ตอนที่ 7
“ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มันใช้กับคนอย่างผมไม่ได้หรอกยาหยี” เคลย์ริกยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วก็ขยับเข้าใกล้ร่างเล็กอีกนิด ส่วนมธุราก็หน้าแดงจัด ทั้งโกรธทั้งอาย เมื่อตอนนี้ร่างกายของเขาแนบชิดกับร่างกายของเธอมากเกินไป
“ไอ้บ้า ถอยไปห่างๆ ฉันนะ” เสียงหวานร้องสั่ง พร้อมทั้งพยายามเบี่ยงตัวหนีคนหน้าโหด ต่างจากคนหน้าโหดที่อยากเบียดอยากชิดเจ้าของเสียงหวานให้มากกว่านี้ และจะดีกว่านี้หากได้สอดแทรกบางอย่างเข้าไปอยู่ในตัวเธอ
“ถ้าไม่ปล่อย เธอจะทำอะไรได้” เคลย์ริกขยับหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกชนกัน
“ถะ…ถอย ถอยไปห่างๆ ฉันนะไอ้คนปากสกปรก”
“รังเกียจกันขนาดนั้นเลยหรือยาหยี”
“ใช่ ฉันรังเกียจ แล้วก็ขยะแขยงมากๆ ด้วย เพราะงั้นเอาหน้าของคุณไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้”
คำตอบเธอทำให้เคลย์ริกรู้สึกหงุดหงิด และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะไปหงุดหงิดทำไม ในเมื่อเขาก็ทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงผู้หญิงแพศยาคนนี้เช่นกัน
“แล้วถ้าฉันจูบเธอสักครั้งสองครั้ง เธอยังจะเกลียดฉันอยู่อีกหรือเปล่า” แววตาและน้ำเสียงดูทีเล่นทีจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้คนฟังอกสั่นขวัญแขวนตั้งแต่เขาพูดคำว่า ‘จูบ’ สองมือเล็กพยายามดิ้นรนออกจากมือร้ายกาจ ปากอิ่มสวยก็เม้มสนิทป้องกันการถูกรุกราน
“กลัวโดนจูบขนาดนั้นเลยหรือยาหยี” เคลย์ริกยอมปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระแล้วเคลื่อนมือข้างหนึ่งสอดรวบเอวคอด ก่อนจะดันตัวเธอเข้ามาชิดกับลำตัว ส่วนอีกมือก็ขยับขึ้นมาล็อกท้ายทอยเล็ก ทำให้คนแรงเท่ามดหมดสิทธิ์หนี
“จะ...จะทำอะไรฉัน” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก ตาคู่สวยจดจ้องไปยังคนตัวโตอย่างหวาดหวั่น
“จูบเธอไง” เคลย์ริกทาบริมฝีปากบดขยี้เรียวปากของคนอวดเก่ง มธุราเม้มปากแน่นไม่ยอมให้ลิ้นอุ่นสอดผ่านเข้าไป มือใหญ่จึงละจากท้ายทอยมาที่สาบเสื้อ กระชากแรงๆ เพียงครั้งเดียวกระดุมก็หลุดเกือบทั้งแถบ ก่อนจะทาบมือเข้ากับอกอวบอิ่ม เคล้นคลึงอย่างหนักมือ
“อย่า” มธุราเผลอร้องด้วยความตกใจ ลิ้นอุ่นที่รอจังหวะอยู่แล้วจึงแทรกผ่านเข้าไปควานหาน้ำหวานภายในโพรงปากเล็กได้อย่างง่ายดาย
เคลย์ริกดื่มด่ำกับน้ำหวาน ที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าผู้หญิงแพศยาอย่างเธอจะหวานน่ากินจนเขายังเผลอไผลไปกับความหอมหวานจากเธอ
‘บ้าชิบ’ คนที่กำลังหลงใหลความหวานสบถเบาๆ แต่จะให้เขาถอยห่างจากความหวานตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้ จูบนุ่มนวลอ่อนหวานชวนหลงใหลจึงแปรเปลี่ยนเป็นดุกระด้างจนปากอิ่มแทบปริแตก และมึนงงกับสัมผัสที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สองมือที่วางนิ่งอยู่บนเอวสอบเริ่มกดจิกปลายเล็บลงไปเพื่อหยุดยั้งคนตัวโต
“อื้อ ปละ...ปล่อยฉัน” เสียงหวานดังอู้อี้อยู่แค่ในลำคอเท่านั้นจึงทำให้เรียวปากที่บวมช้ำยังคงถูกรุกรานด้วยริมฝีปากหยักต่อไป
มธุราจึงเปลี่ยนจากร้องประท้วงให้เขาหยุดมาเป็นพยายามไล่กัดลิ้นอุ่น สองมือเล็กก็ทั้งหยิกทั้งข่วนผิวเนื้อของอีกฝ่ายแบบไม่เลือกที่ ขอเพียงให้เขาหยุด
“แพศยา” เคลย์ริกถอนริมฝีปากออกมากระซิบเสียงแผ่วพร่าข้างใบหูนุ่ม
มธุราหน้าชาอีกครั้ง ก่อนจะสั่นหน้าปฏิเสธคำกล่าวหานั่น
“ไม่ยอมรับงั้นเหรอ” น้ำเสียงเขากระด้างขึ้น มือที่กอบกุมอกอวบอยู่เริ่มบีบเคล้นอย่างหนักมืออีกครั้ง ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บที่มาพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เส้นขนของเธอลุกชัน
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ไม่ใช่...ไม่ใช่” มธุราส่ายหน้าไปมา น้ำตาเอ่อนองสองแก้ม แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนไร้หัวใจอย่างเคลย์ริกรู้สึกสงสารและเห็นใจ ชายหนุ่มลงน้ำหนักมือในการนวดเฟ้นอกอวบจนก้อนเนื้อทั้งสองแทบแหลกคามือ
“งั้นเหรอ” เขายิ้มเหี้ยม ลงน้ำหนักมือให้มากขึ้น เพราะเขาอยากได้ยินเสียงครวญครางเพราะความกระสันรัญจวนดังออกมาจากปากอิ่มสวย ที่กล้าปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงแพศยา ทั้งๆ ที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องทุกข์ทรมานใจ
“เลว”
“ฮึ!” คนตัวโตครางลึกในลำคอ ละมือห่างจากทรวงอกมายังขอบกางเกง อึดใจต่อมากระดุมก็ถูกปลดและตามมาด้วยซิปกางเกงมันถูกรูดลงมาจนสุด มธุราดิ้นรนเอาเป็นเอาตายในขณะที่อีกคนกำลังยิ้มพึงพอใจ
“ปล่อย ปล่อยฉัน” คนถูกล่วงล้ำร่างกายร้องสั่ง พลางดิ้นรนหนีมือใหญ่
“แสแสร้งเก่งจริงนะ” พูดจบปากหยักก็แสยะยิ้มร้าย ที่คนเห็นเกลียดอย่างที่สุด
“ไอ้คนสารเลว ดีแต่รังแกผู้หญิง ไอ้คนน่ารังเกียจ” สิ้นเสียงด่าทอสิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือสีหน้ายียวนกวนโทสะ
“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ปล่อยฉันนะ” เมื่อผู้ชายบ้าๆ เอาแต่ตีหน้ากวนโทสะ มธุราจึงตะโกนด่าลั่น
“อย่ามาหลงรักทีหลังก็แล้วกัน” เคลย์ริกหัวเราะจนอกกระเพื่อมทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยสักนิด
“ไม่มีทาง!” มธุราปฏิเสธเสียงดังฟังชัด พลางยื่นมือไปปัดมือร้ายกาจออก เมื่อเขาพยายามจะสอดผ่านเข้าไปสัมผัสสิ่งที่เป็นของเธอเพียงคนเดียว
“เต็มมือดีจริงๆ” เคลย์ริกตกตะลึงกับสิ่งที่มือของตัวเองสัมผัสและหากได้ทำมากกว่าการสัมผัสคงรู้สึกดีกว่านี้
“ไอ้ทุเรศ! ไอ้ลามก! ไอ้วิปริต! เอามือออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้” มธุราหน้าเห่อร้อนจนแทบไหม้เมื่อความเป็นหญิงที่รักษามาอย่างดีและไม่เคยมีผู้ชายคนไหนแตะต้องถูกคนหน้าโหด ที่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นใครมาจากไหนล่วงล้ำราวกับเป็นเจ้าของเสียเอง
ตอนที่ 8 “อย่าบอกว่าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนจับมาก่อน” หน้าตาของเคลย์ริกไม่เชื่อเลยสักนิดว่าสาวเจ้าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนแตะต้อง “ไม่เคย!” มธุราโต้กลับแบบไม่ทันคิดไตร่ตรองว่าคำตอบมันอาจจะทำให้ตัวเธอถูกประณามว่าเป็นผู้หญิงแพศยาอีกครั้ง แต่จะให้มาคิดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วเมื่อเธอได้ยินเสียงของอีกคนตะคอกกลับมาจนหูเธอแทบดับ “โกหก!” เพราะหนึ่งในนั่นก็คือเขาที่กำลังล้อเล่นอยู่กับส่วนนั้นของเธอและตอนนี้เขาก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามต่อสู้กับอารมณ์ที่ถูกเขาปลุกขึ้นมาเคลย์ริกขยับปากยิ้มเยาะ เมื่อรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของคนอวดเก่ง “ตอบสนองไวเหมือนกันนี่” ปากหยักร้ายยิ้มเยาะอีกครั้ง แล้วล่วงล้ำจุดลี้ลับหนักหน่วงขึ้น แล้วไม่ใช่แค่เธอที่ร่างกายเปลี่ยน เขาก็เปลี่ยนเช่
ตอนที่ 9 “ประหลาด” เคลย์ริกยิ้มขันให้กับคำตอบของคนอวดเก่ง แต่ที่น่าแปลกก็คือเขาเพิ่งจะรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เขายิ้มได้กว้างมากที่สุดในรอบปี “คุณสิประหลาด” ริมฝีปากสวยเบ้ออกอย่างนึกชังรอยยิ้มบนหน้าโหดๆ นั่น “เธอต่างหากที่ประหลาด แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไล่เจ้าของบ้าน” “คุณก็ไม่สิทธิ์มากักขังฉันไว้ที่นี่เหมือนกัน แล้วฉันก็ขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงแพศยาอย่างที่คุณกล่าวหา” มธุราเอ่ยยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เห็นอยู่ตำตา ยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอ” เคลย์ริกตะคอกใส่อย่างหัวเสีย เมื่อสาวเจ้าไม่ยอมรับ ทั้งที่ก่อนจะบุกไปจับหล่อนมาเขาก็มีหลักฐานอย่างชัดเจน &l
ตอนที่ 10 “ชอบไหม” ถามเสียงทุ้มพร่า “ปล่อยฉันนะ ไอ้หน้าโหด อย่ามาทำทุเรศกับฉัน” สองมือเล็กผลักไสกายแกร่ง ทว่าเขาไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “อย่าแสแสร้งว่าไม่เคยทำแบบนี้เลยยาหยี เพราะผมมั่นใจว่าผู้หญิงแพศยาอย่างคุณเคยโดนบ่อยๆ” เคลย์ริกกระซิบเสียงแหบพร่า กดปากขยี้จุมพิตบนปากอิ่มอย่างหลงใหล มือหนาก็ยังนวดเฟ้นสะโพกงามงอนอย่างสนุกมือ “อื้อ” มธุราทั้งดิ้นทั้งสะบัดหน้าหนีจุมพิต ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ที่เธอรู้ตัวดีว่าหากไม่ต่อต้านเขาตอนนี้ เธออาจสูญเสียพรหมจรรย์ที่เก็บรักษามายี่สิบกว่าปีให้ไอ้หน้าโหด เล็บแหลมกดลงบนผิวเนื้อของอีกคนสุดแรง แต่เคลย์ริกไม่สะดุ้งสะเทือน “ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอกกันก่อนเลยนะยาหยี” เคลย์ริกถอนปากออกมากระซิบ ใบหน้าเคียดขึ้ง เพราะเวลานี้เขากำลังโกรธตัวเองที่หลงใหลไปกลิ่นกายยั่วยวนของผู้หญิงแพศยา และโกรธผู้หญ
ตอนที่ 11 “ทนให้ได้ตลอดแล้วกันยาหยี” เคลย์ริกยิ้มอย่างเป็นต่อ นั่นก็เพราะเกมนี้เขาเป็นฝ่ายชนะเห็นๆ “ฮึก...ฮือ...” น้ำตาไหลอาบสองแก้มเมื่อกางเกงที่สวมถูกปลด “น้ำตาของคุณ หยุดผมไม่ได้หรอกยาหยี” “ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ฉันขอแช่งให้คุณตายวันนี้พรุ่งนี้ไปเลย” มธุรายอมเปิดปากในที่สุด แต่แทนที่เธอจะอ้อนวอนขอร้องให้เขาหยุดรุกรานร่างกาย กลับเป็นคำสาปแช่งแทน ซึ่งคนถูกแช่งก็น้อมรับคำแช่งด้วยรอยยิ้มบนมุมปาก “ถ้างั้นก่อนผมจะตาย ผมขอ...” เคลย์ริกหยุดพูดเมื่อได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอกเล็ดรอดเข้ามา ที่เขาก็ลืมไปซะสนิทว่าให้ลูกน้องโทรตามคู่ขาให้ไปรอในห้อง “ไอ้คนสารเลว ถอยไปนะ” มธุราใช้โอกาสที่อีกคนหยุดสนใจเสียงเอะอ
ตอนที่ 12 “เจ้านายแน่ใจนะครับ” เลขาฯ หนุ่มถามย้ำ “แน่ใจ! แล้วแกไม่ต้องมาเซ้าซี้หาเหตุผล ไปจัดการจ่ายเงินให้เรียบร้อย” เคลย์ริกเสียงเข้ม เพราะเดาความคิดของเลขาออกว่าตอนนี้อีกฝ่ายคงทำหน้าสงสัย “ถ้างั้นผมจะรีบจัดการให้ครับเจ้านาย แต่ผมมีอีกเรื่องที่จะแจ้งให้เจ้านายทราบ” “เรื่องอะไร” “เรื่องเลขาฯ คนใหม่ของเจ้านายครับ” “หมายถึงผู้หญิงคนที่แม่ฉันเคยแนะนำให้มาทำงานเป็นเลขาฯ ของฉันน่ะเหรอ” เคลย์ริกตอบแบบคล้ายจะพึมพำกับตัวเองมากกว่า เพราะเขาก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วย “ใช่ครับเจ้านาย ตอนนี้เธอเรียนจบพร้อมจะมาทำงานกับเจ้านายแล้วครับ” “ถ้างั้นแกจัดการไปล่ะกันว่าจะใ
ตอนที่ 13 “เคลย์ริก คุณอย่าตัดสัมพันธ์ฉันแบบนี้เลยนะคะ ฉันรักคุณนะคะเคลย์ริก ฉันไม่เคยต้องการเงินของคุณเลย” ลีอากล่าวตัดพ้อ หลังเพิ่งจะได้รับเช็คจากคนของเลขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า และเพราะเหตุนี้ทำให้เธอกล้ามาดักรอเขาที่หน้าลิฟต์ เพราะไม่อยากโดนตัดสัมพันธ์ ในขณะที่เธอกำลังจะสานต่อความใกล้ชิดครั้งนี้ไปถึงขั้นแต่งงาน “นั่นมันเรื่องของคุณ” เคลย์ริกตอบกลับเสียงเย็น ก่อนจะดันตัวนักร้องสาวออกห่าง นักร้องสาวคนสวยไม่ได้อยากผละห่างเลยสักนิด แต่เมื่อเจอสายตาดุดันของชายหนุ่มทำให้เธอยอมถอยออกมาโดยไม่อิดออด “แต่เราสองคนมีความสัมพันธ์กันมานานแล้วนะคะ ฉันจริงจังกับคุณ เคลย์ริกคะ ได้โปรดอย่าเอาเงินฟาดหัวฉันเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของคุณได้ไหมคะ” นักร้องสาวใส่จริตมารยาเต็มที่ หวังจะให้ชายหนุ่มที่หมายปองหวนกลับมาคิดทบทวนเรื่องตัดสัมพันธ์เสียใหม่ “มันเ
ตอนที่ 14 “สบายเกินไปแล้ว” สิ้นเสียงทุ้มผ้าห่มที่สาวเจ้าใช้ห่มก็ถูกกระชากออกไปหล่นอยู่ข้างเตียง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขี้เซารู้สึกตัว เคลย์ริกจึงเดินไปเปิดสวิทซ์ไฟ อึดใจไฟทั้งห้องก็สว่างโร่มธุราวาดมือควานหาหมอนมาปิดหน้าปิดตาหนีแสงไฟ แต่เมื่อสำเหนียกได้ว่าตัวเธอหาได้นอนสบายอยู่บนเตียงนุ่มๆ ภายในบ้านพักหลังใหญ่ของตัวเองก็ดีดตัวลุกขึ้น “ไง นอนสบายดีไหม” น้ำเสียงแดกดันเต็มที่ ปากหยักร้ายแค่นยิ้มที่คนเห็นเกลียดแสนเกลียด มธุราเลือกจะเงียบไม่ตอบโต้ เพราะเบื่อจะต่อปากต่อคำด้วย “ไม่มีปากหรือไง ถึงไม่ยอมตอบ”“มี! แต่คุณเข้ามาในห้องฉันเวลานี้ทำไม” ถามจบแล้วเธอก็รีบโดดลงจากเตียงไปยืนหลบภัยอยู่มุมห้อง “เข้ามาทำอะไรดีล่ะ เข้ามาดูดนมคุณด
ตอนที่ 15 “อย่าคิดทำร้ายผมอีกเลยยาหยี เพราะยังไงยาหยีก็ไม่มีวันทำเสร็จ” “แต่ฉันเชื่อว่าสักวันฉันจะทำสำเร็จ” มธุราบอกอย่างมั่นใจ “สงสัยคงต้องรอชาติหน้านะยาหยี” “ชาตินี่แหละ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ไอ้คนเฮงซวย” ขู่ฟ่อๆ ทั้งที่ตอนนี้เธอยังเอาตัวไม่รอด “ปากคอคุณนี่ร้ายไม่เบาเลยนะยาหยี” “ฉันจะร้ายมากนี้แน่ ถ้าคุณยังไม่ปล่อยฉัน” มือเล็กระดมทุบตีกายแกร่งไม่ยั้ง หวังจะให้เขาปล่อย ทว่าอีกคนกลับทำหน้านิ่งเฉยใส่ซะอย่างนั้น แล้วก็เป็นเธอที่เจ็บมือซะเอง “หยุดทำไมล่ะ หรือเปลี่ยนใจจะทำข้อตกลงแล้ว งั้นก็ไปนอนคุยกันบนเตียงได้เลย เพราะข้อตกลงที่ว่า ผมต้องทดสอบดูก่อนว่าไ
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ
ตอนที่ 48 “คุณเคลย์ริก คุณไม่กลัวเลยเหรอ” มธุราเอ่ยถามเสียงสั่น หลังสถานการณ์สงบลง โดยที่พวกคนร้ายก็พากันถูกจับ บ้างก็หนีรอดไปได้ ซึ่งตำรวจก็แยกย้ายกันไปตามจับกุม บางส่วนก็นอนเจ็บล้มตายเป็นที่น่าสยดสยองสำหรับคนที่เพิ่งประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่างมธุรา “แล้วคุณกลัวหรือยาหยี” “ฉันกลัวจนหัวใจจะวายตายอยู่แล้ว นี่ถ้าตำรวจไม่มา ฉันคงตายอยู่ในรถไปแล้ว” “ผมไม่มีวันปล่อยให้เมียตัวเองตายหรอก เชื่อใจผมนะ ผมจะดูแลและปกป้องคุณเอง” “แล้วคุณคิดว่าเราจะรอดได้ทุกครั้งเหรอ” “ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำแบบนี้อีกแล้ว” “ค่ะ แล้วนี่ลูก
ตอนที่ 47 เคลย์ริกรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยแววตาที่ค่อยๆ แดงก่ำ และในที่สุดเขาก็ไม่อาจข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เมื่อได้รับรู้ความจริงแสนเจ็บปวด จากคนที่เขารักและเคารพมากที่สุดในชีวิต เป็นคนทำให้พ่อแท้ๆ ของเขาต้องตาย และทำให้มารดาของเขาตรอมใจจนล้มป่วยจนจากเขาและน้องๆ ไป “เคลย์ริก ตาขอโทษ” ผู้อาวุโสบอกหลานชายเสียงสั่นเครือ ท่านยื่นมือไปจะวางบนหลังมือของหลานชาย ทว่าเคลย์ริกที่เจ็บปวดกับสิ่งที่ได้รับรู้ลุกขึ้นและเดินออกมา “เคลย์ริก!! เคลย์ริก!!”ไทร์เฟียและเนอร์แมนพากันเอ่ยเรียก แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่กลับยิ่งเร่งฝีเท้าออกไป กระทั่งมาถึงห้องโถงซึ่งมธุราก็เดินหอบหนังสือออกมาพอดี ทั้งที่ความจริงเธอแค่อ้างเพื่อเปิดโอกาสให้ครอบครัวแม็คแคลตันได้พูดคุยกันตามลำพัง แต่เผอิญไปเจอหนังสือที่อยากอ่านมานาน เธอจึงหอบเอามาด้วย&nbs
ตอนที่ 46“อย่าโกรธผมเลยนะยาหยี ที่ผมทำไปก็เพราะผมเป็นห่วง แล้วก็หวงคุณนะยาหยี”“พอเลยไม่ต้องพูดแล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย ฉันมีเรื่องสำคัญต้องเจรจากับคุณ” “เรื่องอะไรเหรอยาหยี” “คุณอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เลย” “ผมไม่รู้จริงๆ นะยาหยี” มธุราถอนหายใจดังพรืดให้กับความแกล้งซื่อของคนหน้าโหด ก่อนจะบอกเขาไปเสียงดังฟังชัด “ฉันรู้ว่าคุณส่งลิเบอร์ไปจัดการเรื่องภายในครอบครัวของฉัน แล้วที่ฉันมานี่ ฉันก็มาเพื่อจะขอเจราเรื่องเวลาชดใช้เงินกับคุณใหม่ เพราะเวลาแค่สามเดือน ฉันกับพี่ชายหาไม่ทัน” “แล้วทำไมยาหยีถึงคิดว่าเป็นผมล่ะ”&