Home / วาย / ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า / บทที่ 1 (4.4) ยลโฉมครานั้น ภาพจำมิลืมเลือน

Share

บทที่ 1 (4.4) ยลโฉมครานั้น ภาพจำมิลืมเลือน

last update Last Updated: 2025-01-30 18:29:48

     “ชมเกินไปแล้ว แค่คุ้นเคยเล็กน้อย ๆ เดิมข้าเป็นคนจมูกดีอยู่แล้วด้วย แต่ปกติจะได้กลิ่นขนาดนี้คงต้องทำสุราหกใส่ตัวเองกระมัง” แม่ค้าร้านน้ำตาลปั้นมองบุรุษชุดฟ้าสีพื้นที่เนื้อผ้าไม่ได้ดีมากไม่ได้หยาบมาก และค่อนข้างสะอาดสะอ้าน ดูไม่เหมือนพวกที่ชอบดื่มสุราต่างน้ำ อีกทั้งใบหน้ารูปงามที่พบยากในเมืองจางก็ดูไม่เมามายหรืออ่อนล้าอย่างกับคนที่ดื่มสุรามากจนเกินพอดีเลยสักนิด แล้วเหตุใดกลิ่นบนตัวจึงชัดเจนนัก

     “ข้าแค่ไปส่งสุราเท่านั้น” กู่ซิงอีกล่าวเรื่องจริงเพียงครึ่งส่วน ในตอนนั้นท่านน้าก็หันไปรับลูกค้าพอดีเขาจึงไม่ต้องหาเรื่องมาแก้ตัวอีก

     ครั้นพอไม่มีคนชวนคุยแล้วเขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนมาทำอะไรอยู่กลางตลาด

     เป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้าสีเข้มคันหนึ่งพลันขับผ่านหน้าเขาไปพอดี คิ้วของกู่ซิงอีเลิกขึ้นเล็กน้อย รู้ได้ทันทีว่ารถคันนี้ต้องเป็นของคุณชายว่านแน่นอน เพราะตัวรถม้าออกแบบให้ค่อนข้างเตี้ยยกห่างจากพื้นไม่ถึงหนึ่งข้อศอก ดังนั้นจึงดูออกได้ง่ายว่าไม่ใช่รถม้าแบบทั่วไป และเมื่อมองตามไปก็พบว่ารถม้าได้หายเข้าไปข้างร้านว่านพอดี เลี้ยวไปในจุดอับสายตาที่คนไม่ค่อยสังเกตเห็นผ่านประตูสีน้ำตาลบานใหญ่เข้าไป

     กู่ซิงอียังคงคาบน้ำตาลปั้นรูปมังกรไว้ในปากพลางเดินไปหยุดอยู่ที่ซอยข้างร้านว่าน เมื่อมองเข้าไปกลับพบว่ามันไม่ใช่ซอยอย่างที่คิดไว้แต่แรก กลับเป็นหนึ่งในพื้นที่ของร้านแทน ด้านหน้าสุดที่เขาหยุดยืนก็คือประตูเปิดปิดบานใหญ่

     ตัวเขายืนอยู่หน้าประตูแล้วหันไปมองในมุมด้านข้างไม่ได้ยืนตัวตรงมองอย่างโจ่งแจ้ง ทำคล้ายเดินผ่านแล้วหันไปมองพอดี แต่ในตอนนั้นดันเป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนผู้หนึ่งเอากระดานแผ่นหนึ่งมาเชื่อมไปบนรถม้า หลังจากนั้นก็มีคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นถูกพาลงมา

     ลมของสารทฤดูช่วงนี้ค่อนข้างพัดแรง ยามนี้สายลมหอบหนึ่งซึ่งไร้ที่มาที่ไปอย่างแน่ชัดก็พลันผ่านร่างของเขาไป หอบลอยเข้าไปทางบริเวณด้านในที่รถม้าของตระกูลว่านจอดอยู่

     ว่านฟู่เฉิงที่เพิ่งถูกพาลงมาจากรถม้าก็ถูกสายลมระลอกนั้นพัดผ่านร่างไปพอดี กลิ่นหอมที่ลอยมาตามสายลมและอบอวลรอบกายของเขาอยู่เพียงชั่วอึดใจก็ทำให้เขาหันมามองทางหน้าประตูทันทีด้วยความสงสัย

     กู่ซิงอีที่กำลังคาบมังกรปั้นซึ่งเหลือครึ่งตัวไว้ในปากพลันชะงัก สายตาสบประสานกับคนบนเก้าอี้รถเข็นเข้าพอดี มือนิ่งค้างไม่ได้ดึงไม้กลับคืนไป

     ในหัวพลันนึกถึงเสียงของเสี่ยวลู่และท่าทางจริงจังของนางขึ้นมา

     ‘รูปงามยิ่งนัก!’

     ไม่ผิดจากที่นางกล่าวเลยสักนิด

     ว่านฟู่เฉิงมีรูปหน้าคมคาย กลิ่นอายที่ปกคลุมรอบตัวดังหยกล้ำค่า แววตาเฉยชาเข้าขั้นเย็นเยียบราวกับปราศจากสิ่งใดที่ต้องเป็นกังวล ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ทว่าปากที่เป็นสีธรรมชาติซึ่งกำลังกดลงเล็กน้อย บวกกับคิ้วได้รูปที่มุ่นเข้าหากันกลับทำให้เจ้าตัวดูไม่พอใจกับอะไรบางสิ่งอย่างออกนอกหน้าขัดกับแววตาเฉยเมยนั้นยิ่งนัก

     กู่ซิงอีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนผู้หนึ่งต่อให้ทำหน้าตาไม่พอใจแต่ก็งดงามได้ถึงเพียงนี้ หรืออาจเป็นเพราะรูปร่างผอมและอาภรณ์สีเขียวปักดิ้นทองทำให้เจ้าตัวดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิมเลยไม่ทำให้ผู้ได้แย้มยลรู้สึกหวาดหวั่นเท่าไรนัก

     กู่ซิงอีรั้งสติรีบหันหน้ากลับไปมองตรง ขยับเท้าเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงชายเสื้อตัวยาวที่สวมใส่พลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง

     สายลมพลันพัดพากลิ่นที่เหลืออยู่บริเวณด้านหน้าประตูตรงเข้าไปด้านในอีกระลอกหนึ่ง

     “...” ว่านฟู่เฉิงคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้นอีกนิด นึกสงสัยว่ากลิ่นหอมที่ตรึงอยู่ในใจของเขานี่คือกลิ่นอะไร และมาจากคนผู้นั้นหรือไม่

     “คุณชายไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าขอรับ” หลี่เซียวคนสนิทเพียงคนเดียวของว่านฟู่เฉิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้รถเข็นก็ถามด้วยความระมัดระวัง

     ว่านฟู่เฉิงกลับส่ายหน้าแผ่วเบาแล้วยกมือขึ้นให้หลี่เซียวพาตัวเองเข้าไปด้านใน

Related chapters

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 2 (1.3) สุดท้ายก็ไม่กล้าอยู่ดี

    จวนตระกูลเซี่ยจะว่าใหญ่โตก็คือใหญ่โต แต่การดูแลค่อนข้างหละหลวม หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะว่ากู่ซิงอีเข้าออกบ่อยจนชินไปแล้ว รู้ว่าควรเข้าที่ใด รู้ว่าที่หลบอยู่ตรงไหน และรู้ว่าควรมาเวลาใด ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะแอบย่องเข้ามาเหมือนโจรผู้หนึ่ง ยามปกติกู่ซิงอีมักจะหลบซ่อนบนต้นไม้ใกล้บานหน้าต่างห้องของเซี่ยลู่หลินแล้วใช้หินสามก้อนโยนไปกระทบหน้าต่างตามจังหวะ แต่สารทฤดูดำเนินมาครึ่งทางแล้วใบไม้จึงเริ่มร่วงหล่นใกล้หมดต้น จะหลบอย่างไรก็หลบไม่มิด ดังนั้นวันนี้กู่ซิงอีจึงเดินมาเคาะบานหน้าต่างของสหายตามจังหวะเดียวกับที่ใช้หินโยน เคาะหนึ่งครั้งเว้นไปสักพัก ช่วงเวลาที่เว้นไปก็หันมองซ้ายขวาและด้านหน้าตลอดเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เซี่ยลู่หลินกับเขาเป็นสหายกันมานานแบ่งแยกออกอย่างชัดเจนว่าไม่เคยคิดเกินเลย นับเป็นสหายที่ล่มหัวจมท้ายจนรู้ใจ แต่อย่างไรเสียคนทั่วไปก็คงมองว่าบุรุษและสตรีที่ไหนจะเป็นเพื่อนกันได้ แม้นพวกเขาไม่คิดอันใดแต่คนนอกย่อมต้องคิดแน่ กู่ซิงอีนึกถึงชื่อเสียงของเซี่ยลู่หลินมาก่อนเสมอจะทำให้สหายเสียชื่อไม่ได้ เวลาแอบย่องมาเล่นด้วยกันที่จวนตระกูลเซี่ยจึงต้องคอยระวังอยู่ตลอด ทว

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 2 (2.3) นี่คนหรือนักบวช

    กู่ซิงอีถึงขั้นเกาหัวด้วยความฉงน จู่ ๆ ก็โดนฝ่ามืออรหันต์ “จะส่งคนไปทั้งที่ก็ต้องส่งแบบที่เจ้าตัวชอบสิ บางทีคุณชายว่านอาจจะไม่ได้ชอบคนที่มีหุ่นงดงาม อาจชอบที่เรียบร้อยและเด็กกว่าตนมากก็ได้” สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ถกเถียงกันอยู่นาน กู่ซิงอีที่ไม่มีงานทำเพราะหมักสุราไว้มากพอแล้วจึงอาสาไปสืบถามหาข่าวดูว่าคุณชายว่านเคยมีสตรีที่คบหาหรือไม่ หรือว่าเคยไปเที่ยวหอย่านโคมแดงแล้วเลือกสตรีแบบไหน “คุณชายว่านหรือ ไม่เห็นว่าเขาจะมีใครที่เคยชอบพอกัน” นี่คือคำกล่าวของคนที่อยู่ละแวกจวนของตระกูลว่านซึ่งมีแต่คำบอกเล่าในทำนองเดียวกันทั้งหมด กู่ซิงอีจึงเดินทางต่อไปแถวย่านโคมแดงแทน “คุณชายว่านหรือ ข้าไม่เคยเห็นเขาไปงานเลี้ยงด้วยซ้ำ” “คุณชายว่านไม่เคยมาที่แบบนี้หรอก วัน ๆ เห็นแต่ขลุกตัวอยู่ในจวนกับร้านว่านกลางเมือง” “ข้าเคยเห็นเขามาเจรจาการค้าอยู่บ้างแต่ส่วนมากไม่มาที่หอเริงรมย์ของข้าหรอก นู่น เขาแวะเข้าร้านน้ำชาแทน !” สรุปแล้วกู่ซิงอีเสียเวลาไปจนค่ำก็รู้แค่ว่าคนผู้นั้นเก็บตัวมากนัก หอเริงรมย์หรือหอรื่นเริงแต่ละที่ก็ยังไม่เคยไปและไม่เคยเรียกใครไปที่จวนเพื่อจัดงานเลี้ยงเหมือนที

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 2 (3.3) ส่งเหยื่อไปล่อ

    สองสามวันมานี้กู่ซิงอีคอยเฝ้าประกบตามดูคุณชายว่านอยู่ตลอด วันไหนที่คุณชายว่านออกมาจากจวนเพื่อมาร้านว่านกู่ซิงอีก็จะไปดักรอตั้งแต่ออกจากจวนตามมาจนกระทั่งถึงร้านว่าน ด้วยเพราะรถม้าตระกูลว่านเคลื่อนที่ช้ายิ่งนักเขาจึงเดินตามทันไม่เคยคลาดสายตาแม้แต่น้อย แต่ตลอดทางก็ไม่เห็นคนด้านในชายตาแลสาวคนไหน ผ้าม่านรถม้าถูกปิดไว้อย่างไรก็ยังคงปิดไว้ดังเดิมตลอดมิเคยเปิดออก แถมตอนอยู่ที่จวนคุณชายว่านก็เอาแต่ทำงานทั้งวัน ถึงตัวกู่ซิงอีจะมิได้แอบเข้าไปด้านในเพราะมีคนเดินตรวจตราอยู่ตลอด แต่แค่ปีนกำแพงอยู่ด้านนอกคอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ ก็รู้ได้แล้วว่าคนผู้นี้บ้างานขนาดไหน เพราะห้องทำงานของคุณชายว่านก็คือเรือนที่อยู่ใกล้กับกำแพงเลยเห็นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ออกไปไหนเลย มีเพียงคนสนิทของคุณชายว่านเท่านั้นที่เดินถือของเข้าออกอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเท่าที่สังเกตเห็นบ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นสตรีก็มีแต่คนสูงวัยทั้งนั้น คล้ายว่าระวังตัวเรื่องชู้สาวไว้อยู่แล้ว วันเวลาจึงดำเนินทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ โดยยังมิทันได้เรื่องราวใดเป็นชิ้นเป็นอันเสียที ต่อมาไม่กี่วันกู่ซิงอีกับเซี่ยลู่หลินก็หาคนได้แล้ว เป็นดรุณีน้อยแรก

    Last Updated : 2025-01-30
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 3 (1.2) แย้มยลโฉมครานั้น ความทรงจำมิลืมเลือน

    “เกิดอะไรขึ้น” เสียงเนิบนาบด้านในรถม้าเอ่ยถามขึ้นในชั่วขณะนั้น กู่ซิงอีได้ยินยลก็พบว่าคนผู้หนึ่งหน้าตาดีขนาดนั้นได้แล้ว เสียงเองก็ยังน่าฟังมากยิ่งนัก อดเผลอมองไปที่หน้าต่างรถม้าซึ่งมีผ้าม่านปิดอยู่มิได้ หลี่เซียวที่นั่งอยู่หน้ารถม้าก็รายงานเข้าไปให้คนด้านในฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เขามัวแต่หันไปบอกคุณชายของตนว่าใกล้ถึงที่หมายแล้วจึงไม่ทันเห็นว่าสตรีผู้นี้ผ่านหน้ารถม้าตนตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงม้าร้องขึ้นมาแล้ว กู่ซิงอีหันมาสนใจฉีหย่าที่ทำท่าจะลุกแต่ก็ล้มลงไปกับพื้นต่อ พลางพิเคราะห์ในใจว่า แผนนี้ของเซี่ยลู่หลินอาจใช้ได้ผลแปดส่วนเท่านั้น เพราะส่วนมากคนที่ถูกรถม้าชนในตลาดมักจะเป็นขอทาน คนไร้บ้าน หรือพวกต้มตุ๋น สามกลุ่มนี้ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำเพื่อหลอกเงินคนร่ำรวยอย่างคุณชายว่านเท่านั้น แต่ครั้งนี้อาจจะต่างออกไปก็ได้ เพราะว่าคนที่ถูกชนเป็นสตรีหน้าตางดงามนางหนึ่ง ความงามย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ผู้ใดพบเห็นจะต้องสงสารแม่นางฉีหย่าก่อนถามไถ่ความจริงเป็นแน่ ด้านว่านฟู่เฉิงพอฟังจบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก็สั่งให้หลี่เซียวไปจัดการตามสมควร เรื่องเงิน

    Last Updated : 2025-02-24
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 3 (2.2) ปลาไม่กินเหยื่อ

    แผนการที่กู่ซิงอีคิดไว้คือให้ฉีหย่าได้พบกับคุณชายว่านก่อน ดังนั้นเมื่อครู่พอเห็นนางขึ้นรถม้าไปก็เบาใจ แต่ไหนเลยจะคิดว่ารถม้ากลับตรงไปแทนที่จะเลี้ยวเข้าร้านว่าน ทำให้การที่ฉีหย่าจะได้เจอคุณชายว่านนั้นน้อยลงไปยิ่งกว่าเดิม รถม้าของตระกูลว่านยังคงเคลื่อนที่ช้ามากนักแม้จะเลยจุดที่ผู้คนเนืองแน่นมาแล้วก็ตาม แต่ก็ดีเพราะเหตุนี้ทั้งสองคนถึงได้เดินตามมาได้ทัน ในตอนนั้นก็ได้ยินแม่นางฉีหย่าส่งเสียงพูดไม่หยุด “คุณชาย รบกวนท่านแล้ว บ่าวไม่เป็นไรมากเจ้าค่ะ พักสักนิดก็หาย ไม่จำเป็นต้องพาบ่าวไปถึงโรงหมอหรอกเจ้าค่ะ” ฉีหย่าพยายามกล่าวเสียงดังให้คนด้านในได้ยิน แม้กระทั่งคำเรียกขานตนเองนางก็เปลี่ยนให้ตนดูต้อยต่ำลง “เป็นบ่าวที่ผิดเอง เพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายวันจึงหน้ามืดเดินไม่ดูทาง” แม้ว่าน้ำเสียงของนางทั้งนุ่มนวลและอ้อยอิ่งใครได้ยินจำต้องอยากสนทนาด้วยอีกสักหน่อย แต่กลับไร้เสียงตอบกลับมาจากด้านในอย่างที่ควร “แม่นางรอพบหมอก่อนเถิด ข้าจะมอบเงินค่าเสียหายให้แน่นอน เจ้าจะได้มีเงินไว้ซื้อข้าวกิน” ประโยคนี้เป็นหลี่เซียวที่นั่งข้างกันเป็นคนกล่าวแทน “ท่านมอบเงินให้บ่าวก็เหมือนมอบปลาใ

    Last Updated : 2025-02-24
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 4 (1.2) ใครบางคนที่พบเจอมิห่าง

    สองสามวันผ่านไปก็ไร้วี่แววว่าฉีหย่าจะทำงานสำเร็จ ในตอนนั้นร้านว่านรับสมัครบ่าวชายไปทำงานที่จวนตระกูลว่านพอดี กู่ซิงอีจึงรีบไปเสนอหน้าก่อนใคร แถมด้วยความฉลาดพูดของเขาก็ทำให้ได้งานในทันที กู่ซิงอีพอย้ายเข้ามาในจวนก็ส่งข่าวให้ฉีหย่าหาเรื่องมาที่จวนตระกูลว่านให้ได้ในสองสามวันนี้ เพราะเขาได้ข่าวว่าทางการสั่งห้ามออกจากบ้านเป็นเวลาเจ็ดวันหากเลยยามซวี [1] ไปแล้ว ดังนั้นจะต้องหาเรื่องให้นางรั้งอยู่จนถึงยามนั้นเพื่อให้นางพักที่จวนตระกูลว่านให้ได้ ([1] ยามซวี คือช่วงเวลา 19.00-20.59 น.) ความจริงถ้ามีเวลามากกว่านี้กู่ซิงอีคิดว่าคงให้นางค่อย ๆ เอาชนะใจคุณชายว่าน แต่เพราะระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป ต้องรีบหาทางให้ทั้งคู่ได้เจอกันก่อน ตกดึกคืนนั้นกู่ซิงอีกลับได้รับหน้าที่เพิ่มเติมคือต้องไปเดินตรวจตรารอบจวนแทนคนเก่าที่เกิดหกล้มจนเดินไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน จวนตระกูลว่านค่อนข้างใหญ่โต จึงแบ่งการเดินตรวจเวรออกเป็นสองฝั่ง ในแต่ละรอบจะมีคนเดินตรวจตราทีละสองคน กู่ซิงอีแต่เดิมก็เป็นคนมีความจำเป็นเลิศ บ่าวชายอีกคนที่ทำงานในวันนี้ด้วยกันบอกเส้นทางเพียงครั้งเดียวเขาก็รู้ว่าตนต้องไปทางไ

    Last Updated : 2025-02-24
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 4 (2.2) แยบยลเกินไปหน่อยเกือบไม่ทันได้สังเกต

    เอาเข้าจริงหากเซี่ยลู่หลินเห็นเพียงด้านหลังของอีกฝ่ายและได้ยินน้ำเสียงนี้ก็คงไม่รู้แน่ว่าเป็นสหายของตน กู่ซิงอีนั้นนอกจากจะดัดเสียงแล้วยังปลอมตัวอีกด้วย เขาสวมผ้าคาดที่หน้าผากแบบบ่าวทั่วไปชอบสวมแถมยังมัดผมขึ้นจนหมดไม่ได้ปล่อยหางม้าแบบเคย และอย่างไรเสียคุณชายว่านกับเขาก็เคยเจอหน้ากันหนหนึ่งเท่านั้นแถมเป็นตอนที่เขาอยู่ไกลกันค่อนข้างมาก คงไม่มีทางจำกันได้ ว่านฟู่เฉิงคาดไม่ถึงว่าบ่าวชายจะซ่อมล้อรถเข็นให้ตนเช่นนี้ คิดว่าอีกฝ่ายคงจะพาตนเองกลับไป ไม่ก็ไปเรียกคนสนิทของตนมาให้ หรือไม่ก็ไปหารถเข็นตัวสำรองมาแทน แถมเมื่อครู่ตอนเขาล้มบ่าวคนนี้ก็ไม่พูดไม่จาไม่ถามเขาว่าเจ็บหรือไม่ ทำเพียงอุ้มเขาขึ้นมาอย่างง่ายดายแล้วจากไป ไม่เหมือนกับคนที่เขาเคยเจอเลยสักนิด ความรู้สึกโกรธจึงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยแทน กู่ซิงอีเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็เงยหน้าขึ้นมอง “หรือว่าคุณชายบาดเจ็บตรงไหน” เพิ่งจะมาเอ่ยปากถามเอาตอนนี้เอง ว่านฟู่เฉิงแทบอยากถอนหายใจใส่แต่ก็ทำเพียงเก็บอารมณ์นั้นเอาไว้ในใจ กล่าวเนิบนาบอย่างรักษาท่าทีว่า “เจ็บหัวเข่านิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรมาก” บ่าวคนนี้ความรู้สึกช้ายิ่งนัก!

    Last Updated : 2025-02-24
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 5 (1.2) แผนครั้งนี้ผิดพลาดได้อย่างไร

    ก่อนหน้านี้เพียงนิดเป็นกู่ซิงอีที่นำทางฉีหย่ามาที่ลานว่างหน้าเรือนของคุณชายว่านด้วยตนเอง วันนี้นอกจากเขาจะต้องทำงานบ้านแบกน้ำแบกของแล้วยังต้องมารับหน้าที่ตรวจเวรแทนคนเดิมอีกเช่นเคย ดังนั้นพอเขาเดินไปไหนมาไหนทั่วจวนก็ดูไม่น่าผิดสังเกตมากนัก ทุกอย่างช่างเข้าที่เข้าทาง ระหว่างที่ส่งฉีหย่าไปแล้วตัวเขาก็ไม่ได้ไปไหนไกล รั้งหลบรอดูเหตุการณ์อยู่แถวนั้น กู่ซิงอีเห็นว่าพอแม่นางฉีหย่าพูดไปได้สักพักก็เริ่มเข้าไปทำท่าจะนั่งบนตักของคุณชายว่าน แต่เพราะคุณชายว่านหันหลังอยู่กู่ซิงอีจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร คาดเดาไปแล้วว่าแม่นางฉีหย่าคงทำสำเร็จ ด้วยการพูดที่ชาญฉลาดและช่างเอาใจจึงคิดว่าที่นางสามารถไปนั่งตักคุณชายว่านได้คงเพราะอีกฝ่ายคงเรียกนางเข้าไปหาเป็นแน่ รอยยิ้มมุมปากพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ทว่าขาของฉีหย่ายังไม่ทันนั่งลงถึงที่หมายร่างบางก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนตัวกระเด็นไปนั่งอยู่บนพื้น จากนั้นกู่ซิงอีที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนักก็ได้ยินเสียงคุณชายว่านตะโกนเรียกหลี่เซียวให้เข้ามาหา กู่ซิงอีขมวดคิ้วมุ่นตามเหตุการณ์ไม่ทัน รีบขยับเข้าใกล้ไปอีกนิดเพื่อฟังว่าเกิดอะไร

    Last Updated : 2025-02-24

Latest chapter

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 8 (2.2) ชื่อตอน แค่คนผ่านทาง

    ท่าทางการเดินไต่ตัวบนกำแพงจวนก็ดูคล่องแคล่วยิ่งนัก หลอมรวมกับยามนั้นมีสายลมของสารทฤดูพัดผ่านมาพอดี ชายเสื้อสะบัดพลิ้วไหวชวนให้คิดว่านี่อาจเป็นปีศาจตนใดมาล่อลวงผู้คนเข้าแล้ว ภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับเขาเป็นผู้เมามายเสียเองจนเห็นภาพหลอน ทว่าเสียงเท้าหนัก ๆ ที่กระโดดลงมาจากกำแพงของเจ้าตัวก็ทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่เป็นภาพที่เขาคิดไปเอง รอยยิ้มที่แต่งแต้มไว้บนใบหน้าก็ดูต่างไปจากเดิมอยู่บ้าง สรุปแล้วเมื่อวานหรือวันนี้กันแน่ที่เมามาย ว่านฟู่เฉิงจึงคิดว่าหรือไม่แน่วันนี้ก็คงเมาเหมือนเดิมนั่นแหละ ในใจพลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ตัวเขาเป็นคนจริงจังทำงานเป็นเวลาและไม่ชอบคนเหลาะแหละ คนที่กำลังเดินเข้ามาหาทำตัวราวกับคนว่างงาน ตั้งแต่ที่ได้สบตากันวันนั้นก็เจอคนผู้นี้ป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวมาโดยตลอด วันนี้ก็โผล่มาอีกแล้ว แถมถ้าเมามาอีกจะคิดสิ่งใดได้นอกจากเป็นคนไม่เอาการเอางานผู้หนึ่งที่วัน ๆ คงเอาแต่สำมะเลเทเมาไปเรื่อยเปื่อย ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ตัวของคนผู้นี้มักจะมีกลิ่นหอมของสุราติดมาด้วยตลอด “วันนี้ไม่มีดวงจันทร์แล้ว...” กู่ซิงอีเงยหน้ามองท้องฟ้ามือผสานไว้ด้านหลังก่อนจะเดินมาหาคนที่น

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 8 (1.2) ตอนนี้ก็ตลก ตั้งใจหลอกผู้อื่น ไหงกลายเป็นตนเองที่ถูกจับได้

    ระหว่างทางไปบ้านของตนจำต้องผ่านจวนตระกูลว่านก่อน กู่ซิงอีพลันหยุดมองดูต้นพลับต้นเดิม ส่งเสียงเหอะออกมาอย่างเย้ยหยัน ยกสุรากระดกขึ้นจนหมดไหแล้วโยนไหสุราทิ้งไว้ที่พุ่มหญ้าแถวนั้น ใบหน้าที่ถูกสีชมพูอ่อนจางเคลือบไว้หนึ่งชั้นก็กระตุกยิ้มขึ้นในความมืด ดวงตาเปล่งประกายกว่าเดิมเล็กน้อย นึกครึ้มใจหาทางปีนเข้าไปด้านในจวนของผู้อื่น กาลก่อนเขาเคยแอบมาปีนกำแพงเพื่อตามดูว่านฟู่เฉิงก็จริงแต่ก็เข้าไปถึงด้านในไม่ได้ ทำได้แต่มองอยู่ข้างนอก ทว่าภายหลังจากที่ได้เข้าไปทำงานในจวนตระกูลว่านแล้วและทำหน้าที่เป็นคนเดินตรวจเวรมาก่อนย่อมรู้ว่ายามไหนที่จะหลบพ้นสายตาผู้คนในจวนได้ แถมจากที่ชอบปีนเข้าไปหาเซี่ยลู่หลินบ่อย ๆ ก็ทำเรื่องแบบนี้อย่างเคยชินจนกลายเป็นอาชีพไปเสียแล้ว ต่อให้เมาก็มิใช่เรื่องยากที่จะปีนเข้าไป ใกล้กับห้องนอนของคุณชายว่านที่เป็นลานกว้างนอกจากต้นพลับที่มีลูกดกแล้วก็ยังมีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่กลางลานด้วย เป็นต้นไม้ที่ใบของมันยังเหลืออยู่มากพอให้เขาหลบซ่อนตัวได้พอดี ครั้นพอเข้ามาในจวนได้กู่ซิงอีก็ปีนขึ้นไปหลบอยู่บนนั้นด้วยความคล่องแคล่ว หวังคิดจะหลอกผีเจ้าของจวนเสียหน่อย อี

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 7 (2.2) ละครฉากนี้ มีเพียงผู้เดียวที่มองออก

    “ไม่มีอะไรชอบเป็นพิเศษ” อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา นี่เป็นการถามคำตอบคำที่ดูยาวขึ้นกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น และมีเพียงกู่ซิงอีและหลี่เซียวที่รู้ว่าคุณชายว่านพยายามรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ขนาดไหน “ฮ่า ๆ ๆ” ในตอนนั้นคนที่เรียบร้อยอ่อนหวานมาตลอดก็ระเบิดหัวเราะออกมา “คุณชายว่านคุณสนุกยิ่งนัก! ฮ่า ๆ” กู่ซิงอีพยายามกดยิ้มไว้ไม่หัวเราะตามสหายของตน ท่าทางสตรีที่หัวเราะไม่สนใจหน้าตาเช่นนี้ คุณชายว่านคงไม่ชอบกระมัง ทว่าเมื่อเหลือบตามองกลับพบว่าอีกฝ่ายยังมีท่าทางสงบนิ่งเช่นเดิม กินขนมเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น มีเพียงหลี่เซียวที่ขมวดคิ้วเข้าด้วยกันด้วยความแปลกใจแทน พอเห็นว่าการหัวเราะหยาบคายไม่ได้ผล กู่ซิงอีก็แกล้งทำจอกชาที่รับคืนมาจากเซี่ยลู่หลินในตอนนั้นร่วงหลุดออกจากมือ จอกชาตกกระทบพื้นเสียงดังเคร้ง! ก่อนจะแตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง เสียงก้องกังวานจึงดังขึ้นอีกหลายครั้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กู่ซิงอีเหยียบเท้าของเซี่ยลู่หลินอย่างแรงว่าให้รีบทำตามแผนที่เหลือแทน “อ๊ะ ขอโทษขอรับ ขอโทษขอรับ เป็นบ่าวไม่ระวังเอง คุณหนูรองเจ็บตรงไหนหรือไม่ขอรับ” กู่ซิงอีรีบนั่งคุกเข่า

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 6 (2.2) +7 แล้วไยยังมิสำเร็จ

    ทว่า...ทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด! ทันทีที่สตรีกลุ่มหนึ่งถูกส่งเข้าไปในห้องที่คุณชายว่านอยู่ต่อมาก็เกิดเสียงโวยวายขึ้นมา จากนั้นทั้งนางรำ นักเล่นดนตรี และสตรีร่างงดงามที่นุ่งน้อยห่มน้อยอีกห้าหกคนก็ถูกโยนออกมาจนหมด เจ้าของหอเริงรมย์ที่คราแรกแย้มยิ้มส่งคนของตัวเองเข้าไปก็หน้าเจื่อนทันที ไม่นานเกินรอคุณชายว่านก็ตามออกมาติด ๆ เพื่อเดินทางออกจากหอ ก่อนไปยังเหลือบตามองเจ้าของหอเริงรมย์ด้วยความไม่พอใจอย่างไม่คิดจะปิดบัง กู่ซิงอีที่แสร้งทำเป็นเดินมาเก็บโต๊ะอยู่ที่กลางโถงใหญ่ก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ได้ทั้งหมด เขารีบหันตัวหลบยามที่ว่านฟู่เฉิงกำลังถูกพาตัวออกไปที่ประตู โดยมีเจ้าของหอเริงรมย์วิ่งตามอยู่ด้านหลังพร้อมตะโกนกล่าวขอโทษขอโพยยกใหญ่ ครานี้กู่ซิงอีกระจ่างแจ้งแล้วว่าจะใช้สตรีมาล่อลวงคนผู้นี้ไม่ได้! วันต่อมาคราวนี้เซี่ยลู่หลินได้ออกมาข้างนอกจึงนัดเจอกับเขาที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักแต่ก็เป็นที่ประจำของพวกเขาไปแล้ว “เสี่ยวลู่...เจ้าไม่ลองไปคุยกับคุณชายว่านโดยตรงดู” กู่ซิงอีคราแรกใจเย็น แต่ครานี้เริ่มคิดหนักเพราะไม่กี่วันก็จะถึงงานหม

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 6 (1.2) ดั่งสวรรค์เป็นใจ

    กู่ซิงอีออกจากตระกูลว่านมาได้ก็ตรงมาที่จวนตระกูลเซี่ยตั้งแต่เช้าตรู่ ลงมือเคาะหน้าต่างอยู่สามทีเหมือนเดิม คราวนี้ไม่ผิดพลาดซ้ำรอยเดิมอีก เขาหลบออกจากบานหน้าต่างก่อนเจ้าของห้องจะวิ่งมาเปิดหน้าต่างชนเข้ากับเขาเหมือนครั้งก่อนอีก “อาอี?!” เซี่ยลู่หลินแปลกใจอยู่บ้าง ปกติหากมีเสียงเคาะแบบนี้ครั้งที่สองนางก็มาเปิดแล้วเพราะไม่มีใครคนไหนในจวนจะมาเคาะห้องของนางแบบนี้ และปกติกู่ซิงอีไม่เคยมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสางเช่นนี้มาก่อนนางจึงรอเสียงเคาะครบสามครั้งถึงได้มาเปิด “เข้ามาก่อน” นางชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกพอเห็นว่าไร้ผู้คนก็รีบถอยห่างจากบานหน้าต่างเพื่อให้กู่ซิงอีเข้ามา กู่ซิงอีกระโดดข้ามหน้าต่างอย่างคล่องแคล่วเข้าไปในห้องแล้วเดินนำไปนั่งที่โต๊ะน้ำชาก่อนเจ้าของห้องเสียอีก ต่อจากนั้นก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังจนหมด จบท้ายด้วยประโยคที่ว่า “อีกสักพักฉีหย่าคงถูกส่งมาที่นี่” “คุณชายว่านระวังตัวยิ่งนัก ข้าเองก็เคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนรักหน้ารักตามาก เคยมีคนใส่ร้ายร้านค้าของเขาว่าเอาเปรียบ ขายของคุณภาพต่ำให้ชาวบ้าน เขาก็รีบออกมาแก้ไขในทันที ดังนั้นยิ่งไม่แปลกถ้าจะไม่ให้แม่นางฉีหย่าเข้าใ

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 5 (2.2) เสียดายยิ่งนัก ที่มิอาจรั้งไว้

    กู่ซิงอีอดเป็นห่วงคุณชายว่านไม่ได้ตอนเดินตรวจตรารอบจวนจึงรีบไปรีบกลับ ครั้นพอกลับมาก็มาหยุดยืนหน้าห้องน้ำส่งเสียงบอกคนด้านในว่าตนมาถึงแล้ว “อาเซียวยังไม่กลับมาอีกหรือ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาดูเยือกเย็นเหมือนเดิมแล้ว “เรื่องนี้บ่าวเองก็ไม่ทราบ ให้บ่าวไปถามคนอื่นดูหรือไม่ขอรับ” กู่ซิงอีไม่รู้ว่าหลี่เซียวลากฉีหย่าไปไหน เมื่อครู่เดินไปทั่วฝั่งที่ตนดูแลแล้วก็ไม่พบคน ยามนี้ทางการมีคำสั่งห้ามออกจากจวนก็จริงแต่เกรงว่าคนอย่างคุณชายว่านคงไม่สนใจเรื่องคำสั่งพวกนั้น ท่าทางโกรธเกรี้ยวระคนขุ่นเคืองตอนโยนผ้าคลุมขามาให้ก็ดูท่าจะอารมณ์เสียไม่น้อย กู่ซิงอีมาถึงจุดนี้จึงคาดเดาได้แล้วว่าคนด้านในคงไม่ชอบให้ใครโดนตัวถึงได้ถามหาลูกน้องคนสนิทแบบนี้ “...” ว่านฟู่เฉิงถอนหายใจ เขาอยากออกจากน้ำสักพักแล้วแต่พยายามอย่างไรก็ส่งตัวเองออกไปไม่ไหว ถังไม้อาบน้ำใบนี้เพิ่งเปลี่ยนใหม่มันสูงกว่าใบเดิมที่เขาเคยใช้มากนัก หลี่เซียวก็คงปลีกตัวกลับมาไม่ได้ถึงได้ไปนานขนาดนี้ ยามนี้คงเดินหลบพวกทหารด้านนอกอยู่เป็นแน่ น้ำเริ่มอุ่นมากแล้วและหากแช่ต่อไปเนื้อตัวเขาคงเปื่อยยุ่ยไปกับน้ำแน่ สุดท้ายชั่งใจอยู่นา

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 5 (1.2) แผนครั้งนี้ผิดพลาดได้อย่างไร

    ก่อนหน้านี้เพียงนิดเป็นกู่ซิงอีที่นำทางฉีหย่ามาที่ลานว่างหน้าเรือนของคุณชายว่านด้วยตนเอง วันนี้นอกจากเขาจะต้องทำงานบ้านแบกน้ำแบกของแล้วยังต้องมารับหน้าที่ตรวจเวรแทนคนเดิมอีกเช่นเคย ดังนั้นพอเขาเดินไปไหนมาไหนทั่วจวนก็ดูไม่น่าผิดสังเกตมากนัก ทุกอย่างช่างเข้าที่เข้าทาง ระหว่างที่ส่งฉีหย่าไปแล้วตัวเขาก็ไม่ได้ไปไหนไกล รั้งหลบรอดูเหตุการณ์อยู่แถวนั้น กู่ซิงอีเห็นว่าพอแม่นางฉีหย่าพูดไปได้สักพักก็เริ่มเข้าไปทำท่าจะนั่งบนตักของคุณชายว่าน แต่เพราะคุณชายว่านหันหลังอยู่กู่ซิงอีจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร คาดเดาไปแล้วว่าแม่นางฉีหย่าคงทำสำเร็จ ด้วยการพูดที่ชาญฉลาดและช่างเอาใจจึงคิดว่าที่นางสามารถไปนั่งตักคุณชายว่านได้คงเพราะอีกฝ่ายคงเรียกนางเข้าไปหาเป็นแน่ รอยยิ้มมุมปากพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ทว่าขาของฉีหย่ายังไม่ทันนั่งลงถึงที่หมายร่างบางก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนตัวกระเด็นไปนั่งอยู่บนพื้น จากนั้นกู่ซิงอีที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนักก็ได้ยินเสียงคุณชายว่านตะโกนเรียกหลี่เซียวให้เข้ามาหา กู่ซิงอีขมวดคิ้วมุ่นตามเหตุการณ์ไม่ทัน รีบขยับเข้าใกล้ไปอีกนิดเพื่อฟังว่าเกิดอะไร

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 4 (2.2) แยบยลเกินไปหน่อยเกือบไม่ทันได้สังเกต

    เอาเข้าจริงหากเซี่ยลู่หลินเห็นเพียงด้านหลังของอีกฝ่ายและได้ยินน้ำเสียงนี้ก็คงไม่รู้แน่ว่าเป็นสหายของตน กู่ซิงอีนั้นนอกจากจะดัดเสียงแล้วยังปลอมตัวอีกด้วย เขาสวมผ้าคาดที่หน้าผากแบบบ่าวทั่วไปชอบสวมแถมยังมัดผมขึ้นจนหมดไม่ได้ปล่อยหางม้าแบบเคย และอย่างไรเสียคุณชายว่านกับเขาก็เคยเจอหน้ากันหนหนึ่งเท่านั้นแถมเป็นตอนที่เขาอยู่ไกลกันค่อนข้างมาก คงไม่มีทางจำกันได้ ว่านฟู่เฉิงคาดไม่ถึงว่าบ่าวชายจะซ่อมล้อรถเข็นให้ตนเช่นนี้ คิดว่าอีกฝ่ายคงจะพาตนเองกลับไป ไม่ก็ไปเรียกคนสนิทของตนมาให้ หรือไม่ก็ไปหารถเข็นตัวสำรองมาแทน แถมเมื่อครู่ตอนเขาล้มบ่าวคนนี้ก็ไม่พูดไม่จาไม่ถามเขาว่าเจ็บหรือไม่ ทำเพียงอุ้มเขาขึ้นมาอย่างง่ายดายแล้วจากไป ไม่เหมือนกับคนที่เขาเคยเจอเลยสักนิด ความรู้สึกโกรธจึงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยแทน กู่ซิงอีเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็เงยหน้าขึ้นมอง “หรือว่าคุณชายบาดเจ็บตรงไหน” เพิ่งจะมาเอ่ยปากถามเอาตอนนี้เอง ว่านฟู่เฉิงแทบอยากถอนหายใจใส่แต่ก็ทำเพียงเก็บอารมณ์นั้นเอาไว้ในใจ กล่าวเนิบนาบอย่างรักษาท่าทีว่า “เจ็บหัวเข่านิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรมาก” บ่าวคนนี้ความรู้สึกช้ายิ่งนัก!

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 4 (1.2) ใครบางคนที่พบเจอมิห่าง

    สองสามวันผ่านไปก็ไร้วี่แววว่าฉีหย่าจะทำงานสำเร็จ ในตอนนั้นร้านว่านรับสมัครบ่าวชายไปทำงานที่จวนตระกูลว่านพอดี กู่ซิงอีจึงรีบไปเสนอหน้าก่อนใคร แถมด้วยความฉลาดพูดของเขาก็ทำให้ได้งานในทันที กู่ซิงอีพอย้ายเข้ามาในจวนก็ส่งข่าวให้ฉีหย่าหาเรื่องมาที่จวนตระกูลว่านให้ได้ในสองสามวันนี้ เพราะเขาได้ข่าวว่าทางการสั่งห้ามออกจากบ้านเป็นเวลาเจ็ดวันหากเลยยามซวี [1] ไปแล้ว ดังนั้นจะต้องหาเรื่องให้นางรั้งอยู่จนถึงยามนั้นเพื่อให้นางพักที่จวนตระกูลว่านให้ได้ ([1] ยามซวี คือช่วงเวลา 19.00-20.59 น.) ความจริงถ้ามีเวลามากกว่านี้กู่ซิงอีคิดว่าคงให้นางค่อย ๆ เอาชนะใจคุณชายว่าน แต่เพราะระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป ต้องรีบหาทางให้ทั้งคู่ได้เจอกันก่อน ตกดึกคืนนั้นกู่ซิงอีกลับได้รับหน้าที่เพิ่มเติมคือต้องไปเดินตรวจตรารอบจวนแทนคนเก่าที่เกิดหกล้มจนเดินไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน จวนตระกูลว่านค่อนข้างใหญ่โต จึงแบ่งการเดินตรวจเวรออกเป็นสองฝั่ง ในแต่ละรอบจะมีคนเดินตรวจตราทีละสองคน กู่ซิงอีแต่เดิมก็เป็นคนมีความจำเป็นเลิศ บ่าวชายอีกคนที่ทำงานในวันนี้ด้วยกันบอกเส้นทางเพียงครั้งเดียวเขาก็รู้ว่าตนต้องไปทางไ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status