ซ่งรั่วเจินรับฟังข่าวนี้อย่างเงียบๆ นางไม่ค่อยคุ้นเคยกับตรอกหย่งอันมากนัก รู้เพียงว่าที่นั่นมีคนเยอะมากพอเกิดเรื่อง เรื่องก็จะแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วพอได้ยินเช่นนั้น ช่วงสองวันนี้เหอฮูหยินก็ไปตั้งโรงทานแจกโจ๊กอยู่ที่นั่นพอดี ในใจก็พลันเข้าใจแล้วเหอเซียงหนิงและฉินซวงซวงเพื่อที่จะวางแผนร้ายต่อนางแล้วก็ช่างเค้นสมองครุ่นคิดอย่างหนักจริงๆ จงใจเลือกสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุดหากทำสำเร็จ วันนี้เหอเซียงหนิงและฉินซวงซวงก็จะใช้ข้ออ้างไปแจกโจ๊กกับเหอฮูหยินเพื่อเปิดโปงพฤติกรรมอื้อฉาวของนางต่อหน้าสาธารณชน ทำให้ชื่อเสียงของนางย่อยยับป่นปี้!เห็นที ไม่ว่าเด็กสาวคนไหนต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คนมากมาย เรื่องทั้งหมดนี้ก็เพียงพอทำให้นางโกรธแค้นอับอายจนตายได้เลยทีเดียว!พวกนางไม่เพียงแต่อยากทำลายนาง แต่อยากเอาชีวิตของนางอีกด้วย!แต่ตอนนี้ นางสนองคืนเรื่องทั้งหมดให้เหอเซียงหนิง กรรมที่ตนเองก่อ ยามนี้ได้รับผลกรรมนั้นก็เป็นเพราะนางทำตัวเองทั้งสิ้น!ตอนที่ซ่งจืออวี้ฟังเรื่องที่ตรอกหย่งอันก็นึกถึงเรื่องที่ตนเองทำไปเมื่อคืนวาน เขาหันไปมองน้องสาวของตัวเองอย่างอดไม่ได้
ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แผนการเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในใจ...……เหอเซียงหนิงตื่นขึ้นเพราะถูกน้ำเย็นอ่างหนึ่งสาดใส่นางมองภาพเบื้องหน้าอย่างงุนงง จนกระทั่งจดจำหน้าตาของมารดาตนเองได้“ท่านแม่? ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ?”เหอเซียงหนิงตะลึงงัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมารดาจึงมองตนเองอย่างโกรธเกรี้ยวเช่นนั้น ท่าทางเหมือนอยากจะบีบคอนางให้ตายเสียกระนั้นในเวลาเดียวกัน นางก็รู้สึกเจ็บระบมไปทั่วสรรพางค์กาย โดยเฉพาะร่างกายท่อนล่างยังมีความเจ็บแสบซ่านออกมา ก้มหน้าดูโดยสัญชาตญาณก็พบว่าบนเนื้อตัวของตนเต็มไปด้วยร่องรอยคลุมเครือสมองที่ขาวโพลนในที่สุดก็นึกเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้นางกำลังรอดูเรื่องงามหน้าของซ่งรั่วเจินชัดๆ ต่อมาพลันรู้สึกว่าท้ายทอยเจ็บวูบ หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิดจนกระทั่งเห็นสารรูปขอทานรอบตัว รวมถึงผ้ากันอายที่ห่มร่างตนเองอยู่ นางก็ราวกับร่วงลงสู่หุบเหวลึก เหลือเพียงความพรั่นกลัวอย่างลึกล้ำเท่านั้น“ไม่หรอก ไม่หรอกน่า! เรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับข้าได้อย่างไร!”เหอฮูหยินเงื้อมือตบฉาด ในดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจ “ข้าคลอดคนน่าอับอายอย่างเจ้
ซ่งรั่วเจินฟังเฉินเซียงเล่าเรื่องวุ่นวายที่ตรอกหย่งอันอย่างสมจริงสมจังอยู่ในเรือน มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางตระกูลซ่งในนิยายมีชีวิตตกต่ำเพียงไหน ยามนี้ผลกรรมก็ควรไปตกที่คนพวกนั้น!“คราวนี้เหอเซียงหนิงจบสิ้นแล้ว สกุลเหอไม่ยอมรับนางแล้ว ได้ยินว่าหลังนางออกมาจากตรอกหย่งอันก็กลับไปที่จวนสกุลเหอ แต่ถูกขวางไว้หน้าประตูไม่ยอมให้นางเข้าไป”“คนในจวนสกุลเหอล้วนรังเกียจว่านางน่าอับอายขายหน้า นางจะคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอนอย่างไรล้วนไร้ประโยชน์”“สุดท้ายก็เป็นเหอฮูหยินที่โยนสิ่งของของนางออกมา ให้เงินจำนวนหนึ่ง บอกให้นางไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ต่อไปอย่าได้กลับมาอีก”รอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าของเฉินเซียง “คนชั่วได้ชั่วโดยแท้ แค่บ่าวคิดว่าพวกเขาคิดจะทำร้ายคุณหนูด้วยวิธีการชั่วร้ายเช่นนี้ก็รู้สึกหนาววาบไปทั้งตัวแล้ว โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาได้รับผลกรรมของตัวเอง!”หากไม่ใช่เพราะคุณหนูมีฝีมือ คนที่ถูกทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะในตอนนี้คงเป็นนางกับคุณหนูแล้ว“พวกนั้นสมควรแล้ว!”ซ่งรั่วเจินแววตาเย็นชา คิดว่าหลังเกิดเรื่องนี้ ฉินซวงซวงและเหอเซียงหนิงคงจะยอมรามือไปสักพัก“ได้ยินข่าวคราวฝั่งตระกูลหลินหรือไม่?”เฉิ
“คารวะฉู่อ๋อง” สวีเฮ่ออันกล่าวทำความเคารพฉู่จวินถิงมองสวีเฮ่ออันด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย “ช่วงนี้ดูท่าคุณชายสวีจะว่างไม่เบา ข้าได้พบเจอเจ้าบ่อยจริงๆ”“กระหม่อมนั้นต่อให้ยุ่งเพียงใดก็คงไม่เท่าท่านอ๋อง วันนี้ได้ยินข่าวลือมาบ้าง จึงตั้งใจจะมาเยี่ยมเยียนแม่นางซ่งพ่ะย่ะค่ะ”สวีเฮ่ออันเผยยิ้มอย่างสุภาพ คำพูดแฝงไปด้วยนอบน้อม “ซึ่งก็เป็นคำขอของมารดากระหม่อมด้วย”ฉู่จวินถิงทำสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปยังจวนตระกูลซ่งโดยไม่ได้ใส่ใจสวีเฮ่ออันซ่งรั่วเจินซึ่งกำลังจะพักผ่อน ได้ยินเสียงสาวใช้รีบร้อนเข้ามารายงาน“คุณหนูเจ้าคะ ฉู่อ๋องกับคุณชายสวีมาหาคุณหนูเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ “มาหาข้าหรือ?”“ตอนนี้ทั้งสองท่านอยู่ที่โถงหลักแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินกำลังต้อนรับพวกเขาอยู่ และให้บ่าวมาแจ้งคุณหนูให้รีบไปเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”ภายในโถงหลักหลิ่วหรูเยียนมองสองชายหนุ่มตรงหน้า ในใจสงสัยใครรู้ คุณชายสวีจะมานั้นไม่ได้แปลกหรอก แต่ฉู่อ๋องนี่สิเหตุใดจึงมาด้วยอีกคน?ไม่ใช่ว่ากันว่าปกติฉู่อ๋องมักจะยุ่งมากไม่ใช่หรือ?เหตุใดระยะนี้ถึงได้พบเห็นท่านบ่อยขึ้นเร
“ในกล่องผ้าไหมนี้เป็นเออเจียว[1]และเขากวาง ครั้งก่อนเจ้าบาดเจ็บเสียจนกระอักเลือด ข้ารู้สึกผิดในใจเป็นยิ่ง หวังว่าเจ้าจะใช้มันรักษาบำรุงกายให้ดี”ฉู่จวินถิงกล่าวพลางมองซ่งรั่วเจิน หญิงสาวตรงหน้าเอวบางราวน้อยราวกิ่งหลิวลู่ลม เขารู้สึกนางควรได้รับการบำรุงให้ดีกว่านี้หน่อยคำพูดนี้เปี่ยมเต็มด้วยความอ่อนโยน ทำเอาให้ซ่งรั่วเจินถึงกับประหลาดใจในความอบอุ่นที่ตนได้รับมานี้ในคืนนั้นนางแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ แต่ท่านอ๋องกลับส่งของบำรุงมาให้อย่างจริงจัง นางเองก็ทุ่มเทเพื่อช่วยสกุลไป๋ไปไม่น้อยจึงน้อมรับไว้ได้โดยไม่กระดากใจ“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”ครานี้สวีเฮ่ออันจึงยื่นของที่ถือมาให้ไปบ้างเช่นกัน “แม่นางซ่ง มารดาข้าได้ยินว่าเจ้าบาดเจ็บเมื่อสองวันก่อน จึงให้ข้านำของขวัญมาให้เจ้าด้วย”“เช่นนั้นฝากขอบคุณท่านป้าแทนข้าด้วย” ซ่งรั่วเจินกล่าวขอบคุณ“เรื่องวันนี้ที่ตรอกหย่งอันข้าได้ยินมาแล้ว แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับเหอเซียงหนิง แต่หลังข้าสืบโดยละเอียดแล้วก็พบว่าที่จริงเดิมทีเกรงว่าเป้าหมายอาจจะเป็นเจ้า”“ความผิดนี้ผิดอยู่ที่ข้าจริงๆ เป็นข้าที่ทำให้เจ้าต้องพบเจอเรื่องเช่นนี้”ดวงตาของสวีเฮ่ออันเต็มด้ว
ดวงตาลึกล้ำของฉู่จวินถิงเต็มเปี่ยมด้วยความจริงจัง เขาจ้องมองซ่งรั่วเจินอย่างลึกซึ้งพลางกล่าว “หากข้าจะเชิญเจ้า ย่อมต้องมารับเจ้าด้วยตัวของข้าเอง คำเชื้อเชิญอื่นใดล้วนไม่ต้องเชื่อถือ”ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นชายหนุ่มผู้นี้มีท่าทีเคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้มาก่อน นางจึงพยักหน้าลงโดยไม่รู้ตัว ทว่าหัวใจกลับเต้นระรัวแรงโดยไร้เหตุผลเป็นมีศักดิ์เป็นถึงฉู่อ๋อง อะไรคือย่อมต้องมารับนางด้วยตัวของเขาเองกันเล่า? ครานี้อย่าว่าแต่ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งจืออวี้เลย กระทั่งหลิ่วหรูเยียนที่ความรู้สึกค่อนข้างช้า ยามนี้ก็มองออกแล้วว่าฉู่อ๋องผู้นี้มีความรู้สึกพิเศษต่อบุตรสาวของตนอย่างไรใครหน้าไหนกันเล่าที่ทำให้ฉู่อ๋องมารับถึงที่ด้วยตนเองได้?กระทั่งคุณหนูจวนเสนาบดีก็ไม่มีผู้ใดเคยได้รับเกียรติเช่นนี้มาก่อนยิ่งไปกว่านั้นพอได้ยินว่ารั่วเจินเกิดเรื่องก็ยังถ่อมาหาด้วยตนเอง ทั้งยังนำของบำรุงมาให้อีก หากเป็นแต่ก่อนเรียกได้ว่าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนสวีเฮ่ออันกำหมัดแน่น เผลอมองไปยังซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นับตั้งแต่ได้พบกับนางเมื่อครั้งก่อนเขาก็เกิดสั่นไหวขึ้นในจิตใจอย่างไม่หยุดหย่อน เดิมทีคิดว่ามีมารดาคอยเ
หลังจากที่เหอเซียงหนิงถูกไล่ออกจากตระกูลนางก็พยายามไปถามหามิตรสหายเก่าๆ แต่กลับพบว่าทุกคนต่างตีตัวออกห่างจากนางไปกันหมดทำเช่นนั้นราวกับกลัวจะถูกนางตามรังควานก็มิปานทั้งๆ ที่เติบโตในเมืองหลวงตั้งแต่ยังเยาว์ รอบกายรายล้อมด้วยญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ทว่าบัดนี้มองไปทางใดก็หาได้มีผู้ใดไม่ ไม่มีแม้แต่สักคนที่ยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง ในใจจึงเกิดเศร้าหมองขมขื่นอย่างยากจะพรรณนาขณะที่นางสะพายห่อสัมภาระเดินอยู่บนถนน พยายามอดรนทนต่อสุ้มเสียงติฉินนินทาจากคนรอบข้าง นางก็พลันได้ยินข่าวคราวของฉินซวงซวงเข้า“ได้ข่าวว่า พอฟื้นขึ้นมาฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มิยอมให้ฉินซวงซวงกลับเข้าจวน ตอนนี้นางถูกส่งกลับจวนตระกูลฉินไปเสียแล้ว ทำเอาสองสะใภ้ฉุนโกรธกันเสียจนหนีกลับไปยังบ้านตนกันหมด”“พวกเขากลับบ้านตนไปก็สมควรแล้วล่ะนะ หากเป็นข้าก็มิยินยอมอยากจะอยู่ร่วมบ้านกับน้องสามีเช่นนั้นหรอก! คนประเภทใดกัน!”“แต่ก็ยังมิได้ข่าวว่าทางสกุลหลินจะหย่าร้างกันแต่อย่างใด หรือเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้วยังคิดรักษานางไว้?”คนรอบข้างต่างจ้อกแจ้กจอแจกันด้วยความอนาถใจ หากเป็นครอบครัวทั่วไปแล้วล่ะก็ เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องเช่น
“ได้ เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะให้คนช่วยหาที่อยู่ให้เจ้า” “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน ข้าไม่อยากพักอยู่ในที่ห่วยๆ หรอกนะ” เหอเซียงหนิงกล่าวเสริมฉินซวงซวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ย่อมได้ ข้าจะหาที่ที่เจ้าพอใจให้แน่นอน!”......เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงการสอบฤดูใบไม้ผลิก็จบลง ล่วงเลยมาจนถึงวันประกาศผลสอบช่วงหลายวันนี้ซ่งรั่วเจินก็ไม่ได้ว่างเว้น นางไปเยี่ยมเยียนสกุลไป๋ ประกอบพิธีให้กับอวี้เยว่หลิงและแม่นมสวี ช่วยให้ไป๋จื่อมู่ได้ปลดเปลื้องภาระทางใจที่แบกรับมานานจนหมดสิ้นส่วนสมุนไพรบำรุงที่ฉู่จวินถิงส่งมาให้นั้น นับว่าเป็นของหายาก นางจึงนำมาหลอมเป็นยาลูกกลอน นอกจากจะแบ่งให้มารดากับตนเองไปคนละขวดแล้ว ยังส่งอีกสองขวดให้ลั่วฮูหยินและลั่วชิงอินไปหลังถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้วเหยาจิ่นเฉิงก็อับอายเกินกว่าจะเอ่ยเรื่องสู่ขอต่อสกุลลั่วอีก ส่วนลั่วกั๋วกงเองก็อาศัยจังหวะตีเหล็กตอนร้อน โดยไม่รีรอก็รีบยกเลิกการหมั้นหมายนี้ไปเสียครอบครัวเช่นนี้ สกุลลั่วไม่ขอเกี่ยวดองด้วยเป็นอันขาดกลุ่มซ่งรั่วเจินพากันไปออยังปากทางสนามสอบตั้งแต่เช้าตรู่ ด้านในล้วนเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียดแน่นข
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน