Share

บทที่ 365

Aвтор: จี้เวยเวย
จากนั้น เพียงนั่งลงก็สังเกตเห็นสายตาหลายคู่ หนึ่งในนั้นก็คือสายตาของถังเสวี่ยหนิง

ไม่เพียงแค่ถังเสวี่ยหนิง แม่นางคนอื่นสองสามท่านเองก็ทอดสายตามองนางอย่างดูเบา โอหังอย่างเห็นได้ชัด

ซ่งรั่วเจิน “...” นี่คือกำลังวางมาดโอหังหรือ?

“แม่นางซ่ง เมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าและซื่อจื่อสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ หรือว่าก่อนหน้านี้เจ้ารู้จักกับซื่อจื่อ?”

ถังเสวี่ยหนิงเลิกคิ้ว ลอบเยาะหยันภายในใจ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าซ่งรั่วเจินมีศักดิ์ศรี เห็นหลินจือเยว่สู่ขอภรรยาหลวงลำดับทัดเทียมกันจึงถอนหมั้น

บัดนี้ได้เห็นนางเกี้ยวพาฉู่อ๋องก่อน ตอนนี้ก็เริ่มเกี้ยวพาซื่อจื่อ นี่คือต้องการแต่งกับคนระดับสูง ก็ไม่ดูตนเองบ้างว่ามีฐานะเยี่ยงไร คู่ควรหรือไม่!

ซ่งรั่วเจินได้ยินก็ปรายตามองเคอหยวนจื่อนิ่งๆ แวบหนึ่ง เมื่อครู่ยามนางสนทนากับซื่อจื่อ มีเพียงเคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นรู้เรื่อง ซ่งปี้อวิ๋นถูกไล่ออกไปแล้ว เหลือเพียงนางเท่านั้น

ดูท่าแล้วในช่วงเวลานี้ เคอหยวนจื่อเล่าเรื่องออกไปแล้ว ความเร็วนับว่าว่องไวมากทีเดียว!

เคอหยวนจื่อสังเกตเห็นสายตาของซ่งรั่วเจิน หลบสายตาอย่างประหม่า ลอบร้อนตัวภายในใจ

ทั้งๆ ที่ไม่พบกันเ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Заблокированная глава

Related chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 366

    ถ้อยคำนี้พูดออกไปแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเจี่ยงเหวินจิ้ง แม้แต่ถังเสวี่ยหนิงเองก็นั่งไม่ติดแล้ว วาจาของพวกเขาไม่น่าฟังจริงนั่นล่ะ แต่ซ่งรั่วเจินนี่คือกำลังด่าคน!“นี่เจ้าไปฟังมาจากที่ใด? เห็นได้ชัดว่าจงใจสร้างข่าวลือ!” พานเหราชี้หน้าด่าว่าซ่งรั่วเจินอย่างโมโห“ข้าตั้งใจสร้างข่าวลือ? พวกเจ้าต่างหากกระมัง?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว สายตาเย็นชาลงทีละน้อย“มองไม่ออกว่าเดิมทีข้าไม่อยากใส่ใจพวกเจ้ากระนั้น? แต่ละคนก็ไม่ดูตนเองบ้างว่านับเป็นตัวอะไร คิดว่าสองสามคนสมรู้ร่วมคิดกันมาเยาะหยันสองประโยคก็แสดงความยุติธรรมได้แล้วรึ?”“อยากสนทนากับซื่อจื่อเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไปด้วยตนเองเถอะ ไม่เห็นจะต้องคนอื่นพูดหนึ่งประโยคก็ริษยาตาแดงเช่นนี้ หน้าตาใจแคบเชิดหน้าชูตาไม่ได้โดยแท้!”“ข้าเห็นพวกเจ้าเช่นนี้ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่คล้ายคุณหนูสายตรง กลับคล้ายท่าทางของอนุคนหนึ่ง น่าสนใจจริงๆ”พริบตาต่อมาคนอื่นบนโต๊ะล้วนเบิกตากว้าง คิดเพียงว่าถ้อยวาจาของซ่งรั่วเจินคมกริบเกินไปแล้ว คำพูดเช่นนี้พูดลับหลังก็นับว่าใจกล้ามากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดว่าถึงขั้นพูดต่อหน้า!ฉีกหน้ากันจนหมดแล้วจริงๆ ไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย!เพีย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 367

    “ข้ากลับสงสัยมากว่าท่านอ๋องพระชายาออกคำสั่งห้ามมิให้ใครพูดคุยกับซื่อจื่อหรือ? หรือว่าพวกเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของท่านอ๋องกับพระชายาได้?”“มิสู้ไล่ข้าออกไปโดยตรงเสียเลย หาไม่แล้วหากข้ายังอยู่ต่อไป มิใช่ว่าจะกลายเป็นข้าล่วงเกินจวนเซียงอ๋องหรอกหรือ?”เพราะการกระทำบนโต๊ะไม่เบา สองสามโต๊ะรอบข้างเองก็ได้ยินแล้ว เดิมทีงานเลี้ยงไม่มีอะไรน่าสนใจ กลับครึกครื้นขึ้นมาแล้ว“ข้าเห็นว่าซ่งรั่วเจินเองก็พูดได้ไม่เลว ต่อให้พูดคุยกับซื่อจื่อสองสามประโยคจริงยังมีอันใดพิเศษกันเล่า? ก็เพราะหัวใจสายตาสกปรกมองสิ่งใดก็สกปรก!”“ปกติพวกเจี่ยงเหวินจิ้งก็เชี่ยวชาญเรื่องรังแกคนมิใช่หรือ? แต่ละคนล้วนปากร้าย ดังนั้นทุกคนจึงเลือกเดินอ้อมไม่ขอข้องเกี่ยว ไม่ยอมสนใจพวกเขาเท่านั้นแล้ว”“เมื่อครู่ข้าได้ยินตอนพระชายาเซียงอ๋องและซ่งฮูหยินพูดคุยกัน ได้ยินว่าแม่นางซ่งใจดีมีเมตตา เมื่อแรกซื่อจื่อเร่ร่อนอยู่ภายนอกเกือบหิวตาย เป็นแม่นางซ่งไม่รังเกียจ มอบเงินก้อนหนึ่งให้เขา”“ซื่อจื่อจำเรื่องนี้ไว้อยู่ตลอด ดังนั้นถึงตั้งใจเชิญทั้งจวนสกุลซ่งมา ครั้นอยู่ในปากพวกเขาก็กลายเป็นซ่งรั่วเจินหาทางยั่วยวนซื่อจื่อ ทำเลยเถิดเกินไปจริงๆ!”

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 368

    ถังเสวี่ยหนิงเผยสีหน้าเอือมระอา “ข่งฮูหยิน ทั้งหมดล้วนเป็นความเข้าใจผิด พวกเราเองก็มิได้พูดอะไร แต่แม่นางซ่งกลับไม่ยอมเลิกรา โวยวายจนมาถึงขั้นนี้ ขออภัยจริงๆ...”เจี่ยงเหวินจิ้งรีบช่วยพูด “ซ่งรั่วเจินบีบคั้นคน โวยวายจนคนกินข้าวไม่ลง ไม่รู้ว่าตกลงคิดจะทำอันใด!”ซ่งรั่วเจินมองเห็นพวกถังเสวี่ยหนิงหาเรื่องกลับ สายตาตกลงบนตัวคนเพิ่งมาใหม่ ใบหน้าเรียบเฉย“พูดเช่นนี้แล้ว ล้วนเป็นซ่งรั่วเจินก่อเรื่อง?” ข่งฮูหยินเอ่ยถามเสียงเครียดพานเหราพยักหน้า “เป็นนางที่ก่อเรื่อง เดิมทีทุกคนกำลังสนุกครึกครื้น เพียงนางมาถึงก็ก่อความไม่สงบแล้ว เดิมทีคนเช่นนี้ก็ไม่เหมาะเข้าร่วมงานเลี้ยง!”“เช่นนั้นจากที่พวกเจ้าดู เรื่องนี้สมควรจัดการเยี่ยงไร?” ข่งฮูหยินเอ่ยถามอีกครั้งเจี่ยงเหวินจิ้งและพานเหราหันมองทางถังเสวี่ยหนิง พวกเขาไม่รู้จักข่งฮูหยิน ทั้งยังไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถังเสวี่ยหนิงรีบเลื่อนสายตา ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาของทั้งคู่ ตัวโง่งมสองคนนี้มองทางนางทำอันใด? มิใช่กำลังบอกทุกคนว่าวันนี้นางต่างหากเป็นคนวางอุบายอีกหรือ?เห็นสภาพการณ์แล้ว เจี่ยงเหวินจิ้งเอ่ยถาม “คนเช่นนี้ย่อมต้องไล่ออกไป!”ข่งฮูหยินพยั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 369

    เมื่อถ้อยคำนี้พูดออกไป สีหน้าถังเสวี่ยหนิงเปลี่ยนไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมามารดาเข้มงวดมาก หากรู้ว่านางทำเรื่องพรรค์นี้ จะต้องตำหนินางแรงๆ แน่“ข่งฮูหยิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ พวกเราแค่กังวลจะมีคนวางอุบายเข้าใกล้ซื่อจื่อเท่านั้น ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจึงเกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้”“หากแม่นางซ่งพูดให้กระจ่างตั้งแต่แรก พวกเราเองก็ไม่ต้องคาดเดา...”ข่งฮูหยินยกมือ “ไม่ต้องพูดแล้ว เชิญเถอะ”ภายใต้ความเอือมระอา ถังเสวี่ยหนิงทั้งสามคนทำได้เพียงลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ เผชิญหน้ากับสายตารอบข้างก็ยิ่งรู้สึกอับอาย เหตุใดพวกเขาต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้ด้วย!“ซ่งรั่วเจิน ฝากไว้ก่อนเถอะ!”ถังเสวี่ยหนิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินแรงๆ หนึ่งปราด รู้สึกเสียใจภายหลังภายในใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อครู่ไม่สมควรลุกออกมาช่วยพูด หาไม่แล้วต่อให้เจี่ยงเหวินจิ้งทั้งสองถูกไล่ออกไป ก็คงไม่เดือดร้อนมาถึงนาง“ข้ารออยู่นะ”สีหน้าซ่งรั่วเจินเหมือนเดิม ในเมื่อไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ เช่นนั้นก็ฉีกหน้ากันไปเสียเลย อย่างไร้เสียก็ไม่จำเป็นต้องทนหลังจากพวกถังเสวี่ยหนิงจากไป ใบหน้าข่งฮูหยินเผยรอยยิ้มชมชอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 370

    “ก่อนหน้านี้เจ้าข้าเคยพบกันมาก่อน เจ้ายังจำได้หรือไม่?”เมิ่งชิ่นสบมองซ่งรั่วเจินอย่างกระตือรือร้น “เมื่อแรกตอนข้าเห็นเจ้ายังคิดว่าเจ้าอุปนิสัยอ่อนโยนมาก ไม่คล้ายคนเกิดในจวนแม่ทัพอย่างพวกเรา”“วันนี้เพียงได้เห็นกลับคิดว่าเป็นก่อนหน้านี้ข้ามองผิดไปแล้ว เจ้าไม่อ่อนโยนอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ต่อสู้กับคนขึ้นมาร้ายกาจยิ่งกว่าข้าเสียอีก!”ซ่งรั่วเจิน “...” ช่างเป็นวิธีชมคนที่มีเอกลักษณ์โดยแท้ชั่วขณะนี้ นางย้อนนึกถึงสถานการณ์ยามได้รู้จักเมิ่งชิ่นภายในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเมิ่งชิ่นมีอุปนิสัยร่าเริงไม่ยึดติด มีชื่อเสียงภายในเมืองหลวง แต่เพราะอุปนิสัยของเจ้าของร่างเดิมค่อนข้างอ่อนโยน กอปรกับปกติมีพวกพี่ชายปกป้องอยู่ตลอด ไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้ด้วยตนเองทุกเรื่อง จึงชอบทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลับทำให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อแรกเจ้าของร่างเดิมถูกรังแก เมิ่งชิ่นตั้งใจออกมาช่วยนางพูด ทำเสียจนอีกฝ่ายพูดไม่ออก เตรียมให้คนชดใช้ จนใจเจ้าของร่างเดิมไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตรงข้ามกันเกลี้ยกล่อมให้เมิ่งชิ่นยอมจบเรื่องนึกถึงจุดนี้ ซ่งรั่วเจินเพียงรู้สึกมากน้อยอย่างไรก็ไม่รู้ด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 371

    “ข้าคร้านจะพูดกับเจ้าแล้ว!”เคอหยวนจื่อรู้จักนิสัยของเมิ่งชิ่นดี ทั้งที่เป็นสตรีแท้ๆ แต่กลับมีนิสัยราวบุรุษ หัวแข็งซะไม่มี!“รั่วเจิน เจ้ากับข้ารู้จักกันมาหลายปีขนาดนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้างั้นหรือ?”คิ้วซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นเล็กน้อย เคอหยวนจื่อเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าตนเองจะช่วยพูดให้? แค่เพราะว่านางทำให้พี่สี่ลุ่มหลงหัวปักหัวปำอย่างนั้นหรือ?“พี่สี่ของเจ้าคงใกล้จะกลับมาแล้วสินะ? เขามีนิสัยชัดเจนที่สุดแล้ว ข้ากับเจ้ารู้จักกันมาหลายปี แล้วจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร?”“ข้ากลับเห็นว่าเจ้ากำลังทำร้ายข้ามากกว่า ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่ซ่งปี้อวิ๋นล่วงเกินซื่อจื่อจนถูกขับไล่ไป เจ้าอยู่ด้วยก็รู้เห็นทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือ?”“แล้วทำไมตอนที่พวกเขาถาม เจ้าไม่บอกว่าเจ้ากับซ่งปี้อวิ๋นก็อยู่ด้วย แต่พูดถึงแค่ข้าคนเดียว? เจ้าก็ลองอธิบายมาสิ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”เคอหยวนจื่อเบิกตาโพลง ซ่งรั่วเจินบ้าไปแล้วหรือ? นี่คิดจะแตกหักกับนางหรือไร?นางไม่กลัวว่าซ่งจิ่งเซินจะตำหนินางเพราะเรื่องนี้งั้นหรือ?สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนจึงทราบว่าขณะที่ซ่งรั่วเจินสนทนากับซื่อจื่อ เคอหยวนจื่อก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 372

    “คนที่ถูกทำร้ายคือข้า คนที่ถูกเข้าใจผิดก็คือข้า พอถูกเจ้าพูดแบบนี้กลับเหมือนข้าไปรังแกเจ้าอย่างนั้นแหละ”ซ่งรั่วเจินเปิดโปงโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย น้ำเสียงแฝงความเจ็บช้ำใจและความงุนงงสงสัย ไม่ได้คาดคั้น ไม่ได้ก้าวร้าวคุกคามคนอื่น แต่เหมือนไม่เข้าใจสหายที่รู้จักกันมานานปีมากกว่าชั่วขณะนี้คนรอบข้างจึงเพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งประหนึ่งได้รับน้ำทิพย์เบิกปัญญา สายตาที่มองไปทางเคอหยวนจื่อก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา พวกเขาเกือบจะถูกชักจูงให้เข้าใจผิดเสียแล้ว!“จริงด้วย แม่นางซ่งไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย เดิมก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่เคอหยวนจื่อไม่พูดให้ชัดเจน ทำไมตอนนี้ถึงทำเหมือนถูกนางกดดันให้คุกเข่าอีกเล่า?”“ถ้าคุกเข่าลงไปจริง คงกลายเป็นว่าซ่งรั่วเจินกับเมิ่งชิ่นรังแกนางจริงๆ แล้ว จุ๊ๆ”ความดูแคลนวาบผ่านดวงตาซ่งรั่วเจิน เล่ห์เหลี่ยมที่ตัวเองหาคำมาอธิบายไม่ได้ก็คิดจะถอยเพื่อรุกหาเรื่องกลับแบบนี้ นางดูออกมาแต่แรกแล้ว!เคอหยวนจื่อก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าลูกไม้ที่ใช้ร้อยครั้งเห็นผลร้อยครานี้จะใช้ไม่ได้ผล ซ่งรั่วเจินมาตัดไฟต้นลมแบบนี้ ทำให้นางตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิม“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 373

    “ข้าไม่รู้เลยว่าสหายธรรมดาจะมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้กัน ที่บ้านเจ้าไม่เคยสอนเจ้าหรือว่าไม่อาจรับสิ่งของที่บุรุษทั่วไปมอบให้ หรือจะบอกว่าหากอยากเป็นสหายกับแม่นางเคอ จะต้องกำนัลเงินก้อนโตให้อีกด้วย?”“อย่างอื่นข้าไม่พูดถึงก็แล้วกัน แต่กำไลบนมือเจ้าวงนั้นเป็นสิ่งของที่แม่ข้าเก็บไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ พี่สี่ของข้าทะนุถนอมอย่างยิ่ง ยามนี้สวมอยู่บนข้อมือเจ้า เจ้ากลับบอกว่าพี่สี่ของข้าเป็นแค่สหาย?”เมิ่งชิ่นจุ๊ปากทอดถอนใจ “เครื่องประดับที่เจ้าประโคมใส่บนร่างล้วนได้มาจากคุณชายสี่สกุลซ่ง ถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อกระมัง?”“ข้า ข้าไม่รู้ ก่อนหน้านี้เป็นเขาอยากให้ข้ามาเอง ข้าไม่รับ เขาก็วางของไว้แล้ววิ่งหนีไป ข้ากลัวว่าจะทำร้ายจิตใจเขาถึงได้ฝืนใจรับไว้”เคอหยวนจื่อสุดจะระงับโทสะในใจ ไม่เพียงแต่ขุ่นเคืองซ่งรั่วเจิน แม้แต่ซ่งจิ่งเซินก็ยังพลอยโกรธเคืองไปด้วยแม้แต่น้องสาวตัวเองก็ยังจัดการไม่ได้ ปล่อยให้นางบังอาจมาคาดคั้นตนเอง รอจนซ่งจิ่งเซินกลับมาแล้ว นางจะต้องไปคิดบัญชีนี้กับเขาแน่นอน!“ฝืนใจขนาดนั้นเชียว? พี่สี่ของข้าจะทำให้คนอื่นลำบากใจเกินไปแล้ว? ถึงได้บังคับให้เจ้ารับขอ

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 970

    ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 969

    ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 968

    บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 967

    ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 966

    ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 965

    ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 964

    “ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 963

    ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 962

    ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status