“แม่นางซ่ง คุณหนูบ้านข้าไม่มีวันผลักคุณหนูเถียนเป็นอันขาดเจ้าค่ะ ตอนนั้นบ่าวอยู่ด้านข้างล้วนเห็นความจริง นางต้องการช่วยคน!”ชุนหลานร้อนใจแทนคุณหนูของตน “คุณหนูเถียนไร้ยางอายเกินไปแล้ว เหตุใดหาเรื่องกลับได้เล่า?”ใบหน้าเล็กของหร่วนเนี่ยนถังเผือดซีดคิ้วขมวดแน่น สายตากลับมุ่งมั่น “ข้ามิได้ผลักนาง เป็นพวกเขาปรักปรำข้า”“ไม่ต้องร้อนใจ พวกเราออกไปดูก่อนเถอะ”ซ่งรั่วเจินเห็นหร่วนเนี่ยนถังมองดูแล้วแม้อ่อนแอบอบบาง แต่เผชิญหน้ากับเรื่องพรรค์นี้กลับไม่ว้าวุ่นรับมือไม่ทัน ก็รู้ว่านางเองก็เป็นคนมีความคิดคนหนึ่งหลังทั้งสองมาถึงด้านนอก เถียนเจียวเจียวก็โวยวายตั้งแต่แรกแล้ว“เดิมทีข้าก็ยืนอยู่ที่นี่ดีๆ ปรากฏว่าแม่นางหร่วนเดินเข้ามาและผลักข้าลงไปอย่างกะทันหัน ครู่ต่อมาข้าจึงจับแขนเสื้อนางไว้ นี่ถึงลากนางลงไปพร้อมกัน”เถียนเจียวเจียวแสร้งเสียใจบีบน้ำตา “พวกท่านเป็นเมื่อครู่ข้าจงใจ ข้ายอมรับข้าโมโหจริง แต่นางผลักข้าตกน้ำท่ามกลางทุกคน อยากให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของคนมากเพียงนี้ หรือข้าจะยังไม่โมโหได้อีก?”เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ทุกคนจึงดูเบาเถียนเจียวเจียว บัดนี้เห็นนางเล่าเรื่องออกมา คำตำหนิจึงมิได้
เห็นได้ชัดว่าหร่วนเนี่ยนถังใจเย็นมาก แม้ว่ายามตกน้ำตกใจรับมือไม่ทัน แต่ตอนนี้ดึงสติกลับมาได้ ไม่มีวันปล่อยให้เถียนเจียวเจียวพูดจาเหลวไหลเดิมทีเถียนจื่ออี๋ต้องการช่วยพูดแทนเถียนเจียวเจียว คิดไม่ถึงถูกหร่วนเนี่ยนถังตอกกลับมาแล้ว คนอื่นรอบข้างหันหน้ามองกัน ก่อนนี้ใครก็ไม่เห็นสถานการณ์ทางฝั่งนี้“ข้าและเจ้ามีบุญคุณความแค้นต่อกันจริง อยากทำร้ายเจ้ามีมากมายหลายวิธี ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีเจ้าก็ว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว ข้าผลักเจ้าลงสระทำไม?” หร่วนเนี่ยนถังเอ่ยถาม“ก็เพราะเจ้าต้องการทำให้ข้าอับอาย!” เถียนเจียวเจียวสบถเสียงเย็น“หากข้าต้องการทำให้เจ้าอับอายจริง สั่งสาวใช้ไปโดยตรงก็พอ ไฉนเลยจะต้องลงมือด้วยตนเอง อันตรายมากเพียงใดกัน”ซ่งรั่วเจินเห็นหร่วนเนี่ยนถังตอกกลับเถียนเจียวเจียวจนพูดไม่อออก ลอบตกตะลึงภายในใจ สมเป็นบุตรีของหร่วนไท่ซือแม้ภายนอกมองดูแล้วอ่อนโยนบอบบาง แต่ภายในกลับแข็งแกร่ง มิได้ร้องไห้โวยวาย “ข้าสามารถเป็นพยานให้แม่นางหร่วนได้ ก่อนนี้นางอยากช่วยคน เพียงไม่ทันระวังจึงตกลงไปด้วย”ซ่งอี้อันเดินเนิบๆ ออกมา ได้รู้ว่าที่นี่กำลังขัดแย้งกัน เป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาแล้วหร่วนเนี่ยนถังหั
ซ่งอี้อันเห็นเถียนเจียวเจียวพูดจาเหลวไหล ขมวดคิ้วแน่น มีคนรู้เรื่องจี้หยกนี้ไม่น้อยเมื่อแรกตอนฮูหยินผู้เฒ่าเถียนยังอยู่ เคยมอบจี้หยกนี้ให้เถียนเจียวเจียว แสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานที่มีต่อนางแม้ว่าจี้หยกมรดกตกทอดล้ำค่ามาก แต่ก็ไม่ถึงกับทุกคนต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว ความนัยที่แท้จริงคือจี้หยกมรดกตกทอดนี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องประดับของสกุลเถียนในเมืองหลวงส่งต่อให้แก่นางยามข่าวนี้แพร่ออกไป คนต่างพากันตกตะลึงไม่น้อย ลอบสะท้อนใจเถียนเจียวเจียวได้รับความโปรดปรานจากสกุลเถียนไม่ผิดไปดังคาดบัดนี้จี้หยกรับสืบทอดจากบรรพบุรุษหายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามิได้มีเจตนาต่อเรื่องนี้ซ่งรั่วเจินฟังนิทานที่เถียนเจียวเจียวแต่งขึ้น นึกสะท้อนใจเลื่อมใสอย่างสุดระงับ คนเหล่านี้หนึ่งคนต่อหนึ่งคนล้วนแต่งเรื่องเก่งไม่ผิดไปดังคาดเพื่อทำให้ทุกคนเชื่อคำพูดนาง แม้แต่นิทานเช่นนี้ก็สามารถแต่งออกมาได้“หร่วนเนี่ยนถัง เจ้าจะปรักปรำข้าเยี่ยงไร ข้าไม่ใส่ใจ ขอเพียงเจ้าช่วยข้าหาจี้หยกกลับมาได้ก็พอ!” เถียนเจียวเจียวพูดอย่างมีโทสะหร่วนเนี่ยนถังย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนเถียนเจียวเจียวตกน้ำ กลับไม่เห็นจี้หยกอะไรบนคอนาง เอ่ย
“ไยต้องยุ่งยากเช่นนั้น แทนที่จะสิ้นเปลืองเวลาและเรี่ยวแรงไปตักน้ำในสระออกจนหมด ให้ข้าทำนายดูว่าจี้หยกนั่นอยู่ที่ไหนมิดีกว่าหรือ?”สิ้นเสียงเสนอของซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็นึกถึงเรื่องที่นางเคยช่วยคุณชายน้อยต่งตามหาคนร้ายที่แท้จริงก่อนหน้านี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เรื่องยากขนาดนี้ยังทำได้ แค่ตามหาของสักชิ้นคงง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือเลยสินะ?เถียนเจียวเจียวและเถียนจื่ออี๋ล้วนอึ้งไป พวกนางลืมไปว่าแม่นางซ่งมีความสามารถเช่นนี้ด้วยความร้อนรนวาบผ่านดวงตาของเถียนจื่ออี๋ ฝีมือนี้หากนำไปใช้กับคนอื่นย่อมยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าซ่งรั่วเจินทำนายออกมาได้จริงๆ จะทำอย่างไรดีเล่า?“อย่าลนลานไป ข่าวลือก่อนหน้านี้ลือกันเสียพิสดารขนาดนั้น ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริง” เถียนเจียวเจียวดึงมือเถียนจื่ออี๋ บอกให้นางเยือกเย็นเข้าไว้อย่างได้ร้อนรนไป“น้องหญิงห้า เจ้าสามารถทำนายออกมาได้หรือไม่?” ดวงตาซ่งอี้อันฉายแววคาดหวังซ่งรั่วเจินผงกหน้าผากมนงามน้อยๆ ยกกระดองเต่าขึ้นมาแล้วหยอดเหรียญทองแดงเข้าไปในกระดองเต่าสองมือประกบกันเริ่มเขย่ากระดองเต่า เหรียญทองแดงก็กระเด็นออกมาทุกคนชมดูภาพนี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้ อย
เถียนจื่ออี๋ถูกสายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องจนสะท้านเฮือกด้วยความตกใจ นางที่เพียงแต่ชมดูเรื่องสนุกในตอนแรกบัดนี้ถึงคราวทำอะไรไม่ถูกเสียแล้ว ได้แต่มองไปทางเถียนเจียวเจียวอย่างขอความช่วยเหลือหากไม่ใช่เพราะเจียวเจียวยืนกรานฝากจี้หยกไว้กับนาง ตอนนี้นางก็คงไม่ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เถียนเจียวเจียวมีสีหน้าปั้นยาก เดิมนั้นนางอยากใช้เรื่องนี้วางอุบายหร่วนเนี่ยนถัง ถึงเวลาค่อยหาโอกาสแอบโยนจี้หยกทิ้งไป แล้วตนเองค่อยกลับมาตามหาผู้ใดจะคาดว่าซ่งรั่วเจินจะตัดไฟแต่ต้นลมต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ นางไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรดี“ถุงหอมใบเดียวเท่านั้นเอง ทำไมถึงไม่กล้าปลดลงมา? เกรงว่าแม่นางซ่งคงพูดถูกแล้ว พี่สาวขโมยของของน้องสาว แบบนี้เข้าตำราโจรในบ้านยากจะป้องกันแท้ๆ!”“แม้ว่าเถียนจื่ออี๋กับเถียนเจียวเจียวจะเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเถียนกลับยกจี้หยกที่ตกทอดจากบรรพบุรุษให้เถียนเจียวเจียว ไม่แน่ว่าอาจลอบแค้นใจอยู่ก็เป็นได้ ถึงได้จงใจฉวยโอกาสลงมือตอนวุ่นวายแบบนี้?”“ตระกูลเถียนไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่เลี้ยงดูมาจะมีพฤติกรรมไม่สะอาดแบบนี้ จุ๊ๆ”ทุกคนเห็นเถียนจื่ออี๋กำถุงหอมไว้
ตั้งแต่ต้นจนจบ หร่วนเนี่ยนถังเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนเถียนเจียวเจียวจงใจสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากซ่งอี้อัน พอแผนการล้มเหลวก็คิดจะใส่ร้ายหร่วนเนี่ยนถัง...“แม่นางสองคนนี้จิตใจชั่วร้ายขนาดนี้ ช่างชวนให้คนหวาดหวั่นยิ่งนัก”“เรียกร้องความสนใจจากคุณชายรองซ่งอะไรกัน เห็นได้ชัดว่ารอจนคุณชายรองซ่งช่วยนางแล้วก็จะยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการตอบแทนด้วยร่างกาย หากคุณชายรองซ่งไม่ยินดีก็จะบอกว่าสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว จะไม่สู่ขอก็ไม่ได้”“ช่วงก่อนหน้านี้ ลูกสาวอนุของตระกูลอวิ๋น อวิ๋นซีหว่านก็ได้หมั้นหมายกับฉินเซี่ยงเหิงด้วยวิธีการเช่นนี้ไม่ใช่รึ? แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องกันที่ศาลาว่าการซุ่นเทียน เรื่องมงคลจึงยกเลิกไปแล้ว”เถียนเจียวเจียวโต้เถียงกับเถียนจื่ออี๋ไปยกหนึ่ง ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าขายหน้า สุดท้ายจึงหันหลังวิ่งหนีไปเถียนจื่ออี๋เห็นอย่างนั้นก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อจึงรีบเผ่นหนีตามหลังไปอีกคนจวนสกุลซ่งจึงกลับคืนสู่ความครึกครื้นก่อนหน้านี้ แต่มีหัวข้อสนทนาเพิ่มมาเล็กน้อย“แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าทำนายตำแหน่งของจี้หยก เกรงว่าวันนี้ข้าคงยากจะกอบ
“เจ้ารับข้าไว้อะไรกัน?”เหอเซียงหนิงขึ้นเสียงแหลม “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกต่ำถึงขั้นนี้งั้นรึ?”“ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า เงินนี่ให้เจ้า เจ้าก็ไปซื้อเองก็แล้วกัน!”ฉินซวงซวงส่งเงินก้อนหนึ่งให้เหอเซียงหนิงอย่างดูถูก ตอนนี้นางสนใจแค่ว่าเรื่องอวิ๋นซีหว่านจะพัวพันมาถึงนางหรือไม่เท่านั้นนางไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่พูดต่อหน้าอวิ๋นซีหว่านไม่กี่ครั้ง อวิ๋นซีหว่านไม่มีหลักฐาน คงไม่พัวพันมาถึงนางหรอก...“ข้าไปเองก็ได้!”เหอเซียงหนิงรับเงินมา รู้สึกว่าฉินซวงซวงขี้เหนียวเกินไปแล้วเดิมนั้นคิดว่าจะให้ฉินซวงซวงหาเรือนข้างนอกสักหลังให้นางพัก แต่คนขี้เหนียวคนนี้กลับไม่อยากจ่ายเงินมากมายให้นาง จึงให้นางพักอยู่ในจวนสกุลฉินหลังเรื่องที่ตรอกหย่งอัน นางราวกับหนูบนถนนอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีหน้าออกไปเจอคนอื่นเลยสักนิดอยู่ในจวน สายตาที่ทุกคนมองนางก็แปลกประหลาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางที่ชักสีหน้าให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งโตมาจนป่านนี้ นางเคยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมขนาดนี้เสียเมื่อไร?“ซวงซวง ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะ ช่วงหลายวันนี้เจ้าอยู่แ
ฉินจื้อหย่วนเห็นคนกำลังจะล้มจึงเข้าไปประคองคนโดยไม่ทันคิด ผลคือหญิงสาวถลาเข้ามาในอ้อมอกเขาสัมผัมนุ่มนิ่มละมุนละไมซ่านออกมาจากบริเวณทรวงอก ก้มหน้าลงเล็กน้อยก็สบเข้ากับดวงตากระจ่างใสของหญิงสาว“คุณชายฉิน ขอโทษเจ้าค่ะ”เหอเซียงหนิงแสร้งเป็นตกใจทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าดวงน้อยเต็มไปด้วยความกังวล รีบร้อนกลับไปยืนให้มั่นคง แต่ความเจ็บกลับซ่านมาจากฝ่าเท้า ทำให้คนล้มลงไปทั้งตัวอีกครั้งมือทั้งสองของนางทาบอยู่บนทรวงอกฉินจื้อหย่วน ร่างทับอยู่บนตัวเขา ระหว่างดิ้นขลุกขลักอยู่นั้น สัมผัสนุ่มนิ่มบนทรวงอกก็ไปกระตุ้นประสาทรับรู้ของชายหนุ่มปฏิกิริยาแรกของฉินจื้อหย่วนตอนได้สติคืนมาคืออยากผลักเหอเซียงหนิงออกไป แต่จนใจที่หญิงสาวในอ้อมอกเนื้อตัวนุ่มนิ่มเหลือเกิน ภรรยาของตนเองก็ไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว...“แม่นางเหอ เจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าไปส่งเจ้ากลับห้องก่อนดีหรือไม่?”“นี่ไม่ค่อยดีกระมัง?” เหอเซียงหนิงแสร้งสงวนท่าที น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังอ่อนแอน่าสงสาร“วันนี้ข้าตั้งใจว่าจะออกไปซื้อผ้าห่ม ถ้าไปไม่ได้เกรงว่าคืนนี้คงไม่ได้หลับดีๆ เสียแล้ว”“เรื่องนี้ยากตรงไหนกัน? ข้าสั่งให้ข้ารับใช้ช่วยไปซื้อให้เจ้าก็ได
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน