เพียงแต่ นางคิดว่าคล้ายเคยเห็นใบหน้านี้ที่ใดมาก่อน...ทันใดนั้น นางนึกถึงซ่งรั่วเจินที่ระยะนี้มีชื่อเสียงโด่งดังภายในเมืองหลวง หรือก็คือคนที่หลานสาวคนนั้นของนางใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าก็คือคนตรงหน้านี้นี่ล่ะนึกถึงตรงนี้ สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเก้อกระดากไป มากที่สุดกลับเป็นรู้สึกผิดเพียงเรื่องที่ทั้งคู่เป็นฝ่ายช่วยเหลือนางก่อน ก็รู้ได้ว่าสองคนนี้ล้วนจิตใจดีซ่งรั่วเจินช่วยหลินจือเยว่ดูแลบ้านนานถึงสองปี นางเคยพบหลินรั่วหลานมาก่อน รู้ว่าร่างกายไม่แข็งแรงของนางบำรุงอย่างดีจนฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติภายในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมายามนางได้ยินก็คิดว่านี่คือเรื่องราวที่งดงาม ใครคิดเล่าว่าหลินจือเยว่เป็นพวกลืมบุญคุณคน ซวงซวงเองก็แย่งสามีคนอื่นวันแต่งงาน ทำให้เกี้ยวของอีกฝ่ายไม่ได้เข้าบ้านแล้วยังต้องถอนหมั้นชีวิตนี้นางและสามีทำเรื่องสง่าผ่าเผยมาโดยตลอด กลับถูกลูกสาวและหลานสาวสร้างปัญหาขึ้นซ้ำๆ ไม่รู้จะเอาหน้าไปพบคนสกุลซ่งได้อย่างไรไม่นาน แม่นมและสาวใช้ของฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็กลับมาแล้ว ในมือแม่นมถือยันต์คุ้มภัยมาแผ่นหนึ่ง เห็นหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกอยู่ข้างกาย อดสงสัยไม่ได้“ฮูหยินผู้เฒ
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังดีๆ อยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็หมดสติไปแล้วเล่า?” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้แม่นมทางด้านข้างรีบตอบสีหน้าว้าวุ่น “บ่าวเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เมื่อครู่หยินผู้เฒ่ายังดีๆ จู่ๆ ก็หมดสติไม่ฟื้นเจ้าค่ะ”“ฮูหยินผู้เฒ่ามีโรคอะไรหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินทางหนึ่งถามทางหนึ่งจับชีพจรฮูหยินผู้เฒ่า พบว่าอายุมากแล้ว ป่วยเป็นโรคหัวใจ ชีพจรอ่อนแอมาก ยิ่งไปกว่านั้นจากชีพจรยังพบความผิดปกติอยู่รางๆ“ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเรา หลายปีมานี้กินยาอยู่ตลอด ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินผู้เฒ่ามีสติแจ่มชัด กินยาตามเวลาทุกวัน”“วันนี้หลังกินยาก็ขึ้นเขามา อิงตามหลักการแล้วไม่สมควรเกิดเรื่องอะไร!”ซ่งรั่วเจินหยิบยาลูกกลอนออกมาหนึ่งเม็ด “ยานี้ของข้าสามารถทำให้อาการของฮูหยินผู้เฒ่ามั่นคงได้ ทำให้นางฟื้นขึ้นมา”แม่นมชะงักไปเบาๆ นางรู้ฐานะของซ่งรั่วเจินสองคนแล้ว รู้สึกลังเลอยู่บ้าง สองคนนี้น่าจะไม่คิดทำร้ายฮูหยินผู้เฒ่าหลังรู้ฐานะของนางหรอกกระมัง?“ลูกสาวข้ารู้วิชาแพทย์ นางพูดว่ามีประโยชน์ก็ย่อมมีประโยชน์” หลิ่วหรูเยียนคิดว่าแม่นมไม่เชื่อวิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจิน อธ
“หากเจ้าขวัญกล้านำยานี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากิน นางก็จะตายอย่างรวดเร็ว!” เฉียนชิวเซียงเอ่ยขึ้นฝานซืออิ๋งพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ท่านแม่ข้าพูดถูกแล้ว ข้าอยู่ที่สกุลซ่งมานานหลายปี ไม่มีความดีความชอบก็มีความพยายาม ดีต่อนางไปทุกจุด แต่นางกลับต้องการจัดการข้าให้ตาย!”นางเกลียดซ่งรั่วเจินมาก!ชีวิตที่ดีของนางไม่มีอีกแล้ว ถือสิทธิ์อะไรบัดนี้สกุลซ่งประสบความสำเร็จรุ่งเรืองเช่นนี้?ทั้งๆ ที่ในอดีตหมอมารักษามากมายล้วนพูดว่าซ่งเยี่ยนโจวไม่มีหนทางรักษาแล้ว ต้องพิการไปทั้งชีวิต ไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง แต่หลังนางจากไปแล้วเขากลับยืนได้?ถือสิทธิ์อะไร!ทั้งๆ ที่เป็นสกุลซ่งตั้งใจวางแผนไว้อย่างดีแล้ว!ก็เพื่อไล่นางไป จะได้ให้ลั่วชิงอินเข้าบ้าน พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ส่วนนางชื่อเสียงเสื่อมเสียไม่หลงเหลือแล้ว!แม่นมข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากู้ลังเลอย่างอดไม่ได้ นางเกิดความกังวลภายในใจ หากฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอะไรไป นั่นก็แย่แล้ว!เพียงแต่ หากไม่กินยา ฮูหยินผู้เฒ่าจะทนไหวหรือไม่?“หากข้าจะทำร้ายคนจริง ย่อมต้องใช้วิธีที่ไม่มีใครรู้ จะวางยาฆ่าคนต่อหน้าผู้อื่นกระนั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้ารังเกีย
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
“แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล
“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า
ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน
“หากเจ้าขวัญกล้านำยานี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากิน นางก็จะตายอย่างรวดเร็ว!” เฉียนชิวเซียงเอ่ยขึ้นฝานซืออิ๋งพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ท่านแม่ข้าพูดถูกแล้ว ข้าอยู่ที่สกุลซ่งมานานหลายปี ไม่มีความดีความชอบก็มีความพยายาม ดีต่อนางไปทุกจุด แต่นางกลับต้องการจัดการข้าให้ตาย!”นางเกลียดซ่งรั่วเจินมาก!ชีวิตที่ดีของนางไม่มีอีกแล้ว ถือสิทธิ์อะไรบัดนี้สกุลซ่งประสบความสำเร็จรุ่งเรืองเช่นนี้?ทั้งๆ ที่ในอดีตหมอมารักษามากมายล้วนพูดว่าซ่งเยี่ยนโจวไม่มีหนทางรักษาแล้ว ต้องพิการไปทั้งชีวิต ไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง แต่หลังนางจากไปแล้วเขากลับยืนได้?ถือสิทธิ์อะไร!ทั้งๆ ที่เป็นสกุลซ่งตั้งใจวางแผนไว้อย่างดีแล้ว!ก็เพื่อไล่นางไป จะได้ให้ลั่วชิงอินเข้าบ้าน พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ส่วนนางชื่อเสียงเสื่อมเสียไม่หลงเหลือแล้ว!แม่นมข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากู้ลังเลอย่างอดไม่ได้ นางเกิดความกังวลภายในใจ หากฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอะไรไป นั่นก็แย่แล้ว!เพียงแต่ หากไม่กินยา ฮูหยินผู้เฒ่าจะทนไหวหรือไม่?“หากข้าจะทำร้ายคนจริง ย่อมต้องใช้วิธีที่ไม่มีใครรู้ จะวางยาฆ่าคนต่อหน้าผู้อื่นกระนั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้ารังเกีย
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังดีๆ อยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็หมดสติไปแล้วเล่า?” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้แม่นมทางด้านข้างรีบตอบสีหน้าว้าวุ่น “บ่าวเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เมื่อครู่หยินผู้เฒ่ายังดีๆ จู่ๆ ก็หมดสติไม่ฟื้นเจ้าค่ะ”“ฮูหยินผู้เฒ่ามีโรคอะไรหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินทางหนึ่งถามทางหนึ่งจับชีพจรฮูหยินผู้เฒ่า พบว่าอายุมากแล้ว ป่วยเป็นโรคหัวใจ ชีพจรอ่อนแอมาก ยิ่งไปกว่านั้นจากชีพจรยังพบความผิดปกติอยู่รางๆ“ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเรา หลายปีมานี้กินยาอยู่ตลอด ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินผู้เฒ่ามีสติแจ่มชัด กินยาตามเวลาทุกวัน”“วันนี้หลังกินยาก็ขึ้นเขามา อิงตามหลักการแล้วไม่สมควรเกิดเรื่องอะไร!”ซ่งรั่วเจินหยิบยาลูกกลอนออกมาหนึ่งเม็ด “ยานี้ของข้าสามารถทำให้อาการของฮูหยินผู้เฒ่ามั่นคงได้ ทำให้นางฟื้นขึ้นมา”แม่นมชะงักไปเบาๆ นางรู้ฐานะของซ่งรั่วเจินสองคนแล้ว รู้สึกลังเลอยู่บ้าง สองคนนี้น่าจะไม่คิดทำร้ายฮูหยินผู้เฒ่าหลังรู้ฐานะของนางหรอกกระมัง?“ลูกสาวข้ารู้วิชาแพทย์ นางพูดว่ามีประโยชน์ก็ย่อมมีประโยชน์” หลิ่วหรูเยียนคิดว่าแม่นมไม่เชื่อวิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจิน อธ
เพียงแต่ นางคิดว่าคล้ายเคยเห็นใบหน้านี้ที่ใดมาก่อน...ทันใดนั้น นางนึกถึงซ่งรั่วเจินที่ระยะนี้มีชื่อเสียงโด่งดังภายในเมืองหลวง หรือก็คือคนที่หลานสาวคนนั้นของนางใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าก็คือคนตรงหน้านี้นี่ล่ะนึกถึงตรงนี้ สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเก้อกระดากไป มากที่สุดกลับเป็นรู้สึกผิดเพียงเรื่องที่ทั้งคู่เป็นฝ่ายช่วยเหลือนางก่อน ก็รู้ได้ว่าสองคนนี้ล้วนจิตใจดีซ่งรั่วเจินช่วยหลินจือเยว่ดูแลบ้านนานถึงสองปี นางเคยพบหลินรั่วหลานมาก่อน รู้ว่าร่างกายไม่แข็งแรงของนางบำรุงอย่างดีจนฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติภายในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมายามนางได้ยินก็คิดว่านี่คือเรื่องราวที่งดงาม ใครคิดเล่าว่าหลินจือเยว่เป็นพวกลืมบุญคุณคน ซวงซวงเองก็แย่งสามีคนอื่นวันแต่งงาน ทำให้เกี้ยวของอีกฝ่ายไม่ได้เข้าบ้านแล้วยังต้องถอนหมั้นชีวิตนี้นางและสามีทำเรื่องสง่าผ่าเผยมาโดยตลอด กลับถูกลูกสาวและหลานสาวสร้างปัญหาขึ้นซ้ำๆ ไม่รู้จะเอาหน้าไปพบคนสกุลซ่งได้อย่างไรไม่นาน แม่นมและสาวใช้ของฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็กลับมาแล้ว ในมือแม่นมถือยันต์คุ้มภัยมาแผ่นหนึ่ง เห็นหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกอยู่ข้างกาย อดสงสัยไม่ได้“ฮูหยินผู้เฒ
เพียงเฉินเซียงได้ยินก็รีบไปหาโหย่วฝู ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าหลินเปลี่ยนคำพูดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าได้ยินข่าวนี้แล้วจะเปลี่ยนคำพูดหรือไม่?ถึงตอนนั้นล่วงเกินฝ่าบาท ยังทะเลาะจนแตกหักกับสกุลหลิน รวมสกุลเหยาเข้าไปด้วย เพียงคิดดูก็รู้ว่าจะเป็นฉากยิ่งใหญ่มากเพียงใดอย่างไรเสียไม่ว่าใครซวย พวกเขาก็ล้วนยินดีจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงโหย่วฝูได้ยินแล้วก็อึ้งงัน สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “นี่...นี่จะต้องชุลมุนวุ่นวายมากแน่!”“รั่วเจิน เมื่อครู่โหย่วฝูมา คงไม่ใช่ว่าเกินเรื่องอะไรภายในจวนหรอกกระมัง?” หลิ่วหรูเยียนถามนางอย่างกังวล“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในจวนหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินโบกมือ เอ่ยถาม “ท่านแม่จุดธูปไหว้พระเรียบร้อยแล้วหรือ?”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “หวังว่าพระโพธิสัตว์จะคุ้มครอง ภายภาคหน้าพวกเราสกุลซ่งจะมีความสงบสุข ราบรื่น”“จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “ท่านแม่รอข้าเดี๋ยวหนึ่ง ข้าไปจ่ายค่าธูปไหว้พระก่อนเดี๋ยวมาเจ้าค่ะ”“ไปเถอะ”สายตาหลิ่วหรูเยียนอ่อนโยน หวังเพียงให้พวกหลินจือเยว่ถูกเนรเทศไปเร็วหน่อย เช่นนี้เจินเอ๋อร์ก็ไม่ต้องถูกคนต่ำต้อยตอแยอีก!“ว้าย!”ทันใดนั้น เสี
“เช่นนั้นก็ต้องมีโอกาสได้พบแม่ของเจ้าก่อน นางยอดเยี่ยมยิ่งนัก ฉวยโอกาสยามขันทีมาประกาศพระราชโองการฟ้องร้อง เข้าวังฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์!”“บัดนี้ฉินเจิงต้องการหย่าข้า ไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้าน พวกเจ้าดีใจแล้วกระมัง?”“ตนเองไม่มีที่อยู่อาศัย ก็ต้องทำให้พวกเราถูกเนรเทศไปพร้อมกัน ข้าไม่รู้จริงๆ ตกลงพวกเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่!”“ถึงตอนนั้นพวกเราเข้าคุกพร้อมกัน ข้ากลับอยากเห็นนักว่าแม่ของเจ้าจะมีที่อยู่หรือไม่!”กู้อวิ๋นเวยยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห หากไม่ใช่เพราะครอบครัวหลินจือเยว่เหล่านี้ นางก็ไม่ต้องถูกหย่า!กลายเป็นภรรยาที่ถูกขับไล่ ภายภาคหน้านางก็ไม่มีหน้าตาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว!“อะไรนะ? ท่านพ่อหย่าท่าน?”ฉินซวงซวงเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด พวกเขาถูกขังเพียงวันเดียว เหตุใดเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้?ท่านพ่อเสียสติไปแล้วหรือ!กู้อวิ๋นเวยข่มโทสะไว้ภายในใจ ระบายความโกรธทั้งหมดลงบนตัวหลินจือเยว่ เมื่อแรกนางตาบอด ถึงเลือกฉินเจิง คิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวเองก็ตาบอด เลือกตัวไร้ประโยชน์คนนี้!พวกเขาสองแม่ลูกย่ำแย่มากเพียงใด!“ท่านแม่ ท่านอย่าร้อนใจไปเลย ไม่ใช่ว่ายังมีท่านพี่อยู่หรือ? ท่านพี่ไ
หมอทางด้านข้างเหลือบมองหลินจือเยว่แวบหนึ่ง นี่กำลังฝันกลางวันอะไร?นี่ล้วนกลายเป็นนักโทษแล้ว ยังคิดเกาะแม่นางซ่ง คิดว่าฉู่อ๋องเป็นเครื่องประดับหรือ?สีหน้าหลินจือเยว่แข็งค้างไป เร่งอธิบาย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร? ข้าเพียงคำนวณวันที่เจ้าตั้งครรภ์”ถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ฉินซวงซวงเข้าใจในทันใด หัวใจพลันหนักอึ้งคืนนั้นนางและเหยาจิ่นเฉิงนับว่าบ้าคลั่งอย่างสุดขีด ช่วงเวลาตั้งครรภ์ตรงกับจุดนี้พอดี แม้แต่นางก็ไม่มั่นใจว่าตกลงเด็กคนนี้เป็นของใครกันแน่ทว่า สีหน้านางกลับมั่นใจหนักแน่น “นี่เป็นลูกของท่าน! ท่านคงไม่ใช่ไม่ยอมรับแม้แต่ลูกของตนหรอกกระมัง?”“เป็นลูกของข้า ข้าย่อมยอมรับ! แต่นั่นต้องแน่ใจก่อนว่าเป็นลูกของข้า!”ใบหน้าหลินจือเยว่เคร่งขรึม ก่อนนี้เขาไม่รู้คาดหวังจะมีลูกของเขาและฉินซวงซวงมากเพียงใด ทว่าเด็กคนนี้กลับเกิดมาได้ไม่ถูกเวลาเท่าใดนักเขาไม่มีอะไรแล้ว คลอดลูกออกมาก็มีเพียงความลำบาก“เขาต้องเป็นลูกของท่านแน่ ไม่มีวันเป็นลูกของคนอื่น!” ฉินซวงซวงกัดฟัน ไม่ว่าใช่หรือไม่ เด็กคนนี้ก็ต้องเป็นลูกของหลินจือเยว่!“รีบหาคนส่งข่าวนี้ไปให้ท่านพ่อท่านแม่ข้า ท่านแม่รู้จะต้องดีใจ คิดหาทางช่
พริบตาต่อมา ใบหน้าหลินจือเยว่ก็ถูกข่วนจนเป็นรอยเลือดนับไม่ถ้วน ฉินซวงซวงคล้ายเสียสติไปแล้วก็มิปาน ราวกับระบายความอึดอัดคับข้องใจทั้งหมดออกมาหลินจือเยว่โมโห คนมิอาจทนไหวยื่นมือออกไปผลักแรงๆ!โครม!ฉินซวงซวงกระแทกกับซี่กรงของห้องขัง ล้มลงกับพื้นแรงๆ กลับกุมท้องไว้ ร้องตะโกน “เจ็บเหลือเกิน ข้าเจ็บท้องเหลือเกิน!”หลินจือเยว่เห็นดังนั้นก็คิดว่านางแสดงละคร เดิมทีก็ไม่เก็บมาใส่ใจ จนกระทั่งมองเห็นเลือดบนร่างกายท่อนล่างของนางไหลออกมา สีหน้าถึงเปลี่ยนไป“เร็ว รีบตามหมอมาเร็วเข้า!”เดิมทีผู้คุมก็ไม่สนใจสองคนนี้อยู่แล้ว อย่างไรเสียทั้งคู่ก็นับเป็นแขกประจำของคุกที่ผ่านมามีฐานะสูงศักดิ์ บัดนี้กลับดี เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนหน้านี้พาคนในครอบครัวมาด้วยกัน บัดนี้กลับตกต่ำถึงขั้นถูกเนรเทศมาถึงขั้นนี้แล้วกลับยังไม่ยอมหยุด ทะเลาะกันไม่รู้จักจบสิ้น พวกเขาคร้านจะชายตาแลคราวนี้เห็นคล้ายเกิดเรื่องจริงๆ นี่ถึงตามหมอมา ยังไม่ทันถูกเนเทศ คนก็จะเกิดเรื่องภายในคุก พวกเขาเองก็จะพลอยซวยไปด้วยจากนั้นหมอช่วยจับชีพจรให้ฉินซวงซวง ได้ฟังจากปากว่าหลินจือเยว่ผลักนาง สายตาเปี่ยมความไม่พอใจ“ดีชั่วอย่างไ
หลังฉินซวงซวงได้รู้ว่าตนเองและหลินจือเยว่ล้วนถูกเนรเทศ ก็โมโหแทบสิ้นสติ!“ถือสิทธิ์อะไรทำกับพวกเราเช่นนี้? ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมโดยแท้ ทั้งๆ ที่นางมิได้เสียหายอะไร แต่กลับจัดการพวกเราถึงตาย!”“จะต้องเป็นนางให้ฉู่อ๋องทำเช่นนี้แน่ นังผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยม!”สีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หมดอาลัยตายอยาก ยามถูกจับมาเขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี เนรเทศ...ก็คือหนึ่งในสิ่งที่คาดการณ์ไว้ทว่าทั้งๆ ที่เดิมทีเขามีอนาคตรุ่งโรจน์ เหตุใดจู่ๆ ก็ตกต่ำถึงขั้นนี้ได้!“นี่ล้วนไม่ใช่เพราะเจ้ารนหาที่หรือ? หากมิใช่เพราะเจ้าสมคบคิดกับพวกเขาใส่ร้ายคน ไฉนเลยจะถูกตัดสินเนรเทศได้?”ฉินซวงซวงร้อนใจแย่แล้วพูดว่า “มาถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังตำหนิข้าอีกหรือ? เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมุ่งร้ายต่อพวกเรา นางต้องการทำลายพวกเราให้สิ้นซาก!”หลินจือเยว่รำคาญใจมาก “หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำงานไม่สำเร็จยังต้องเสียเปรียบ ดึงบุตรีจวนอัครเสนาบดีไปจนถึงฝ่าบาท และฮองเฮาเข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องก็คงไม่ร้ายแรงถึงขั้นนี้!”“ที่ผ่านมาข้าเตือนเจ้าไม่ใช่เพียงครั้งเดียว อย่าทำเรื่องเช่นนี้อีก ตกลงเจ้าต้องก่อความวุ่นวายถึงขั้นใดถึงจะพอใจ?”“บั
กู้ชิงเหยี่ยนและกู้ชิงซิวเห็นมารดาไม่ใจอ่อน ทันใดนั้นถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง พวกเขากังวลที่สุดก็คือบิดามารดาจะเปลี่ยนใจบัดนี้พวกเขามีลูกของตนแล้ว ระยะก่อนฉินเซี่ยงเหิงแย่งการแต่งงานของพี่น้องไป ลอบทำอย่างลับๆ ยังไม่ทันแต่งงานก็ลอบสานสัมพันธ์ไปแล้ว หน้าตาของสกุลฉินหมดไปจนสิ้นต่อให้พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ตอนนั้นสายตาทุกคนยามสบมองพวกเขาก็แปลกประหลาดมาก แม้แต่ลูกของตนก็ได้รับเสียงเยาะหยันยิ่งไม่ต้องพูดถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของฉินซวงซวง แย่งชิง ใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกเรื่องล้วนชวนให้คนชี้หน้าด่า!เทียบกับอวิ๋นเวยแล้ว ทำเรื่องน่าขายหน้าได้มากยิ่งกว่าเสียอีก!“เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้เถอะ ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง” ราชครูกู้พูด“ท่านพ่อ อวิ๋นเวยเป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านนะ! ท่านทำเช่นนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!” สีหน้ากู้ชิงเจ๋อตกตะลึงพรึงเพริด ไม่กล้าเชื่อว่าบิดามารดาแท้ๆ ของตนจะเลือดเย็นถึงขั้นนี้ นิ่งดูดายดูลูกสาวของตนไปตาย!ราชครูกู้สบมองเขานิ่งๆ อย่างกล่าวเตือน “หากเจ้าคิดว่าพวกเราทำไม่ถูก มิสู้เจ้าไปคลี่คลายด้วยตนเอง อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ล้วนโตแล้ว ต้องการแยกบ้านก็สมควรแล้ว เจ้าแย