ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เขาก่อ กลับไม่เคยคิดหาทางช่วยนางคลี่คลายสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย“จิ่งเซิน ข้ารู้ท่านแค้นข้าเพราะข้าหมั้นหมายกับคุณชายชวี นี่ถึงทำให้ข้าอับอาย แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ต้องทำตามคำสั่งบิดามารดาแม่สื่อ ท่านจะต้องบังคับข้าจนหมดหนทางให้ได้เลยหรือ?”“พวกเรารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว จะต้องก่อเรื่องจนถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”เคอหยวนจื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา โศกเศร้าเสียใจมาก“นี่เจ้าพูดอันใดกัน ข้าก็แค่ทำให้เจ้าสมปรารถนา รับสิ่งของที่เจ้าไม่เห็นอยู่ในสายตากลับมาก็เท่านั้น เหตุใดกลายเป็นข้าบังคับเจ้าจนหมดหนทางกันเล่า?”“ชื่อนี้ ข้ามิกล้ารับไว้เป็นอันขาด”ซ่งจิ่งเซินมองทั้งหมดตรงหน้านิ่งๆ เยาะหยันภายในใจเมื่อวานเคอหยวนจื่อแสดงท่าทางโอหังมากเพียงใด วันนี้ก็น่าขันมากเพียงนั้นจู่ๆ เขาก็คิดว่าครั้งนี้สมองตนกระทบกระเทือนกลับไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หาไม่แล้วหากยังมีสมองเฉกเช่นที่ผ่านมา น่ากลัวว่าทั้งหมดต้องถูกเคอหยวนจื่อสูบจนเหือดแห้ง!เพียงสตรีตรงหน้าก็คิดเชิญเขาเข้าห้องสนทนาไปจนถึงเสแสร้งแสดงท่าทีน่าสงสาร เขาสามารถตัดสินชี้ขาดได้ว่าแม้ว่าแม่นางคนนี้หมั้นหมายแล้ว แ
“ข้ามิได้มีความคิดบังคับเจ้าแต่งงานกับข้า ต่อให้เจ้าอยากแต่ง ข้าก็ไม่ยินดีสู่ขอ ท่านแม่ข้ากำลังทาบทามสู่ขอให้ข้าแล้ว”“ยิ่งไปกว่านั้น สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงของคนอื่น ข้าไม่สนใจฮูหยินของคนอื่นหรอกนะ”สายตาเคอหยวนจื่อเปี่ยมความรู้สึกเหลือจะเชื่อ ซ่งจิ่งเซินถึงขั้นปฏิเสธนาง!เขาจะปฏิเสธนางได้เยี่ยงไร?ทั้งๆ ที่ขอเพียงได้ยินว่านางยินดีแต่งกับเขาก็จะดีใจจนยอมทำทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้ถึงขั้นปฏิเสธตน นี่เป็นไปไม่ได้!ซ่งรั่วเจินและซ่งจืออวี้สองสามคนสบตากัน ยกมุมปากขึ้นอย่างสุดระงับสาแก่ใจ!จิ่งเซินสูญเสียความทรงจำเป็นเรื่องดียิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง! น่าปลาบปลื้มยินดี!“ในเมื่อพวกเจ้ายังไม่สามารถคืนได้ทันที เช่นนั้นคืนมาส่วนหนึ่งก่อน ที่เหลือเขียนหนังสือรับรองหนี้หนึ่งฉบับ คืนภายในหนึ่งเดือนก็พอแล้วกระมัง?”“อย่าได้พูดว่าข้าบังคับข่มขู่สตรีเป็นอันขาด พวกเราสกุลซ่งองอาจผ่าเผย ไม่เคยทำเรื่องพรรค์นี้”มองเห็นใบหน้าตกตะลึงหวาดกลัวของซ่งจิ่งเซิน กลัวเคอหยวนจื่อจะอยากแต่งงานกับเขาจึงเป็นฝ่ายขยายระยะเวลาด้วยตนเอง ทุกคนคล้ายรับรู้ถึงปัญหาหนึ่งได้ในที่สุดเขาคล้ายไม่ชอบเคอหยวนจื่อจริงๆ!คนรักที่เ
“ขอบคุณคุณชายชวีมากเจ้าค่ะ”ชวีคั่วยิ้มลำพองใจ “เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าข้าใกล้จะแต่งงานกันแล้ว เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า!”ถึงตอนนั้น ทุกคนต่างรู้ว่าซ่งจิ่งเซินใจแคบมากเพียงใด ส่วนเขาใจกว้างมากเพียงใด!บัดนี้ซ่งจิ่งเซินสั่งให้คนเขียนหนังสือรับรองหนี้ไว้อย่างดีแล้ว พูดว่า “ทั้งหมดแปดแสนตำลึง พวกเจ้าสามารถลงนามได้แล้ว”ชวีคั่วได้ยินจำนวนนี้ก็ชะงัก ครู่ต่อมาสงสัยว่าตนฟังผิดไป “เจ้าพูดว่าเท่าไรนะ?”“แปดแสนตำลึง” ซ่งจิ่งเซินพูดซ้ำอีกรอบชวีคั่วเบิกตากว้าง เมื่อครู่ซ่งจิ่งเซินมิใช่พูดว่าเงินเพียงเล็กน้อยหรือ?นี่ใช่เงินเล็กน้อยที่ใดกัน นี่คือต้องการขุดเอาทรัพย์สินทั้งสกุลชวีไปจนหมดสิ้น!“เจ้าติดหนี้ซ่งจิ่งเซินแปดแสนตำลึง?”ชวีคั่วสบมองเคอหยวนจื่อด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินมาว่าซ่งจิ่งเซินใจกว้างต่อนางมาก แต่แปดแสนตำลึง จำนวนนี้ช่างน่าตกใจเกินไปจริงๆทีแรกเขาคิดว่าซ่งจิ่งเซินจะต้องเสียสติไปแล้วอย่างแน่นอน ถึงขั้นจ่ายเงินให้กับแม่นางที่ยังไม่แต่งงานเข้าบ้านมากถึงเพียงนี้ จากนั้นก็คิดว่าเคอหยวนจื่อต่างหากที่เสียสติ นางถึงขั้นต้องการเง
ทุกคนที่ตามมารับชมความครึกครื้นพึงพอใจมาก ความสนุกสนานเช่นนี้พบเห็นได้ไม่บ่อยนักปกติสองแม่ลูกสกุลเคอโอหังจนคุ้นชิน วันนี้ตบหน้าพวกเขาแรงๆ หนึ่งฉาด รู้สึกเพียงมีความสุขยิ่งนัก!แปดแสนตำลึงนี้ มองจากท่าทีของคนสกุลเคอดูแล้วน่ากลัวว่าไม่ง่ายดายเพียงนั้น น่ากลัวว่าต่อจากนี้มีละครฉากสนุกให้รับชมแล้ว...ขบวนคนสกุลซ่งนำสิ่งของและหนังสือรับรองหนี้กลับไป ออกจากสกุลเคออย่างพึงพอใจส่วนใต้เท้าเคอเลิกประชุมกลับมาแล้วได้รู้ว่าฮูหยินและลูกสาวถึงขั้นติดหนี้สกุลซ่งแปดแสนตำลึง ทันใดนั้นรู้สึกราวกับฟ้าถล่มอยู่ตรงหน้า!เงินมากเพียงนี้ สกุลเคอจะคืนได้เยี่ยงไร?เพียะ!ใต้เท้าเคอยกมือตบหน้านายหญิงเคอหนึ่งฉาด “ดูเรื่องดีที่เจ้าทำสิ! แปดแสนตำลึงถูกพวกเจ้าใช้ไปจนหมดแล้วหรือ?”“ท่านตบข้า?”นายหญิงเคอปิดหน้าตนเอง เห็นอีกสามบ้านกำลังมองเรื่องตลกก็ตะโกนด่าทั้งน้ำตาออกไปอย่างสุดระงับ“ตอนแรกจ่ายเงินมากน้อยเพียงใด หรือว่าภายในใจของท่านไม่รู้จำนวนเลยหรือ? ตอนนี้ถึงขั้นตำหนิข้า ท่านมิได้ใช้เงินเหล่านั้นหรือ?”ใต้เท้าเคอย่อมใช้เงินจริง ที่บ้านมีคนโง่อย่างซ่งจิ่งเซินมอบเงินให้ไม่หยุดคนหนึ่ง ทีแรกพวกเขายังปฏิเ
ซ่งจืออวี้คลี่ยิ้มลำพองใจ “ใครให้เจ้านั่นโง่เขลาเองเล่า? ปล่อยน้องหญิงห้าสตรีงามดุจหงส์คนนี้ไป กลับต้องการแต่งงานกับไก่ป่าชอบนอกใจเขาคนนั้น บัดนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้วมิใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจิน “...” ท่านสรุปเก่งเสียจริงซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้ว เขาเพิ่งกลับมา ระยะก่อนได้รับข่าวมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่รู้รายละเอียดมากมายอันใดนัก“นั่นก็สมน้ำหน้าเขาแล้ว ตอนนี้ติดหนี้พวกเรามากเพียงนี้ คืนแล้วหรือไม่?”“ข้าคิดว่าอีกเดี๋ยวจะไปรับจวนของพวกเขาแล้ว ระยะนี้ยุ่งมากจนเกินไป ไม่มีเวลาใส่ใจ”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก นางได้รู้ว่าฉินซวงซวงกลับจวนหลินแล้ว แม้ไม่รู้ว่าตกลงหลินจือเยว่คิดเช่นไรจึงยอมให้อภัยนาง แต่ในเมื่อต้องการจวน ก็ต้องให้คนอยู่พร้อมหน้ากันถึงจะดีซ่งจิ่งเซินและซ่งจืออวี้สบตากันแวบหนึ่ง ทันใดนั้นนึกสนุกขึ้นมาแล้ว“พวกเราจะไปเป็นเพื่อนเจ้า!”ซ่งอี้อันพยักหน้า แม้พูดว่าสุภาพชนไม่ฆ่าคน แต่คนรังแกน้องสาวของเขาจะต้องชดใช้!หลินจือเยว่พบจุดจบเช่นนี้ เป็นเขารนหาที่เองณ สกุลหลินฉินซวงซวงถูกหลินจือเยว่รับกลับมาแล้ว รู้สึกดีใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง“จือเยว่ ข้าก็รู้ภายในใจท่านยังมีข้า ท่านฟังข้าอธิบายเรื
ทันใดนั้นสีหน้าหลินจือเยว่บึ้งตึง “นี่เจ้าหมายความว่ากระไร? ถามไล่เรียงข้า?”สีหน้าฉินซวงซวงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดอธิบาย “ข้ามิได้หมายความเช่นนี้ ข้าเพียงบังเอิญได้ยินข่าวนี้ก็เท่านั้น...”“เจ้าเองก็รู้หลังเกิดเรื่องนี้ท่านแม่โมโหมากเพียงใด คิดเพียงให้ข้าหย่ากับเจ้า จากนั้นให้ข้าแต่งงานใหม่อีกครั้ง”“เรื่องนี้ทำให้นางเสียใจมากจนเกินไป ข้าเองก็ไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจนางไปตลอดได้ นี่ถึงฝืน...”เพียงฉินซวงซวงได้ยินว่ามีเรื่องนี้จริง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้ว นังเฒ่าเจ้าสำนักซ่องคนนั้นไม่ใช่คนดีดังคาด!นางเพียงออกจากสกุลหลินระยะหนึ่งเท่านั้น นางถึงขั้นยุแยงให้หลินจือเยว่แต่งงานใหม่อีกครั้ง ช่างอำมหิตนัก!“ทีแรกข้าเองก็ไม่เห็นด้วย เจ้าเองก็รู้ภายในใจข้า ไม่ว่าแม่นางคนใดก็เทียบเจ้าไม่ได้ แต่ซุนเยียนเอ๋อร์คนนี้เป็นญาติผู้น้องของซ่งรั่วเจิน เจ้ารู้ดี” หลินจือเยว่พูดขึ้นฉินซวงซวงขมวดคิ้ว “ท่านพี่ ท่านหมายความว่า?”“ซ่งฮูหยินและซุนฮูหยินเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้สกุลซุนสามารถอยู่อย่างไร้กังวลได้ก็หนีไม่พ้นสกุลซ่งคอยดูแล”“ได้ยินมาว่าสกุลซุนมักไปขูดรีดที่สกุล
“ก่อนหน้านี้ดีชั่วอย่างไรก็เป็นจวนโหวแห่งหนึ่ง บัดนี้เสื่อมโทรมกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว มองออกว่าให้กำเนิดเพียงตัวไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “พูดมีเหตุผล”“น้องหญิงห้า หลังรับจวนหลังนี้แล้วเจ้าวางแผนเยี่ยงไร?”“ข้าคิดว่าซื้อมาทำร้านอาหารแห่งหนึ่งเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินครุ่นคิด พูดว่า “แม้ว่าโทรมไปบ้าง แต่กลับกว้างขวาง ซ่อมแซมดีๆ สักหน่อย แบ่งออกเป็นลานเล็กๆ”ก่อนหน้านี้นางเคยเห็นร้านอาหารแห่งอื่นภายในเมืองหลวง กิจการนับว่าไม่เลว แต่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ความเป็นส่วนตัวยังแย่เกินไปหากในเวลานี้เปิดร้านอาหารเช่นนี้แห่งหนึ่ง เชื่อว่าจะต้องมีคนมากมายเลือกใช้ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีนางก็ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ก่อนหน้านี้ชอบอาหารเลิศรสหลากหลายอย่าง วิธีการทำเทียบกับอาหารเหล่านั้นภายในเมืองหลวงตอนนี้แล้ว นางมีตำรับอาหารเลิศรสมากมายยิ่งกว่าถึงตอนนั้นนำออกมาเป็นจานเด็ดประจำร้าน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีลูกค้า แม้แต่ราคาก็สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยได้ยินถ้อยคำของซ่งรั่วเจิน ดวงตาซ่งจิ่งเซินทอประกายระยับ “นี่กลับเป็นความคิดที่ดีอย่างหนึ่ง ดูท่าแล้วระยะที่ข้าไม่อยู่นี้
ฉินซวงซวงชะงัก “เจ้าหมายความว่ากระไร?”“ก็หมายความตามที่พูด”ซ่งรั่วเจินหันมองทางหลินจือเยว่ “ครั้งก่อนข้าเคยพูดไว้ จะต้องรีบคืนเงินให้หมด ครั้งก่อนยกร้านให้ข้าแล้ว แต่ระยะนี้กลับไม่เห็นพวกเจ้าคืนเงิน เช่นนั้นก็ใช้เรือนหลังนี้ค้ำประกันเถอะ”สีหน้าหลินจือเยว่เปลี่ยนไป “เจ้าต้องการเรือน?”“มิเช่นนั้นเล่า?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “หรือว่าจะปล่อยให้พวกเจ้าเบี้ยวหนี้เช่นนี้ ไม่ต้องคืนเงินแล้ว?”หลินจือเยว่สะอึก สีหน้าไม่สบอารมณ์ ซ่งรั่วเจินไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อยจริงๆเดิมทีเขาอยู่ในเมืองหลวงก็มีหน้ามีตา มากน้อยอย่างไรก็มีคนชื่นชม บัดนี้ภายในคำพูดของซ่งรั่วเจิน เขากลายเป็นคนเบี้ยวหนี้ไม่ยอมใช้คนหนึ่ง ไม่น่าฟังมากเพียงใด?“ข้า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ เพียงแต่หากเจ้าเอาเรือนหลังนี้ไป พวกเราก็ไม่มีแม้แต่ที่พักอาศัยแล้ว”“เจ้าวางใจ เงินที่ติดค้างเจ้าเอาไว้พวกเราจะต้องคืน...”“ไม่ต้องมาวาดฝันให้ข้าแล้ว ท่านจะเอาอะไรมาคืน?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา ตัดบทคำพูดของหลินจือเยว่ เรื่องวาดฝันนั้นมอบให้ฉินซวงซวงเถอะ นางรับไม่ไหวฉินซวงซวงเห็นซ่งรั่วเจินพูดกับหลินจือเยว่ถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะทนอยู่ได้?
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด