เพียงเฉินเซียงได้ยินก็รีบไปหาโหย่วฝู ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าหลินเปลี่ยนคำพูดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าได้ยินข่าวนี้แล้วจะเปลี่ยนคำพูดหรือไม่?ถึงตอนนั้นล่วงเกินฝ่าบาท ยังทะเลาะจนแตกหักกับสกุลหลิน รวมสกุลเหยาเข้าไปด้วย เพียงคิดดูก็รู้ว่าจะเป็นฉากยิ่งใหญ่มากเพียงใดอย่างไรเสียไม่ว่าใครซวย พวกเขาก็ล้วนยินดีจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงโหย่วฝูได้ยินแล้วก็อึ้งงัน สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “นี่...นี่จะต้องชุลมุนวุ่นวายมากแน่!”“รั่วเจิน เมื่อครู่โหย่วฝูมา คงไม่ใช่ว่าเกินเรื่องอะไรภายในจวนหรอกกระมัง?” หลิ่วหรูเยียนถามนางอย่างกังวล“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในจวนหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินโบกมือ เอ่ยถาม “ท่านแม่จุดธูปไหว้พระเรียบร้อยแล้วหรือ?”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “หวังว่าพระโพธิสัตว์จะคุ้มครอง ภายภาคหน้าพวกเราสกุลซ่งจะมีความสงบสุข ราบรื่น”“จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “ท่านแม่รอข้าเดี๋ยวหนึ่ง ข้าไปจ่ายค่าธูปไหว้พระก่อนเดี๋ยวมาเจ้าค่ะ”“ไปเถอะ”สายตาหลิ่วหรูเยียนอ่อนโยน หวังเพียงให้พวกหลินจือเยว่ถูกเนรเทศไปเร็วหน่อย เช่นนี้เจินเอ๋อร์ก็ไม่ต้องถูกคนต่ำต้อยตอแยอีก!“ว้าย!”ทันใดนั้น เสี
เพียงแต่ นางคิดว่าคล้ายเคยเห็นใบหน้านี้ที่ใดมาก่อน...ทันใดนั้น นางนึกถึงซ่งรั่วเจินที่ระยะนี้มีชื่อเสียงโด่งดังภายในเมืองหลวง หรือก็คือคนที่หลานสาวคนนั้นของนางใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าก็คือคนตรงหน้านี้นี่ล่ะนึกถึงตรงนี้ สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเก้อกระดากไป มากที่สุดกลับเป็นรู้สึกผิดเพียงเรื่องที่ทั้งคู่เป็นฝ่ายช่วยเหลือนางก่อน ก็รู้ได้ว่าสองคนนี้ล้วนจิตใจดีซ่งรั่วเจินช่วยหลินจือเยว่ดูแลบ้านนานถึงสองปี นางเคยพบหลินรั่วหลานมาก่อน รู้ว่าร่างกายไม่แข็งแรงของนางบำรุงอย่างดีจนฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติภายในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมายามนางได้ยินก็คิดว่านี่คือเรื่องราวที่งดงาม ใครคิดเล่าว่าหลินจือเยว่เป็นพวกลืมบุญคุณคน ซวงซวงเองก็แย่งสามีคนอื่นวันแต่งงาน ทำให้เกี้ยวของอีกฝ่ายไม่ได้เข้าบ้านแล้วยังต้องถอนหมั้นชีวิตนี้นางและสามีทำเรื่องสง่าผ่าเผยมาโดยตลอด กลับถูกลูกสาวและหลานสาวสร้างปัญหาขึ้นซ้ำๆ ไม่รู้จะเอาหน้าไปพบคนสกุลซ่งได้อย่างไรไม่นาน แม่นมและสาวใช้ของฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็กลับมาแล้ว ในมือแม่นมถือยันต์คุ้มภัยมาแผ่นหนึ่ง เห็นหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกอยู่ข้างกาย อดสงสัยไม่ได้“ฮูหยินผู้เฒ
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังดีๆ อยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็หมดสติไปแล้วเล่า?” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้แม่นมทางด้านข้างรีบตอบสีหน้าว้าวุ่น “บ่าวเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เมื่อครู่หยินผู้เฒ่ายังดีๆ จู่ๆ ก็หมดสติไม่ฟื้นเจ้าค่ะ”“ฮูหยินผู้เฒ่ามีโรคอะไรหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินทางหนึ่งถามทางหนึ่งจับชีพจรฮูหยินผู้เฒ่า พบว่าอายุมากแล้ว ป่วยเป็นโรคหัวใจ ชีพจรอ่อนแอมาก ยิ่งไปกว่านั้นจากชีพจรยังพบความผิดปกติอยู่รางๆ“ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเรา หลายปีมานี้กินยาอยู่ตลอด ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินผู้เฒ่ามีสติแจ่มชัด กินยาตามเวลาทุกวัน”“วันนี้หลังกินยาก็ขึ้นเขามา อิงตามหลักการแล้วไม่สมควรเกิดเรื่องอะไร!”ซ่งรั่วเจินหยิบยาลูกกลอนออกมาหนึ่งเม็ด “ยานี้ของข้าสามารถทำให้อาการของฮูหยินผู้เฒ่ามั่นคงได้ ทำให้นางฟื้นขึ้นมา”แม่นมชะงักไปเบาๆ นางรู้ฐานะของซ่งรั่วเจินสองคนแล้ว รู้สึกลังเลอยู่บ้าง สองคนนี้น่าจะไม่คิดทำร้ายฮูหยินผู้เฒ่าหลังรู้ฐานะของนางหรอกกระมัง?“ลูกสาวข้ารู้วิชาแพทย์ นางพูดว่ามีประโยชน์ก็ย่อมมีประโยชน์” หลิ่วหรูเยียนคิดว่าแม่นมไม่เชื่อวิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจิน อธ
“หากเจ้าขวัญกล้านำยานี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากิน นางก็จะตายอย่างรวดเร็ว!” เฉียนชิวเซียงเอ่ยขึ้นฝานซืออิ๋งพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ท่านแม่ข้าพูดถูกแล้ว ข้าอยู่ที่สกุลซ่งมานานหลายปี ไม่มีความดีความชอบก็มีความพยายาม ดีต่อนางไปทุกจุด แต่นางกลับต้องการจัดการข้าให้ตาย!”นางเกลียดซ่งรั่วเจินมาก!ชีวิตที่ดีของนางไม่มีอีกแล้ว ถือสิทธิ์อะไรบัดนี้สกุลซ่งประสบความสำเร็จรุ่งเรืองเช่นนี้?ทั้งๆ ที่ในอดีตหมอมารักษามากมายล้วนพูดว่าซ่งเยี่ยนโจวไม่มีหนทางรักษาแล้ว ต้องพิการไปทั้งชีวิต ไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง แต่หลังนางจากไปแล้วเขากลับยืนได้?ถือสิทธิ์อะไร!ทั้งๆ ที่เป็นสกุลซ่งตั้งใจวางแผนไว้อย่างดีแล้ว!ก็เพื่อไล่นางไป จะได้ให้ลั่วชิงอินเข้าบ้าน พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ส่วนนางชื่อเสียงเสื่อมเสียไม่หลงเหลือแล้ว!แม่นมข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากู้ลังเลอย่างอดไม่ได้ นางเกิดความกังวลภายในใจ หากฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอะไรไป นั่นก็แย่แล้ว!เพียงแต่ หากไม่กินยา ฮูหยินผู้เฒ่าจะทนไหวหรือไม่?“หากข้าจะทำร้ายคนจริง ย่อมต้องใช้วิธีที่ไม่มีใครรู้ จะวางยาฆ่าคนต่อหน้าผู้อื่นกระนั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้ารังเกีย
“เรื่องนี้จะโทษพวกข้าได้อย่างไร? พวกข้าทำไปเพราะหวังดีต่อฮูหยินผู้เฒ่า เลี่ยงไม่ให้นางถูกคนทำร้ายหมายชีวิตนะ!”“พวกข้าไม่ใช่หมอเสียหน่อย นางอาการกำเริบเกี่ยวอันใดกับพวกข้าด้วย!” เฉียนชิวเซียงรีบร้อนกล่าว“พวกเจ้าดูแลไม่ดีเอง อย่าได้คิดจะโยนความผิดมาให้พวกข้าเชียวนะ!” ฝานซืออิ๋งรีบเสริมเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปภายในชั่วพริบตาของคนตระกูลฝานแล้ว แม่นมและสาวใช้ของตระกูลกู้ก็โมโหสุดขีด เจ้าคนหน้าไม่อายสองคนนี้ จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว!วันนี้คุณชายรองสกุลกู้รู้สึกจิตใจไม่สงบตลอดเวลา คิดไปคิดมาก็ยังคงเป็นห่วงมารดาที่อายุมากแล้วแต่ยังไปไหว้พระขอพรจึงพักงานในมือไว้ก่อนชั่วคราวแล้วเดินทางมาที่วัดแม้จะคุยกันแล้วว่าจะไม่ช่วยเหลืออวิ๋นเวย แต่ในใจมารดาก็ยังปล่อยวางไม่ได้จึงไปไหว้พระเพื่อสงบจิตสงบใจเขาเข้าใจความรู้สึกของมารดา ยิ่งเข้าใจว่าหากช่วยเหลืออวิ๋นเวย มีครั้งที่หนึ่งก็ย่อมมีครั้งที่สอง ต่อไปก็จะไม่จบไม่สิ้นทว่าเขาเพิ่งมาถึงก็เห็นว่ามารดาเป็นลมหมดสติ ฉับพลันนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยน“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”แม่นมบอกเล่าเรื่องราวออกมาด้วยสีหน้าซีดขาวตัวสั่นเทิ้ม ครั้นกู้ชิงซิวรู้ว่าซ่งรั่วเจ
หากการยืนอยู่บนจุดสูงสุดของคุณธรรมทำให้พวกเขาเห็นว่าความปรองดองคือสิ่งล้ำค่า ยอมให้อภัยพวกกู้อวิ๋นเวยเพราะเห็นแก่ที่เป็นคนในครอบครัว นั่นต่างหากจึงจะน่าสะอิดสะเอียนอย่างแท้จริงหลิ่วหรูเยียนไม่ได้คิดมาก เห็นซ่งรั่วเจินบอกว่าไม่มีปัญหาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอีก“ความจริงราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ล้วนเป็นคนดี ก่อนหน้านี้พ่อเจ้าเคยได้รับบุญคุณจากตระกูลกู้ แม้แต่ปู่เจ้ากับราชครูกู้ก็มีการคบหากัน”“ภายหลังเนื่องจากเรื่องบางอย่าง ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายจึงห่างเหินกันไป ตอนข้าแต่งเข้ามาก็ไม่มีการไปมาหาสู่กันอีกแล้ว พ่อเจ้ากลับมักส่งของขวัญไปให้บ่อยๆ เพื่อเป็นการแสดงมิตรไมตรี”“แม้ว่าฉินฮูหยินและฉินซวงซวงจะล้ำเส้นเกินไปจนไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง แต่เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากู้เกิดเรื่อง พวกเราสามารถช่วยได้ก็ช่วยเถอะ”หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจ ซ่งหลินหายสาบสูญไปนานขนาดนี้ก็ยังคงไม่มีข่าวคราวใดส่งกลับมาแม้ว่ามิตรสหายของซ่งหลินจะกลับไปยังสมรภูมิฝั่งนั้นอีกครั้ง บอกว่าเป็นต้องเห็นคนตายต้องพบศพ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาซ่งหลินกลับมาให้ได้เดิมทีนางยังมีความหวังมาตลอด แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ความสิ้นหวังในใจน
ก่อนหน้านี้หมอเคยบอกว่าโรคหัวใจของมารดาหนักหนาสาหัสมาก ด้านหนึ่งเพราะเป็นมาหลายปีจนเรื้อรัง อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะอายุมากแล้ว ร่างกายอ่อนแอลงทุกทีหากหมดสติ สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง อาจถึงขั้นอาการทรุดหนัก แต่ยามนี้หลังฟื้นขึ้นมาแล้วกลับแลดูไม่ต่างจากยามปกติ ปราศจากท่าทางไม่สบายใดๆ?ควรทราบว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็เคยหมดสติมาก่อน หลังฟื้นขึ้นมาแล้วก็มักจะทรมานมาก นอนซมบนเตียงหลายวันถึงจะลุกขึ้นมาได้ ปฏิกิริยาในวันนี้เรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงแม่นมเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟื้นแล้ว ฉับพลันนั้นก็มองพวกเฉียนชิวเซียงด้วยสายตาโกรธเคือง“เป็นเพราะพวกท่านพูดจาเหลวไหล เกือบทำให้โรคของฮูหยินผู้เฒ่าได้รับการรักษาล่าช้าไปเสียแล้ว พวกท่านต้องการอะไรกันแน่!”เฉียนชิวเซียงพลันหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องนี้จะโทษพวกข้าได้อย่างไรกัน? พวกข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น ซ่งรั่วเจินผู้นั้นมีความแค้นกับพวกท่านลึกล้ำปานนี้ ยาที่นางให้พวกท่านก็ยังกล้ากิน!”“พวกข้าแค่โน้มน้าวด้วยความหวังดี ไม่ได้บังคับไม่ให้พวกท่านกินเสียหน่อย!”“ใช่แล้ว! ไม่แน่ว่าก่อนหน้านี้ซ่งรั่วเจินอาจวางยาพิษฮูหยินผู้เฒ่าของพวก
“ท่านแม่ ท่านว่าทำไมซ่งรั่วเจินถึงโชคดีขนาดนี้นะ นางได้รับการเหลียวแลจากฉู่อ๋องเชียวนะเจ้าคะ!”ฝานซืออิ๋งยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ ตอนนั้นหลังไปจากตระกูลซ่งแล้ว คิดว่าพวกเขาจะต้องเคราะห์ร้ายแน่นอน อย่างไรเสียก็แค่คนพิการคนหนึ่ง นางตีจากมาหาเป็นไรไม่ผู้ใดจะคิดว่าซ่งเยี่ยนโจวไม่เพียงยืนขึ้นได้อีกครั้ง แต่ยังได้กลับมารับตำแหน่งแม่ทัพตงจงหลางอีกด้วยควรทราบว่าเรื่องที่ซ่งเยี่ยนโจวได้เป็นแม่ทัพตงจงหลางตั้งแต่อายุยังน้อยมีคนมากมายเท่าไรที่รู้สึกอิจฉา ลับหลังยิ่งไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรอิจฉานางที่ได้แต่งงานกับบุรุษที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ตระกูลซ่งยังดีขึ้นทุกด้าน ซ่งอี้อันสอบรับราชการได้ ซ่งรั่วเจินก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะได้เป็นพระชายาฉู่อ๋องเรื่องสำคัญที่สุดก็คือ...ทุกความเปลี่ยนแปลงของตระกูลซ่งยังเกิดขึ้นหลังนางจากมาแล้ว ถึงขั้นมีคนบอกว่านางเป็นดาวหายนะเพราะเหตุนี้อีกด้วย!ช่างน่าโมโหนัก!“ยังไม่ใช่เพราะเจ้าโง่หรือไร! ตอนนั้นถ้าจับซ่งเยี่ยนโจวไว้แน่นๆ ต่อให้เขากลายเป็นคนพิการ ตระกูลซ่งก็ยังมีกิจการมากมาย ชั่วชีวิตมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ!”“ยามนี้เป็นอย่างไรเล่า ผลประโยชน์อันใดไม่ได้มาส
“คุณชาย บ่าวสำนึกผิดแล้ว ภายภาคหน้าไม่กล้าแล้ว” บ่าวร้องไห้อย่างน่าสงสารซ่งเยี่ยนโจวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า “เขาปรนนิบัติข้ามาหลายปี ตกอยู่ในมือสกุลฝานย่อมไม่มีจุดจบที่ดี มิสู้ไถ่ตัวพ่อแม่เขามาจากสกุลฝาน ไล่ไปอยู่ที่ไร่นาทำงานเถอะ”“พี่ใหญ่ ยกเรื่องนี้ให้ข้า สกุลฝานไร้ยางอายพรรค์นั้น ให้ข้าจัดการเอง” ซ่งจิ่งเซินพูดยิ้มๆซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายจากไป ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบดังเดิมลั่วชิงอินนั่งบนตั่งเตียง ก่อนหน้านี้ผ้าคลุมหน้าสีแดงก็ถูกเปิดออกแล้ว สุรามงคลยังไม่ได้ดื่ม บัดนี้หลังได้รู้ข่าวว่าไม่สามารถคลอดลูกได้ อารมณ์นางก็ซับซ้อนมาก“พี่ใหญ่ซ่ง ท่านไม่สมควรปิดบังข้า”ลั่วชิงอินเห็นว่าส่งคนอื่นจากไปแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวปิดประตูห้องเดินเข้ามา เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ซ่งเยี่ยนโจวเดินเข้ามาหยุดข้างกายนางแล้วนั่งลง สายตาลุ่มลึกทอดมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความสุข“ชิงอิน เจ้าไม่รู้ข้าสามารถแต่งงานกับเจ้าได้ ข้าดีใจมากเพียงใด”เขาจับมือลั่วชิงอิน “เมื่อแรกเจ้าเกือบแต่งงานกับสกุลเหยา ข้ากังวลยิ่งนัก กลัวชาตินี้จะไม่มี
“เด็กๆ นำตัวหญิงคนนี้ออกไป จิตใจล้ำลึก ห้ามมิให้หนีไปได้อย่างง่ายดาย!”สีหน้ากู้ชิงเหยี่ยนเย็นชา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงานของสกุลซ่งจะเกิดเรื่องมากถึงเพียงนี้ นึกถึงหลิ่วหรูเยียนเพียงคนเดียวต้องจัดการทั้งสกุลซ่ง สงสารอย่างอดไม่ได้หลายปีนี้น้องสาวของเขาผ่านไปได้อย่างยากลำบากมากเหลือเกิน!สกุลหลิ่วและสกุลฝานไม่มีคนดี มาหาเรื่องไม่หยุด ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน!ฝานซืออิ๋งเห็นบ่าวต้องการลากตนเองไป ออกแรงดิ้นพูดว่า “อย่าข้ายังมีเรื่องอยากพูด!”ครู่ต่อมา ฝานซืออิ๋งคุกเข่าให้หลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ ข้าสำนึกผิดแล้ว ที่ผ่านมาล้วนเป็นข้าทำไม่ถูก ขอร้องท่านได้โปรดมอบโอกาสให้ข้าสักครั้งเถอะ!ข้ายินดีเป็นอนุของเยี่ยนโจว ลั่วชิงอินไม่สามารถคลอดลูกได้ ข้าสามารถทำได้!ขอเพียงให้ข้าอยู่ที่สกุลซ่ง อยู่ข้างกายเยี่ยนโจว ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ได้ ขอร้องท่าน”“แทนที่ถึงตอนนั้นจะให้เยี่ยนโจวหาคนอื่นเป็นอนุ ยังมิสู้ให้ข้าเป็น!ข้าอยู่ที่สกุลซ่งนานถึงเพียงนี้ คุ้นชินทั้งหมดแล้ว ภายภาคหน้าข้ารับรองจะไม่มีวันรังแกลั่วชิงอิน ข้าจะปรนนิบัติพวกเขาดีๆ ได้หรือไม่?”ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำใ
เพียงนึกได้ว่าบิดามารดาพูดว่าเยี่ยนโจวเอ่ยคำสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าจะแต่งนางเพียงคนเดียวเท่านั้น นี่จะได้อย่างไร?“ชิงอิน ไม่เป็นเช่นนี้” ซ่งเยี่ยนโจวรีบอธิบาย “หมอเพียงพูดว่าต้องการให้เจ้ารักษาสุขภาพให้ดีก่อน มีลูกช้าหน่อยก็ช่างเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับข้าไม่มีลูกก็ไม่สำคัญ!”ฝานซืออิ๋งมองท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดของลั่วชิงอิน จากนั้นหันมองสายตาเปี่ยมความเจ็บปวดของซ่งเยี่ยนโจว นางว้าวุ่นใจแล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?ทั้งหมดล้วนไม่เหมือนอย่างที่นางคิดไว้!ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นลั่วชิงอินปกปิดข่าวเพื่อให้ได้แต่งงานกับซ่งเยี่ยนโจว ซ่งเยี่ยนโจวกลับถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้ลั่วชิงอินต่างหากที่เป็นคนถูกหลอกคนนั้น?ซ่งเยี่ยนโจวเสียสติไปแล้วหรือ?เพื่อแต่งงานกับลั่วชิงอิน ต่อให้ไม่สามารถคลอดลูกได้ก็ไม่เป็นไร?ซ่งรั่วเจินมองสายตาตกตะลึงของฝานซืออิ๋ง เอ่ยปากเสียงเย็น “เห็นชัดแล้วหรือไม่? นี่ก็คือความแตกต่างของเจ้าและพี่หญิงลั่ว”จากนั้น ฝานซืออิ๋งกลับคล้ายถูกกระตุ้นก็มิปาน แผดเสียงร้องออกมา “เป็นไปไม่ได้! ต่อให้ซ่งเยี่ยนโจวไม่ใส่ใจ หรือว่าแม่สามีเองก็ไม่ใส่ใจกระนั้น?ซ่งเยี่ยนโจวเป็นลูกชายคน
คุณหนูสกุลลั่วร่างกายไม่แข็งแรง หลายปีมานี้นอนซมอยู่บนเตียงมาโดยตลอด ออกจากบ้านน้อยมากนี่คือสิ่งที่ทุกคนล้วนรู้เพียงแต่ กลับไม่เคยได้ยินว่าไม่สามารถคลอดลูกได้มาก่อน ทว่าคำพูดมั่นใจของฝานซืออิ๋งกลับไม่คล้ายหลอกลวง หากไม่สามารถคลอดได้จริง...เช่นนั้นก็เรื่องใหญ่แล้วสีหน้าลั่วชิงอินเปลี่ยนไป รีบพูดว่า “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”“ข้าพูดเหลวไหล?” ฝานซืออิ๋งยิ้มเย็น “เจ้าอย่าเสแสร้งเลย ก็แค่กังวลว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้วจะไม่สามารถแต่งเข้าสกุลซ่งได้ไม่ใช่หรือ?ข้าไม่ชอบท่าทางเสแสร้งสูงส่งของเจ้านั้นตั้งนานแล้ว พูดว่าข้าต่ำต้อยไร้ยางอายไปทุกคำ ใช้วิธีชั้นต่ำเพื่อให้ได้แต่งกับซ่งเยี่ยนโจว แต่ตัวเจ้าเองดีมากเพียงใดเล่า? ก็ซ่อนความลับไว้เฉกเดียวกันมิใช่หรือ?”“ข้าเปล่า!”ใบหน้าเล็กขาวนวลของลั่วชิงอินเปี่ยมความตกตะลึง นางไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน“เป็นเจ้าใส่ร้ายข้า!”“ข้าใส่ร้ายเจ้า? หมอหลวงก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือ? มีความสามารถตอนนี้เจ้าก็ให้หมอหลวงตรวจอาการของเจ้าดูสักรอบ จะได้ให้ทุกคนได้เห็นว่าข้าใส่ร้ายเจ้าหรือไม่!”รอยยิ้มฝานซืออิ๋งบิดเบี้ยวและลำพองใจ พูดเสียงดัง “เจ้ากล้าหรือไม่?”ได้ย
เห็นฝานซืออิ๋งไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ฉู่จวินถิงพูดนิ่งๆ “อวิ๋นหยาง พาคนเข้ามา”บ่าวคนหนึ่งถูกพาเข้ามาอย่างว่องไว เพียงแต่บัดนี้ดื่มจนเวียนหัวมึนงง สมองไม่แจ่มชัด“ซ่าซ่า”น้ำเย็นหนึ่งถังถูกสาดเข้าไป ทันใดนั้นคนได้สติขึ้นมาแล้วหลังได้เห็นทุกคนอยู่ตรงหน้าไปจนถึงฝานซืออิ๋งที่กำลังถูกจับตัวไว้ ทันใดนั้นสีหน้าของบ่าวเปลี่ยนเป็นเผือดซีด“ยังไม่รีบสารภาพออกมาอีก!” ซ่งเยี่ยนโจวตวาดเสียงเฉียบบ่าวตกใจว้าวุ่นหนัก “เป็นแม่นางฝานบังคับให้ข้าทำเช่นนี้ หากข้าไม่รับปาก นางจะไม่ปล่อยพ่อแม่ข้าคุณชาย ข้าไม่มีทางเลือกขอรับ ขอร้องท่านให้อภัยบ่าวครั้งนี้ด้วยเถอะ!”สีหน้าฝานซืออิ๋งเปลี่ยนไป “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร! ข้าเปล่า!”บ่าวคุกเข่าโขกศีรษะไม่หยุด “ก่อนหน้านี้ยามนางอยู่ในจวนก็ถือสัญญาขายตัวเป็นทาสของบ่าวไว้ มิหนำซ้ำยังขายพ่อแม่ของบ่าวไปที่สกุลฝานช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ พ่อแม่ข้าอยู่ที่สกุลฝานได้รับความทุกข์เกินบรรยาย นางยังข่มขู่ข้า หากไม่รับปาก จะตีพ่อแม่ข้าให้ตายทั้งเป็นคุณชาย ชีวิตของคนในครอบครัวบ่าวล้วนอยู่ในมือของนาง ข้ายอมตาย แต่ไม่อาจทนเห็นพ่อแม่ข้าตายได้ขอรับ...”บ่าวร้องไห้เจ็บปวดใ
“แอด...”เสียงประตูห้องถูกผลักเปิดออก ฝานซืออิ๋งย่องเบาเตรียมเข้าไปภายใน ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง“แม่นางฝาน วันนี้พี่ใหญ่ข้าแต่งงาน ที่จวนไม่ได้เชิญเจ้า กลางดึกค่ำมืดเช่นนี้...มาเป็นขโมยหรือ?”ซ่งรั่วเจินกอดอก ดวงหน้างดงามเผยสีหน้าเยาะหยัน มองท่าทางเหมือนขโมยก็มิปานของฝานซืออิ๋งที่อยู่ตรงหน้าชั่วขณะได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทั้งตัวฝานซืออิ๋งคล้ายถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงอึ้งงันอยู่กับที่นางหันหน้าไปอย่างเหลือจะเชื่อ ชั่วขณะได้เห็นซ่งรั่วเจินกลับไม่ต่างจากเห็นมารชั่วร้าย ยิ่งไปกว่านั้นยามได้เห็นฉู่อ๋องข้างกายนางแล้ว ตกตะลึงพรึงเพริดทำอันใดไม่ถูก ร่างกายอ่อนยวบเกือบล้มหน้าคะมำบนพื้น“เจ้า เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่?”“คำนี้สมควรเป็นพวกเราถามเจ้ากระมัง?” ซ่งรั่วเจินเยาะหยันขณะเดียวกัน เปลวเทียนภายในห้องถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ซ่งเยี่ยนโจวและลั่วชิงอินเดินออกมาพร้อมกันใบหน้าซ่งเยี่ยนโจวเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึม เขาเกลียดฝานซืออิ๋งมาก เดิมทีคิดว่าชาตินี้ไม่ขอพบหน้าอีก คิดไม่ถึงหญิงคนนี้จิตใจบ้าคลั่ง คิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้!ก่อนหน้านี้ยามน้องหญิงห้าเอ่ยเตือนเขา เขาก็ตกใจ
ภายในอากาศเจือกลิ่นอายสดชื่นบริสุทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์บนตัวของฝ่ายชาย นางถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของเขาได้ ระยะห่างใกล้กันมากยิ่งขึ้น เลื่อนผ่านใบหูของนาง เจือความรู้สึกจักจี้เล็กน้อยมือใหญ่ของฝ่ายชายวางไว้บนเอวของนาง อุณหภูมิร้อนฉ่านั้นคล้ายเปลวไฟก็มิปาน ลุกโชนเข้าไปในหัวใจ อุณหภูมิบนใบหน้านางเองก็เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว...ฉู่จวินถิงมองคนในวงแขน เขาได้เห็นนางใกล้ถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรกระยะห่างใกล้มาก ชนิดที่ว่าสามารถมองเห็นใบหน้าเล็กเนียนละเอียดของนางได้ ผิวพรรณขาวนวลคล้ายเพียงดีดก็แตก ดวงตาคล้ายกวางน้อยคู่นั้นเจือความว้าวุ่นยากเกินควบคุม อีกทั้งพวงแก้มแดงเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้หัวใจของเขาว้าวุ่นสัมผัสที่มืออ่อนนุ่มเหลือหลาย คล้ายออกแรงเบาๆ ก็สามารถบีบขาดได้ก็คล้ายเมื่อแรกที่นางแสร้งหมดสติในอ้อมกอดเขา สัมผัสเนียนนุ่มนั้น ทำให้เขามิอาจหักใจปล่อยมือ“มือของท่าน...”“ชู่ว์” ฉู่จวินถิงเข้าใกล้ใบหูของฝ่ายหญิง กระซิบเสียงค่อย “เจ้ารู้ว่าใครมาหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “เป็นฝานซืออิ๋ง นางน่าจะต้องการใช้วิธีเดิมอีกครั้ง”ฉู่จวินถิงเข้าใจในทันใด นึกได้ว่าก่อนหน้า
“ข้าเข้าใจแล้ว” ซ่งรั่วเจินรับคำเสียงหนึ่ง พูดกับอวิ๋นเนี่ยนชู“เนี่ยนชู เจ้าช่วยข้าต้อนรับพวกองค์หญิงหกดีๆ มีเรื่องใดก็บอกเฉินเซียงได้ ข้าไปทำธุระส่วนตัวสักหน่อยเดี๋ยวมา”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “วางใจเถอะ ยกให้ข้า”ซ่งรั่วเจินเห็นว่าซ่งเยี่ยนโจวกลับไปที่ห้องหอแล้ว ตนเองก็ลอบไล่ตามไป จากนั้นหลบที่ภายนอกห่างจากห้องหอไม่ไกลนางเลื่อมใสความกล้าของฝานซืออิ๋งอย่างแท้จริง ต้องการใช้อุบายเดิมน่าขายหน้าพรรค์นี้อีกครั้งก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังเลือกวันแต่งงานของพี่ใหญ่ช่างเป็นพวก...หน้าตาอัปลักษณ์ฝันหวานโดยแท้!ชั่วขณะนางกำลังรอปลาติดเบ็ดอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าทางด้านหลัง รีบหันหลังกลับ“ชู่ว์”ฉู่จวินถิงใช้มือข้างหนึ่งปิดปากนาง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามเผยสีหน้าแปลกใจอยู่รางๆ เอ่ยเย้า “คืนวันแต่งงานใหม่ของพี่ใหญ่เจ้า น้องสาวมาแอบฟังที่มุมกำแพงเช่นนี้ ไม่ดีกระมัง?”เมื่อครู่เขาเห็นแม่นางคนนี้ลอบออกจากงานเลี้ยง รออยู่นานก็ยังไม่เห็นกลับมา นี่ถึงออกมาตามหาใครคิดเล่าว่านางที่เป็นคุณหนูในห้องหอคนหนึ่ง...จะมาแอบฟังที่มุมกำแพง?ซ่งรั่วเจินเผชิญหน้ากับท่าทางแปลกประหลาด ตกตะลึงและพยาย
“สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข