“ไม่ว่าใครออกหน้า ก็ไม่มีวันเปลี่ยนสถานการณ์ได้”เห็นฝ่ายชายมีสีหน้าจริงจัง ซ่งรั่วเจินเพียงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ฉู่จวินถิงไม่ใช่คนทำอันใดโดยไร้เป้าหมายในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ก็จะต้องทำได้อย่างแน่นอน ฉินเซี่ยงเหิงทำร้ายพี่ชายนางหนักเพียงนั้น อีกทั้งยังขโมยเรียงความ หากปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย ไฉนเลยจะทนมองต่อไปได้?ซ่งอี้อันมองท่าทางสนิทสนมกันระหว่างน้องหญิงตนและฉู่อ๋อง รู้สึกแปลกภายในใจอย่างอดไม่ได้ ด้วยอุปนิสัยเย็นชาของฉู่อ๋อง สามารถอธิบายให้น้องหญิงห้าฟังอย่างอดทนได้ก็คือเรื่องเหลือเชื่อ!ครั้นเขาหันมามองซ่งจืออวี้ ก็พบว่าฝ่ายหลังกำลังกะพริบตาให้เขาอย่างไม่แปลกใจเขาเข้าใจแล้ว ฉู่อ๋องมีใจให้น้องหญิงห้า!“รั่วเจิน ข้าและญาติผู้พี่ขอไปศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อนสักเที่ยว ดูว่าเรื่องนี้คืบหน้าเป็นเช่นไร อีกสองวันค่อยไปฉลองกับเจ้าดีๆ!”ใบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูประดับยิ้ม วันนี้เป็นวันดี พี่รองซ่งและญาติผู้พี่ล้วนได้รับคะแนนดี เพียงน่าเสียดายยังมิได้คลี่คลายเรื่องอวิ๋นซีหว่าน นางต้องล่วงหน้าไปก่อนเที่ยวหนึ่งซ่งรั่วเจินพยักหน้า “รีบไปเถอะ”อวิ๋นเฉิงเจ๋อบอกลาทุกคน นี่ถึงพาอวิ๋น
จ้าวซูหว่านมองฉินเซี่ยงเหิงและอวิ๋นซีหว่านทะเลาะกันก่อนถูกพาตัวไปศาลาว่าการ อีกทั้งยังเห็นซ่งอี้อันได้เป็นอันดับหนึ่ง ถูกคนมากเพียงนั้นล้อมอยู่ใจกลาง รู้สึกทรมานภายในใจอย่างบอกไม่ถูกครู่ต่อมานางมองท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อยของตน รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างที่สุดซ่งรั่วเจินเห็นจ้าวซูหว่านมองพี่รองของตนสายตาเปี่ยมความเสียดาย เหม่อมองอยู่นานยังไม่ดึงสายตากลับ เอ่ยเตือนอย่างเกียจคร้านหนึ่งประโยค“อนุจ้าว ยังมีเวลาว่างมองชายอื่นอีกหรือ? สามีเจ้าถูกจับไปศาลาว่าการซุ่นเทียนแล้ว”จ้าวซูหว่านดึงสติกลับมา บังเอิญสบสายตาเปี่ยมความเยาะหยันของซ่งรั่วเจิน ใบหน้าสะท้อนแววอึดอัดคับข้องใจ ทำได้เพียงจากไปอย่างว้าวุ่นฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินไม่ปกปิดความรังเกียจ หัวเราะเบาๆ “จ้าวซูหว่านมีชีวิตยากลำบากในสกุลฉิน เกือบรักษาลูกไว้ไม่ได้”“ท่านอ๋องถึงขั้นรู้เรื่องนี้ด้วย?” ซ่งรั่วเจินแปลกใจ“ข้าใส่ใจเรื่องสกุลฉินเพียงนี้ เจ้าเดาดูเถอะว่าเพื่อใคร?”ใบหน้าล้ำลึกของฉู่จวินถิงคลี่ยิ้มบางๆ สายตาสบมองคนตรงหน้าโดยตรง แม้แต่รอยยิ้มก็เจือความนัยที่ต่างออกไปซ่งรั่วเจินเพียงคิดว่ารอยยิ้มของเขามีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ
ซ่งอี้อันมองผ่านสีหน้าน้องหญิงของตนก็หยั่งเดาได้หลายส่วน ทั้งสองคนปิดบังไว้อย่างดีดุจกระดาษติดหน้าต่างไร้ช่องโหว่ เพียงแต่มองจากสีหน้าของน้องหญิงห้าแล้ว ไม่คล้ายไม่สนใจเลยเสียทีเดียวใช่หรือไม่?หากสองคนมีใจให้กัน ฉู่อ๋องเป็นคนยอดเยี่ยมหาได้ยากยิ่งคนหนึ่งอย่างแท้จริง แต่เขาสูงศักดิ์เป็นถึงองค์ชายสาม ในภายภาคหน้าเป็นไปได้มากว่าจะได้สืบทอดบัลลังก์เขาได้ยินมาว่าฮองเฮามีพระประสงค์จับคู่ถังเสวี่ยหนิงบุตรีของอัครมหาเสนาบดีถังให้แก่เขา น้องหญิงของตน...ทางสายนี้ลำบากนัก!“ข้าเพียงเห็นว่าเจ้าคล้ายไม่กลัวฉู่อ๋อง แปลกใจจึงถามๆ ดูเท่านั้น” ซ่งอี้อันยิ้มน้อยๆ มิได้พูดมากหลังคนทั้งจวนซ่งได้รู้ว่าซ่งอี้อันได้อันดับหนึ่งก็รีบแขวนโคมแดงจุดเทียนแดง ภายในเรือนทั้งสี่ทิศล้วนคือเสียงแสดงความยินดี ครึกครื้นไม่เลวช่วงเช้าประกาศผล คนมาแสดงความยินดีไม่ขาดสาย คนสนิทไม่สนิทล้วนหาทางมาให้ได้สักเที่ยวหนึ่ง ต่อให้ไม่รู้จักก็หาทางฝืนนับญาติแม้ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยครอบครัวลั่วกั๋วกงมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง บัดนี้ความสัมพันธ์ของสองตระกูลนับว่าเปิดเผย กลับมาเหมือนก่อนแล้ว“หลายวันมานี้ชิงอินอาการด
ซ่งรั่วเจินและลั่วชิงอินนั่งฟังสองมารดาสนทนากันอยู่ทางด้านข้าง รู้สึกสนใจขึ้นมาหลายส่วนอย่างสุดระงับ ครู่ต่อมาหันมองหร่วนเนี่ยนถังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล“ท่านนั้นก็คือลูกสาวของจวนไท่ซือหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากถามอย่างแปลกใจลั่งชิงอินพยักหน้าเบาๆ “ใช่แล้ว ก่อนนี้ข้ามีวาสนาเคยพบหน้าแม่นางหร่วนสองสามครั้ง เหตุใดเจ้ามีสีหน้าเช่นนี้? คงมิใช่เจ้าเองก็เคยพบหรอกกระมัง?”“ก่อนนี้ข้าเคยพบจริงนั่นล่ะ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นคุณหนูของตระกูลใด”ซ่งรั่วเจินนึกถึงวันที่ออกจากบ้านกับพี่รองและได้พบแม่นางท่านนี้ ทว่าตอนนั้นมิได้เก็บมาใส่ใจ เพียงคิดว่าบังเอิญก็เท่านั้นคิดไม่ถึงวันนี้ได้พบอีกครั้งภายในจวน แต่ฮูหยินหร่วนไท่ซือกลับไม่มา นี่ก็เข้าใจได้หลายส่วน“ได้ยินมาว่าแม่นางหร่วนเองก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว บัดนี้ฮูหยินไท่ซือกำลังหาสามีดีเหมาะสมกันทั่วสารทิศ”“หากแม่นางหร่วนมีใจให้อี้อัน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคู่ดีมีวาสนา” ลั่วชิงอินพูดยิ้มๆซ่งรั่วเจินได้ยินก็หัวเราะเบาๆ “พี่หญิงลั่ว แทนที่ท่านจะทุ่มเทใส่ใจให้พี่รองข้า มิสู้คิดๆ ดูว่าจะแต่งงานกับพี่ใหญ่ข้ายามใด!”“พี่ใหญ่ข้าอายุไม่น้อยแล้ว ปรารถนาเพีย
“กรี๊ด!”“แย่แล้ว แม่นางหร่วนและแม่นางเถียนตกน้ำแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนผุดลุกขึ้นอย่างร้อนใจ “อยู่ดีๆ เหตุใดตกน้ำได้เล่า?”“ท่านแม่อย่าร้อนใจ ข้าไปดูเอง”ซ่งรั่วเจินรีบไปยังทิศทางที่คนตกน้ำ บัดนี้กำลังชุลมุนวุ่นวาย เหล่าฮูหยินและคุณหนูต่างล้อมไว้ รอบข้างกลับไม่มีใครว่ายน้ำเป็นบ่าวรับใช้รีบไปตามหาคนว่ายน้ำเป็น ทว่าคนทั้งสองที่ตกน้ำภายในสระกลับคล้ายอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“คุณชายรองซ่ง ท่านรีบช่วยเจียวเจียวเถอะ นางว่ายน้ำไม่เป็น!” แม่นางคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือจากซ่งอี้อันซ่งอี้อันขมวดคิ้ว มองเห็นคนใกล้ทนไม่ไหวเต็มที ขณะกำลังจะกระโดดลงไปช่วย กลับถูกซ่งรั่วเจินห้ามไว้“พี่รอง ท่านอย่าไป ข้าเอง!”ซ่งอี้อันสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของน้องหญิงห้า พยักหน้าลง “ได้”ซ่งรั่วเจินกระโดดลงน้ำ ตรงข้ามกันมิได้ไปช่วยเถียนเจียวเจียว แต่ไปช่วยหร่วนเนี่ยนถังเพราะเถียนเจียวเจียวยังดิ้นอยู่ในน้ำได้ แต่หร่วนเนี่ยนถังล้วนจมลงไปแล้ว หากไม่ช่วยขึ้นมา น่ากลัวว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตจากนั้น ขณะนางว่ายน้ำไปทางหร่วนเนี่ยนถัง เถียนเจียวเจียวกลับจับนางไว้“คุณชายซ่ง รีบช่วยข้า!”ซ่งรั่วเจิน “?”“แม่นา
“ทั้งๆ ที่เถียนเจียวเจียวและหร่วนเนี่ยนถังตกน้ำพร้อมกัน ก่อนนี้หร่วนเนี่ยนถังจมน้ำหมดสติไปแล้ว พวกเจ้าดูเถียนเจียวเจียวยังมีแรงดิ้นอยู่เลยนะ”“ข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่า แม่นางเถียนว่ายน้ำเป็น หากว่ายน้ำไม่เป็นจริง ไฉนเลยจะสามารถทนอยู่นานเพียงนั้นได้?”เดิมทีก็ไม่ต้องให้ซ่งรั่วเจินพูดให้มากความ คนทั้งหมดล้วนรู้ดีอยู่ภายในใจเถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าว้าวุ่น คราวนี้ไม่ดิ้นแล้ว รอเพียงสาวใช้และแม่นมเหล่านั้นช่วยนางขึ้นไป“เร็ว รีบช่วยน้องสาวข้าขึ้นมา” เถียนจื่ออี๋ตอบสนองแล้ว แสดงละครต่อไปคนในที่เกิดเหตุเห็นภาพนี้ คิดเพียงการแสดงนี้เกินจริงเกินไปแล้ว เพิ่งพูดว่ายังดิ้นอยู่ ครู่ต่อมาก็ไม่ดิ้นแล้วยิ่งไปกว่านั้น เถียนเจียวเจียวลืมไปแล้ว คนว่ายน้ำเป็นอยากจมกลับไม่ใช่เรื่องง่าย...“เจินเอ๋อร์ อาการของแม่นางหร่วนเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามอย่างกังวลเดิมทีวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลอง หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตอนนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหร่วนเนี่ยนถังเป็นลูกของหร่วนไท่ซือ ช่างชี้แจงยากโดยแท้มือสองข้างของซ่งรั่วเจินกดบริเวณอกของหร่วนเนี่ยนถัง ฝ่ายหญิงสำลักน้ำออกมาอย่างว่องไว คนเองก็ฟื้นคืนส
“คุณหนู เมื่อครู่อยู่ดีๆ ท่านก็ไปช่วยคุณหนูเถียนทำไมเจ้าคะ?”“ปกติท่านและแม่นางเถียนก็มีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อกัน ก่อนนี้นางยังพูดล่วงเกินท่าน ท่านจะใจดีเพียงนี้ไม่ได้ ครั้งนี้ถูกนางทำให้เดือดร้อนจนตกน้ำไปพร้อมกัน”สีหน้าเซียงหลานเป็นกังวล หากคนตกน้ำเป็นคนอื่นก็ช่างเถอะ ปกติเถียนเจียวเจียวบาดหมางกับคุณหนู ตอนนี้ตกน้ำเพราะช่วยนาง แม้แต่คำขอบคุณก็ไม่มี“เป็นข้าไม่ประมาณกำลังตน เดิมทีก็ไม่อยากทำลายงานเลี้ยงของสกุลซ่ง คิดไม่ถึงลงท้ายแม้แต่ตนเองก็ตกน้ำไปด้วย”หร่วนเนี่ยนถังนึกขึ้นได้ว่าก่อนนี้ได้ยินแผนของเถียนเจียวเจียวและเถียนจื่ออี๋ พวกนางตั้งใจเลือกตกน้ำบริเวณที่ซ่งอี้อันอยู่ไม่ไกล เพราะก่อนนี้ได้ยินว่าซ่งอี้อันว่ายน้ำเป็นหลังตกน้ำแล้ว ขอเพียงซ่งอี้อันกระโดดลงไปช่วยคน เถียนเจียวเจียวก็จะสามารถอาศัยโอกาสนี้พึ่งพาซ่งอี้อันเพราะเหตุนี้นางถึงอยากเข้าไปห้าม คิดไม่ถึงถึงขั้นถูกเถียนเจียวเจียวลากลงไปด้วยกัน...“คุณหนู บ่าวกล้ารับประกันเถียนเจียวเจียวคนนั้นไม่มีวันขอบคุณ เมื่อครู่นางยังขวางคนเข้าไปช่วยท่านอีกด้วย”“หากแม่นางซ่งไปช้ากว่านี้อีกนิด บ่าวกังวลว่าท่านจะ...”หร่วนเนี่ยนถังคลี่
“แม่นางซ่ง คุณหนูบ้านข้าไม่มีวันผลักคุณหนูเถียนเป็นอันขาดเจ้าค่ะ ตอนนั้นบ่าวอยู่ด้านข้างล้วนเห็นความจริง นางต้องการช่วยคน!”ชุนหลานร้อนใจแทนคุณหนูของตน “คุณหนูเถียนไร้ยางอายเกินไปแล้ว เหตุใดหาเรื่องกลับได้เล่า?”ใบหน้าเล็กของหร่วนเนี่ยนถังเผือดซีดคิ้วขมวดแน่น สายตากลับมุ่งมั่น “ข้ามิได้ผลักนาง เป็นพวกเขาปรักปรำข้า”“ไม่ต้องร้อนใจ พวกเราออกไปดูก่อนเถอะ”ซ่งรั่วเจินเห็นหร่วนเนี่ยนถังมองดูแล้วแม้อ่อนแอบอบบาง แต่เผชิญหน้ากับเรื่องพรรค์นี้กลับไม่ว้าวุ่นรับมือไม่ทัน ก็รู้ว่านางเองก็เป็นคนมีความคิดคนหนึ่งหลังทั้งสองมาถึงด้านนอก เถียนเจียวเจียวก็โวยวายตั้งแต่แรกแล้ว“เดิมทีข้าก็ยืนอยู่ที่นี่ดีๆ ปรากฏว่าแม่นางหร่วนเดินเข้ามาและผลักข้าลงไปอย่างกะทันหัน ครู่ต่อมาข้าจึงจับแขนเสื้อนางไว้ นี่ถึงลากนางลงไปพร้อมกัน”เถียนเจียวเจียวแสร้งเสียใจบีบน้ำตา “พวกท่านเป็นเมื่อครู่ข้าจงใจ ข้ายอมรับข้าโมโหจริง แต่นางผลักข้าตกน้ำท่ามกลางทุกคน อยากให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของคนมากเพียงนี้ หรือข้าจะยังไม่โมโหได้อีก?”เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ทุกคนจึงดูเบาเถียนเจียวเจียว บัดนี้เห็นนางเล่าเรื่องออกมา คำตำหนิจึงมิได้
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป