“ก่อนหน้านี้ดีชั่วอย่างไรก็เป็นจวนโหวแห่งหนึ่ง บัดนี้เสื่อมโทรมกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว มองออกว่าให้กำเนิดเพียงตัวไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “พูดมีเหตุผล”“น้องหญิงห้า หลังรับจวนหลังนี้แล้วเจ้าวางแผนเยี่ยงไร?”“ข้าคิดว่าซื้อมาทำร้านอาหารแห่งหนึ่งเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินครุ่นคิด พูดว่า “แม้ว่าโทรมไปบ้าง แต่กลับกว้างขวาง ซ่อมแซมดีๆ สักหน่อย แบ่งออกเป็นลานเล็กๆ”ก่อนหน้านี้นางเคยเห็นร้านอาหารแห่งอื่นภายในเมืองหลวง กิจการนับว่าไม่เลว แต่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ความเป็นส่วนตัวยังแย่เกินไปหากในเวลานี้เปิดร้านอาหารเช่นนี้แห่งหนึ่ง เชื่อว่าจะต้องมีคนมากมายเลือกใช้ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีนางก็ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ก่อนหน้านี้ชอบอาหารเลิศรสหลากหลายอย่าง วิธีการทำเทียบกับอาหารเหล่านั้นภายในเมืองหลวงตอนนี้แล้ว นางมีตำรับอาหารเลิศรสมากมายยิ่งกว่าถึงตอนนั้นนำออกมาเป็นจานเด็ดประจำร้าน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีลูกค้า แม้แต่ราคาก็สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยได้ยินถ้อยคำของซ่งรั่วเจิน ดวงตาซ่งจิ่งเซินทอประกายระยับ “นี่กลับเป็นความคิดที่ดีอย่างหนึ่ง ดูท่าแล้วระยะที่ข้าไม่อยู่นี้
ฉินซวงซวงชะงัก “เจ้าหมายความว่ากระไร?”“ก็หมายความตามที่พูด”ซ่งรั่วเจินหันมองทางหลินจือเยว่ “ครั้งก่อนข้าเคยพูดไว้ จะต้องรีบคืนเงินให้หมด ครั้งก่อนยกร้านให้ข้าแล้ว แต่ระยะนี้กลับไม่เห็นพวกเจ้าคืนเงิน เช่นนั้นก็ใช้เรือนหลังนี้ค้ำประกันเถอะ”สีหน้าหลินจือเยว่เปลี่ยนไป “เจ้าต้องการเรือน?”“มิเช่นนั้นเล่า?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “หรือว่าจะปล่อยให้พวกเจ้าเบี้ยวหนี้เช่นนี้ ไม่ต้องคืนเงินแล้ว?”หลินจือเยว่สะอึก สีหน้าไม่สบอารมณ์ ซ่งรั่วเจินไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อยจริงๆเดิมทีเขาอยู่ในเมืองหลวงก็มีหน้ามีตา มากน้อยอย่างไรก็มีคนชื่นชม บัดนี้ภายในคำพูดของซ่งรั่วเจิน เขากลายเป็นคนเบี้ยวหนี้ไม่ยอมใช้คนหนึ่ง ไม่น่าฟังมากเพียงใด?“ข้า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ เพียงแต่หากเจ้าเอาเรือนหลังนี้ไป พวกเราก็ไม่มีแม้แต่ที่พักอาศัยแล้ว”“เจ้าวางใจ เงินที่ติดค้างเจ้าเอาไว้พวกเราจะต้องคืน...”“ไม่ต้องมาวาดฝันให้ข้าแล้ว ท่านจะเอาอะไรมาคืน?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา ตัดบทคำพูดของหลินจือเยว่ เรื่องวาดฝันนั้นมอบให้ฉินซวงซวงเถอะ นางรับไม่ไหวฉินซวงซวงเห็นซ่งรั่วเจินพูดกับหลินจือเยว่ถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะทนอยู่ได้?
“เจ้าค่ะ คุณชาย”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่ได้เพิ่งจะเคยเจอสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนแรกที่ถอนหมั้นก็เป็นเช่นนี้ คนเป็นโขยงบุกเข้ามากวาดเอาสิ่งของในจวนที่สามารถนำไปได้ไปจนหมดตอนนี้ก็มาไม้นี้อีกแล้ว นี่คิดจะทำให้พวกนางไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนเลยงั้นรึ!ทันใดนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็ทรุดนั่งลงบนพื้นร่ำไห้โวยวายขึ้นมา“สวรรค์ ทุกคนมาดูเร็วเข้า ตระกูลซ่งคิดจะกดดันให้ครอบครัวพวกข้าไปถึงทางตันชัดๆ!”“ท่านโหว ข้าผิดต่อท่านจริงๆ แม้แต่จวนโหวก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ เอาชีวิตข้าไปตอนนี้ยังดีเสียกว่า!”เสียงครึกโครมนี้ดึงดูดผู้คนบริเวณรอบๆ เข้ามา ก่อนหน้านี้ตระกูลหลินเกิดเรื่องติดต่อกัน ยามนี้เห็นฮูหยินผู้เฒ่าหลินโวยวายอีกแล้วก็ห้อมล้อมเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ทว่าคราวนี้ความสนใจของทุกคนกลับไม่ใช่เสียงร่ำไห้ร้องทุกข์ของฮูหยินผู้เฒ่าหลิน สิ่งที่พวกเขาสนใจยิ่งกว่าคือฉินซวงซวงกลับมาแล้วหรือนี่?“ฉินซวงซวงถูกคนจับชู้ได้คาเตียงแล้วแท้ๆ ต่อให้จวนสกุลฉินจะป่าวประกาศว่านางบริสุทธิ์ แต่ภรรยาดีๆ ที่ไหนจะขึ้นรถม้าชายอื่นตอนกลางค่ำกลางคืนกัน?”“นั่นน่ะสิ ได้ยินว่านางนึกว่าเป็นรถม้าของฉู่อ๋องจึงขึ้นไป ไม่รู้จัก
หลินจือเยว่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ซ่งรั่วเจิน เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”“ไม่พอใจก็ไปแจ้งความจับข้าที่ศาลาว่าการสิ!” ซ่งรั่วเจินไม่กลัวแม้แต่น้อย “ข้าว่าท่านรีบคืนเงินที่เหลือโดยเร็วจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าจะไปแจ้งความ”“เงินที่ท่านค้างอยู่เพียงพอให้ตัดสินโทษเนรเทศตั้งนานแล้ว ถ้ายังปฏิเสธไม่ยอมคืนเงิน ท่านก็รอให้ทางการมาจับกุมก็แล้วกัน!”เดิมนางก็คิดไว้เช่นนี้ แต่เห็นรัศมีตัวเอกของหลินจือเยว่กับฉินซวงซวงยังไม่หายไป แทนที่จะขับไล่ไปให้พวกเขามีโอกาสหวนคืนมาอีกครั้ง มิสู้ปล่อยให้อยู่ในเมืองหลวงต่อไปหากพบว่ามีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมา นางก็จะทำลายมันทันที!หลินจือเยว่สะท้านใจวาบ ถ้าถูกตัดสินโทษเนรเทศก็หมายความว่าจะไม่มีโอกาสคืนสู่ราชสำนักโดยสิ้นเชิงไม่ได้เด็ดขาด!ฉินซวงซวงตั้งท่าจะอาละวาด แต่กลับถูกหลินจือเยว่ดึงเอาไว้ “อดทนไว้จนกว่าคลื่นลมสงบ ตอนนี้ปล่อยให้พวกนั้นได้ใจไปก่อน รอพวกเราฟื้นตัวกลับมาได้เมื่อไร ตระกูลซ่งได้เห็นดีกันแน่!”ฉินซวงซวงได้ยินอย่างนั้นก็ได้สติคืนมา นางถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินพลางกล่าว “เจ้ารอข้าก่อนเถอะ! ข้าจะต้องคืนความอัปยศที่ได้รับในวันนี้กลับไปให้เจ้าไม่ช้าก็เร
“ย่อมต้องไปหาตระกูลฉินอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินยิ้มกล่าวพวกเขาสบตากัน ใบหน้าเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัยออกมาตระกูลฉิน...ถึงคราวหาความสงบไม่ได้อีกครั้งแล้ว“น้องหญิงห้า ก่อนหน้านี้เจ้าให้ข้าคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของฉินซวงซวงกับเหอเซียงหนิงไม่ใช่หรือ? ข้าพบเรื่องแปลกมากเรื่องหนึ่ง” ซ่งจืออวี้กล่าวซ่งจิ่งเซินแววตาวาววับ “ลองพูดมาซิ”“หลังจากฉินซวงซวงไปที่ตระกูลฉินก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบ ได้ยินว่าคุณชายใหญ่กับคุณชายรองตระกูลฉินล้วนโวยวายเพราะเรื่องนี้ แม้แต่ฉินเซี่ยงเหิงยังลงมือกับจ้าวซูหว่าน”“หลังฉินซวงซวงกลับมา สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองของตระกูลฉินถึงถูกรับตัวกลับมา จะว่าไปก็แปลกนัก ฉินซวงซวงไปแล้ว เหอเซียงหนิงกลับยังอยู่ที่นั่นไม่ไปไหน”ซ่งรั่วเจินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ“ตอนนี้เหอเซียงหนิงยังอยู่ที่ตระกูลฉิน?”ซ่งจืออวี้พยักหน้า “เจ้าว่าแปลกไหม? หลังจากเหอเซียงหนิงก่อเรื่องที่ตรอกหย่งอันก็มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ แม้แต่คนตระกูลเหอก็ยังตัดขาดกับนาง”“ฉินซวงซวงจะสนิทกับนางแค่ไหนก็ไม่มีทางปล่อยให้นางอยู่ในตระกูลฉินต่อไป นอกจากนี้ ถึงฉินซวงซวงจะยินดี ตระกูลฉินก็ไม่มีทางยอมรับ!”“ฉิน
ห้องครัวจัดเตรียมอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว คนทั้งสองจึงเดินทางไปยังศาลาว่าการยามนี้ที่ศาลาว่าการชุลมุนวุ่นวายยิ่ง โจรภูเขาที่จับมาได้กำลังรับการสอบสวน ยังมีชาวบ้านที่ก่อนหน้านี้ถูกแย่งชิงทรัพย์สินไปมาร้องทุกข์“ยุ่งขนาดนี้ พวกเราคงไม่ได้มารบกวนหรอกนะ?”ลั่วชิงอินไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เห็นคนข้างในไปๆ มาๆ บ้างลากคนไปสอบสวนโดยตรง ผู้หญิงสองคนอย่างพวกนางดูอยู่ผิดที่ผิดทางชอบกล“คงไม่เป็นไรหรอก”ซ่งรั่วเจินจูงมือลั่วชิงอินไปข้างๆ พยายามหลีกเลี่ยงไม่รบกวนคนอื่นให้มากที่สุด“แค่มาดูว่าพี่ใหญ่ยังปลอดภัยดีหรือไม่เท่านั้น ส่งของเสร็จก็กลับแล้ว ไม่รบกวนพวกเขาหรอก”“แม่นางซ่ง?”ทันใดนั้น น้ำเสียงยินดีเสียงหนึ่งก็พลันดังขึ้นซ่งรั่วเจินเสสายตามองไปก็พบว่าผู้พูดคือผู้ติดตามของฉู่จวินถิง...อวิ๋นหยาง“ท่านมาหาท่านอ๋องของพวกข้าหรือ? ท่านอ๋องอยู่ข้างใน ข้าพาท่านไปก็แล้วกัน”ดวงตาทั้งสองของอวิ๋นหยางเป็นประกาย สะท้อนความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดซ่งรั่วเจิน “...” เผชิญหน้ากับสายตาแบบนี้ยากนักที่จะเอ่ยคำปฏิเสธออกมาได้ มิฉะนั้นก็จะดูเหมือนนางไร้น้ำใจเกินไป“ข้านำอาหารมาให้ท่านอ๋องกับพี่ให
“ดีสิ ข้าหิวอยู่พอดีเลย ได้รับอานิสงส์จากใต้เท้าซ่งแล้วสิ”ฉู่จวินถิงยิ้มออกมา ลักษณะดุจพญายมบนภูเขาน้ำแข็งในตอนแรกอันตรธานหายไปหมดสิ้น สาวเท้าเดินตรงไปถึงข้างกายซ่งรั่วเจิน“แม่นางซ่งช่างเอาใจใส่จริงๆ ตั้งใจเตรียมมาเยอะขนาดนี้เชียว”ฉู่จวินถิงชำเลืองมองสิ่งของในกล่องอาหาร เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ปริมาณสำหรับคนเดียว รอยยิ้มในดวงตาเจิดจ้ากว่าเดิมหลายส่วนซ่งรั่วเจินย่อมเข้าใจความหมายของฉู่จวินถิง ไม่อาจปฏิเสธว่าตอนที่นางให้คนเตรียมอาหารไว้ก็นับรวมส่วนของเขาเข้าไปด้วยเช่นกัน แต่ถูกมองออกแบบนี้ก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่บ้างผู้คนที่รอชมดูเรื่องสนุกกลับเห็นฉู่อ๋องที่พริบตาก่อนยังมีท่าทางน่าเกรงขามไม่อาจล่วงเกิน พริบถัดมากลับยิ้มออกมาเสียแล้ว ภูเขาน้ำแข็งละลายเร็วเกินไปจนพวกเขาตามไม่ทันนี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน?ฉู่อ๋องคุยด้วยง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด?ซ่งรั่วเจินสัมผัสได้ถึงสีหน้าแปลกๆ ของคนรอบข้างก็อดนึกสงสัยไม่ได้ทว่าฉู่จวินถิงกวาดสายตาคมกริบมองไป คนอื่นๆ พลันก้มหน้าลง ต่างคนต่างสนใจธุระของตัวเอง แสร้งทำเป็นไม่เห็น“ข้าได้ยินว่าพี่สี่ของเจ้ากลับมาแล้ว วันนี้ยังไปคิดบัญชีที่จวนส
ซ่งรั่วเจินคิดไม่ถึงเลยว่าอารมณ์ที่ตนเองเผลอแสดงออกมาอย่างไม่ทันระวังในตอนนั้นจะถูกฉู่จวินถิงจับสังเกตได้จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่อาจเลี่ยงแต่ตอนนั้นพอนางได้รู้ว่าซ่งจิ่งเซินเป็นพวกคลั่งรักก็รู้สึกยุ่งยากใจจริงๆ ทั้งไม่อยากจะไปสนใจด้วยแม้ว่าเดิมทีตระกูลซ่งก็เต็มไปด้วยปัญหาอยู่แล้ว แต่สองขาของพี่ใหญ่พิการเพราะได้รับบาดเจ็บระหว่างการรบ ส่วนพี่รองก็ถูกหลอกลวง แต่สติยังแจ่มใสดีมีเพียงซ่งจิ่งเซินที่กระโจนลงไปด้วยความยินยอมพร้อมใจ โชคดีที่จุดพลิกผันนี้ทำให้คนรู้สึกโล่งใจมากพอดีลั่วชิงอินเห็นซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ดวงตาฉายแววประหลาดใจ ลดเสียงลงถามว่า“เยี่ยนโจว คิดไม่ถึงว่าน้องรั่วเจินจะสนิทสนมกับฉู่อ๋องขนาดนี้ หรือว่า...”เมื่อครู่พอนางเห็นท่าทางเคร่งขรึมเย็นชาของฉู่อ๋องก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน ไม่กล้าเข้าใกล้เลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดคุยอย่างสงบเยือกเย็นเหมือนซ่งรั่วเจินที่ดูจะไม่ได้รับผลกระทบโดยสิ้นเชิงแบบนั้นซ่งเยี่ยนโจวมองไปทางน้องสาวของตนเองโดยสัญชาตญาณ “ตอนนี้เจินเอ๋อร์ใจกล้ายิ่งนัก อย่าว่าแต่เป็นฉู่อ๋อง แม้แต่เข้าวังไปเข้าเฝ้าไทเฮากับฝ่าบาท นา
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข