ตอนที่ 6
“เสนอความคิดมาสิ อย่าเอาแต่เงียบ” น้ำเสียงยังเย้ยหยันและสายตาก็ดูแคลนจนคนถูกถามชาไปทั้งหน้า พลางคิดทบทวนว่าตั้งแต่เกิดมาไปทำเรื่องเสียหายอะไรไว้งั้นหรือ อยู่ดีๆ ถึงได้โดนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงแพศยา แต่มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าไม่เคยทำตัวอย่างที่เขากล่าวหา
“ตอบ!”
“ไอ้บ้า! ออกไปห่างๆ ฉันนะ”
“ก็ตอบมาสิ” คนตัวโตคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้
“ฉันบอกให้ออกไปห่างๆ ฉัน ไอ้ผู้ชายปากสกปรก”
“ผู้ชายปากสกปรกงั้นเหรอ” เคลย์ริกยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็นแล้วพูดต่อ “แต่จะว่าไป คนปากสกปรกอย่างฉัน ก็เหมาะกับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอดีเหมือนกัน เธอว่าจริงไหม”
“ไอ้เลว” มธุรารู้สึกเจ็บจี๊ดอีกครั้งเมื่อถูกตอกย้ำว่าเป็นหญิงแพศยา ทั้งที่ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งโตเป็นสาวสะพรั่ง เธอไม่เคยทำเรื่องที่จะสื่อไปในทางผู้หญิงแพศยาอย่างที่เขากล่าวหา
“คนอย่างเคลย์ริก แม็คเคลตัน ไม่สะดุ้งสะเทือน เพราะคำว่าเลวหรอกยาหยี” ปากหยักแสยะยิ้มร้าย สีหน้าก็ยียวนจนน่าฟาดฝ่ามือใส่
“ไอ้คนปากสุนัข” ด่าไปแล้วเธอก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าเขาจะเข้าใจความหมายหรือไม่ แต่สำหรับเคลย์ริก ตั้งแต่เขาคิดจะลงทัณฑ์ผู้หญิงแพศยา เขาก็เริ่มเรียนรู้ภาษาไทยมาจนพอเข้าใจ เลยเป็นเหตุให้ตอนนี้สันกรามบนหน้านูนขึ้นเป็นสัน
“ถ้าเก่งจริง ก็ด่าอีกสิ” เคลย์ริกท้าให้ด่าประหนึ่งพวกโรคจิตที่ชอบฟังคำด่าที่เจ็บแสบ
“ไอ้เถื่อน ไอ้โรคจิต ไอ้เส็งเคร็ง ไอ้เฮงซวย ไอ้คนทุเรศ ไอ้คนน่ารังเกียจ ไอ้...โอ๊ย!” มธุราร้องเสียงหลงเมื่อต้นแขนถูกมือหนาบีบจนเธอรู้สึกเหมือนกระดูกจะหัก หน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ แต่เธอก็ไม่ร้องขอความเห็นใจ ซึ่งนั่นทำให้เคลย์ริกรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นที่สุด
“อดทนเก่งงั้นเหรอ” เคลย์ริกเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ลงแรงบีบแขนเรียวจนเส้นเลือดนูนปูด เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงแพศยาคนนี้จะทนได้นานแค่ไหน
“โอ๊ะ!” มธุราน้ำตาร่วงอาบแก้ม แต่ถึงแม้จะเจ็บจนจะทนไม่ไหว เธอก็ยังไม่อ้าปากขอร้องให้เขาปล่อย
“อวดดี!” เคลย์ริกตะคอกใส่เสียงเหี้ยม ใบหน้าดุดันน่ากลัว
“ไอ้บ้า ไอ้เลว ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาตะคอกใส่ฉัน” มธุรายกมือขึ้นมาทุบตีกายแกร่งแบบไม่เลือกที่ ขอเพียงได้ล้างแค้นที่เขาบีบแขนเธอจนแทบหัก
ขณะที่เคลย์ริกก็ปล่อยให้สาวเจ้าตบตีไปได้ไม่กี่ครั้ง เขาก็ละมือจากต้นแขนมารวบสองมือเล็กเอาไว้ แล้วขยับกายเข้ามาชิดจนแผ่นอกที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อบดเบียดกับอกอวบ ที่คงจะใหญ่โตน่าดู
ปากหยักร้ายกระตุกยิ้มนิดๆ เมื่อเจ้าของความนุ่มนิ่มเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาขุ่นขวาง
“เนื้อนมไข่ดีแบบนี้นี่เอง ผู้ชายถึงได้ชอบ” เคลย์ริกหลุบตามองอกอวบ มธุราหน้าเห่อร้อนเมื่อถูกจดจ้อง
“ไอ้คนลามก โรคจิต เลิกมองฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“เคยชินแต่ให้ทำล่ะสิ” เขาขยับปากยิ้มอย่างดูแคลน
“พูดบ้าอะไร” มธุราโต้กลับเสียงเขียว ขยับมือที่ถูกรวบไว้หยุกหยิกๆ แต่ก็ไม่หลุดจากพันธนาการเสียที จนเธอชักหงุดหงิดคนปากเสียไม่ได้
“ฉันชอบจริงๆ ผู้หญิงปากเก่งอย่างเธอ แต่อย่างเธอ...คงไม่ได้เก่งแค่ปาก” เคลย์ริกหยุดพูดแล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อย แล้วใช้สายตามองสำรวจร่างเล็ก ประหนึ่งกำลังจ้องมองสินค้า อึดใจปากหยักก็เผยยิ้มที่คนเห็น เกลียดแสนเกลียด เพราะเธอไม่เข้าใจเลยว่าไปทำอะไรให้ผู้ชายคนนี้โกรธเคืองตอนไหน เขาถึงได้มากล่าวหา ว่าเธอเป็นผู้หญิงแพศยา แล้วยังมามองเธอ เหมือนเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ด้วยเงิน
“หยุดมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ซะทีไอ้คนเฮงซวย แล้วก็พูดมาว่าฉันไปทำอะไรผิด หรือทำอะไรให้ไม่พอใจตอนไหน ทำไมจะต้องจับฉันมาขังไว้ด้วย”
“ก่อนจะบอก เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันสักรอบสองรอบก่อนดีไหม” แววตาเขาไม่ได้พูดเล่น แต่คิดจะทำจริง
“ไม่!” มธุราปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดทบทวนให้เปลืองรอยหยักในสมอง ขณะที่คนตัวโตก็กดยิ้มมุมปาก และยังคงใช้สายตาจดจ้องร่างเล็กไม่เลิก ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้น
“แต่เรื่องสนุกที่ว่าเป็นงานที่เธอถนัดนะ” เคลย์ริกยังไม่เลิกชักชวน เพราะเวลานี้เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าริมฝีปากคู่นี้จะหวานแค่ไหน ทำไมผู้ชายถึงได้ชอบเธอนัก โดยเฉพาะผู้ชายที่เขารู้จัก ชอบถึงขนาดที่ว่ามีเท่าไหร่ก็ทุ่มให้ไม่อั้น
“ฉันไม่สนเรื่องสนุกของคุณ”
“แน่ใจ”
“หยุดไร้สาระ แล้วบอกฉันมาว่าจับฉันมาทำไม หรือคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้ามากหรือไง ถึงทำอะไรได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย” มธุรายกเอากฎหมายมากล่าวอ้าง เผื่อจะทำให้คนหน้าโหดสำนึกได้บ้างว่าประเทศนี่ยังมีกฎหมาย หาใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน
“คิดจะเอากฎหมายมาขู่งั้นเหรอ” เคลย์ริกเหยียดปากยิ้มเย้ยคนตัวเล็ก ที่คิดจะเอากฎหมายมาขู่คนอย่างเขา แล้วถ้าเขากลัวติดคุกติดตารางจริง คงไม่ไปดักฉุดเจ้าหล่อนมาไว้ที่นี่นานนับสัปดาห์
“ใช่!” มธุราตอบกลับเสียงกระแทกกระทั้น พลางยกเข่าขึ้นหวังจะกระทุ้งใส่จุดยุทธศาสตร์ ทว่าอีกคนกลับรู้ทันหลบไปได้อย่างหวุดหวิด
ตอนที่ 7“ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มันใช้กับคนอย่างผมไม่ได้หรอกยาหยี” เคลย์ริกยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วก็ขยับเข้าใกล้ร่างเล็กอีกนิด ส่วนมธุราก็หน้าแดงจัด ทั้งโกรธทั้งอาย เมื่อตอนนี้ร่างกายของเขาแนบชิดกับร่างกายของเธอมากเกินไป “ไอ้บ้า ถอยไปห่างๆ ฉันนะ” เสียงหวานร้องสั่ง พร้อมทั้งพยายามเบี่ยงตัวหนีคนหน้าโหด ต่างจากคนหน้าโหดที่อยากเบียดอยากชิดเจ้าของเสียงหวานให้มากกว่านี้ และจะดีกว่านี้หากได้สอดแทรกบางอย่างเข้าไปอยู่ในตัวเธอ “ถ้าไม่ปล่อย เธอจะทำอะไรได้” เคลย์ริกขยับหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกชนกัน “ถะ…ถอย ถอยไปห่างๆ ฉันนะไอ้คนปากสกปรก” “รังเกียจกันขนาดนั้นเลยหรือยาหยี” “ใช่ ฉันรังเกียจ แล้วก็ขยะแขยงมากๆ ด้วย เพราะงั้นเอาหน้าของคุณไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้&rd
ตอนที่ 8 “อย่าบอกว่าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนจับมาก่อน” หน้าตาของเคลย์ริกไม่เชื่อเลยสักนิดว่าสาวเจ้าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนแตะต้อง “ไม่เคย!” มธุราโต้กลับแบบไม่ทันคิดไตร่ตรองว่าคำตอบมันอาจจะทำให้ตัวเธอถูกประณามว่าเป็นผู้หญิงแพศยาอีกครั้ง แต่จะให้มาคิดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วเมื่อเธอได้ยินเสียงของอีกคนตะคอกกลับมาจนหูเธอแทบดับ “โกหก!” เพราะหนึ่งในนั่นก็คือเขาที่กำลังล้อเล่นอยู่กับส่วนนั้นของเธอและตอนนี้เขาก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามต่อสู้กับอารมณ์ที่ถูกเขาปลุกขึ้นมาเคลย์ริกขยับปากยิ้มเยาะ เมื่อรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของคนอวดเก่ง “ตอบสนองไวเหมือนกันนี่” ปากหยักร้ายยิ้มเยาะอีกครั้ง แล้วล่วงล้ำจุดลี้ลับหนักหน่วงขึ้น แล้วไม่ใช่แค่เธอที่ร่างกายเปลี่ยน เขาก็เปลี่ยนเช่
ตอนที่ 9 “ประหลาด” เคลย์ริกยิ้มขันให้กับคำตอบของคนอวดเก่ง แต่ที่น่าแปลกก็คือเขาเพิ่งจะรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เขายิ้มได้กว้างมากที่สุดในรอบปี “คุณสิประหลาด” ริมฝีปากสวยเบ้ออกอย่างนึกชังรอยยิ้มบนหน้าโหดๆ นั่น “เธอต่างหากที่ประหลาด แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไล่เจ้าของบ้าน” “คุณก็ไม่สิทธิ์มากักขังฉันไว้ที่นี่เหมือนกัน แล้วฉันก็ขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงแพศยาอย่างที่คุณกล่าวหา” มธุราเอ่ยยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เห็นอยู่ตำตา ยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอ” เคลย์ริกตะคอกใส่อย่างหัวเสีย เมื่อสาวเจ้าไม่ยอมรับ ทั้งที่ก่อนจะบุกไปจับหล่อนมาเขาก็มีหลักฐานอย่างชัดเจน &l
ตอนที่ 10 “ชอบไหม” ถามเสียงทุ้มพร่า “ปล่อยฉันนะ ไอ้หน้าโหด อย่ามาทำทุเรศกับฉัน” สองมือเล็กผลักไสกายแกร่ง ทว่าเขาไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “อย่าแสแสร้งว่าไม่เคยทำแบบนี้เลยยาหยี เพราะผมมั่นใจว่าผู้หญิงแพศยาอย่างคุณเคยโดนบ่อยๆ” เคลย์ริกกระซิบเสียงแหบพร่า กดปากขยี้จุมพิตบนปากอิ่มอย่างหลงใหล มือหนาก็ยังนวดเฟ้นสะโพกงามงอนอย่างสนุกมือ “อื้อ” มธุราทั้งดิ้นทั้งสะบัดหน้าหนีจุมพิต ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ที่เธอรู้ตัวดีว่าหากไม่ต่อต้านเขาตอนนี้ เธออาจสูญเสียพรหมจรรย์ที่เก็บรักษามายี่สิบกว่าปีให้ไอ้หน้าโหด เล็บแหลมกดลงบนผิวเนื้อของอีกคนสุดแรง แต่เคลย์ริกไม่สะดุ้งสะเทือน “ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอกกันก่อนเลยนะยาหยี” เคลย์ริกถอนปากออกมากระซิบ ใบหน้าเคียดขึ้ง เพราะเวลานี้เขากำลังโกรธตัวเองที่หลงใหลไปกลิ่นกายยั่วยวนของผู้หญิงแพศยา และโกรธผู้หญ
ตอนที่ 11 “ทนให้ได้ตลอดแล้วกันยาหยี” เคลย์ริกยิ้มอย่างเป็นต่อ นั่นก็เพราะเกมนี้เขาเป็นฝ่ายชนะเห็นๆ “ฮึก...ฮือ...” น้ำตาไหลอาบสองแก้มเมื่อกางเกงที่สวมถูกปลด “น้ำตาของคุณ หยุดผมไม่ได้หรอกยาหยี” “ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ฉันขอแช่งให้คุณตายวันนี้พรุ่งนี้ไปเลย” มธุรายอมเปิดปากในที่สุด แต่แทนที่เธอจะอ้อนวอนขอร้องให้เขาหยุดรุกรานร่างกาย กลับเป็นคำสาปแช่งแทน ซึ่งคนถูกแช่งก็น้อมรับคำแช่งด้วยรอยยิ้มบนมุมปาก “ถ้างั้นก่อนผมจะตาย ผมขอ...” เคลย์ริกหยุดพูดเมื่อได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอกเล็ดรอดเข้ามา ที่เขาก็ลืมไปซะสนิทว่าให้ลูกน้องโทรตามคู่ขาให้ไปรอในห้อง “ไอ้คนสารเลว ถอยไปนะ” มธุราใช้โอกาสที่อีกคนหยุดสนใจเสียงเอะอ
ตอนที่ 12 “เจ้านายแน่ใจนะครับ” เลขาฯ หนุ่มถามย้ำ “แน่ใจ! แล้วแกไม่ต้องมาเซ้าซี้หาเหตุผล ไปจัดการจ่ายเงินให้เรียบร้อย” เคลย์ริกเสียงเข้ม เพราะเดาความคิดของเลขาออกว่าตอนนี้อีกฝ่ายคงทำหน้าสงสัย “ถ้างั้นผมจะรีบจัดการให้ครับเจ้านาย แต่ผมมีอีกเรื่องที่จะแจ้งให้เจ้านายทราบ” “เรื่องอะไร” “เรื่องเลขาฯ คนใหม่ของเจ้านายครับ” “หมายถึงผู้หญิงคนที่แม่ฉันเคยแนะนำให้มาทำงานเป็นเลขาฯ ของฉันน่ะเหรอ” เคลย์ริกตอบแบบคล้ายจะพึมพำกับตัวเองมากกว่า เพราะเขาก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วย “ใช่ครับเจ้านาย ตอนนี้เธอเรียนจบพร้อมจะมาทำงานกับเจ้านายแล้วครับ” “ถ้างั้นแกจัดการไปล่ะกันว่าจะใ
ตอนที่ 13 “เคลย์ริก คุณอย่าตัดสัมพันธ์ฉันแบบนี้เลยนะคะ ฉันรักคุณนะคะเคลย์ริก ฉันไม่เคยต้องการเงินของคุณเลย” ลีอากล่าวตัดพ้อ หลังเพิ่งจะได้รับเช็คจากคนของเลขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า และเพราะเหตุนี้ทำให้เธอกล้ามาดักรอเขาที่หน้าลิฟต์ เพราะไม่อยากโดนตัดสัมพันธ์ ในขณะที่เธอกำลังจะสานต่อความใกล้ชิดครั้งนี้ไปถึงขั้นแต่งงาน “นั่นมันเรื่องของคุณ” เคลย์ริกตอบกลับเสียงเย็น ก่อนจะดันตัวนักร้องสาวออกห่าง นักร้องสาวคนสวยไม่ได้อยากผละห่างเลยสักนิด แต่เมื่อเจอสายตาดุดันของชายหนุ่มทำให้เธอยอมถอยออกมาโดยไม่อิดออด “แต่เราสองคนมีความสัมพันธ์กันมานานแล้วนะคะ ฉันจริงจังกับคุณ เคลย์ริกคะ ได้โปรดอย่าเอาเงินฟาดหัวฉันเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของคุณได้ไหมคะ” นักร้องสาวใส่จริตมารยาเต็มที่ หวังจะให้ชายหนุ่มที่หมายปองหวนกลับมาคิดทบทวนเรื่องตัดสัมพันธ์เสียใหม่ “มันเ
ตอนที่ 14 “สบายเกินไปแล้ว” สิ้นเสียงทุ้มผ้าห่มที่สาวเจ้าใช้ห่มก็ถูกกระชากออกไปหล่นอยู่ข้างเตียง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนขี้เซารู้สึกตัว เคลย์ริกจึงเดินไปเปิดสวิทซ์ไฟ อึดใจไฟทั้งห้องก็สว่างโร่มธุราวาดมือควานหาหมอนมาปิดหน้าปิดตาหนีแสงไฟ แต่เมื่อสำเหนียกได้ว่าตัวเธอหาได้นอนสบายอยู่บนเตียงนุ่มๆ ภายในบ้านพักหลังใหญ่ของตัวเองก็ดีดตัวลุกขึ้น “ไง นอนสบายดีไหม” น้ำเสียงแดกดันเต็มที่ ปากหยักร้ายแค่นยิ้มที่คนเห็นเกลียดแสนเกลียด มธุราเลือกจะเงียบไม่ตอบโต้ เพราะเบื่อจะต่อปากต่อคำด้วย “ไม่มีปากหรือไง ถึงไม่ยอมตอบ”“มี! แต่คุณเข้ามาในห้องฉันเวลานี้ทำไม” ถามจบแล้วเธอก็รีบโดดลงจากเตียงไปยืนหลบภัยอยู่มุมห้อง “เข้ามาทำอะไรดีล่ะ เข้ามาดูดนมคุณด
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ
ตอนที่ 48 “คุณเคลย์ริก คุณไม่กลัวเลยเหรอ” มธุราเอ่ยถามเสียงสั่น หลังสถานการณ์สงบลง โดยที่พวกคนร้ายก็พากันถูกจับ บ้างก็หนีรอดไปได้ ซึ่งตำรวจก็แยกย้ายกันไปตามจับกุม บางส่วนก็นอนเจ็บล้มตายเป็นที่น่าสยดสยองสำหรับคนที่เพิ่งประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่างมธุรา “แล้วคุณกลัวหรือยาหยี” “ฉันกลัวจนหัวใจจะวายตายอยู่แล้ว นี่ถ้าตำรวจไม่มา ฉันคงตายอยู่ในรถไปแล้ว” “ผมไม่มีวันปล่อยให้เมียตัวเองตายหรอก เชื่อใจผมนะ ผมจะดูแลและปกป้องคุณเอง” “แล้วคุณคิดว่าเราจะรอดได้ทุกครั้งเหรอ” “ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำแบบนี้อีกแล้ว” “ค่ะ แล้วนี่ลูก
ตอนที่ 47 เคลย์ริกรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยแววตาที่ค่อยๆ แดงก่ำ และในที่สุดเขาก็ไม่อาจข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เมื่อได้รับรู้ความจริงแสนเจ็บปวด จากคนที่เขารักและเคารพมากที่สุดในชีวิต เป็นคนทำให้พ่อแท้ๆ ของเขาต้องตาย และทำให้มารดาของเขาตรอมใจจนล้มป่วยจนจากเขาและน้องๆ ไป “เคลย์ริก ตาขอโทษ” ผู้อาวุโสบอกหลานชายเสียงสั่นเครือ ท่านยื่นมือไปจะวางบนหลังมือของหลานชาย ทว่าเคลย์ริกที่เจ็บปวดกับสิ่งที่ได้รับรู้ลุกขึ้นและเดินออกมา “เคลย์ริก!! เคลย์ริก!!”ไทร์เฟียและเนอร์แมนพากันเอ่ยเรียก แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่กลับยิ่งเร่งฝีเท้าออกไป กระทั่งมาถึงห้องโถงซึ่งมธุราก็เดินหอบหนังสือออกมาพอดี ทั้งที่ความจริงเธอแค่อ้างเพื่อเปิดโอกาสให้ครอบครัวแม็คแคลตันได้พูดคุยกันตามลำพัง แต่เผอิญไปเจอหนังสือที่อยากอ่านมานาน เธอจึงหอบเอามาด้วย&nbs
ตอนที่ 46“อย่าโกรธผมเลยนะยาหยี ที่ผมทำไปก็เพราะผมเป็นห่วง แล้วก็หวงคุณนะยาหยี”“พอเลยไม่ต้องพูดแล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย ฉันมีเรื่องสำคัญต้องเจรจากับคุณ” “เรื่องอะไรเหรอยาหยี” “คุณอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เลย” “ผมไม่รู้จริงๆ นะยาหยี” มธุราถอนหายใจดังพรืดให้กับความแกล้งซื่อของคนหน้าโหด ก่อนจะบอกเขาไปเสียงดังฟังชัด “ฉันรู้ว่าคุณส่งลิเบอร์ไปจัดการเรื่องภายในครอบครัวของฉัน แล้วที่ฉันมานี่ ฉันก็มาเพื่อจะขอเจราเรื่องเวลาชดใช้เงินกับคุณใหม่ เพราะเวลาแค่สามเดือน ฉันกับพี่ชายหาไม่ทัน” “แล้วทำไมยาหยีถึงคิดว่าเป็นผมล่ะ”&