Share

บทที่ 10

Author: เจี๋ยเยี่ยน
“หลี่ชุ่ยฮวา! ปล่อยข้านะ เจ้าคิดจะขบถหรือ?” แม่ม่ายหลิวคล้ายวัวก็มิปาน ออกแรงบิดตัวไม่หยุด

“บิดาคนนี้ก็ขบถอยู่ทุกวัน บ้าขึ้นมาแม้แต่ตัวเองก็ยังตี เจ้าน่าจะชินแล้วถึงจะถูก!”

ขณะเดียวกันจู่ๆ ฝูอวิ๋นก็รู้สึกโชคดีที่ตนเองมีฉายา “คนบ้า” ไม่ว่าทำอันใดก็สามารถหาข้ออ้างที่ชอบธรรมได้

เกิดเรื่องขึ้นก็ใช้ “เป็นบ้า” มาอธิบาย

“ลูกชายของเจ้าเกือบบีบคอหลิงจิ่งตาย ทั้งยังผลักหลิงเสวี่ยตกแม่น้ำจนเกือบจนน้ำตาย สองชีวิต เจ้าพูดเถอะจะคิดบัญชีอย่างไร?” เสียงฝูอวิ๋นไม่ดังนัก กลับทำให้คนรู้สึกเย็นเยือกภายในใจอย่างอดไม่ได้

“เจ้า เจ้าผายลม! เห็นชัดว่าลูกชายเจ้าแย่งปลาของลูกชายข้า ทั้งสองคนถึงต่อยตีกัน เด็กทะเลาะกัน เจ้ากลับเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ตบหน้าลูกชายข้าจนบวม เจ้านั่นแหละที่ทำผิดก่อน!”

ฝูอวิ๋นดุดันโหดเหี้ยม แม่ม่ายหลิวเองก็ไม่อ่อนแอ

“ข้าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าฉวยโอกาสตอนข้าไม่อยู่ วิ่งมาเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กที่บ้านข้ากันเล่า?”

“ข้า ข้า...ข้ามาคิดบัญชีกับเจ้า! เป็นลูกชายของเจ้าถือมีดฟันข้า ข้าถึงลงมือ!” สมองแม่ม่ายหลิวทำงานเร็วรี่

ผู้ใหญ่ลงมือตีเด็ก มากน้อยอย่างไรก็เสียเปรียบด้านเหตุผลอยู่บ้าง

หากนางถูกหลี่ชุ่ยฮวาป้ายความผิดนี้ ภายภาคหน้าจะต้องถูกคนนินทาลับหลังแน่

นางแม่ม่ายหลิวเป็นคนดุร้าย กระนั้นก็กลัวถูกนินทาลับหลัง

ไฉนเลยฝูอวิ๋นจะสนใจสาเหตุที่นางลงมือ!

นางต้องการอยู่ที่นี่ เด็กสองคนนี้ก็คล้ายผู้อยู่ใต้อาณัติของนาง ผู้อยู่ใต้อาณัติถูกรังแก นั่นก็คือกำลังตบหน้านาง!

ใบหน้านางนี้งดงามดุจบุปผาดุจหยก ไฉนเลยจะยอมถูกคนตี?

เพียงฝูอวิ๋นออกแรงที่ข้อมือ ก็รัดเสียจนใบหน้าแม่ม่ายหลิวเปลี่ยนรูป!

“เจ้าไม่บุกมาบ้านข้า เขาจะฟันเจ้าได้อย่างไร?”

“หากไม่ใช่เจ้าตีลูกชายข้า ข้าจะมาบ้านเจ้าหรือ?” แม่ม่ายหลิวถลึงตาเปี่ยมโทสะ ใครบ้างขุดคุ้ยออกมาพูดไม่เป็น?

“ได้! ข้าตีลูกชายเจ้า ตอนนี้เจ้าเองก็ตีลูกชายข้าแล้ว พวกเรานับว่าหายกัน เจ้าพูดถึงหลักการนี้หรือ?” ฝูอวิ๋นถามกลับ

แม่ม่ายหลิวถูกควบคุมไว้จึงขยับไม่ได้ ตกเป็นรองอยู่ตลอด ทำได้เพียงพูดตามนาง “เจ้า เจ้าตีลูกชายข้า ข้าตีลูกชายเจ้า นับว่าหายกันแล้ว เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว!”

ฝูอวิ๋นคลายมือออกเล็กน้อย “เรื่องของผู้ใหญ่หายกันแล้ว แต่เรื่องลูกชายเจ้าทำร้ายคนปล้นทรัพย์หมายเอาชีวิตยังไม่หายกันหรอกนะ”

แม่ม่ายหลิวโมโหจนหน้าซีดแล้ว ตะโกนเสียงดัง “หลี่ชุ่ยฮวา เจ้าใส่ร้ายป้ายสีคน! หู่จื่อของข้าอายุแค่เก้าขวบ เขาสามารถทำร้ายคนปล้นทรัพย์หมายเอาชีวิตอันใดได้? พูดจาส่งเดชจะต้องติดคุก!”

“แย่งของลูกชายข้า ยังผลักลูกสาวข้าตกแม่น้ำ ไม่ใช่ทำร้ายคนปล้นทรัพย์หมายเอาชีวิตแล้วคืออันใด? วันนี้ไม่สั่งสอน พรุ่งนี้ฆ่าคนวางเพลิงก็นึกเสียใจภายหลังไม่ทันแล้ว!”

“เจ้ายังคิดจะทำอันใด?” จู่ๆ แม่ม่ายหลิวก็มีเหงื่อเย็นผุดออกมา

ฝูอวิ๋นแค่นหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง เงยหน้าเข้าหาประตูลานบ้านของตนแล้วตะโกน “หลิงจิ่ง ออกมา!”

ภายในลานบ้าน

หลิงจิ่งจูงหลิงเสวี่ย บัดนี้กำลังยืนตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ภายในลานบ้าน ครั้นได้ยินชื่อของตนก็สั่นสะท้านทั่วทั้งสรรพางค์กาย

หญิงคนนั้นยังจะคิดบัญชีกับเขา....

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยิบเคียวขึ้นมา เปิดประตูอออก

เห็นหญิงคนนั้นคุกเข่าอยู่บนพื้น กอดแม่ม่ายหลิวไว้ ส่งยิ้มละไมให้เขาทีหนึ่ง

“อาจิ่ง ข้าพูดกับแม่เสี่ยวหู่ดีแล้ว ความขัดแย้งกันระหว่างเด็กของพวกเจ้าจะต้องจัดการด้วยตนเอง ผู้ใหญ่ไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง เมื่อครู่หลี่เสี่ยวหู่รังแกเจ้าและน้องสาวอย่างไร เจ้าก็รังแกกลับไปอย่างนั้นเถอะ”

คนไม่ชมชอบหลี่ชุ่ยฮวา ลุกขึ้นออกมาปกป้องความยุติธรรม “หลี่ชุ่ยฮวา มีใครสอนลูกอย่างเจ้าบ้าง?”

“ลูกของข้า ข้าจะสอนอย่างไรมันเกี่ยวอันใดกับเจ้า? กล้าล่วงเกินข้า เชื่อหรือไม่ข้าจะไปอึที่ห้องครัวบ้านเจ้า!”

ฝูอวิ๋นส่งสายตาเย็นชามองไปหนึ่งปราด คนผู้นั้นหุบปากลงในทันใด

อย่าพูดเชียว หลี่ชุ่ยฮวาสามารถทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ออกมาได้จริงๆ

“อาจิ่ง วางมีดลง พวกเราทำให้เขาได้เห็น คนสกุลหลิงรังแกไม่ง่าย! เจ้าสนใจเพียงแก้แค้นก็พอ

ชนะหรือแพ้ไม่สำคัญ พวกเราเพียงระบายโทสะเท่านั้น อย่างไรเสียหากเกิดเรื่องข้าจะรับผิดชอบแทนเจ้าเอง! ข้ารับผิดชอบไม่ไหวก็รอพ่อพวกเจ้ากลับมา!”

เดิมทีฝูอวิ๋นอยากสุขุมใจเย็น จัดการความขัดแย้งระหว่างสองครอบครัวอย่างสง่างาม ไม่อยากให้ทุกคนต้องรู้สึกอึดอัด

ทว่าเพียงได้เห็นหญิงคนนี้เหยียบมือของลูก เพลิงโทสะของนางก็ไม่สามารถสงบลงได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 11

    หลิงจิ่งมองฝูอวิ๋นอย่างระแวงแวบหนึ่ง ไม่รู้ทำไม เมื่อได้ยินคำนี้ของนาง เขาไม่มีความกังวลทันทีหมัดสาวใส่ใบหน้าของเสี่ยวหู่อย่างหนักหน่วงหลี่เสี่ยวหู่กำลังมองแม่ตัวเองเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ก็โดนต่อยเสียแล้วเขาทำหน้าผวา ยกหมัดขึ้นแล้วต่อยสวนกลับไปเด็กทั้งสองคนชกต่อยกันอีนุงตุงนังอย่างไรหลิงจิ่งก็เคยเรียนหมัดมวยมาบ้าง หนำซ้ำยังโกรธแค้น จึงปะทุกำลังที่แข็งแกร่งเพียงไม่นาน ก็คร่อมหลี่เสี่ยวหู่ไว้ใต้ร่าง กำหมัดน้อยแน่นแล้วสาวหมัดใส่หน้าเขาไม่ยั้งหลี่เสี่ยวหู่สู้ไม่ได้ จึงแหกปากร้องไห้เสียงดัง ตะโกนเรียกหาพ่อร้องหาแม่แม่ม่ายหลิวถูกฝูอวิ๋นบีบลำคอเอาไว้ จึงส่งเสียงครางแต่พูดไม่ออกพวกผู้ชมไม่เพียงไม่ห้าม แทบจะปรบมือดีใจด้วยซ้ำ!เจ้าเด็กเวรคนนี้ ในที่สุดก็ถูกสั่งสอนสักที ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก!“หยุดนะ!”ขณะที่ทุกคนกำลังดูอย่างเมามัน ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนดังขึ้น ทำให้รอบด้านเงียบสงัดหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ต้าเต๋อสวมรองเท้าแตะ วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบหลิงจิ่งลุกหนีพรวด ฝูอวิ๋นเองก็รีบปล่อยตัวแม่ม่ายหลิวพอแม่ม่ายหลิวลุกขึ้นก็จะเข้าไปถีบหลิงจิ่งทันที แต่ฝูอวิ๋นหูไ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 12

    ฝูอวิ๋นโล่งอก คุกเข่าสองชั่วยามแลกกับความสะใจ นางยินดีเมื่อเห็นสายตากังวลของหลิงจิ่ง นางใจอ่อนโดยไม่มีสาเหตุ เจ้าตัวเล็กเป็นห่วงนางหรือ?นางเก็บสมุนไพรที่ตกตรงกำแพง แล้วยื่นให้หลิงจิ่ง “นี่เป็นสมุนไพรรักษาไข้หวัด เจ้าใช้น้ำสองถ้วย ต้มเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป เป่าให้เย็นแล้วป้อนเสี่ยวเสวี่ย ไม่งั้นจะไม่สบาย”นางหันมองหลิงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ยรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”หลิงเสวี่ยร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว เห็นนางมองตัวเอง ตัวสั่นสะท้าน จับเสื้อหลิงจิ่งไว้แน่นเด็กกลัวแม่มาตั้งหลายปี ฝูอวิ๋นไม่ได้หวังว่าภายในหนึ่งวันจะสามารถกำจัดความกลัวในใจพวกเขาได้นางรีบลุกขึ้น “อาจิ่ง พวกเจ้าใส่กลอนประตูให้ดี นอกจากข้า ห้ามให้ใครเข้าไปทั้งนั้น ในไม่ช้าข้าจะกลับมา หากเสี่ยวเสวี่ยมีสิ่งใดผิดปกติ ให้รีบไปตามข้าที่ศาลบรรพชน”หลิงจิ่งเม้มปากแน่น ในดวงตามีมีประกายน้ำตาคลอเบ้า“อย่าร้องไห้ เรื่องนี้ข้าเองก็มีความผิด มีความผิดก็ต้องรับโทษ แต่ว่าขอแค่ได้แก้แค้นให้เจ้าก็คุ้มค่าแล้ว”ล้วนบอกว่าใจแลกใจ นางไม่เชื่อว่าเด็กน้อยสองคนนี้ จะต้านทานการโจมตีของนางได้พูดจบ ฝูอวิ๋นหันหลังจากไปแม่ม่ายหลิวอยากพาลูก

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 13

    “นางผลักข้าชนกำแพง แล้วก็เหยียบมือพี่ชาย” หลิงเสวี่ยเอ่ยอย่างรันทด“น่าโมโหนัก! อีกเดี๋ยวน้าเล็กจะด่านางให้หนักเลย! เสี่ยวเสวี่ยยังไม่ได้กินข้าวสินะ? น้าเล็กเอาหมั่นโถวขาวลูกใหญ่มาให้เจ้ากับพี่ชายด้วย”หญิงชั่ว คือสรรพนามของหลี่ชุ่ยฮวามาตลอด ดังนั้น หลี่หรูเยียนจึงทึกทักไปเอง ว่าหญิงชั่วที่หลิงเสวี่ยเอ่ยถึงคือหลี่ชุ่ยฮวานางหยิบหมั่นโถวออกมาจากตะกร้าสองลูก ซึ่งยังอุ่นอยู่ แบ่งให้เด็กทั้งสองคน“ขอบคุณน้าเล็ก” หลิงจิ่งเช็ดมือแล้วรับหมั่นโถวไป จากนั้นลงกลอนประตู กลับไปที่ห้องครัวหลี่หรูเยียนพาหลิงเสวี่ยเข้าไปคุยกันในห้องรับแขก “เสี่ยวเสวี่ย เจ้าชอบน้าเล็กหรือไม่?”“ข้าชอบน้าเล็กที่สุดเลย”“แล้วแม่เจ้าล่ะ?”“ตีคนชั่ว ไปศาลบรรพชนแล้ว”“เฮ้อ...บอกว่าไปศาลบรรพชน ใครจะไปรู้ว่านางจะสงบเสงี่ยมหรือไม่?ท่านพ่อของพวกเจ้าไม่อยู่ ไม่แน่วันใดวันหนึ่งแม่ของพวกเจ้าอาจทิ้งพวกเจ้าไปหาชายชู้ก็ได้น้าเล็กได้ยินมาว่า ชายชู้นั่นร่ำรวยมาก แม่ของเจ้ารังเกียจที่พ่อเจ้ายากจน จึงอยากหาคนรวยสักคน จะได้มีชีวิตสุขสบายเพียงแต่สงสารพวกเจ้าทั้งสอง ที่ต้องมามีแม่อย่างนี้ จึงมีแต่ความลำบาก” หลี่หรูเยียนทำหน

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 14

    “หลี่ชุ่ยฮวา เจ้ามันคนชั่วช้า เจ้าทำความผิดคนเดียว ทำไมข้าต้องมารับผิดพร้อมเจ้าด้วย?”ศาลบรรพชนแม่ม่ายหลิวด่าทออย่างไม่พอใจ“ไม่อยากคุกเข่าเจ้าก็ไปสิ” ฝูอวิ๋นหลับตา ไม่อยากพูดด้วยแม้แต่คำเดียว หญิงคนนี้พูดมาเหลือเกิน“ไปหรือ? เจ้าพูดง่ายเหลือเกินนะ!”เมื่อพูดออกไป แม่ม่ายหลิวรู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติ จึงรีบทำหน้าตึง แล้วด่าออกไปอย่างหนักหน่วง“เจ้ามันตัวซวย เจ้ามันคนบ้า! ใครใช้ให้เจ้าตีลูกชายข้า สมน้ำหน้าที่โดนลงโทษ! เจ้าว่ามาสิ หลิงหานโจวเจ้าคนไม่เอาไหนนั่น มาเจอคนบ้าอย่างเจ้าแล้ว ทำไมยังไม่หย่ากับเจ้าอีก?”ฝูอวิ๋นยังคงทำไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ขี้เกียจสนใจนางแม่ม่ายหลิวเห็นนางไม่สนใจ ยิ่งโมโหกว่าเดิม จึงพูดเสียงดัง “หรือเจ้าไปฝึกวิชามาจากข้างนอกจริงๆ แล้วปรนนิบัติเขาจนสบายอารมณ์ ดังนั้นเขายอมถูกสวมเขาก็ยังไม่ยอมหย่ากับเจ้า?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม่ม่ายหลิวแผ่ซ่านความอยากรู้อยากเห็นออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้าฝูอวิ๋นเหนื่อยใจ จึงเหลือบมองนาง “ทำไม? อิจฉาที่ข้ามีสามีหรือ? ก็ใช่ อย่างเจ้าต่อให้อยากปรนนิบัติ ก็ไม่มีให้ปรนนิบัติ”เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น สีหน้าแม

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 15

    กว่าแม่ม่ายหลิวจะรู้สึกตัว โต๊ะบูชาติดไฟไปนานแล้วสีหน้านางเปลี่ยน รีบวิ่งออกไปอย่างลนลานมุมปากฝูอวิ๋นยกขึ้น หันหน้าแล้วพุ่งไปที่แท่นบูชา จากนั้นรีบเก็บป้ายวิญญาณอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเก็บบันทึกลำดับญาติไปด้วยเพียงไม่นาน ได้ยินเสียงฝีเท้าวุ่นวายที่ดังมาจากด้านนอก และเสียงกรีดร้องของแม่ม่ายหลิว“หัวหน้าหมู่บ้านท่านดูสิ หลี่ชุ่ยฮวาเป็นบ้าอีกแล้ว! เมื่อกี้นางคุกเข่าลงไปก็ไม่พอใจ ด่าท่านไปด้วยพลางเผาป้ายวิญญาณไปด้วย นี่คงอยากสาปแช่งให้ทุกคนในหมู่บ้านสกุลหลี่ไม่ได้ตายดี”ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว แสงไฟสีแดงฉานโดดเด่นสะดุดตา ฝูอวิ๋นหอบเอาป้ายวิญญารบรรพชนเดินออกมากลางกองไฟ ดูแล้วเหมือนจะเป็นดังที่แม่ม่ายหลิวบอกแม่ม่ายหลิวอยู่ใกล้หลี่ต้าเต๋อ ได้ยินเสียงเขากัดฟันอย่างชัดเจนแววตานางมีความได้ใจแวบผ่าน หลี่ชุ่ยฮวา กล้าใส่ร้ายข้าหรือ ข้าจะจัดการเจ้าให้เข็ดหลาบ!“เร็ว! ดับไฟเร็ว!” ฝูอวิ๋นตะโกนเสียงดัง วางป้ายวิญญาณบรรพชนลง จากนั้นหันไปทางแท่นบูชาโดยไม่ลังเล เพื่อไปขนป้ายวิญญาณบรรพชนที่เหลือหลี่ต้าเต๋อไม่มีเวลาเอาเรื่อง รีบสั่งให้คนไปดับไฟบ้าง สั่งให้คนไปเอาป้ายบรรพชนบ้างศาลบรรพชนราวกับเกิ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 16

    “หัวหน้าหมู่บ้าน หากให้ไปลงที่ท่าน นางคงขึ้นไปอึบนโต๊ะอาหารของบ้านท่าน!” แม่ม่ายหลิวเอ่ยพร้อมหัวเราะ“...”เผาศาลบรรพชนเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก ไม่มีใครหัวเราะไปกับนาง รอยยิ้มของนางจึงค้างอยู่บนใบหน้าอย่างกระอักกระอ่วนฝูอวิ๋นขยับร่างกาย แล้วบิดขี้เกียจ หันหลังกวาดมองหนึ่งรอบไม่เลว มากันเกือบจะทั้งหมู่บ้านแล้วเมื่อเห็นหลิงจิ่งที่เบียดเสียดท่ามกลางฝูงชน ในใจนางอบอุ่น จึงยิ้มให้เขาหลิงจิ่งตะลึงทันทีหญิงคนนี้ไม่เคยยิ้มให้เขามาก่อน...แต่ว่าเวลานางยิ้ม สวยงามมากจริงๆทำให้หลิงจิ่งหน้าแดงอย่างลืมตัวทันใดนั้น เขาทำหน้าตึง พร้อมทำหน้าไม่แยแสเผาศาลบรรพชน ดีไม่ดีอาจถูกถ่วงน้ำในเล้าหมู นางยังมีแก่ใจยิ้มอีก!หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก!หลี่ต้าเต๋อตำหนิ “หลี่ชุ่ยฮวา เจ้ายังยิ้มออกหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งของในศาลบรรพชนสำคัญเพียงใด?”“รู้สิ” ฝูอวิ๋นตอบเสียงเรียบ“รู้แล้วเจ้ายังวางเพลิงอีก!” หลี่ต้าเต๋อโกรธจนตัวสั่นไปหมด ฝูอวิ๋นกลัวเขาจะกระแทกไม้เท้าจนหัก อีกเดี๋ยวจะกลับบ้านไม่ได้“ใครว่าข้าเป็นคนวางเพลิง?” ฝูอวิ๋นย้อนถามทุกคนอย่างเย็นชา “คำพูดของแม่เสี่ยวหู่พวกท่านก็เชื่อหรือ?”

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 17

    หลี่ต้าเต๋อจ้องแม่ม่ายหลิว “นางหลิว เหตุใดเจ้าจึงจุดไฟเผาป้ายวิญญาณบรรพชน?”ฝูอวิ๋นทั้งสาปแช่งทั้งขอรับโทษ ทำให้แม่ม่ายหลิวตะลึงจนเหม่อลอย ลืมแก้ต่างให้ตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้าน นางถึงได้ตกใจตื่น ทันใดนั้นความผิดใหญ่หลวงก็บินมาหานางทันที“หัวหน้าหมู่บ้าน อย่าฟังหลิวชุ่ยฮวาพูดเหลวไหล” แม่ม่ายหลิวทั้งคำนับทั้งร้องไห้ “ต่อให้ข้าใจกล้าสักเพียงใด ข้าก็ไม่กล้าเผาป้ายวิญญาณบรรพชน! เป็นนาง เป็นหลี่ชุ่ยฮวา เมื่อกี้ข้า...”“เมื่อกี้ทำไมหรือ?” ฝูอวิ๋นเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางใจเย็นของฝูอวิ๋น แม่ม่ายหลิวถึงได้รู้สึกตัว นางตกหลุมพรางแล้วเมื่อกี้ ตอนที่ตีกันนางเอาแต่หลบไปทางแท่นบูชา จากนั้นปัดตะเกียงคว่ำ นางเห็นแล้ว แต่เพราะไฟโหมแรงเกินไป ตอนนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้รอให้นางได้สติ ปฏิกิริยาแรกคือรีบไปหาคน เพื่อฟ้องและใส่ร้ายหลี่ชุ่ยฮวา ไม่ให้นางมีโอกาสแก้ตัวแต่ใครจะคิด ใส่ร้ายไม่สำเร็จกลับถูกแว้งกัดตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าหมู่บ้านเชื่ออีกฝ่ายไปแล้ว!เชอะ หญิงผู้นี้มักจะเลอะเลือนบ้าบอ เหตุใดวันนี้จึงพูดจาฉะฉานยิ่งนัก?แม่ม่ายหลิวกัดฟันจ้องฝูอวิ๋น “เพราะเจ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 18

    เห็นเรื่องราวดำเนินมาพอสมควร ฝูอวิ๋นลุกขึ้นยืน “หัวหน้าหมู่บ้าน หากไม่มีธุระใดข้าขอตัวก่อน ลูกถูกแม่เสี่ยวหู่ตีจนอยู่ในสภาพนั้น ข้าต้องรีบกลับไปดู”หลี่ต้าเต๋อพยักหน้า “ไปเถอะ เห็นแก่ที่เจ้าทำคุณไถ่โทษ จะปล่อยเจ้าไปก่อน ต่อไปทำตัวให้ดีละ นางหลิว เจ้าดูถูกคนสกุลหลี่อย่างนั้นหรือ?”แม่ม่ายหลิวลนลาน “หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ใช่นะ ข้าเปล่านะ...”“ไม่ใช่ เจ้าเปล่าทำ แล้วเจ้าหนีทำไม?”“ข้า...ข้าแค่ไปเรียกคนมา...” แม่ม่ายหลิวพูดอย่างไม่มั่นใจฝูอวิ๋นเพิ่งเดินพ้นฝูงชน เกือบจะหัวเราะเพราะแม่ม่ายหลิว นางพูดเช่นนี้กับยอมรับว่าไฟไหม้ก็หนีต่างกันตรงไหน?“อาจิ่ง กลับบ้าน” ฝูอวิ๋นเรียกโดยไม่หันกลับไปมองหลิงจิ่งตัวแข็งทื่อ วิ่งเหยาะๆ ตามหลังนางไปยังดีที่คืนนี้มีแสงจันทร์ ไม่อย่างนั้น ฝูอวิ๋นคงไปบ้านตัวเองไม่ถูก“คือว่า...” ระหว่างทาง หลิงจิ่งอดถามไม่ได้ “ท่านไม่ได้จุดไฟจริงหรือ?”“ไม่ใช่ แมวป่าทำตะเกียงคว่ำ แต่ป้ายบรรพชนเหล่านั้นข้าเป็นคนนำออกมาเอง” ฝูอวิ๋นตอบจริงจัง“ท่าน...” หลิงจิ่งเม้มปากเป็นเส้นตรง ดวงตาดำขลับจ้องมองแผ่นหลังของฝูอวิ๋นเมื่อครู่ที่ได้ยินนางพูดเช่นนั้น เขารู้สึกว่านางเหมือ

Latest chapter

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 40

    ฝูอวิ๋นสัมผัสได้ถึงสายตาอันแรงกล้าที่จ้องตัวเองอยู่ก็ขมวดเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น จากนั้นหันตัวไป ได้พบกับเซียวหรานผู้เป็นตำนานมิน่าเล่า หลี่ชุ่ยฮวาจึงจำไม่ลืมเลือน เป็นความจริงที่เขารูปหล่อมาก มีกลิ่นอายของบัณฑิตผู้สุภาพและให้ความรู้สึกเหมือนคุณชายผู้สง่างามเซียวหรานขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเมื่อเห็นฝูอวิ๋นมองมา “หลี่ชุ่ยฮวา วันก่อนข้าก็พูดกับเจ้าอย่างชัดเจนแล้วนะว่าข้ามีภรรยาแล้ว ส่วนเจ้าก็แต่งงานแล้วเช่นกัน อย่าตามตื๊อข้าอีก”จู่ๆ ฝูอวิ๋นก็หัวเราะออกมา ดวงตาเย็นชาถึงขีดสุด“คุณชายเซียวพูดอันใด? ข้าเพียงนำของมาจำนำเท่านั้น ท่านก็รีบเดินเข้ามาพูดคุยกับข้าแล้ว หากไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าท่านยังหลงเหลือความรู้สึกต่อข้า”ฝูอวิ๋นลูบใบหน้าตัวเองพูดอย่างน่าสงสาร “แต่ท่านจะลืมข้าไม่ได้ก็ไม่แปลก ผู้ใดใช้ให้ข้ามีใบหน้าที่งดงามจนสรรพชีวิตต้องเกลียดชังกันล่ะ?”“ขนาดสามีของข้าก็ยังมองข้าด้วยความหลงใหลเหมือนท่านตอนนี้ในทุกๆ วัน”ภายในถ้อยคำของฝูอวิ๋น นอกจากประโยคที่ว่าสามีชอบมากนางแล้ว เรื่องอื่นล้วนแต่เป็นความจริงสกุลหลิงหาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ ไม่ได้ทำการเกษตร ประกอบกับเดิมทีหลี่ชุ่ยฮว

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 39

    จากหมู่บ้านสกุลหลี่มาถึงตำบลผิงไม่ถือว่าไกล หากใช้เส้นทางที่ตัดผ่านป่าจะมีระยะทางไม่ถึงสิบห้าลี้ ด้วยฝีเท้าของฝูอวิ๋นแล้ว เดินเพียงครึ่งชั่วยามก็ถึงตำบลผิงตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและค่อนข้างล้าหลัง มีตลาดนัดแค่เดือนละสามครั้ง แบ่งเป็นวันที่ห้า วันที่สิบห้า และวันที่ยี่สิบห้า หรือก็คือทุกครั้งที่ในวันมีเลขห้านั่นเองวันนี้เป็นวันที่สิบห้า ตรงกับวันที่มีตลาดนัดพอดีเวลานี้บนถนนมีผู้คนขวักไขว่ไปมาคับคั่ง เสียงเชิญชวนให้ซื้อสินค้า เสียงพูด และเสียงโต้เถียงดังผสมปนเปกัน บรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวามากฝูอวิ๋นเดินไปทางโรงรับจำนำโดยอาศัยจากความทรงจำ ทำการจำนำเครื่องประดับทั้งสองชิ้นแต่นางเพิ่งจะก้าวเข้าไปยังโรงรับจำนำก็คือหญิงสาวหน้าตาหยาดเยิ้มนางหนึ่งยกมือขวางไว้“หืม นี่มันนังบ้าหลี่ชุ่ยฮวาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมิใช่หรือ? เซียวหรานของข้าเพิ่งจะก้าวเข้ามาที่นี่ เจ้าก็ตามเข้ามาทันที จมูกสุนัขดีไม่เลวเลยนี่”หญิงสาวนางนี้คืออนุของเซียวหราน มีนามว่าเจี่ยอิ๋งอิ๋ง ทั้งที่รูปโฉมงดงาม ทว่าเอ่ยปากพูดแล้วกลับมีแต่ความเหน็บแนมประชดประชัน ทำให้อดที่จะรู้สึกรังเกียจไม่ได้“หลีกไป” ฝูอวิ๋นเม้มริมฝี

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 38

    หลิงจิ่งยกน้ำหนึ่งชามมาให้อย่างรวดเร็ว ฝูอวิ๋นเงยหน้าดื่มหมดในอึกเดียวนางลูบศีรษะน้อยๆ ของหลิงจิ่ง “เมื่อก่อนข้าทำแบบนั้นกับเจ้า ไม่เกลียดข้าหรือ?”ความจริงแล้วนางอยากจะสลัดตัวเองทิ้งและถามหลี่ชุ่ยฮวาเพียงผู้เดียวหลิงจิ่งเม้มปากแน่น ดวงตาคู่กลมส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงตะเกียงขนาดเท่าเม็ดถั่วฝูอวิ๋นยิ้มแล้วถามอีกครั้ง “เจ้าทำดีกับข้าเช่นนี้ คงไม่ได้กำลังวางแผนทำข้าตายกระมัง?”“ข้า…” หลิงจิ่งมองฝูอวิ๋น รู้ว่าค่ำคืนนี้นางแปลกประหลาดมาก“ช่างเถอะ นอนดีกว่า พรุ่งนี้ข้าจะปูเตียงแล้วให้พวกเจ้ากลับไปนอนที่เดิม มิเช่นนั้นข้ากลัวว่าเจ้าจะลอบฆ่าในยามที่ข้าหลับ”ดวงตาของทอประกายเหมือนคนที่ผ่านโลกมาโชกโชน ค่ำคืนนี้ นางรู้สึกซึมเศร้าหลิงจิ่งขมวดคิ้ว เนิ่นนานก่อนจะพูดขึ้นว่า “ท่านตกใจจนเสียขวัญไปแล้วหรือ?”“ก็คงใช่กระมัง” ฝูอวิ๋นใช้นิ้วสางผมไปไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดจู่ๆ หลิงจิ่งก็เข้ามากอดเอวนางฝูอวิ๋นตกใจผงะ นางยิ้มขมขื่นว่า “ข้าทำให้เจ้ากลัวหรือ?”“ท่านกลับไปทุบตีพวกข้าเหมือนเดิมเถิด” หลิงจิ่งพูดแบบนี้ออกมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงพูดเ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 37

    หลิงจิ่งชอบตบหมอนก่อนเข้านอน เนื่องจากหมอนที่พวกเขาใช้แข็งทื่อมาก ทำจากฝ้ายคุณภาพต่ำจึงมักจะราบเรียบไม่เสมอกัน ตบแล้วจะช่วยให้หนอนหนุนสบายยิ่งขึ้นคืนนี้เขาลืมตัวจึงเผลอยกหมอนขึ้นมาตบ เมื่อยกหมอนขึ้นมาแล้วก็ได้พบกับปิ่นเงิน กำไลหยก และเงินทองแดงอีกสิบกว่าเหรียญที่อยู่ใต้หมอนเขาตกใจผงะเขาไม่ได้รู้สึกแปลกตากับของสองชิ้นนี้กำไลหยกนั่นเป็นของน้าเล็ก น้าเล็กสวมไว้ที่ข้อมืออยู่ตลอด ส่วนปิ่นเงินนั่น ได้ยินมาว่าเป็นของแทนใจที่ชายชู้มอบให้หลี่ชุ่ยฮวานางเก็บไว้ใต้หมอนเช่นนี้เพื่อไว้คะนึงหาเวลาเห็นของอย่างนั้นหรือ?สีหน้าของหลิงจิ่งหมองหม่นลงเล็กน้อยหลิงเสวี่ยเห็นเขาแน่นิ่งก็หันมามอง เมื่อเห็นของสองสิ่งที่อยู่ใต้หมอนก็ร้องออกมาว่า “เอ๋” จากนั้นหยิบกำไลหยกขึ้นมา “นี่มันกำไลของน้าเล็กมิใช่หรือ? เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”ฝูอวิ๋นถอดชุดตัวนอกไปพาดไว้ที่เก้าอี้ ครั้นได้ยินถ้อยคำของหลิงเสวี่ยถึงค่อยนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่นางตอบว่า “นี่เป็นของที่ข้าเคยให้น้าเล็กของพวกเจ้ายืมไปใส่ เมื่อวานนางนำมาคืน ตอนนี้จึงเป็นของข้าแล้ว”“อ้อ คืนให้ท่าน” หลิงเสวี่ยยื่นกำไลหยกใ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 36

    ฝูอวิ๋นเห็นสีหน้าหวาดกลัวลนลานของแม่ม่ายหลิวก็เกิดความคิดชั่วร้ายบางอย่าง ใช้ปลายเท้าเตะก้อนหินให้กระเด็นไปที่น่องของอีกฝ่าย“โอ๊ย! ผู้ใดกัน!”ความเจ็บปวดที่ขาทำให้แม่ม่ายหลิวกรีดร้องเสียงดังทว่ารอบข้างกลับไม่มีผู้ใด ส่วนพวกฝูอวิ๋นก็เดินห่างออกไปค่อนข้างไกลแล้วแม่ม่ายหลิวตัวแข็งทื่อ ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากเขียวซีด พูดพึมพำไม่หยุด “อมิตตาพุทธ พระ พระโพธิสัตว์โปรดคุ้มครอง…”“บะ บะ บาปมีผู้ก่อ นะ นะ หนี้มีเจ้าหนี้ ข้าเป็นคนดี ข้าเป็นคนดี…ข้าเป็นคนดีจริงๆ นะ…”หลิงจิ่งกุมท้องหัวเราะลั่นเมื่อเห็นแม่ม่ายหลิววิ่งกรีดร้องกลับบ้านไปหลิงเสวี่ยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “ท่านพี่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”“ฮ่าๆๆ…แม่ของเสี่ยวหู่ตกใจฉี่ราดกางเกงแล้ว!” หลิงจิ่งพูดเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัวแม่ม่ายหลิวที่เพิ่งจะวิ่งไปได้ไม่ไกลสะดุดล้มหน้าคะมำ นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อโดยไม่หันกลับไปมองสายลมช่างเป็นอะไรที่อัศจรรย์ยิ่ง ทั้งที่ตอนนี้รอบข้างไม่มีผู้ใด ทว่าถ้อยคำของหลิงจิ่งกลับถูกผู้ใดก็ไม่รู้ได้ยินเข้าโดยปกติแล้วชาวหมู่บ้านสกุลหลี่ก็เป็นคนใจดี กระตือรือร้น และชอบใส่ใจผู้อื่นไม่ช้า คนทั้งหมู่บ้านก

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 35

    ไม่ต้องหันไปมอง ฟังจากแค่น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนี้ ฝูอวิ๋นก็รู้ว่าแม่ม่ายหลิวมาหาเรื่องอีกแล้ว จะด่านางก็ตามสบาย แต่การที่ใช้ถ้อยคำเช่นนั้นกับเด็กๆ นี่มัน…น่าโมโหเกินไป!ฝูอวิ๋นโยนเสื้อผ้าที่บิดเสร็จแล้วลงในถัง ยืดเอวที่ปวดร้าวลุกขึ้นพูดว่า “เจ้าคนโสโครกด่าใคร?”“ยังจะว่าผู้ใดได้อีก ก็ต้องสองคนนี้…” เสียงของแม่ม่ายหลิวขาดหายอย่างฉับพลัน ใบหน้ากลายเป็นสีดำทะมึน “หลี่ชุ่ยฮวา อยู่ดีๆ ก็มาด่ากันมันหมายความว่าอย่างไร?”หา!ฝูอวิ๋นแทบจะกระอักเลือดผู้ใดกันแน่ที่อยู่ดีๆ ก็มาด่า?นางกัดฟันกรอดพร้อมกับยิ้มบางๆ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าก็หมายความตามนั้นแหละ”“หมายความว่าอยากมีเรื่องสินะ?” แม่ม่ายหลิววางท่าทันที “ปล่อยม้ามาเลย[1]อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้า!”“ขออภัย เมื่อวานนี้ม้าของข้ากลายเป็นหมูไปแล้ว และตอนนี้ก็กำลังอยู่เบื้องหน้าข้า”แม่ม่ายหลิวมองซ้ายแลขวาด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่เห็นหมูสักตัว ครั้นเห็นฝูอวิ๋นหัวเราะคิกคักถึงค่อยเข้าใจว่าตัวเองกำลังถูกด่า!“หลี่ชุ่ยฮวา เจ้า เจ้า เจ้า!” แม่ม่ายหลิวชี้หน้าฝูอวิ๋น อึกอักอยู่นานแต่กลับด่าอะไรไม่ออกฝูอวิ๋นยิ้มหวาน “ท่าทีที่เจ้า เจ้า เจ้า

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 34

    “งานวันนี้ต้องเสร็จวันนี้ ไปเถิด พวกเราไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ พรุ่งนี้ยังต้องทำอย่างอื่นอีก” ฝูอวิ๋นถือถังไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจูงมือหลิงเสวี่ย ร้องเรียกหลิงจิ่งแล้วเดินออกไปด้านนอก“พรุ่งนี้ต้องทำอะไรหรือ?” หลิงจิ่งถาม“มีเรื่องต้องทำมากมาย”เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดก็คือซื้อเสบียงอาหารเสบียงอาหารอันน้อยนิดที่บ้านเพียงพอแค่สำหรับคืนนี้เท่านั้นพรุ่งนี้ก็จะไม่มีอาหารกินแล้วลองนับวันดูแล้ว นับตั้งแต่ที่หลิงหานโจวออกจากบ้านเป็นครั้งแรก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันแล้วตอนนั้นเขาบอกว่าครั้งจะใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวัน มากสุดก็ครึ่งเดือน…จากไปนานขนาดนั้นแต่กลับทิ้งเสบียงไว้แค่นี้ กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?ตอนนี้เป็นเวลาหลังเที่ยง หลายคนในหมู่บ้านสกุลหลี่จะซักผ้าตั้งแต่ช่วงสาย เวลานี้ริมแม่น้ำจึงไม่มีผู้ใด ฝูอวิ๋นหาตำแหน่งที่พื้นค่อนข้างเรียบมานั่งลงแล้วเริ่มทำงานนางตักน้ำจากในแม่น้ำมาหนึ่งกะละมัง ใส่จ้าวเจี่ยวลงไปและบดให้ละเอียด ยิ่งละเอียดมากเท่าใดก็ยิ่งดี ตามด้วยขยี้เบาๆ ให้เกิดฟอง เท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้แล้วนางเรียนรู้วิธีนี้จากความทรงจำของหลี่ชุ่ยฮวา ฝูอวิ๋นไม่เคยใช้เจ้าสิ่

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 33

    หลิงจิ่งเข้าห้องมาพบกับความว่างเปล่าก็ตกใจดวงตาแทบถลน จะอ้าปากร้องเรียกนางแต่ก็ไม่รู้ว่าควรเรียกอย่างไรฝูอวิ๋นเปิดหน้าต่างและปัดฝุ่นออกกวาดหยากไย่ใต้เตียงให้สะอาดและกวาดฝุ่นผงจำนวนมากออกมาหลิงจิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “คือว่า…ท่านเผาฟางเช่นนี้ คืนนี้ข้ากับน้องหญิงจะนอนอย่างไร…”“ไม่ต้องถามมาก ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าห้องนี้มีแต่เหา อุตส่าห์อาบน้ำพวกเจ้าจนสะอาดทั้งที ย่อมนอนเตียงที่มีเหาไม่ได้อีก”ฝูอวิ๋นมองไปที่ขอบเตียง เอาแต่รู้สึกว่าปกคลุมไปด้วยเหาเช่นกันเมื่อหลับตาลงก็ราวกับเห็นเหาที่คลานยั้วเยี้ยเต็มเตียง นางรู้สึกขนลุกซู่ รีบตักน้ำมาเช็ดให้ทั่ว แม้แต่โต๊ะหนังสือก็ไม่เว้นบนพื้นเป็นดินเปลือยเปล่า ไม่อาจเช็ดทำความสะอาด ทำได้เพียงกวาดให้ทั่วกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็เลยเวลาเที่ยงไปโดยไม่รู้ตัวฝูอวิ๋นปวดเอวปวดหลังไปหมด เพิ่งจะนั่งพักหายใจก็ถามตัวเองว่าเหตุใดทำงานแค่เล็กน้อยก็หมดแรงแล้ว?จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าตัวเองกินไข่ไก่แค่สองฟองและอยู่มาจนถึงตอนนี้นางเดินไปทำอาหารที่ห้องครัวโดยพลันเนื่องจากตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิว นางจึงไม่มีเวลามาทำอาหารที่ซับซ้อนเก

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 32

    หลังจากอาบน้ำให้หลิงเสวี่ยเสร็จเรียบร้อย ฝูอวิ๋นก็ทำการเช็ดผมให้กับนาง ครั้นตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเหาอีกก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อผมขึ้นมานางห่อตัวเด็กหญิงด้วยผ้าฝ้ายที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว อุ้มนางกลับไปที่ห้องตัวเอง นำเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ออกมาให้ใส่“หนาวเหลือเกิน หนาวเหลือเกิน…” หลิงเสวี่ยสั่นเทิ้มไปทั้งตัว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงรู้สึกหนาวหลังจากอาบน้ำ?” ฝูอวิ๋นสวมเสื้อผ้าให้นางไปพลาง ถามไปพลาง“เพราะเหตุใดหรือ?”“เพราะว่า…ในอากาศมีปีศาจที่ชอบดูดน้ำ เมื่อมีหยาดน้ำเกาะบนร่างกาย เจ้าปีศาจก็จะเป่าน้ำบนตัวเรา แบบนี้...”ฝูอวิ๋นเป่าไอเย็นไปที่คอของเด็กหญิง เย็นจนอีกฝ่ายต้องหดคอ“น่ากลัวเหลือเกิน!”“เร็วเข้า รีบเข้าไปใต้ผ้าห่ม เช่นนั้นเจ้าปีศาจก็จะเป่าเจ้าไม่ได้แล้ว”“คิกๆๆ…”“นังหนู ตอนนี้ยังกลัวการอาบน้ำอีกหรือไม่?”“ไม่กลัวแล้ว การอาบน้ำของท่านแม่สบายตัว ไม่เจ็บเหมือนท่านพ่อ” เด็กหญิงยิ้มตาหยี ส่วนนี้เหมือนฝูอวิ๋นมาก“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” ฝูอวิ๋นถามด้วยความประหลาดใจเ“เปล่า…” เด็กหญิงเม้มปากแล้วมุดตัวเข้าผ้าห่มอย่างเขินอายฝูอวิ๋นส่ายหน้าด้วยความจนใจ เด็กคนนี้เปลี่ยนหน้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status