอบสิ บางทีคุณชายว่านอาจจะไม่ได้ชอบคนที่มีหุ่นงดงาม อาจชอบที่เรียบร้อยและเด็กกว่าตนมากก็ได้” สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ถกเถียงกันอยู่นาน กู่ซิงอีที่ไม่มีงานทำเพราะหมักสุราไว้มากพอแล้วจึงอาสาไปสืบถามหาข่าวดูว่าคุณชายว่านเคยมีสตรีที่คบหาหรือไม่ หรือว่าเคยไปเที่ยวหอย่านโคมแดงแล้วเลือกสตรีแบบไหน “คุณชายว่านหรือ ไม่เห็นว่าเขาจะมีใครที่เคยชอบพอกัน” นี่คือคำกล่าวของคนที่อยู่ละแวกจวนของตระกูลว่านซึ่งมีแต่คำบอกเล่าในทำนองเดียวกันทั้งหมด กู่ซิงอีจึงเดินทางต่อไปแถวย่านโคมแดงแทน “คุณชายว่านหรือ ข้าไม่เคยเห็นเขาไปงานเลี้ยงด้วยซ้ำ” “คุณชายว่านไม่เคยมาที่แบบนี้หรอก วัน ๆ เห็นแต่ขลุกตัวอยู่ในจวนกับร้านว่านกลางเมือง” “ข้าเคยเห็นเขามาเจรจาการค้าอยู่บ้างแต่ส่วนมากไม่มาที่หอเริงรมย์ของข้าหรอก นู่น เขาแวะเข้าร้านน้ำชาแทน !” สรุปแล้วกู่ซิงอีเสียเวลาไปจนค่ำก็รู้แค่ว่าคนผู้นั้นเก็บตัวมากนัก หอเริงรมย์หรือหอรื่นเริงแต่ละที่ก็ยังไม่เคยไปและไม่เคยเรียกใครไปที่จวนเพื่อจัดงานเลี้ยงเหมือนที

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 2 (3.3) ส่งเหยื่อไปล่อ

    สองสามวันมานี้กู่ซิงอีคอยเฝ้าประกบตามดูคุณชายว่านอยู่ตลอด วันไหนที่คุณชายว่านออกมาจากจวนเพื่อมาร้านว่านกู่ซิงอีก็จะไปดักรอตั้งแต่ออกจากจวนตามมาจนกระทั่งถึงร้านว่าน ด้วยเพราะรถม้าตระกูลว่านเคลื่อนที่ช้ายิ่งนักเขาจึงเดินตามทันไม่เคยคลาดสายตาแม้แต่น้อย แต่ตลอดทางก็ไม่เห็นคนด้านในชายตาแลสาวคนไหน ผ้าม่านรถม้าถูกปิดไว้อย่างไรก็ยังคงปิดไว้ดังเดิมตลอดมิเคยเปิดออก แถมตอนอยู่ที่จวนคุณชายว่านก็เอาแต่ทำงานทั้งวัน ถึงตัวกู่ซิงอีจะมิได้แอบเข้าไปด้านในเพราะมีคนเดินตรวจตราอยู่ตลอด แต่แค่ปีนกำแพงอยู่ด้านนอกคอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ ก็รู้ได้แล้วว่าคนผู้นี้บ้างานขนาดไหน เพราะห้องทำงานของคุณชายว่านก็คือเรือนที่อยู่ใกล้กับกำแพงเลยเห็นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ออกไปไหนเลย มีเพียงคนสนิทของคุณชายว่านเท่านั้นที่เดินถือของเข้าออกอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเท่าที่สังเกตเห็นบ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นสตรีก็มีแต่คนสูงวัยทั้งนั้น คล้ายว่าระวังตัวเรื่องชู้สาวไว้อยู่แล้ว วันเวลาจึงดำเนินทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ โดยยังมิทันได้เรื่องราวใดเป็นชิ้นเป็นอันเสียที ต่อมาไม่กี่วันกู่ซิงอีกับเซี่ยลู่หลินก็หาคนได้แล้ว เป็นดรุณีน้อยแรก

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 3 (1.2) แย้มยลโฉมครานั้น ความทรงจำมิลืมเลือน

    “เกิดอะไรขึ้น” เสียงเนิบนาบด้านในรถม้าเอ่ยถามขึ้นในชั่วขณะนั้น กู่ซิงอีได้ยินยลก็พบว่าคนผู้หนึ่งหน้าตาดีขนาดนั้นได้แล้ว เสียงเองก็ยังน่าฟังมากยิ่งนัก อดเผลอมองไปที่หน้าต่างรถม้าซึ่งมีผ้าม่านปิดอยู่มิได้ หลี่เซียวที่นั่งอยู่หน้ารถม้าก็รายงานเข้าไปให้คนด้านในฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เขามัวแต่หันไปบอกคุณชายของตนว่าใกล้ถึงที่หมายแล้วจึงไม่ทันเห็นว่าสตรีผู้นี้ผ่านหน้ารถม้าตนตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงม้าร้องขึ้นมาแล้ว กู่ซิงอีหันมาสนใจฉีหย่าที่ทำท่าจะลุกแต่ก็ล้มลงไปกับพื้นต่อ พลางพิเคราะห์ในใจว่า แผนนี้ของเซี่ยลู่หลินอาจใช้ได้ผลแปดส่วนเท่านั้น เพราะส่วนมากคนที่ถูกรถม้าชนในตลาดมักจะเป็นขอทาน คนไร้บ้าน หรือพวกต้มตุ๋น สามกลุ่มนี้ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำเพื่อหลอกเงินคนร่ำรวยอย่างคุณชายว่านเท่านั้น แต่ครั้งนี้อาจจะต่างออกไปก็ได้ เพราะว่าคนที่ถูกชนเป็นสตรีหน้าตางดงามนางหนึ่ง ความงามย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ผู้ใดพบเห็นจะต้องสงสารแม่นางฉีหย่าก่อนถามไถ่ความจริงเป็นแน่ ด้านว่านฟู่เฉิงพอฟังจบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก็สั่งให้หลี่เซียวไปจัดการตามสมควร เรื่องเงิน

    Last Updated : 2025-02-24

Latest chapter

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ตราบจนนิรันดร์

    ค่ำคืนวันนี้ไร้ดวงจันทร์คอยส่องแสงอย่างเคย ทางเบื้องหน้ามืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นทางเดิน แต่กู่‍ซิง‍อีกลับไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะยามนี้เขาได้ขี่อยู่บนหลังผู้อื่น ลำตัวแนบชิดกับคนที่กำลังเดินอยู่จนไร้ช่องว่างระหว่างกาย รับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่สั่นไหวเบา ‍ๆ‍ ทำให้รู้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่กับตนเสมอ กู่‍ซิง‍อีกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวคอคนออกแรงอยู่เพิ่มขึ้นอีกนิด “อีกนานหรือไม่” เขาเอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกว่าตนถูกแบกมาไกลมากแล้ว กระนั้นว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดิน “เสี่ยว‍อี เหนื่อยแล้วหรือ” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเดินช้าลงและย่ำเท้าด้วยความเบา ด้วยเกรงว่าตนอาจจะเดินเร็วไปจนตัวสะเทือนทำให้คนที่อยู่บนหลังรู้สึกไม่สบายตัว “ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ท่านเป็นคนแบกข้าอยู่นะ” กู่‍ซิง‍อีซบคางลงที่ไหล่ของว่าน‍ฟู่‍เฉิง ใจจริงแล้วเขาอยากให้เวลาหยุดอยู่เช่นนี้ตลอดไปเลยต่างหาก ถึงได้กำลังกลัวว่าจุดหมายปลายทางจะมาถึงเร็วเกินไป กระนั้นก็ยังอดห่วงว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงจะหนักอยู่ดีเลยไม่ได้บอกความในใจออกไป กู่‍ซิง‍อีเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงถูกเขาแบกขึ้นบนหลังเดินไ

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 10 กาลก่อนท่านเป็นคนเอ่ย ว่าข้าไร้มารยาท

    หลี่เซียวที่กำลังเดินอยู่ในจวนก็พบกับคุณชายของตนกำลังเดินมาหาด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาไม่ได้เดินไปหาอย่างที่ควรจะเป็น กลับรอคุณชายเดินเข้ามาหาตนที่หยุดรออยู่ก่อนแล้วแทน พลางคิดในใจว่า เอาอีกแล้ว ‍!‍ “เห็นเสี่ยว‍อีของข้าหรือไม่” นั่นไง จะมีสิ่งใดที่เขาเดาผิดไปจากท่าทางเร่งรีบของคุณชายได้อีก ‍!‍ “เมื่อ‍ครู่พอคุณชายกู่เตรียมรากบัวต้มน้ำตาลอยู่ในครัวเสร็จแล้วคิดจะถือนำไปให้คุณชายด้วยตัวเอง แต่ไม่ทันระวังเผลอสะดุดจนของในมือหกรดตัวเอง ตอนนี้น่าจะกำลังไปเปลี่ยนชุดขอรับ” “สะดุดหรือ ‍!‍ แล้วเสี่ยว‍อีบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงพูดค่อนข้างเร็วอย่างหาได้อยาก แทบจะยืนไม่ติดที่อยู่แล้ว ตอนนี้ร่างกายอยู่ตรงนี้แต่หัวใจกลับลอยไปไกลแล้ว “ไม่เป็นอะไรมากขอรับ คุณชายกู่ทรงตัวได้ทันจึงไม่ได้ล้มพับไปกับพื้น แถมรากบัวก็มิได้ร้อนมากและก็เพียงเปื้อนโดนปลายอาภรณ์เล็กน้อยเท่านั้น” สิ่งที่หลี่เซียวไม่ได้กล่าวจนหมดก็คือกู่‍ซิง‍อีนั้นร้อนรนขนาดไหนหลังจากทำขนมหกใส่ตัวเอง เอ่ยปากบ่นอยู่หลายประโยคว่าชุดนั้นคุณชายเป็นคนเลือกให้ตนเองกับมือแถมยังแพงมากด้วย ครั้นบ่นเสร็จก็รีบจาก

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 9 ถูกจับได้เสียแล้ว

    ด้วยเพราะรู้ว่ากู่‍ซิง‍อีหลับลึกขนาดไหน ว่าน‍ฟู่‍เฉิงจึงใช้เรื่องนี้ในการแอบเอาเปรียบกู่‍ซิง‍อีอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นเมื่อคืนที่เขาตื่นมากลางดึกและพบว่ามีใครแอบขยับมาซุกกายแนบชิดตนอยู่ แบบนั้นมีหรือจะอดใจไหว เผลอกัดกู่‍ซิง‍อีไปหลายทีจนกระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนจะรู้สึกตัวเขาถึงได้แสร้งหลับลงไปตามเดิม แต่กลับไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เมื่อก่อนจะแอบทำทีไรต้องหักห้ามใจตลอด แต่บัดนี้ทั้งคู่ตบแต่งกันแล้ว เขาขอเชยชมสักนิดก็คงไม่เป็นไรกระมัง แต่อาจเพราะเผลอตัวมากไป กลับกระทำการไม่แนบเนียน โดนจับได้ตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมา “คุณ‍ชาย‍ว่าน เมื่อคืนทำอะไรแปลก ‍ๆ‍ หรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงหันมองคนที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เพราะกู่‍ซิง‍อีขี้ร้อนเป็นทุนเดิมเวลาสวมเสื้อผ้านอนมักจะมัดหลวม ‍ๆ‍ พอตื่นนอนมาทีไรเสื้อผ้าที่มัดไม่แน่นก็จะหลุดลุ่ยอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนบางส่วนที่มีรอยช้ำจาง ‍ๆ‍ ผมดำเงาชี้ฟูเล็กน้อย ดวงตาก็หรี่เล็กลงยังไม่ทันลืมตาได้เต็มที่ แต่กลับถามเหมือนรู้บางอย่างเช่นนี้ เล่นเอาคนที่กำลังยกน้ำชาไปให้รู้สึกร

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.2 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา

    รุ่งอรุณก่อนวันงานเทศกาลฉีเฉียว “เสี่ยว‍อี เจ้ากำลังจะไปที่ใด” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาและกำลังลุกขึ้นนั่งก็ทันได้เห็นกู่‍ซิง‍อีที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเข้าพอดี แถมดูท่าทางรีบร้อนเหมือนจะออกไปจากห้อง เมื่อถามเสร็จเขาก็เบนสายตามองดูท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง ฟ้ายังไม่ทันสว่างเท่าไรนักน่าจะเลยยามเฉิน[1]มาเพียงไม่นาน ([1] ยามเฉิน คือ 07.00 – 08.59 น. ) แน่นอนว่าปกติทั้งสองคนต่างพากันตื่นเช้ากว่านี้นัก แต่เมื่อวานคุยกันแล้วว่าจะหยุดทำงานสามวัน เหตุใดกู่‍ซิง‍อีถึงลุกมาแต่งตัวคล้ายจะไปทำงานอีก ต่อให้ปกติพวกเขาจะสลับทำงานที่จวนและที่ร้านว่าน และวันนี้คือวันที่ต้องทำงานที่จวน ทว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยากให้ดูไม่มีความน่าสงสัยจึงเปลี่ยนเป็นหยุดงานทั้งหมดแทน คำกล่าวเช่นนั้นก็รวมถึงงานที่จวนก็ไม่ต้องทำมิใช่หรือ หยุดก็คือหยุด ไหนเลยกลับคาดไม่ถึงว่ากู่‍ซิง‍อีจะไม่เข้าใจสิ่งที่หมายถึงให้หยุดอยู่จวนจริง ‍ๆ‍ ครั้นพอได้เห็นอีกฝ่ายแต่งตัวก็คิดว่าจะออกไปที่ห้องทำงาน “ไปร้านขนมไฉ่ที่ข้าชอบอย่างไรเล่า นานครั้งเราถึงจะว่างในช่วงเช้าแบบนี้ รอบนี้ก็ไม่ต้องวานให้คนอื่นไปต่อแถวแทน ได้

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (4.4)

    อีกทั้งด้ายแดงที่เด่นชัดแม้อยู่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้จากข้อมือแต่ละข้างของว่าน‍ฟู่‍เฉิงและกู่‍ซิง‍อีก็ดูคล้ายกันยิ่งนัก คนแอบมองจิตใจลนลานรีบหันกลับไปด้วยดวงตาเบิกโพลง ก้าวเดินตามหลังคนนำทางไปติด ‍ๆ‍ ด้วยท่าทางที่เร่งรีบขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังโดนไฟไล่เผาก้นมา สิ่งที่คนภายนอกกล่าวมาเรื่องฮูหยินของตระ‍กูล‍ว่านไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัดหลอมรวมกับการกระทำของคนทั้งสองด้านหลัง และยังบวกกับก่อนหน้านี้ที่ได้พูดคุยกับกู่‍ซิง‍อีก็คล้ายว่างานทั้งหมดของตระ‍กูล‍ว่านได้ตกอยู่ในมือกู่‍ซิง‍อีแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่นึกขึ้นได้จึงไม่ใช่ตนคิดไปเองแน่ ‍ๆ‍ ทว่าเซี่ย‍หลี่‍จวินแม้จะได้ล่วงรู้ความลับเรื่องนี้เข้าแต่ก็ไม่ได้คิดจะป่าวประกาศให้คนอื่นได้รับรู้หรอก เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก เนื่องจากตระ‍กูล‍ว่านเป็นคนเปิดเส้นทางหลายสายให้เขา ดังนั้นนอกจากแตะว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้แล้ว ก็ยิ่งห้ามทำให้กู่‍ซิง‍อีไม่พอใจอีกด้วย ‍!‍ ถ้าล่วงรู้อนาคตได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินมาเป็นแบบนี้เขาคงจะเห็นใจกู่‍ซิง‍อีอีกสักหน่อย บางทีตัวเขาอาจได้ผลประโยชน์มากกว่าให้บุตรสาวของตนตบแต่งกับน้องชายบุญธรรมของว่าน‍ฟู่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (3+4.)

    “ขอรับ ‍!‍” หลี่เซียวรีบร้อนรับคำก่อนจากไป ฉี‍หย่าหันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ นางจะถูกปฏิบัติอย่างนี้จริง ‍ๆ‍ หรือ นางไม่งดงามหรือไรทำไมคุณ‍ชาย‍ว่านถึงไม่คิดจะสนใจหรือเมตตานางสักนิด แม้จะต้องยอมรับว่าสองคนตรงหน้านางรูปงามไร้ที่ติ แต่นางไม่คิดว่าตนเองจะด้อยค่าถึงเพียงนี้ ‍!‍ จังหวะนั้นเองประตูห้องบานเดิมพลันเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นนาย‍ท่าน‍เซี่ยเดินออกมา พอเห็นบ่าวในจวนของตนที่นั่งกองกับพื้นก็ฉงน ที่แท้คนที่ส่งเสียงดังเมื่อ‍ครู่ก็คือฉี‍หย่าสาวรับใช้ที่บุตรสาวทิ้งไว้ที่จวนเมื่อสองปีก่อน สตรีนางนี้แม้หน้าตาจะงดงามแต่กลับทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีดีแค่ดนตรีกับร่ายรำ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการทำงานในจวนได้เล่า ดังนั้นสำหรับเขาแล้วนางแทบไม่มีสิ่งใดให้ใช้งานได้เลย ตัวเขาแทบไม่อยากพามาทว่านางก็ดื้อดึงขอตามมาจนได้ เขายังกลัวว่าฮูหยินของตนจะเข้าใจผิดด้วยซ้ำ บัดนี้ยังจะมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก ช่างน่าขายหน้าจริง ‍ๆ‍ เซี่ย‍หลี่‍จวินหันมองว่าน‍ฟู่‍เฉิงด้วยความระวัง กลัวว่าสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะถูกยกเลิกเพียงเพราะบ่าวรับใช้ในจวนของตนเอง “คุณ‍ชาย‍ว่าน เป็นข้าไม่อบรมบ่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (2.4)

    แล้วนางไหนเลยจะคาดเดาอนาคตได้ ตนย้ายไปอยู่ตระ‍กูล‍เซี่ยเพียงไม่นานยังไม่มีโอกาสได้มาพบคุณ‍ชาย‍ว่านเลยสักครั้ง คุณชายผู้นี้ก็ตบแต่งภรรยาเสียแล้ว แต่นางยินยอม ยินยอมเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่งของเขาก็ได้ การค้าของตระ‍กูล‍ว่านเติบโตในชั่วข้ามคืนแค่ไหน ใครในเมือง‍จางไม่รู้บ้างเล่า ดังนั้นทุกวันนางจึงตั้งตารอคอยมาโดยตลอด กาลก่อนแม้คุณ‍ชาย‍ว่านจะนั่งเก้าอี้รถเข็นแต่อย่างไรก็ยังรูปงามมากนัก บัดนี้พอเดินเหินได้ปกติด้วยใบหน้าสง่างามเป็นทุนเดิมก็ไม่ต่างอะไรกับเทพเซียนลงมาเดินบนดิน พอได้พบเห็นคนที่ตนคะนึงหาอีกคราก็พาให้หัวใจนางเต้นผิดจังหวะ ใบหน้าพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “คุณ‍ชาย‍ว่าน...” นางเอ่ยเรียกเสียงหวาน “...เจ้ามาทำไม” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงกลับไม่สบอารมณ์ทันทีที่ได้เจอนาง นึกรังเกียจสายตาเช่นนี้ยิ่งนัก หากเป็นกู่‍ซิง‍อีมองเขาด้วยสายตาแบบนี้เจ้าตัวคงไม่อาจหนีรอดเขาไปได้ แต่พอเป็นสตรีตรงหน้าส่งสายตาเฉกเช่นนี้มาให้เขากลับรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา ถึงขั้นดึงหลี่เซียวมาบังตัวเองไว้ครึ่งหนึ่ง “คุณ‍ชาย‍ว่านถามเช่นนี้ ข้าเสียใจยิ่งนัก” ฉี‍หย่าตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เดินก้าว

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (1.4)

    วันนี้หลี่เซียวรอจังหวะที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยู่ตัวคนเดียวถึงได้มีโอกาสเข้ามาเตือนอะไรบางอย่าง “คุณชาย ไม่รู้ว่าสองสามวันที่ผ่านมาคุณชายเห็นรายงานร้านค้าที่เพิ่มขึ้นมาในถนนสายฝนแล้วหรือยังขอรับ” “มีงานเทศกาลหรือ ‍?‍” ช่วงนี้งานปกติที่เขาเคยทำล้วนส่งมอบให้ฮูหยินของตนเกือบทั้งหมด ส่วนตัวเองไปมองหาลู่ทางการขยายกิจการแทน ขณะนี้เองก็กำลังดูเครื่องประดับที่ส่งมาจากแคว้นอื่นด้วยความตั้งใจ พอถูกถามจึงไม่ได้ทันคิดถึงว่าวันนี้คือวันที่เท่าไร มีงานอะไรสำคัญหรือไม่ เพราะนอกจากจะนับวันรอที่จะได้หยุดเพื่อออกไปชมต้นไม้ใบหญ้าลำธารกับคนของใจแล้ว วันเวลาอย่างอื่นล้วนไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่ที่ถามออกไปได้อย่างแม่นยำและถูกถึงเก้าส่วนก็เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาล้วน ‍ๆ‍ เนื่องจากถนนสายฝนเป็นหนึ่งในกิจการร้านค้าที่เขามีมากที่สุดในเมือง‍จาง หากมีร้านค้าเพิ่มขึ้นมาก็หมายถึงมีการแบ่งพื้นที่หน้าร้านแต่เดิมจากหนึ่งเป็นสองร้าน หรือก็คืออาจมีงานเทศกาลยามค่ำคืนร่วมด้วย แถมบางครั้งยังเป็นตระ‍กูล‍ว่านที่ต้องออกหน้ารับจัดงานด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าในส่วนนี้เขาย่อมมีผู้ดูแลแทนอยู่แล้วเลยไม่ค่อยสนใจที่หลี่เซี

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 7 ตกถังข้าวสารแล้ว งานไม่ต้องทำก็ได้

    ใกล้เข้าเหมันตฤดูแล้ว ว่าน‍ฟู่‍เฉิงยืนกอดอกมองคนขนของเข้ามาในจวน เขาสั่งไหมาเยอะมาก เอามาทุกขนาดที่หาได้ หากคำนวณผ่านตาคร่าว ‍ๆ‍ ตั้งแต่ครึ่งก้านธูปที่แล้วไหที่ถูกขนเข้าไปก็ปาไปหลายร้อยใบแล้ว กู่‍ซิง‍อีที่เดินหาวหวอดออกมาก็มองตามกลุ่มคนมากมายซึ่งกำลังพากันขนไหเข้าไปด้านหลังจวน “ท่านสั่งไหมาทำไมเยอะแยะ” เมื่อเดินเข้ามาใกล้ถึงคนรักของตนก็เอ่ยถามออกไป “ไว้ให้เจ้าหมักสุรา” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงกล่าวแย้มยิ้ม ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาจนถึงตนเอง ว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ก้าวยาว ‍ๆ‍ เดินไปหยุดยืนข้างกายดวงใจของตนแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจมองมาทางนี้จึงขยับหอมแก้มกู่‍ซิง‍อีด้วยความรวดเร็วไปหนึ่งที กู่‍ซิง‍อีตกใจจนตัวแข็ง รีบหันมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครก็โล่งใจ แต่อดที่จะมองค้อนเขาไปทีหนึ่งมิได้ “เหอะ ท่านยังคิดจะใช้ข้าทำงานอีก ‍!‍ ข้าตกถังข้าวสารแล้ว ไหนเลยจะไปทำงานให้เหนื่อย” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้เสียใจหรือน้อยใจกลับยกยิ้มมองกู่‍ซิง‍อีและพูดเสริมว่า “ข้าสั่งทำห้องหมักสุราโดยเฉพาะไว้ให้เจ้าแล้วไม่ต้องรวมกับครัวของจวนแบบครั้งก่อนอีก และทั้งข้าว ไห เชือก ผ้ากรองก็มีให้ใช้ไม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status