ก่อนหน้านี้หมอเคยบอกว่าโรคหัวใจของมารดาหนักหนาสาหัสมาก ด้านหนึ่งเพราะเป็นมาหลายปีจนเรื้อรัง อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะอายุมากแล้ว ร่างกายอ่อนแอลงทุกทีหากหมดสติ สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง อาจถึงขั้นอาการทรุดหนัก แต่ยามนี้หลังฟื้นขึ้นมาแล้วกลับแลดูไม่ต่างจากยามปกติ ปราศจากท่าทางไม่สบายใดๆ?ควรทราบว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็เคยหมดสติมาก่อน หลังฟื้นขึ้นมาแล้วก็มักจะทรมานมาก นอนซมบนเตียงหลายวันถึงจะลุกขึ้นมาได้ ปฏิกิริยาในวันนี้เรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงแม่นมเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟื้นแล้ว ฉับพลันนั้นก็มองพวกเฉียนชิวเซียงด้วยสายตาโกรธเคือง“เป็นเพราะพวกท่านพูดจาเหลวไหล เกือบทำให้โรคของฮูหยินผู้เฒ่าได้รับการรักษาล่าช้าไปเสียแล้ว พวกท่านต้องการอะไรกันแน่!”เฉียนชิวเซียงพลันหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องนี้จะโทษพวกข้าได้อย่างไรกัน? พวกข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น ซ่งรั่วเจินผู้นั้นมีความแค้นกับพวกท่านลึกล้ำปานนี้ ยาที่นางให้พวกท่านก็ยังกล้ากิน!”“พวกข้าแค่โน้มน้าวด้วยความหวังดี ไม่ได้บังคับไม่ให้พวกท่านกินเสียหน่อย!”“ใช่แล้ว! ไม่แน่ว่าก่อนหน้านี้ซ่งรั่วเจินอาจวางยาพิษฮูหยินผู้เฒ่าของพวก
“ท่านแม่ ท่านว่าทำไมซ่งรั่วเจินถึงโชคดีขนาดนี้นะ นางได้รับการเหลียวแลจากฉู่อ๋องเชียวนะเจ้าคะ!”ฝานซืออิ๋งยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ ตอนนั้นหลังไปจากตระกูลซ่งแล้ว คิดว่าพวกเขาจะต้องเคราะห์ร้ายแน่นอน อย่างไรเสียก็แค่คนพิการคนหนึ่ง นางตีจากมาหาเป็นไรไม่ผู้ใดจะคิดว่าซ่งเยี่ยนโจวไม่เพียงยืนขึ้นได้อีกครั้ง แต่ยังได้กลับมารับตำแหน่งแม่ทัพตงจงหลางอีกด้วยควรทราบว่าเรื่องที่ซ่งเยี่ยนโจวได้เป็นแม่ทัพตงจงหลางตั้งแต่อายุยังน้อยมีคนมากมายเท่าไรที่รู้สึกอิจฉา ลับหลังยิ่งไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรอิจฉานางที่ได้แต่งงานกับบุรุษที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ตระกูลซ่งยังดีขึ้นทุกด้าน ซ่งอี้อันสอบรับราชการได้ ซ่งรั่วเจินก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะได้เป็นพระชายาฉู่อ๋องเรื่องสำคัญที่สุดก็คือ...ทุกความเปลี่ยนแปลงของตระกูลซ่งยังเกิดขึ้นหลังนางจากมาแล้ว ถึงขั้นมีคนบอกว่านางเป็นดาวหายนะเพราะเหตุนี้อีกด้วย!ช่างน่าโมโหนัก!“ยังไม่ใช่เพราะเจ้าโง่หรือไร! ตอนนั้นถ้าจับซ่งเยี่ยนโจวไว้แน่นๆ ต่อให้เขากลายเป็นคนพิการ ตระกูลซ่งก็ยังมีกิจการมากมาย ชั่วชีวิตมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ!”“ยามนี้เป็นอย่างไรเล่า ผลประโยชน์อันใดไม่ได้มาส
“ท่านแม่ แค่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น พวกเรากลับด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินกล่าวหลิ่วหรูเยียนยิ้มบาง ลดเสียงลงเอ่ยว่า “ปกติท่านอ๋องยุ่งเสียขนาดนั้น จะบังเอิญมาเจอบ่อยๆ ได้อย่างไรกัน?”“ตอนแรกที่พ่อเจ้าตามเกี้ยวข้าก็ใช้ข้ออ้างเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ว่าไปที่ไหนก็บอกว่าบังเอิญบ้าง ผ่านทางมาพอดีบ้าง ทางนี้นอกจากคนที่มาไหว้พระแล้วก็ไม่มีใครมาหรอกนะ”“ข้าได้ยินมาว่าฉู่อ๋องไม่เคยไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะแวะผ่านมาทางนี้ได้อย่างไรเล่า?”ซ่งรั่วเจินได้ยินหลิ่วหรูเยียนเปิดโปงข้ออ้างนี้ตรงๆ ก็อดเหลือบมองฉู่จวินถิงไม่ได้ เห็นฝ่ายหลังปราศจากความกระอักกระอ่วนที่ถูกเปิดโปงแม้แต่น้อย เพียงแต่มองนางยิ้มๆดวงตาสีดำเจิดจรัสคู่นั้นสะท้อนภาพดอกท้อดอกแล้วดอกเล่า งดงามชวนมองเป็นอย่างยิ่งชั่วขณะนั้น กลับเป็นนางที่ต้านทานแววตาเช่นนั้นไม่ได้จนเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเสียก่อนจนกระทั่งขึ้นรถม้า ซ่งรั่วเจินค่อยเอ่ยว่า “วันนี้ท่านมาได้อย่างไร?”“เมื่อครู่ก็บอกแล้วนี่ว่าบังเอิญผ่านมา” ฉู่จวินถิงกล่าว“ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นนี้ของท่าน แม้แต่แม่ของหม่อมฉันยังรู้ว่าไม่จริง ยังคิดจะหลอกหม่อมฉันอีก?” ซ่งรั่วเจินกล่
“อาการคุณชายหร่วนเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”“หลังเจ้ารักษาอาการเขา อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สองวันนี้ไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว”ฉู่จวินถิงอดจะชมเชยไม่ได้ วิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินเลิศล้ำจริงๆ ต่อให้ในเมืองหลวงมีหมอมากมายก็ยังไม่มีใครสามารถเทียบเคียงนางได้“เช่นนั้นก็ดีแล้วเพคะ” ซ่งรั่วเจินถอนหายใจโล่งอก“คราวก่อนรีบร้อนเกินไป อาการของอวี้เฉิงไม่สู้ดี เรื่องบางอย่างจึงไม่ทันได้บอกเจ้า สองวันนี้ค่อยนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องบอกเจ้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับบิดาเจ้า” ฉู่จวินถิงกล่าวซ่งรั่วเจินได้ยินแล้วดวงตาก็พลันวาววับ พอลองตรองดู...ถึงเวลาที่ท่านพ่อจะกลับมาแล้วจริงๆนางรู้มาตลอดว่าบิดายังไม่ตาย ทั้งยังเคยทำนายพบว่าเขาสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยจึงไม่ได้เข้าไปสอดมืออย่างไรเสีย กระดูกหักก็สมควรพักรักษาตัวดีๆ รีบร้อนกลับมาหาใช่เรื่องดีไม่ ในฐานะคนในสำนักวิชาเต๋า เปลี่ยนแปลงมากเกินไปก็หาใช่เรื่องดี ในเมื่อไม่มีผลกระทบ มิสู้รอคอยอย่างอดทนในนิยายต้นฉบับเวลานี้ตระกูลซ่งตกต่ำไปแล้ว ไม่สามารถรับมือจนซ่งหลินกลับมาได้ แต่ตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป บิดากลับมาทุกอย่างก็จะกลายเป็นข่าวดี!หลังจากหร่วนอวี้
หร่วนอวี้เฉิงมีสีหน้าจริงจัง ความรู้สึกขอบคุณของเขาไม่อาจใช้ถ้อยคำมาบรรยายได้เลย“คุณชายหร่วนเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าสามารถช่วยเหลือได้ก็ยินดีนัก นอกจากนี้ ข้ายังรู้จักกับแม่นางหร่วน ช่วยเหลือเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินกล่าวเดิมนั้นซ่งรั่วเจินไม่นับว่าคุ้นเคยกับหร่วนอวี้เฉิงรวมถึงฉู่อ๋อง แต่ได้คุยกันสักพักก็รู้สึกว่าใกล้ชิดกว่าเดิมไม่น้อยฉู่อ๋องเดิมก็มีนิสัยน่าสนใจ เมื่อมาปะทะคารมกับหร่วนอวี้เฉิงก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่“อวี้เฉิง เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับรั่วเจินไม่ใช่หรือ?” ฉู่จวินถิงกล่าวเมื่อได้รับคำเตือน หร่วนอวี้เฉิงก็รีบพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้ากลับมาจากชายแดนคราวนี้ ได้ตรวจสอบพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับแม่ทัพซ่ง”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น ซ่งรั่วเจินก็นึกยินดี แม้แต่ฉู่อวิ๋นกุยที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าประหลาดใจ“หลังจากใต้เท้าซ่งหายสาบสูญจากสนามรบครั้งนั้นก็ไร้ข่าวคราวเรื่อยมา รอมานานขนาดนี้ก็ยังตรวจไม่พบข่าวคราวใดๆ เจ้าคงไม่ได้พบเบาะแสเกี่ยวกับแม่ทัพซ่งแล้วหรอกนะ?”ถ้าพบเบาะแสจริง นี่ย่อมเป็นข่าวดียิ่งสำหรับตระกูลซ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!เขาเข้าใจนิสัยหร่วนอวี้เฉิงดี หากเป็นข่
ฉู่อวิ๋นกุยกับหร่วนอวี้เฉิงเห็นอย่างนั้นก็สบตากันอย่างอดไม่อยู่ หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ผู้ใดจะกล้าเชื่อว่าบุรุษตรงหน้าคือฉู่จวินถิงที่พวกเขารู้จักมาหลายปี!ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในห้วงรัก...เหมือนต้องพิษร้ายโดยแท้!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรให้หร่วนอวี้เฉิงอีกครั้งจนแน่ใจว่าอาการดีขึ้นแล้วจริงๆ ขอเพียงพักรักษาตัวอย่างเต็มที่ ผ่านไปสักพักก็จะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์หร่วนอวี้เฉิงดีใจยิ่ง ตัดสินใจว่าจะกลับไปวันพรุ่งนี้ ไม่ได้กลับไปนานเพียงนี้ ต่อให้ปิดข่าวไว้ดีเพียงไร เกรงว่าคนที่บ้านก็คงค้นพบพิรุธไปแล้วณ จวนตระกูลกู้หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลับมาถึงจวน กู้ชิงซิวก็ตามหมอมาทันที“หมอโจว ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าหากท่านแม่หมดสติไป หมายความว่าอาการทรุดลงใช่หรือไม่?”หมอโจวมีสีหน้าหนักอึ้ง “ฮูหยินผู้เฒ่าหมดสติไปหรือขอรับ?”“วันนี้จู่ๆ ท่านแม่ก็หมดสติไประหว่างไปไหว้พระ หลังจากนั้นโชคดีที่มีคนให้ยามาเม็ดหนึ่ง ครั้งนี้ท่านแม่จึงได้สติคืนมา”กู้ชิงซิวจำคำพูดก่อนหน้านี้ของท่านหมอได้ มารดาเป็นโรคเรื้อรังมานานปี ต่อให้ระมัดระวังมาโดยตลอด แต่เมื่ออายุมากขึ้น อาการก็ยิ่งควบคุมได้ยากกว่าเดิมหมอโจวได้ยินแล้วก
เวลานั้น กู้ชิงเหยี่ยนกับกู้ชิงเจ๋อรู้จากปากข้ารับใช้แล้วว่าหลังจากมารดาหมดสติไปบนเขาก็ได้สติคืนมาเพราะได้ยาจากแม่นางตระกูลซ่ง“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองทำแบบนี้เหลวไหลหรือไม่? ทั้งที่รู้ความแค้นระหว่างตระกูลซ่งกับพวกเรา พวกนั้นจะช่วยเหลือท่านแม่อย่างจริงใจได้อย่างไรกัน?”“ถ้าท่านแม่เป็นอะไรไป จะต้องเป็นพวกนั้นที่จงใจคิดร้ายเป็นแน่!”กู้ชิงเจ๋อพลันระเบิดออกมา เขาอยากเปิดกะโหลกกู้ชิงซิวดูจริงๆ ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เกรงว่าคงเสียสติไปแล้วถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้!กู้ชิงเหยี่ยนกลับเยือกเย็นกว่าเขามาก “ข้าเชื่อในความประพฤติของตระกูลซ่ง หลายปีนี้กิตติศัพท์ของตระกูลซ่งในเมืองหลวงเป็นอย่างไรทุกคนล้วนรู้ดี เดิมก็เป็นตระกูลที่มีคุณธรรม ไม่เคยทำร้ายผู้อื่น”“นอกจากนี้ คนที่มีความแค้นกับพวกเขาคือตระกูลฉิน ตระกูลกู้ของพวกเราไม่เคยผูกความแค้นกับพวกเขา”“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงเป็นเหมือนพี่รองไปอีกคนเล่า? อวิ๋นเวยเป็นน้องสาวของพวกเรานะ นางแซ่กู้ เช่นนั้นก็เป็นคนในตระกูลกู้ของพวกเรา!”“ตอนนี้อวิ๋นเวยกับซวงซวงยังถูกคุมขังอยู่ในคุก พวกนั้นอยากให้พวกเราตายใจจะขาด ยังหวังให้พวกนั้นช่วยเหลือท่านแม่ นี่มิเท่ากับ
“คุณชายใหญ่ตระกูลซ่งก่อนหน้านี้สองขาพิการ คุณชายรองตระกูลซ่งยิ่งตาบอดสองข้าง หมอทั้งเมืองหลวงแทบถูกเชิญไปตรวจมาหมดแล้ว ล้วนแต่ไม่มีวิธีรักษา”“แต่ก่อนหน้านี้เริ่มจากคุณชายรองตระกูลกู้รักษาดวงตาสองข้างจนหายดี หลังจากนั้นคุณชายใหญ่ตระกูลซ่งก็กลับมายืนได้อีกครั้ง”“ทุกคนล้วนพูดกันว่าตระกูลซ่งหาหมอเทวดาที่เก่งกาจคนหนึ่งมาได้ แต่มีคนไม่น้อยไปสอบถามก็ไม่ได้ข่าวคราวอันใดแม้แต่น้อย”“ไม่เพียงเท่านี้ ตระกูลซ่งจะเป็นดองกับตระกูลลั่ว สุขภาพของแม่นางตระกูลลั่วไม่ดีมาโดยตลอด หลังจากตกน้ำแล้วอาการก็ยิ่งทรุดหนัก”“แต่ข้าได้ยินว่าตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว คิดว่าจะต้องเป็นฝีมือหมอเทวดาเบื้องหลังตระกูลซ่งผู้นั้นเป็นแน่!”ได้ยินดังนั้น พี่น้องตระกูลกู้ก็คิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้ เรื่องนี้มีคนเล่าลือกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถามแล้วไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อันใด ทุกคนจึงค่อยๆ ถอดใจไปในที่สุด“น้องรอง พวกเราต้องไปตระกูลซ่งสักรอบ”กู้ชิงเหยี่ยนตัดสินใจทันที พวกเขาไม่หวังว่าจะสามารถรักษาโรคของมารดาให้หายขาด ขอเพียงช่วยให้อาการของมารดาคงที่ นั่นก็เป็นเรื่องดียิ่งแล้วกู้ชิงซิวพยักหน้า “ข้าจะให้คนไปเ
“ข้าว่าเรื่องนี้ก็เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้จะดีกว่า ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปเชิญเช่ออ๋องมาแล้วละ”หลังนางกลับบ้านเดิม เช่ออ๋องก็มารับนางเป็นการเฉพาะ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นอย่างหาได้ยากถ้าเช่ออ๋องรู้ว่าตนเองมาหาเรื่องถึงตระกูลซ่งจะต้องพิโรธมากเป็นแน่!“นั่นจะได้อย่างไรกัน?” ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “พี่สะใภ้ถึงขั้นตั้งใจมาคาดคั้นถึงตระกูลซ่ง เห็นได้ชัดว่าเข้าใจผิดมากเพียงใด ถ้าข้าไม่มาเห็นเข้าพอดี เกรงว่าป่านนี้ซ่งรั่วเจินคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว”“นอกจากนี้ อีกสองวันข้าก็จะลงใต้แล้ว ถ้าไม่อธิบายเรื่องเข้าใจผิดกันให้ชัดเจน พอข้ากลับมาก็ไม่ได้เห็นซ่งรั่วเจินแล้วน่ะสิ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าติดต่อกัน กล่าวด้วยสีหน้าเจ็บช้ำใจว่า “ท่านอ๋องพูดถูกเพคะ หม่อมฉันหวาดกลัวยิ่งนัก!”ซ่งจืออวี้เห็นน้องสาวของตนเองแสดงละครร่วมกับฉู่อ๋อง ใบหน้าพระชายาเช่ออ๋องเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำ เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงแล้วเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว จนเขาอดตะลึงไม่ได้ความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้านี้ช่างรวดเร็วมากจริงๆ!หลังจากอวิ๋นหยางไปเชิญเช่ออ๋อง พระชายาเช่ออ๋องก็กระวนกระวายอย่างเห็
น้ำเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้คนทั้งสองภายในห้องต่างนิ่งอึ้งไป ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงที่เดินเข้ามาในห้องอย่างแช่มช้า ดวงตางามก็ฉายแววตกใจเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไร?คงไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของตนเองหรอกนะ?ซ่งจืออวี้อ่านสายตาน้องสาวตนเองออกจึงเหยียดริมฝีปากอย่างอ่อนใจ หัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ของซ่งรั่วเจินจึงหยุดเต้นไปในที่สุดได้ยินแล้วจริงๆ ด้วย!ชั่วขณะที่พระชายาเช่ออ๋องเห็นว่าฉู่อ๋องมาแล้ว ใบหน้าก็พลันถอดสี คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงเพียงนี้!ความลนลานวาบผ่านดวงตานาง แต่ก็กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยว่า “ที่แท้ก็ฉู่อ๋องมานี่เอง”“ข้าเพิ่งมาถึงก็ได้ยินว่าพี่สะใภ้กำลังข่มขู่คนอยู่ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้นหรือถึงได้มาขู่เอาชีวิตคนในจวนสกุลซ่งเช่นนี้?”ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่จวินถิงมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ใดๆ เลยสักนิด น้ำเสียงผ่อนคลายเรียบเรื่อยราวกับเป็นการถามไถ่ธรรมดาทั่วไป ทว่าความกดดันที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างรวมถึงสายตาเย็นเฉียบทำให้คนเข้าใจว่า เขามีโทสะแล้ว“ซ่งรั่วเจินไม่เคารพข้า...”พระชายาเช่ออ๋องยังพูดไม่จบ ฉู่จวินถิงก็กล่าวขึ้นว่า “อ้อ? พี่สะใภ้มาถึงตระก
“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ วันนี้ข้าให้โอกาสเจ้ารักษาก็คือให้เกียรติเจ้า!”“ถ้าฉู่อ๋องรู้ว่าเจ้าไปยั่วยวนเช่ออ๋องลับหลังเขา เจ้าคิดว่าฉู่อ๋องยังจะชอบเจ้าอยู่งั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินอย่างนั้นก็แทบจะหัวเราะออกมา นางยั่วยวนเช่ออ๋อง?“พระชายาเช่ออ๋อง ท่านคิดว่าหม่อมฉันสมองไม่ดีหรือสายตามีปัญหาหรือเพคะ?”“ฉู่อ๋องยังไม่แต่งงาน กล้าหาญชาญศึกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นบุรุษรูปงามของเมืองหลวง ไยหม่อมฉันจะต้องปล่อยมือจากฉู่อ๋องไปยั่วยวนเช่ออ๋องด้วยเพคะ?”เมื่อซ่งจืออวี้มาหาน้องหญิงห้าเป็นเพื่อนฉู่อ๋อง ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็ได้ยินคำพูดเช่นนี้ดังออกมาจากข้างใน เขาเบิกตากว้างอย่างอดไม่อยู่เหตุใดสตรีวิปลาสผู้นี้จึงมาใส่ร้ายน้องหญิงห้าส่งเดชเช่นนี้!“เช่ออ๋องไม่ดีตรงไหน? ฉู่อ๋องเย็นชาเสียขนาดนั้น เหมือนก้อนหินไม่มีผิด ถ้าไม่ระวังก็อาจเสียชีวิตเอาได้ ไหนเลยจะอ่อนโยนเหมือนเช่ออ๋อง?”พระชายาเช่ออ๋องแย้งกลับมาอีกประโยค “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ามันไม่รู้จักพอ!”“ฉู่อ๋องหน้าตาหล่อเหลาปานนั้น ถึงเขาจะตีหน้าเย็นชาทั้งวันแต่ก็เป็นชายรูปงามที่หาได้ยากนักในโลกนี้ ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่
ซ่งรั่วเจินเพิ่งมาถึงโถงหน้าก็เห็นพระชายาเช่ออ๋องที่แต่งกายอย่างหรูหราอาภรณ์สีชมพูตัดเย็บจากผ้าแพรชั้นดี คลุมทับด้วยเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว รูปโฉมนางเหมือนสาวน้อยที่งดงามน่ารัก ผิวพรรณขาวบริสุทธิ์ ดวงตาชั้นเดียวเชิดขึ้นเล็กน้อยทอประกายคมกริบแม่นมสี่คนกับสาวใช้สี่คนยืนอยู่ข้างกาย กล่าวได้ว่าวางมาดใหญ่โตยิ่งนัก“คารวะพระชายาเช่ออ๋องเพคะ”ซ่งรั่วเจินแสดงคารวะ นางรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามจับจ้องตนเองตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว แต่การจ้องมองเช่นนี้...แสดงท่าทีของผู้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ในใจก็เข้าใจขึ้นมาหลายส่วนเห็นที...จะไม่ได้มาดีสินะ!“เจ้าก็คือซ่งรั่วเจิน?”พระชายาเช่ออ๋องมองประเมินซ่งรั่วเจิน ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าแม่นางผู้นี้เป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถอาศัยสถานะหญิงที่เคยถอนหมั้นไปเข้าตาฉู่อ๋องได้แล้วสายตาฉู่อ๋องสูงส่งมาแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ไม่เคยต้องตาแม่นางคนใดมาก่อน แต่กลับถูกนางล่อลวงจนลุ่มหลงหัวปักหัวปำ ชั่วขณะนี้เมื่อได้เห็นแล้วก็จำต้องยอมรับว่างดงามจริงดังกล่าว“เพคะ” ซ่งรั่วเจินตอบรับ “ไม่ทราบว่าพระชายาเช่ออ๋องมาหาหม่อมฉันด้วยธุระอันใดหรือเพคะ?”“ข้าไ
พี่ใหญ่ถูกลอบโจมตีจนเกือบไม่รอดชีวิตกลับมา หลังกลับมาแล้วขาทั้งสองข้างยังพิการ ท่านพ่อก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยถ้ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้...“ส่วนจิ่งเซิน เขาได้ทำการค้าบ่อยๆ เชี่ยวชาญการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คน พวกเจ้าเดินไปทางไปด้วยกันสามารถปลอมเป็นกลุ่มพ่อค้าที่ไปค้าขาย ผู้คนจะได้ไม่สงสัยโดยง่าย” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวซ่งจิ่งเซินพยักหน้ารัวๆ “ใช่แล้ว มีข้าอยู่ด้วย สามารถตัดความยุ่งยากไปได้มากที่สุดแล้ว!”ทุกคนล้วนเข้าใจเรื่องนี้ดี ยามออกไปข้างนอก การมีไหวพริบในการจัดการเรื่องราวเฉพาะหน้าสามารถลดปัญหาได้ นอกจากนี้ ซ่งจิ่งเซินก็ยังมีประสบการณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครด้วยซ้ำ แค่นำกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางก็สามารถตบตาผู้คนได้อย่างง่ายดายกู้หรูเยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมากจึงกล่าวว่า “เจินเอ๋อร์ ทำตามที่พี่ใหญ่เจ้าพูดเถอะนะ? เช่นนี้พวกข้าจะได้คลายใจ”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองพวกซ่งจืออวี้สองฝาแฝดก็เห็นพวกเขาพยักหน้าเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนลูกไก่จิกข้าวสารกระนั้น นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ งั้นประเดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าต้องเตรียมสิ่งใดไปบ้าง”“น้องหญิงห้า เรื่องนี้เจ้ายกให้เป็นหน้าที
ซ่งรั่วเจินตัดสินใจไปรับบิดากลับมา ก่อนออกเดินทางย่อมต้องเตรียมสิ่งของมากมาย แต่ก่อนหน้านั้นยังต้องบอกคนในครอบครัวเสียก่อนหลังนางบอกเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดน คนในจวนล้วนอึ้งตกใจกันหมด“เจินเอ๋อร์ เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าจะไปชายแดนด้วยตัวเอง?” กู้หรูเยียนมีสีหน้าตกตะลึง “ก่อนนี้ไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อนเลย”“น้องหญิงห้า ถ้าเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านพ่อก็ให้พี่ชายอย่างพวกข้าไปดีกว่า ผู้หญิงแบบเจ้าไปสถานที่ห่างไกลปานนั้นจะอันตรายเกินไปแล้ว” ซ่งจืออวี้เอ่ยอย่างร้อนใจซ่งจิ่งเซินพยักหน้า “ใช่แล้ว พวกเขารับราชการอาจไม่สะดวก ข้ามีประสบการณ์เดินทางโชกโชน ให้ข้าไปดีกว่า!”“ความจริงสาเหตุที่ข้าจะเดินทางไปเป็นเพราะข้าทำนายดวงชะตาให้ท่านพ่อ”เมื่อซ่งรั่วเจินเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา สีหน้าทุกคนในห้องล้วนเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าจะเกิดปัญหาอันใด?“ก่อนนี้ข้าก็เคยทำนายเหมือนกัน ดวงชะตาของท่านพ่อปลอดภัยไร้อันตราย สามารถกลับมาได้อย่างราบรื่น แต่ช่วงนี้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้น น่าจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก”“ถ้าไม่ไป ข้ากังวลว่าอาจมีอันตราย ดังนั้นจึงคิดว่าจะไปด้วยตั
“ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้ค้นตัวไต้ซือเทียนจีใช่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นรีบร้อนเกินไป พวกข้าไม่เปิดโอกาสให้เขา แต่ว่ากันตามปกติแล้ว ของที่มีค่ามากมักจะไม่พกติดตัวไว้”“สิ่งสำคัญที่สุดมักไม่พกติดตัวก็จริง แต่คนในวงการพวกข้า โดยเฉพาะคนชั่วร้ายอย่างเขา จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ข่มขู่อย่างแน่นอน”คิ้วบางของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นน้อยๆ ต่อให้เคยเจอไต้ซือเทียนจีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ทราบว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าผู้หนึ่งกระทำเรื่องชั่วช้ามาหลายปีขนาดนี้แต่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัย แล้วจะไม่มีวิธีปกป้องตัวเองเลยได้อย่างไร?กู้ชิงฉือได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปข้างกายไต้ซือเทียนจีแล้วเริ่มค้นหาอย่างละเอียด การค้นตัวครั้งนี้พบว่านอกจากยันต์ที่อ่านไม่ออกพวกนั้นแล้วยังมียาลูกกลอนอีกสองเม็ด“ไม่มีของอย่างอื่น แต่มีหินก้อนหนึ่ง นี่คือหยิบติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”กู้ชิงฉือมองก้อนหินในมือ หินก้อนนี้แม้พอจะนับได้ว่ามนเกลี้ยง แต่ก็ดูแตกต่างจากก้อนหินที่พบเห็นได้ทั่วไปบริเวณริมแม่น้ำมากเกินไป“ข้าขอดูหน่อย”ซ่งรั่วเจินก้าวเร็วๆ เข้ามาหา มองก้อนหินในมือแ
เมื่อซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยปากสอบถาม สายตาทุกคนก็ต่างจับจ้องมายังซ่งรั่วเจิน พวกเขาในตอนนี้ไม่กล้าบุ่มบ่ามรบกวนแล้วฉู่จวินถิงก็เป็นห่วงดุจเดียวกัน เขารู้ว่าวิชาแพทย์ของรั่วเจินนั้นไม่ธรรมดา เก่งกาจกว่าหมอหลวงในวังหลวงมากนัก ถ้านางบอกว่าช่วยไม่ได้ก็แสดงว่าหมดหนทางแล้วจริงๆ“ยังช่วยได้”ซ่งรั่วเจินพูดโดยที่มือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด นางลังเลไปชั่วครู่ก็หยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมายัดเข้าไปในปากของชายผู้นั้นซ่งเยี่ยนโจว “...” อีกแล้ว?ซ่งรั่วเจินรู้ว่าตนเองนำสิ่งของมากมายติดตัวมาเช่นนี้จะทำให้คนสงสัย แต่ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า อย่างไรเสียแค่พูดจาส่งเดชไม่กี่ประโยคก็สามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้แล้วตั้งแต่นางทะลุมิติมาก็มีมิติขนาดเล็กเป็นของตัวเอง ยาเอย ยันต์เอย ยามปกติล้วนเก็บไว้ในนั้น นับว่าสะดวกมากทีเดียวหลังจากชายหนุ่มที่มีท่าทางอ่อนแอสุดขีดกลืนยาเม็ดนั้นลงไปก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดแต่เดิมบรรเทาลงบ้าง การหายใจก็ไม่ได้ยากลำบากถึงเพียงนั้นอีกแล้ว“ส่งคนไปหารถม้าหรือยัง?” ฉู่จวินถิงถามจ้าวเจียงพยักหน้า “เรียนท่านอ๋อง ส่งคนไปจัดการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ข้าฟัง
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที