ซ่งรัวเจินมองเห็นท่าทีตอบสนองของสองแม่ลูกเคอหยวนจื่ออยู่ในก้นบึ้งของสายตา แววตาปรากฎแววเยาะหยัน ใบหน้ากลับประดับยิ้มบางๆ“เมื่อคืนได้ยินว่าแม่นางเคอและคุณชายชวีหมั้นหมายกัน คิดได้ว่าพี่สี่ของข้าเคยสร้างความรำคาญให้แม่นางเคอมาก่อน นี่จึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ”“รบกวนแม่นางเคอมอบของออกมาตอนนี้เลยเถอะ พวกเราทั้งสองฝ่ายจะได้นับต่อหน้าทุกคน จบปัญหาโดยเร็ว”พูดถ้อยคำนี้อย่างใจกว้างผ่าเผย นี่มิใช่ตระหนักถึงสกุลซ่ง แต่ตระหนักถึงสกุลเคอเดิมที อีกสามบ้านของสกุลเคอได้ยินนายหญิงเคอพูดว่าให้มาเป็นพยานการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเคอหยวนจื่อและซ่งจิ่งเซินพร้อมกัน แต่ยังเกิดความสงสัยอย่างสุดระงับตกลงนายหญิงเคออุปนิสัยเยี่ยงไรพวกเขาไม่ใช่ไม่รู้ มองแล้วคล้ายอ่อนโยนใจกว้าง แต่กลับใจร้ายมากหลายปีมานี้ ซ่งจิ่งเซินส่งของมาให้มากมากอย่างแท้จริง พวกเขาเห็นแล้วก็อิจฉาตาแดง อีกทั้งยังคิดว่าเคอหยวนจื่อมีวาสนา ไม่ต้องเสียสละสิ่งใด กลับสามารถทำให้ซ่งจิ่งเซินเอาอกเอาใจได้คิดไม่ถึงบัดนี้เพื่อแต่งงานกับสกุลชวี บ้านใหญ่ยินดีคืนของออกมา เห็นได้ว่าตัดสินใจแล้วนึกถึงตรงนี้ อีกสามบ้านลอบวางแผนภายในใจ ในเมื่อยินด
“ใช่แล้ว แม่นางคนหนึ่งอ้าปากเรียกบุรุษคนหนึ่งเข้าห้อง หน้าไม่อาย!” ซ่งจืออวี้พูดแขวะเคอหยวนจื่อโมโหแทบตายแล้ว ทำได้เพียงมองทางซ่งจิ่งเซินอย่างโศกเศร้า นางไม่เชื่อหรอกว่าชายคนนี้จะหักใจทำกับนางเช่นนี้ได้!“จิ่งเซิน ข้า...”“ไม่ต้องพูดมากแล้ว” ซ่งจิ่งเซินยกมือตัดบทสนทนาของนาง “เดิมทีพวกเราก็ไม่เกี่ยวข้องกัน พูดไม่ได้ว่ามีเยื่อใย นำของออกมาเถอะ”ซ่งจืออวี้เท้าเอว พูดว่า “พวกเจ้าเป็นอะไรไป? พวกเรากำลังรออยู่นะ หรือจะให้พวกเรายืนเสียเวลาเช่นนี้?”คนบ้านรองสกุลเคอพูดออกมาอย่างสุดระงับ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบนำของออกมาเถอะ!”“ดูท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่ของพวกเขา หากท่านยังไม่นำของออกมา นั่นต้องถูกตราหน้าว่าพวกเราละโมบในสิ่งของของพวกเขาแน่ ก็ไม่ดูบ้างว่าสกุลเคอของพวกเราเป็นตระกูลเยี่ยงไร ไฉนเลยจะละโมบสิ่งเหล่านี้?”นายหญิงเคอร้อนใจ หันมองเคอหยวนจื่ออย่างโมโห “วิธีที่เจ้าพูดเล่า?”เคอหยวนจื่อ “...” วิธีของนางต้องเข้าห้องก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ซ่งรั่วเจินเยาะหยันออกมา “แม่นางเคอ เจ้าคงไม่วางแผนพาพี่สี่ข้าเข้าห้อง จากนั้นใช้วาจาหว่านล้อมเหมือนที่ผ่านมา จะได้ให้เขาเป็นฝ่ายยอมแพ้หรอกกระมัง?”ค
จากนั้นแม่ลูกสกุลเคอก็ย้ายของออกมา เดิมทีหลายบ้านของสกุลเคอยังร้อนตัวอยู่บ้าง บัดนี้มั่นใจเอวแข็งขึ้นมาแล้ว“ดูเถอะ ของก็ยกมาทั้งหมดแล้ว คิดว่าสกุลเคอของพวกเราเป็นอะไรกัน ยังจะโลภสิ่งของของพวกเจ้าเพียงแค่นี้กระนั้นหรือ?” ฮูหยินบ้านรองสกุลเคอพูดขึ้นซ่งรั่วเจินปรายตามองกล่องสองสามใบที่กำลังกระจัดกระจายอยู่เหล่านั้น พูดว่า “เพียงแค่นี้ น่ากลัวว่ายังไม่หมดกระมัง”บ้านรองสกุลเคอสำลัก รีบถลันขึ้นไปเปิดกล่องออก “แม้ว่าพวกเจ้าส่งของมาบ้าง แต่เหล่านี้ก็ไม่น้อยแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ไฉนเลยจะโลภของพวกเจ้า?”นายหญิงเคอกำลังอึดอัดใจ เห็นบ้านรองตาไม่มีแววเพียงนี้ รู้สึกเกลียดที่ไม่สามารถตบปากของนางได้แอ๊ดกล่องถูกเปิดออก ทุกคนมองสิ่งที่อยู่ภายในกล่องอย่างตกตะลึง หันไปมองหนึ่งปราด ดวงตาทุกคนก็ทอประกายระยับเห็นว่าปิ่นไข่มุกภายในล้วนคือทอง แม้แต่เงินก็หาไม่พบ ยังมีไข่มุกหลากหลายแบบ สร้อยข้อมือโมรา ไปจนถึงต่างหูนอกจากเหล่านี้ ถึงขั้นมีเครื่องประดับทำจากทอง หยกชั้นยอด หยกมันแพะ...ซ่งจืออวี้หันมองซ่งจิ่งเซินอย่างอดไม่ได้ “หากมิใช่เพราะที่บ้านยังมีพวกเราสองสามคนอยู่ น่ากลัวว่าเจ้าคงยกสมบัติทั้งหมดข
“ต่างหูหยกไป๋อวี้หลานหนึ่งคู่!”“สร้อยข้อมือไข่มุกหนึ่งเส้น!”ผู้ดูแลบ้านตะโกนเสียงดัง ยกของหนึ่งชิ้นนับหนึ่งรายการต่อหน้าทุกคนทุกคนยิ่งฟังยิ่งตกตะลึง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของเล่น แต่ทุกชิ้นราคาไม่ธรรมดาเพียงกล่องเดียวก็มีราคาชวนตกตะลึงแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงรายงานสิ่งของยาวเหยียดคนมองแล้วก็สายตาพร่ามัว ช่างน่าตกใจเหลือเกิน!“พี่สี่ ท่านพูดซิ แม่นางเคอล้วนไม่ยินดีรับไว้ ท่านยังยัดเยียดสิ่งของมากมายเพียงนี้ สร้างความวุ่นวายให้นางมากเพียงใด!” ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้วซ่งจิ่งเซินถูจมูก “ข้าผิดไปแล้ว”จากนั้น ถ้อยคำนี้ตกอยู่ในหูของทุกคน ใครบ้างไม่รู้อย่างกระจ่างชัด?หากไม่ยินดีรับไว้ สิบชิ้นรับไว้เพียงชิ้นเดียวก็พอ แต่ของมากเพียงนี้...นี่ไม่อยากรับไว้ที่ใดกัน?นี่รับมาจนมั่งคั่งร่ำรวยไปแล้ว!จนกระทั่งตรวจนับทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทุกคนพบว่ามียังมีไม่ถึงครึ่ง สายตาตกลงบนตัวนายหญิงเคอและเคอหยวนจื่อ“ที่เหลืออยู่ที่ใด?” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยถามนายหญิงเคอเก้อกระดาก ฝืนยิ้มออกมา “จิ่งเซินเอ๋ย เหล่านี้มีผ้าไหมผ้าแพรล้วนนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าแล้ว นี่จึงไม่มี”“มากเพียงนี้กลับไม่เหลือแล้ว?” ซ่งจื
เดิมทีสหายที่ดีเหล่านั้นของซ่งจิ่งเซินก็รอคอยวันนี้มานานมากแล้วบัดนี้ได้เห็นซ่งจิ่งเซินฟื้นคืนสติ ใบหน้าใสซื่อแต่ใจคดของสกุลเคอใกล้ถูกฉีกออกแล้ว แต่ละคนได้ยินก็ดีใจมาก“สกุลเคอไม่มีวันเบี้ยวหนี้ เมื่อครู่คนสกุลเคออีกสามบ้านก็พูดแล้วมิใช่หรือ?”“ยังมิใช่อีกหรือ? จวนเคอยิ่งใหญ่ ไม่เห็นสิ่งที่จิ่งเซินส่งมาอยู่ในสายตา ไฉนเลยจะเบี้ยวหนี้ได้? น่ากลัวว่าอยากจะรีบส่งคืนกลับมาในทันที!”อีกสามบ้านของสกุลเคอว้าวุ่นใจอย่างอดไม่ได้ ทีแรกคิดว่าเป็นเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น อย่างไรเสียก็เป็นบ้านใหญ่คืนเงิน ไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขาใครคาดคิดว่าจะต้องคืนแปดแสนตำลึง? สำหรับพวกเขานี่คือราคาสูงเทียมฟ้า!“พี่สะใภ้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจิ่งเซินมอบให้พวกท่าน บัญชีนี้สมควรเป็นพวกท่านคืนด้วยตนเอง จะลากพวกเราลงน้ำไปด้วยไม่ได้”คนของบ้านรองร้อนใจอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ต้องการล้างความสัมพันธ์“ใช่ๆ เงินทองเหล่านี้ล้วนเข้ากระเป๋าบ้านใหญ่ของพวกท่าน พวกเราไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลยแม้แต่น้อย” บ้านสามเอ่ยตอบบ้านสี่เห็นสภาพการณ์แล้วก็ร้อนใจ “พวกท่านมีความสัมพันธ์อันดีต่อบ้านรองและบ้านสาม พวกเราต่างหากไม่ได้รับป
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เขาก่อ กลับไม่เคยคิดหาทางช่วยนางคลี่คลายสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย“จิ่งเซิน ข้ารู้ท่านแค้นข้าเพราะข้าหมั้นหมายกับคุณชายชวี นี่ถึงทำให้ข้าอับอาย แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ต้องทำตามคำสั่งบิดามารดาแม่สื่อ ท่านจะต้องบังคับข้าจนหมดหนทางให้ได้เลยหรือ?”“พวกเรารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว จะต้องก่อเรื่องจนถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”เคอหยวนจื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา โศกเศร้าเสียใจมาก“นี่เจ้าพูดอันใดกัน ข้าก็แค่ทำให้เจ้าสมปรารถนา รับสิ่งของที่เจ้าไม่เห็นอยู่ในสายตากลับมาก็เท่านั้น เหตุใดกลายเป็นข้าบังคับเจ้าจนหมดหนทางกันเล่า?”“ชื่อนี้ ข้ามิกล้ารับไว้เป็นอันขาด”ซ่งจิ่งเซินมองทั้งหมดตรงหน้านิ่งๆ เยาะหยันภายในใจเมื่อวานเคอหยวนจื่อแสดงท่าทางโอหังมากเพียงใด วันนี้ก็น่าขันมากเพียงนั้นจู่ๆ เขาก็คิดว่าครั้งนี้สมองตนกระทบกระเทือนกลับไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หาไม่แล้วหากยังมีสมองเฉกเช่นที่ผ่านมา น่ากลัวว่าทั้งหมดต้องถูกเคอหยวนจื่อสูบจนเหือดแห้ง!เพียงสตรีตรงหน้าก็คิดเชิญเขาเข้าห้องสนทนาไปจนถึงเสแสร้งแสดงท่าทีน่าสงสาร เขาสามารถตัดสินชี้ขาดได้ว่าแม้ว่าแม่นางคนนี้หมั้นหมายแล้ว แ
“ข้ามิได้มีความคิดบังคับเจ้าแต่งงานกับข้า ต่อให้เจ้าอยากแต่ง ข้าก็ไม่ยินดีสู่ขอ ท่านแม่ข้ากำลังทาบทามสู่ขอให้ข้าแล้ว”“ยิ่งไปกว่านั้น สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงของคนอื่น ข้าไม่สนใจฮูหยินของคนอื่นหรอกนะ”สายตาเคอหยวนจื่อเปี่ยมความรู้สึกเหลือจะเชื่อ ซ่งจิ่งเซินถึงขั้นปฏิเสธนาง!เขาจะปฏิเสธนางได้เยี่ยงไร?ทั้งๆ ที่ขอเพียงได้ยินว่านางยินดีแต่งกับเขาก็จะดีใจจนยอมทำทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้ถึงขั้นปฏิเสธตน นี่เป็นไปไม่ได้!ซ่งรั่วเจินและซ่งจืออวี้สองสามคนสบตากัน ยกมุมปากขึ้นอย่างสุดระงับสาแก่ใจ!จิ่งเซินสูญเสียความทรงจำเป็นเรื่องดียิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง! น่าปลาบปลื้มยินดี!“ในเมื่อพวกเจ้ายังไม่สามารถคืนได้ทันที เช่นนั้นคืนมาส่วนหนึ่งก่อน ที่เหลือเขียนหนังสือรับรองหนี้หนึ่งฉบับ คืนภายในหนึ่งเดือนก็พอแล้วกระมัง?”“อย่าได้พูดว่าข้าบังคับข่มขู่สตรีเป็นอันขาด พวกเราสกุลซ่งองอาจผ่าเผย ไม่เคยทำเรื่องพรรค์นี้”มองเห็นใบหน้าตกตะลึงหวาดกลัวของซ่งจิ่งเซิน กลัวเคอหยวนจื่อจะอยากแต่งงานกับเขาจึงเป็นฝ่ายขยายระยะเวลาด้วยตนเอง ทุกคนคล้ายรับรู้ถึงปัญหาหนึ่งได้ในที่สุดเขาคล้ายไม่ชอบเคอหยวนจื่อจริงๆ!คนรักที่เ
“ขอบคุณคุณชายชวีมากเจ้าค่ะ”ชวีคั่วยิ้มลำพองใจ “เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าข้าใกล้จะแต่งงานกันแล้ว เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า!”ถึงตอนนั้น ทุกคนต่างรู้ว่าซ่งจิ่งเซินใจแคบมากเพียงใด ส่วนเขาใจกว้างมากเพียงใด!บัดนี้ซ่งจิ่งเซินสั่งให้คนเขียนหนังสือรับรองหนี้ไว้อย่างดีแล้ว พูดว่า “ทั้งหมดแปดแสนตำลึง พวกเจ้าสามารถลงนามได้แล้ว”ชวีคั่วได้ยินจำนวนนี้ก็ชะงัก ครู่ต่อมาสงสัยว่าตนฟังผิดไป “เจ้าพูดว่าเท่าไรนะ?”“แปดแสนตำลึง” ซ่งจิ่งเซินพูดซ้ำอีกรอบชวีคั่วเบิกตากว้าง เมื่อครู่ซ่งจิ่งเซินมิใช่พูดว่าเงินเพียงเล็กน้อยหรือ?นี่ใช่เงินเล็กน้อยที่ใดกัน นี่คือต้องการขุดเอาทรัพย์สินทั้งสกุลชวีไปจนหมดสิ้น!“เจ้าติดหนี้ซ่งจิ่งเซินแปดแสนตำลึง?”ชวีคั่วสบมองเคอหยวนจื่อด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินมาว่าซ่งจิ่งเซินใจกว้างต่อนางมาก แต่แปดแสนตำลึง จำนวนนี้ช่างน่าตกใจเกินไปจริงๆทีแรกเขาคิดว่าซ่งจิ่งเซินจะต้องเสียสติไปแล้วอย่างแน่นอน ถึงขั้นจ่ายเงินให้กับแม่นางที่ยังไม่แต่งงานเข้าบ้านมากถึงเพียงนี้ จากนั้นก็คิดว่าเคอหยวนจื่อต่างหากที่เสียสติ นางถึงขั้นต้องการเง
พี่ใหญ่ถูกลอบโจมตีจนเกือบไม่รอดชีวิตกลับมา หลังกลับมาแล้วขาทั้งสองข้างยังพิการ ท่านพ่อก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยถ้ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้...“ส่วนจิ่งเซิน เขาได้ทำการค้าบ่อยๆ เชี่ยวชาญการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คน พวกเจ้าเดินไปทางไปด้วยกันสามารถปลอมเป็นกลุ่มพ่อค้าที่ไปค้าขาย ผู้คนจะได้ไม่สงสัยโดยง่าย” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวซ่งจิ่งเซินพยักหน้ารัวๆ “ใช่แล้ว มีข้าอยู่ด้วย สามารถตัดความยุ่งยากไปได้มากที่สุดแล้ว!”ทุกคนล้วนเข้าใจเรื่องนี้ดี ยามออกไปข้างนอก การมีไหวพริบในการจัดการเรื่องราวเฉพาะหน้าสามารถลดปัญหาได้ นอกจากนี้ ซ่งจิ่งเซินก็ยังมีประสบการณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครด้วยซ้ำ แค่นำกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางก็สามารถตบตาผู้คนได้อย่างง่ายดายกู้หรูเยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมากจึงกล่าวว่า “เจินเอ๋อร์ ทำตามที่พี่ใหญ่เจ้าพูดเถอะนะ? เช่นนี้พวกข้าจะได้คลายใจ”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองพวกซ่งจืออวี้สองฝาแฝดก็เห็นพวกเขาพยักหน้าเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนลูกไก่จิกข้าวสารกระนั้น นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ งั้นประเดี๋ยวค่อยมาดูกันว่าต้องเตรียมสิ่งใดไปบ้าง”“น้องหญิงห้า เรื่องนี้เจ้ายกให้เป็นหน้าที
ซ่งรั่วเจินตัดสินใจไปรับบิดากลับมา ก่อนออกเดินทางย่อมต้องเตรียมสิ่งของมากมาย แต่ก่อนหน้านั้นยังต้องบอกคนในครอบครัวเสียก่อนหลังนางบอกเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดน คนในจวนล้วนอึ้งตกใจกันหมด“เจินเอ๋อร์ เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าจะไปชายแดนด้วยตัวเอง?” กู้หรูเยียนมีสีหน้าตกตะลึง “ก่อนนี้ไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อนเลย”“น้องหญิงห้า ถ้าเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านพ่อก็ให้พี่ชายอย่างพวกข้าไปดีกว่า ผู้หญิงแบบเจ้าไปสถานที่ห่างไกลปานนั้นจะอันตรายเกินไปแล้ว” ซ่งจืออวี้เอ่ยอย่างร้อนใจซ่งจิ่งเซินพยักหน้า “ใช่แล้ว พวกเขารับราชการอาจไม่สะดวก ข้ามีประสบการณ์เดินทางโชกโชน ให้ข้าไปดีกว่า!”“ความจริงสาเหตุที่ข้าจะเดินทางไปเป็นเพราะข้าทำนายดวงชะตาให้ท่านพ่อ”เมื่อซ่งรั่วเจินเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา สีหน้าทุกคนในห้องล้วนเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าจะเกิดปัญหาอันใด?“ก่อนนี้ข้าก็เคยทำนายเหมือนกัน ดวงชะตาของท่านพ่อปลอดภัยไร้อันตราย สามารถกลับมาได้อย่างราบรื่น แต่ช่วงนี้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้น น่าจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก”“ถ้าไม่ไป ข้ากังวลว่าอาจมีอันตราย ดังนั้นจึงคิดว่าจะไปด้วยตั
“ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้ค้นตัวไต้ซือเทียนจีใช่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นรีบร้อนเกินไป พวกข้าไม่เปิดโอกาสให้เขา แต่ว่ากันตามปกติแล้ว ของที่มีค่ามากมักจะไม่พกติดตัวไว้”“สิ่งสำคัญที่สุดมักไม่พกติดตัวก็จริง แต่คนในวงการพวกข้า โดยเฉพาะคนชั่วร้ายอย่างเขา จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ข่มขู่อย่างแน่นอน”คิ้วบางของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นน้อยๆ ต่อให้เคยเจอไต้ซือเทียนจีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ทราบว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าผู้หนึ่งกระทำเรื่องชั่วช้ามาหลายปีขนาดนี้แต่ก็ยังอยู่รอดปลอดภัย แล้วจะไม่มีวิธีปกป้องตัวเองเลยได้อย่างไร?กู้ชิงฉือได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปข้างกายไต้ซือเทียนจีแล้วเริ่มค้นหาอย่างละเอียด การค้นตัวครั้งนี้พบว่านอกจากยันต์ที่อ่านไม่ออกพวกนั้นแล้วยังมียาลูกกลอนอีกสองเม็ด“ไม่มีของอย่างอื่น แต่มีหินก้อนหนึ่ง นี่คือหยิบติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”กู้ชิงฉือมองก้อนหินในมือ หินก้อนนี้แม้พอจะนับได้ว่ามนเกลี้ยง แต่ก็ดูแตกต่างจากก้อนหินที่พบเห็นได้ทั่วไปบริเวณริมแม่น้ำมากเกินไป“ข้าขอดูหน่อย”ซ่งรั่วเจินก้าวเร็วๆ เข้ามาหา มองก้อนหินในมือแ
เมื่อซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยปากสอบถาม สายตาทุกคนก็ต่างจับจ้องมายังซ่งรั่วเจิน พวกเขาในตอนนี้ไม่กล้าบุ่มบ่ามรบกวนแล้วฉู่จวินถิงก็เป็นห่วงดุจเดียวกัน เขารู้ว่าวิชาแพทย์ของรั่วเจินนั้นไม่ธรรมดา เก่งกาจกว่าหมอหลวงในวังหลวงมากนัก ถ้านางบอกว่าช่วยไม่ได้ก็แสดงว่าหมดหนทางแล้วจริงๆ“ยังช่วยได้”ซ่งรั่วเจินพูดโดยที่มือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด นางลังเลไปชั่วครู่ก็หยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมายัดเข้าไปในปากของชายผู้นั้นซ่งเยี่ยนโจว “...” อีกแล้ว?ซ่งรั่วเจินรู้ว่าตนเองนำสิ่งของมากมายติดตัวมาเช่นนี้จะทำให้คนสงสัย แต่ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า อย่างไรเสียแค่พูดจาส่งเดชไม่กี่ประโยคก็สามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้แล้วตั้งแต่นางทะลุมิติมาก็มีมิติขนาดเล็กเป็นของตัวเอง ยาเอย ยันต์เอย ยามปกติล้วนเก็บไว้ในนั้น นับว่าสะดวกมากทีเดียวหลังจากชายหนุ่มที่มีท่าทางอ่อนแอสุดขีดกลืนยาเม็ดนั้นลงไปก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดแต่เดิมบรรเทาลงบ้าง การหายใจก็ไม่ได้ยากลำบากถึงเพียงนั้นอีกแล้ว“ส่งคนไปหารถม้าหรือยัง?” ฉู่จวินถิงถามจ้าวเจียงพยักหน้า “เรียนท่านอ๋อง ส่งคนไปจัดการแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ข้าฟัง
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ