ดวงตาลึกล้ำของฉู่จวินถิงเต็มเปี่ยมด้วยความจริงจัง เขาจ้องมองซ่งรั่วเจินอย่างลึกซึ้งพลางกล่าว “หากข้าจะเชิญเจ้า ย่อมต้องมารับเจ้าด้วยตัวของข้าเอง คำเชื้อเชิญอื่นใดล้วนไม่ต้องเชื่อถือ”ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นชายหนุ่มผู้นี้มีท่าทีเคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้มาก่อน นางจึงพยักหน้าลงโดยไม่รู้ตัว ทว่าหัวใจกลับเต้นระรัวแรงโดยไร้เหตุผลเป็นมีศักดิ์เป็นถึงฉู่อ๋อง อะไรคือย่อมต้องมารับนางด้วยตัวของเขาเองกันเล่า? ครานี้อย่าว่าแต่ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งจืออวี้เลย กระทั่งหลิ่วหรูเยียนที่ความรู้สึกค่อนข้างช้า ยามนี้ก็มองออกแล้วว่าฉู่อ๋องผู้นี้มีความรู้สึกพิเศษต่อบุตรสาวของตนอย่างไรใครหน้าไหนกันเล่าที่ทำให้ฉู่อ๋องมารับถึงที่ด้วยตนเองได้?กระทั่งคุณหนูจวนเสนาบดีก็ไม่มีผู้ใดเคยได้รับเกียรติเช่นนี้มาก่อนยิ่งไปกว่านั้นพอได้ยินว่ารั่วเจินเกิดเรื่องก็ยังถ่อมาหาด้วยตนเอง ทั้งยังนำของบำรุงมาให้อีก หากเป็นแต่ก่อนเรียกได้ว่าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนสวีเฮ่ออันกำหมัดแน่น เผลอมองไปยังซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นับตั้งแต่ได้พบกับนางเมื่อครั้งก่อนเขาก็เกิดสั่นไหวขึ้นในจิตใจอย่างไม่หยุดหย่อน เดิมทีคิดว่ามีมารดาคอยเ
หลังจากที่เหอเซียงหนิงถูกไล่ออกจากตระกูลนางก็พยายามไปถามหามิตรสหายเก่าๆ แต่กลับพบว่าทุกคนต่างตีตัวออกห่างจากนางไปกันหมดทำเช่นนั้นราวกับกลัวจะถูกนางตามรังควานก็มิปานทั้งๆ ที่เติบโตในเมืองหลวงตั้งแต่ยังเยาว์ รอบกายรายล้อมด้วยญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ทว่าบัดนี้มองไปทางใดก็หาได้มีผู้ใดไม่ ไม่มีแม้แต่สักคนที่ยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง ในใจจึงเกิดเศร้าหมองขมขื่นอย่างยากจะพรรณนาขณะที่นางสะพายห่อสัมภาระเดินอยู่บนถนน พยายามอดรนทนต่อสุ้มเสียงติฉินนินทาจากคนรอบข้าง นางก็พลันได้ยินข่าวคราวของฉินซวงซวงเข้า“ได้ข่าวว่า พอฟื้นขึ้นมาฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มิยอมให้ฉินซวงซวงกลับเข้าจวน ตอนนี้นางถูกส่งกลับจวนตระกูลฉินไปเสียแล้ว ทำเอาสองสะใภ้ฉุนโกรธกันเสียจนหนีกลับไปยังบ้านตนกันหมด”“พวกเขากลับบ้านตนไปก็สมควรแล้วล่ะนะ หากเป็นข้าก็มิยินยอมอยากจะอยู่ร่วมบ้านกับน้องสามีเช่นนั้นหรอก! คนประเภทใดกัน!”“แต่ก็ยังมิได้ข่าวว่าทางสกุลหลินจะหย่าร้างกันแต่อย่างใด หรือเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้วยังคิดรักษานางไว้?”คนรอบข้างต่างจ้อกแจ้กจอแจกันด้วยความอนาถใจ หากเป็นครอบครัวทั่วไปแล้วล่ะก็ เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องเช่น
“ได้ เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะให้คนช่วยหาที่อยู่ให้เจ้า” “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน ข้าไม่อยากพักอยู่ในที่ห่วยๆ หรอกนะ” เหอเซียงหนิงกล่าวเสริมฉินซวงซวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ย่อมได้ ข้าจะหาที่ที่เจ้าพอใจให้แน่นอน!”......เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงการสอบฤดูใบไม้ผลิก็จบลง ล่วงเลยมาจนถึงวันประกาศผลสอบช่วงหลายวันนี้ซ่งรั่วเจินก็ไม่ได้ว่างเว้น นางไปเยี่ยมเยียนสกุลไป๋ ประกอบพิธีให้กับอวี้เยว่หลิงและแม่นมสวี ช่วยให้ไป๋จื่อมู่ได้ปลดเปลื้องภาระทางใจที่แบกรับมานานจนหมดสิ้นส่วนสมุนไพรบำรุงที่ฉู่จวินถิงส่งมาให้นั้น นับว่าเป็นของหายาก นางจึงนำมาหลอมเป็นยาลูกกลอน นอกจากจะแบ่งให้มารดากับตนเองไปคนละขวดแล้ว ยังส่งอีกสองขวดให้ลั่วฮูหยินและลั่วชิงอินไปหลังถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้วเหยาจิ่นเฉิงก็อับอายเกินกว่าจะเอ่ยเรื่องสู่ขอต่อสกุลลั่วอีก ส่วนลั่วกั๋วกงเองก็อาศัยจังหวะตีเหล็กตอนร้อน โดยไม่รีรอก็รีบยกเลิกการหมั้นหมายนี้ไปเสียครอบครัวเช่นนี้ สกุลลั่วไม่ขอเกี่ยวดองด้วยเป็นอันขาดกลุ่มซ่งรั่วเจินพากันไปออยังปากทางสนามสอบตั้งแต่เช้าตรู่ ด้านในล้วนเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียดแน่นข
“ฉินเซี่ยงเหิงสอบผ่านจริง!”ทันใดนั้น เสียงอุทานอย่างตกตะลึงดังออกจากกลุ่มคนระลอกหนึ่ง จากนั้นก็คือเสียงชื่นชม“ฉินเซี่ยงเหิงช่างมีพรสวรรค์โดยแท้ ก่อนนี้คิดว่าเรียงความที่ทุกคนต่างพากันพูดถึงล้วนเป็นเขาขโมยซ่งอี้อันมา บัดนี้มองดูแล้วมิเป็นเช่นนั้น”ได้ยินเสียงทางด้านหน้า ใบหน้าฉินเซี่ยงเหิงเผยรอยยิ้มลำพองใจ เขาก็รู้ครั้งนี้อันดับหนึ่งจะต้องเป็นเขา!“เห็นแล้วหรือไม่? อันดับหนึ่งเป็นของข้า ข้ายังต้องทำร้ายอวิ๋นเฉิงเจ๋ออีกหรือ?”สีหน้าอวิ๋นเฉิงเจ๋อตึงเครียด เขาถามนักเรียนภายในสำนักศึกษาหลวงส่วนใหญ่ด้วยตนเอง ทำให้เขายอมเชื่อได้ก็คือซ่งอี้อันส่วนฉินเซี่ยงเหิง เขากลับไม่เห็นอยู่ในสายตา เรียงความก่อนหน้านี้เพียงได้ฟังก็รู้ได้ว่าขโมยซ่งอี้อันมา ทว่าบัดนี้ฉินเซี่ยงเหิงถึงขั้นสามารถได้เป็นอันดับหนึ่งของการสอบฤดูใบไม้ผลิ ชวนให้คนสงสัยโดยแท้จ้าวซูหว่านได้ยินว่าฉินเซี่ยงเหิงถึงขั้นได้อันดับหนึ่ง ใบหน้าเผยแววปลื้มปีติดีใจอย่างมากแม้พูดว่าบัดนี้นางเป็นเพียงอนุคนหนึ่ง แต่ขอเพียงฉินเซี่ยงเหิงได้เป็นอันดับหนึ่ง ภายภายหน้ากลายเป็นขุนนาง ก็พิสูจน์ได้ว่านางมิได้เลือกผิดไปหลังสร้างความอับอายให้
มองเห็นใบหน้าเล็กออดอ้อนอย่างน่ารักของฝ่ายหญิงแดงเรื่อด้วยความดีใจ ทั้งตัวคนมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ใบหน้าอวิ๋นเฉิงเจ๋อเผยรอยยิ้ม“ไม่ผิดไปจากที่หวัง”รอยยิ้มอวิ๋นเนี่ยนชูเกลื่อนหน้า ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ว่าจูงมือญาติผู้พี่ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ไม่เหมาะสม นี่ถึงปล่อยมือ หันมองทางฉินเซี่ยงเหิงอย่างมีความสุข“เจ้ามิใช่พูดเจ้าไม่เห็นญาติผู้พี่ข้าอยู่ในสายตาหรอกหรือ? ชื่อของเจ้าถูกจัดอยู่ลำดับที่สาม อยู่ข้างหลังญาติผู้พี่ข้า!”“เจ้าช่างมีฝีมือเหลือเกิน จงใจทำร้ายคุณชายซ่งจนดวงตามองไม่เห็น ยังร่วมมือกับอวิ๋นซีหว่านทำร้ายญาติผู้พี่ข้ามิให้มาเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ เช่นนี้แล้วอันดับหนึ่งจะยังไม่ใช่ของเจ้าอีกหรือ!”“แผนการทำให้สมปรารถนานี้...ช่างยอดเยี่ยมโดยแท้!”อวิ๋นเนี่ยนชูอึดอัดคับข้องใจนานมากแล้ว ก่อนนี้ไม่เห็นกระดานรายชื่อจึงไม่กล้าพูดส่งเดช หลังได้รู้แล้ว คำพูดเองก็ไม่เกรงใจหลายวันมานี้อวิ๋นซีหว่านมิได้ขอให้พวกเขาปล่อยนางไปเพียงครั้งเดียว แต่นางกลืนความแค้นนี้ต่อไปไม่ได้ แม้แต่บิดาเองก็มีเจตนาให้นางและมารดาให้อภัยอวิ๋นซีหว่านเพราะเห็นแก่ความเป็นครอบครัวเดียวกันแต่นางไม่มีวันยอมเอ่ยป
ฉินเซี่ยงเหิงคิดคำแก้ตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตรงข้ามกันเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของฉินซวงซวงและอวิ๋นซีหว่าน เขาไม่ได้เข้าร่วมด้วยเสียหน่อยบัดนี้ถูกเปิดเผยแล้ว ทั้งหมดสามารถโยนไว้ที่สกุลอวิ๋นได้ คิดใช้เรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงของเขา นั่นเป็นไปไม่ได้!“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าบ้านใหญ่สกุลอวิ๋นรังแกบ้านรองมาโดยตลอด อวิ๋นซีหว่านถูกเจ้ารังแกไปทุกจุด นี่ถึงทำให้เกิดความแค้นภายในใจ อยากทำให้อวิ๋นเฉิงเจ๋อมาเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิไม่ได้”“ข้าว่าพวกเจ้าต่างหากต้องทบทวนตนเองให้ดี กลัวเพียงคานบนเอียงคานล่างก็จะเอียงไปด้วย!”“หากมิใช่พวกเจ้าบีบคั้นจนเกินไป อวิ๋นซีหว่านก็คงไม่กระโจนเข้าหาข้าทันทีที่ได้พบ!”“หากมิใช่เพราะข้าไร้ความสามารถ พวกเจ้าสกุลอวิ๋นใช้ข้ออ้างพูดว่าข้าและนางใกล้ชิดกันต่อหน้าธารกำนัลเพื่อบังคับข้าให้รับผิดชอบนาง เดิมทีข้าก็ไม่มีวันยอมรับการแต่งงานครั้งนี้!”“สตรีที่กระตือรือร้นจะเสนอตัวเข้ามา คิดจริงหรือว่าข้าฉินเซี่ยงเหิงจะชมชอบ?”ฉินเซี่ยงเหิงยิ่งพูดก็ยิ่งลำพองใจ เดิมทีนี่ก็เป็นความจริง!ต่อให้เขามิได้อันดับหนึ่ง อันดับสามก็มีอนาคตรุ่งโรจน์ สกุลอวิ๋นสามารถมีเขยเช่นนี้ได้ก็สมคว
“ข้าเสียสละเพื่อเจ้ามากเพียงนี้ ลับหลังเจ้ากลับต่อว่าข้าเพียงนี้ เจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่ เจ้ามันไม่ใช่คน!”ฉินเซี่ยงเหิงคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซีหว่านจะปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน ถูกอวิ๋นซีหว่านกระโจนใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ล้มก้นกระแทกพื้น กวานบนศีรษะถูกอวิ๋นซีหว่านดึงลงมา“นังแพศยา เจ้าปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”เส้นผมถูกดึง ใบหน้าฉินเซี่ยงเหิงบิดเบี้ยว ไม่ใส่ใจรักษาภาพลักษณ์อีก สบถด่า “เจ้าก็คือนางคนเสียสติ มิน่าเล่าอยากจะเกี่ยวพันกับข้าอย่างทนรอแทบไม่ไหว เดิมทีก็ไม่มีใครต้องการเจ้า!”อวิ๋นซีหว่านตาแดงก่ำ ก่อนนี้นางคิดว่าฉินเซี่ยงเหิงเปี่ยมความรู้มีพรสวรรค์ สุภาพอ่อนโยน เป็นคนดีหาได้ยากคนหนึ่ง เพราะนางเป็นลูกอนุ ต่อให้แต่งงาน ก็ยากจะแต่งเข้าไปเป็นภรยาเอกได้ ทำได้เพียงแต่งงานกับครอบครัวฐานะต่ำกว่านางมิอาจหักใจ นี่ถึงอาศัยโอกาสที่นางคิดว่าดีที่สุดเข้าไปเกี่ยวข้องกับฉินเซี่ยงเหิง นางคิดว่าตนเองเสียสละเพียงนี้ ฉินเซี่ยงเหิงจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีสรุปว่าเดิมทีฉินเซี่ยงเหิงก็ไร้เมตตา ใช้นางเป็นหินปูทาง พูดว่าทิ้งก็ทิ้ง!ซ่งรั่วเจินและอวิ๋นเนี่ยนชูสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้าแปลกใจ อวิ๋นซีหว่านถูกป
ยามฉินเซี่ยงเหิงถูกพาไป สีหน้าซีดเผือดอย่างมากเดิมทีก่อนนี้สำทับฉินซวงซวงให้จัดการเรื่องนี้อย่างดีแล้ว เขาคิดว่าไม่มีวันเกิดเรื่องขึ้นอีก กลับไม่คาดคิดอวิ๋นซีหว่านถึงขั้นปรากฎตัวออกมาในวันนี้ ได้ยินเขาพูดเหลวไหลเสียได้บัดนี้หญิงผู้นี้เสียสติไปแล้ว คิดเพียงทำลายเขา อนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาจะถูกทำลายเช่นนี้ไม่ได้!“ฉู่อ๋องฉลาดหลักแหลมโดยแท้!”ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่อ๋องเดินเข้ามา ใบหน้าเล็กงดงามคลี่ยิ้มบางๆ เห็นได้ชัดว่าฉู่อ๋องเป็นคนคิดวิธีนี้ออกมาอันที่จริงสอบสวนภายในศาลาว่าการซุ่นเทียนมาก่อนแล้ว อวิ๋นซีหว่านชี้ตัวว่าเป็นฉินซวงซวงบงการ กลับมิได้ชี้ตัวฉินเซี่ยงเหิงเพราะเกี่ยวข้องกับผู้เข้าสอบ ศาลาว่าการซุ่นเทียนจึงมิได้เปิดโปงออกมาในทันที แต่รอจนการสอบฤดูใบไม้ผลิจบลงแล้วจึงพูด บังเอิญวันนี้อวิ๋นซีหว่านได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฉินเซี่ยงเหิง ทั้งหมดจึงคลี่คลายอย่างราบรื่น“ฉินเซี่ยงเหิงอุปนิสัยต่ำช้า เดิมทีก็ไม่คู่ควรเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ หากมิใช่ราชครูกู้ปกป้องไว้ ก็คงตัดโอกาสของเขาไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”“ทว่าบัดนี้เรื่องพรรค์นี้ถูกเปิดเผยออกมา เขาเองก็หมดหวังแล้ว”สีหน้าฉ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป