ก่อนหน้านี้หมอเคยบอกว่าโรคหัวใจของมารดาหนักหนาสาหัสมาก ด้านหนึ่งเพราะเป็นมาหลายปีจนเรื้อรัง อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะอายุมากแล้ว ร่างกายอ่อนแอลงทุกทีหากหมดสติ สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง อาจถึงขั้นอาการทรุดหนัก แต่ยามนี้หลังฟื้นขึ้นมาแล้วกลับแลดูไม่ต่างจากยามปกติ ปราศจากท่าทางไม่สบายใดๆ?ควรทราบว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็เคยหมดสติมาก่อน หลังฟื้นขึ้นมาแล้วก็มักจะทรมานมาก นอนซมบนเตียงหลายวันถึงจะลุกขึ้นมาได้ ปฏิกิริยาในวันนี้เรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงแม่นมเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟื้นแล้ว ฉับพลันนั้นก็มองพวกเฉียนชิวเซียงด้วยสายตาโกรธเคือง“เป็นเพราะพวกท่านพูดจาเหลวไหล เกือบทำให้โรคของฮูหยินผู้เฒ่าได้รับการรักษาล่าช้าไปเสียแล้ว พวกท่านต้องการอะไรกันแน่!”เฉียนชิวเซียงพลันหน้าเปลี่ยนสี “เรื่องนี้จะโทษพวกข้าได้อย่างไรกัน? พวกข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น ซ่งรั่วเจินผู้นั้นมีความแค้นกับพวกท่านลึกล้ำปานนี้ ยาที่นางให้พวกท่านก็ยังกล้ากิน!”“พวกข้าแค่โน้มน้าวด้วยความหวังดี ไม่ได้บังคับไม่ให้พวกท่านกินเสียหน่อย!”“ใช่แล้ว! ไม่แน่ว่าก่อนหน้านี้ซ่งรั่วเจินอาจวางยาพิษฮูหยินผู้เฒ่าของพวก
“ท่านแม่ ท่านว่าทำไมซ่งรั่วเจินถึงโชคดีขนาดนี้นะ นางได้รับการเหลียวแลจากฉู่อ๋องเชียวนะเจ้าคะ!”ฝานซืออิ๋งยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ ตอนนั้นหลังไปจากตระกูลซ่งแล้ว คิดว่าพวกเขาจะต้องเคราะห์ร้ายแน่นอน อย่างไรเสียก็แค่คนพิการคนหนึ่ง นางตีจากมาหาเป็นไรไม่ผู้ใดจะคิดว่าซ่งเยี่ยนโจวไม่เพียงยืนขึ้นได้อีกครั้ง แต่ยังได้กลับมารับตำแหน่งแม่ทัพตงจงหลางอีกด้วยควรทราบว่าเรื่องที่ซ่งเยี่ยนโจวได้เป็นแม่ทัพตงจงหลางตั้งแต่อายุยังน้อยมีคนมากมายเท่าไรที่รู้สึกอิจฉา ลับหลังยิ่งไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรอิจฉานางที่ได้แต่งงานกับบุรุษที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ตระกูลซ่งยังดีขึ้นทุกด้าน ซ่งอี้อันสอบรับราชการได้ ซ่งรั่วเจินก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะได้เป็นพระชายาฉู่อ๋องเรื่องสำคัญที่สุดก็คือ...ทุกความเปลี่ยนแปลงของตระกูลซ่งยังเกิดขึ้นหลังนางจากมาแล้ว ถึงขั้นมีคนบอกว่านางเป็นดาวหายนะเพราะเหตุนี้อีกด้วย!ช่างน่าโมโหนัก!“ยังไม่ใช่เพราะเจ้าโง่หรือไร! ตอนนั้นถ้าจับซ่งเยี่ยนโจวไว้แน่นๆ ต่อให้เขากลายเป็นคนพิการ ตระกูลซ่งก็ยังมีกิจการมากมาย ชั่วชีวิตมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ!”“ยามนี้เป็นอย่างไรเล่า ผลประโยชน์อันใดไม่ได้มาส
“ท่านแม่ แค่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น พวกเรากลับด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินกล่าวหลิ่วหรูเยียนยิ้มบาง ลดเสียงลงเอ่ยว่า “ปกติท่านอ๋องยุ่งเสียขนาดนั้น จะบังเอิญมาเจอบ่อยๆ ได้อย่างไรกัน?”“ตอนแรกที่พ่อเจ้าตามเกี้ยวข้าก็ใช้ข้ออ้างเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ว่าไปที่ไหนก็บอกว่าบังเอิญบ้าง ผ่านทางมาพอดีบ้าง ทางนี้นอกจากคนที่มาไหว้พระแล้วก็ไม่มีใครมาหรอกนะ”“ข้าได้ยินมาว่าฉู่อ๋องไม่เคยไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะแวะผ่านมาทางนี้ได้อย่างไรเล่า?”ซ่งรั่วเจินได้ยินหลิ่วหรูเยียนเปิดโปงข้ออ้างนี้ตรงๆ ก็อดเหลือบมองฉู่จวินถิงไม่ได้ เห็นฝ่ายหลังปราศจากความกระอักกระอ่วนที่ถูกเปิดโปงแม้แต่น้อย เพียงแต่มองนางยิ้มๆดวงตาสีดำเจิดจรัสคู่นั้นสะท้อนภาพดอกท้อดอกแล้วดอกเล่า งดงามชวนมองเป็นอย่างยิ่งชั่วขณะนั้น กลับเป็นนางที่ต้านทานแววตาเช่นนั้นไม่ได้จนเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเสียก่อนจนกระทั่งขึ้นรถม้า ซ่งรั่วเจินค่อยเอ่ยว่า “วันนี้ท่านมาได้อย่างไร?”“เมื่อครู่ก็บอกแล้วนี่ว่าบังเอิญผ่านมา” ฉู่จวินถิงกล่าว“ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นนี้ของท่าน แม้แต่แม่ของหม่อมฉันยังรู้ว่าไม่จริง ยังคิดจะหลอกหม่อมฉันอีก?” ซ่งรั่วเจินกล่
“อาการคุณชายหร่วนเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”“หลังเจ้ารักษาอาการเขา อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สองวันนี้ไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว”ฉู่จวินถิงอดจะชมเชยไม่ได้ วิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินเลิศล้ำจริงๆ ต่อให้ในเมืองหลวงมีหมอมากมายก็ยังไม่มีใครสามารถเทียบเคียงนางได้“เช่นนั้นก็ดีแล้วเพคะ” ซ่งรั่วเจินถอนหายใจโล่งอก“คราวก่อนรีบร้อนเกินไป อาการของอวี้เฉิงไม่สู้ดี เรื่องบางอย่างจึงไม่ทันได้บอกเจ้า สองวันนี้ค่อยนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องบอกเจ้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับบิดาเจ้า” ฉู่จวินถิงกล่าวซ่งรั่วเจินได้ยินแล้วดวงตาก็พลันวาววับ พอลองตรองดู...ถึงเวลาที่ท่านพ่อจะกลับมาแล้วจริงๆนางรู้มาตลอดว่าบิดายังไม่ตาย ทั้งยังเคยทำนายพบว่าเขาสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยจึงไม่ได้เข้าไปสอดมืออย่างไรเสีย กระดูกหักก็สมควรพักรักษาตัวดีๆ รีบร้อนกลับมาหาใช่เรื่องดีไม่ ในฐานะคนในสำนักวิชาเต๋า เปลี่ยนแปลงมากเกินไปก็หาใช่เรื่องดี ในเมื่อไม่มีผลกระทบ มิสู้รอคอยอย่างอดทนในนิยายต้นฉบับเวลานี้ตระกูลซ่งตกต่ำไปแล้ว ไม่สามารถรับมือจนซ่งหลินกลับมาได้ แต่ตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป บิดากลับมาทุกอย่างก็จะกลายเป็นข่าวดี!หลังจากหร่วนอวี้
หร่วนอวี้เฉิงมีสีหน้าจริงจัง ความรู้สึกขอบคุณของเขาไม่อาจใช้ถ้อยคำมาบรรยายได้เลย“คุณชายหร่วนเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าสามารถช่วยเหลือได้ก็ยินดีนัก นอกจากนี้ ข้ายังรู้จักกับแม่นางหร่วน ช่วยเหลือเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินกล่าวเดิมนั้นซ่งรั่วเจินไม่นับว่าคุ้นเคยกับหร่วนอวี้เฉิงรวมถึงฉู่อ๋อง แต่ได้คุยกันสักพักก็รู้สึกว่าใกล้ชิดกว่าเดิมไม่น้อยฉู่อ๋องเดิมก็มีนิสัยน่าสนใจ เมื่อมาปะทะคารมกับหร่วนอวี้เฉิงก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่“อวี้เฉิง เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับรั่วเจินไม่ใช่หรือ?” ฉู่จวินถิงกล่าวเมื่อได้รับคำเตือน หร่วนอวี้เฉิงก็รีบพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้ากลับมาจากชายแดนคราวนี้ ได้ตรวจสอบพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับแม่ทัพซ่ง”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น ซ่งรั่วเจินก็นึกยินดี แม้แต่ฉู่อวิ๋นกุยที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าประหลาดใจ“หลังจากใต้เท้าซ่งหายสาบสูญจากสนามรบครั้งนั้นก็ไร้ข่าวคราวเรื่อยมา รอมานานขนาดนี้ก็ยังตรวจไม่พบข่าวคราวใดๆ เจ้าคงไม่ได้พบเบาะแสเกี่ยวกับแม่ทัพซ่งแล้วหรอกนะ?”ถ้าพบเบาะแสจริง นี่ย่อมเป็นข่าวดียิ่งสำหรับตระกูลซ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!เขาเข้าใจนิสัยหร่วนอวี้เฉิงดี หากเป็นข่
ฉู่อวิ๋นกุยกับหร่วนอวี้เฉิงเห็นอย่างนั้นก็สบตากันอย่างอดไม่อยู่ หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ผู้ใดจะกล้าเชื่อว่าบุรุษตรงหน้าคือฉู่จวินถิงที่พวกเขารู้จักมาหลายปี!ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในห้วงรัก...เหมือนต้องพิษร้ายโดยแท้!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรให้หร่วนอวี้เฉิงอีกครั้งจนแน่ใจว่าอาการดีขึ้นแล้วจริงๆ ขอเพียงพักรักษาตัวอย่างเต็มที่ ผ่านไปสักพักก็จะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์หร่วนอวี้เฉิงดีใจยิ่ง ตัดสินใจว่าจะกลับไปวันพรุ่งนี้ ไม่ได้กลับไปนานเพียงนี้ ต่อให้ปิดข่าวไว้ดีเพียงไร เกรงว่าคนที่บ้านก็คงค้นพบพิรุธไปแล้วณ จวนตระกูลกู้หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลับมาถึงจวน กู้ชิงซิวก็ตามหมอมาทันที“หมอโจว ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าหากท่านแม่หมดสติไป หมายความว่าอาการทรุดลงใช่หรือไม่?”หมอโจวมีสีหน้าหนักอึ้ง “ฮูหยินผู้เฒ่าหมดสติไปหรือขอรับ?”“วันนี้จู่ๆ ท่านแม่ก็หมดสติไประหว่างไปไหว้พระ หลังจากนั้นโชคดีที่มีคนให้ยามาเม็ดหนึ่ง ครั้งนี้ท่านแม่จึงได้สติคืนมา”กู้ชิงซิวจำคำพูดก่อนหน้านี้ของท่านหมอได้ มารดาเป็นโรคเรื้อรังมานานปี ต่อให้ระมัดระวังมาโดยตลอด แต่เมื่ออายุมากขึ้น อาการก็ยิ่งควบคุมได้ยากกว่าเดิมหมอโจวได้ยินแล้วก
เวลานั้น กู้ชิงเหยี่ยนกับกู้ชิงเจ๋อรู้จากปากข้ารับใช้แล้วว่าหลังจากมารดาหมดสติไปบนเขาก็ได้สติคืนมาเพราะได้ยาจากแม่นางตระกูลซ่ง“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองทำแบบนี้เหลวไหลหรือไม่? ทั้งที่รู้ความแค้นระหว่างตระกูลซ่งกับพวกเรา พวกนั้นจะช่วยเหลือท่านแม่อย่างจริงใจได้อย่างไรกัน?”“ถ้าท่านแม่เป็นอะไรไป จะต้องเป็นพวกนั้นที่จงใจคิดร้ายเป็นแน่!”กู้ชิงเจ๋อพลันระเบิดออกมา เขาอยากเปิดกะโหลกกู้ชิงซิวดูจริงๆ ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เกรงว่าคงเสียสติไปแล้วถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้!กู้ชิงเหยี่ยนกลับเยือกเย็นกว่าเขามาก “ข้าเชื่อในความประพฤติของตระกูลซ่ง หลายปีนี้กิตติศัพท์ของตระกูลซ่งในเมืองหลวงเป็นอย่างไรทุกคนล้วนรู้ดี เดิมก็เป็นตระกูลที่มีคุณธรรม ไม่เคยทำร้ายผู้อื่น”“นอกจากนี้ คนที่มีความแค้นกับพวกเขาคือตระกูลฉิน ตระกูลกู้ของพวกเราไม่เคยผูกความแค้นกับพวกเขา”“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงเป็นเหมือนพี่รองไปอีกคนเล่า? อวิ๋นเวยเป็นน้องสาวของพวกเรานะ นางแซ่กู้ เช่นนั้นก็เป็นคนในตระกูลกู้ของพวกเรา!”“ตอนนี้อวิ๋นเวยกับซวงซวงยังถูกคุมขังอยู่ในคุก พวกนั้นอยากให้พวกเราตายใจจะขาด ยังหวังให้พวกนั้นช่วยเหลือท่านแม่ นี่มิเท่ากับ
“คุณชายใหญ่ตระกูลซ่งก่อนหน้านี้สองขาพิการ คุณชายรองตระกูลซ่งยิ่งตาบอดสองข้าง หมอทั้งเมืองหลวงแทบถูกเชิญไปตรวจมาหมดแล้ว ล้วนแต่ไม่มีวิธีรักษา”“แต่ก่อนหน้านี้เริ่มจากคุณชายรองตระกูลกู้รักษาดวงตาสองข้างจนหายดี หลังจากนั้นคุณชายใหญ่ตระกูลซ่งก็กลับมายืนได้อีกครั้ง”“ทุกคนล้วนพูดกันว่าตระกูลซ่งหาหมอเทวดาที่เก่งกาจคนหนึ่งมาได้ แต่มีคนไม่น้อยไปสอบถามก็ไม่ได้ข่าวคราวอันใดแม้แต่น้อย”“ไม่เพียงเท่านี้ ตระกูลซ่งจะเป็นดองกับตระกูลลั่ว สุขภาพของแม่นางตระกูลลั่วไม่ดีมาโดยตลอด หลังจากตกน้ำแล้วอาการก็ยิ่งทรุดหนัก”“แต่ข้าได้ยินว่าตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว คิดว่าจะต้องเป็นฝีมือหมอเทวดาเบื้องหลังตระกูลซ่งผู้นั้นเป็นแน่!”ได้ยินดังนั้น พี่น้องตระกูลกู้ก็คิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้ เรื่องนี้มีคนเล่าลือกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถามแล้วไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อันใด ทุกคนจึงค่อยๆ ถอดใจไปในที่สุด“น้องรอง พวกเราต้องไปตระกูลซ่งสักรอบ”กู้ชิงเหยี่ยนตัดสินใจทันที พวกเขาไม่หวังว่าจะสามารถรักษาโรคของมารดาให้หายขาด ขอเพียงช่วยให้อาการของมารดาคงที่ นั่นก็เป็นเรื่องดียิ่งแล้วกู้ชิงซิวพยักหน้า “ข้าจะให้คนไปเ
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ