สายลมโชยผ่านมา พัดชายแขนเสื้อของชายหนุ่มโบกไหวดวงตาดำขลับดุจนิลมณีในชั่วยามนี้ประหนึ่งบรรจุดวงดาวพราวฟ้าเอาไว้ในนั้น คำชมที่กล่าวออกมาจากริมฝีปากของฉู่จวินถิงเหมือนมีมนต์สะกด บันดาลให้พวงแก้มของซ่งรั่วเจินร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวนางรู้ว่าตนเองมีรูปโฉมไม่เลว ปกติก็ได้ยินคำชมมาไม่น้อย แต่กลับไม่มีครั้งไหนที่มีพลังพิฆาตเท่าวาจาประโยคเดียวของฉู่จวินถิงนี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน?จู่ๆ ท่านอ๋องเดียวดายผู้เย็นชาไร้รักก็กล่าววาจาชมเชยปุบปับแบบนี้ พลังพิฆาตระเบิดตูม ใครเลยจะต้านทานไหว?ซ่งรั่วเจินกะพริบตา เห็นฉู่จวินถิงไร้ทีท่าจะเปลี่ยนคำพูด ตรงกันข้าม ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมองนางนิ่งๆ โดยไร้ท่าทีหลบสายตาแม้แต่น้อย“วันนี้ท่านอ๋องก็รูปงามมากเหมือนกันเพคะ” ซ่งรั่วเจินข่มหัวใจที่เต้นรัวเอ่ยชมกลับไปฉู่จวินถิงสังเกตเห็นสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติของหญิงสาว แม่นางที่ปกติเปี่ยมอุบายความคิดปล่อยตัวตามสบาย เวลานี้กลับหลบสายตา ปรางแก้มแดงเรื่อ แลดูงามพริ้มเพราเป็นพิเศษเขาหัวเราะเสียงทุ้มพลางเลิกคิ้วชวนมอง “แค่วันนี้เท่านั้นหรือ?”ซ่งรั่วเจิน “???”“ท่านอ๋องย่อมหล่อเหลาทุกวันอยู่แล้วเพคะ เพียงแต่คืนนี้หล
“อยู่ข้างหน้านี่เองขอรับ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”ซ่งรั่วเจินกำลังจะพยักหน้าก็ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่ม “ข้าจะไปซื้อเอง เจ้าลองดูว่ามีอันไหนที่ชอบอีกไหม”“เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องด้วยนะเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง นางกำลังมองสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนแผง ไม่เพียงแต่มีโคมไฟ แต่ยังมีหน้ากาก สร้อยข้อมือไปจนถึงเครื่องประทินโฉมอีกด้วย เรียกได้ว่ามีสารพัดสิ่ง“คุณหนู อันนี้งามจริงเจ้าค่ะ อันนี้ก็งามเหมือนกัน!”เฉินเซียงติดตามอยู่ข้างกายคุณหนูของตน มองดูจนตาลายไปหมด รู้สึกว่าชิ้นไหนก็งามทั้งนั้น“ในเมื่อเจ้าชอบก็ยกให้เจ้าเป็นของขวัญก็แล้วกัน”ซ่งรั่วเจินเห็นเฉินเซียงมองสร้อยข้อมืออย่างถูกใจจนวางไม่ลงจึงซื้อชิ้นนั้นให้แม้ร้านค้าของตระกูลซ่งจะมีไม่น้อย มีทั้งร้านขายเครื่องประทินโฉมไปจนถึงเครื่องประดับ แต่ในโอกาสแบบนี้ก็ทำให้คนอยากจับจ่ายซื้อของขึ้นมา……เถียนเจียวเจียวอารมณ์บูดบึ้ง ถึงจะออกมาเดินเตร่ในเทศกาลงานวัดก็ยังมีสีหน้าบึ้งตึงเดิมอยากฉวยโอกาสกระชับความสัมพันธ์กับซ่งอี้อันระหว่างงานเลี้ยงที่จวนสกุลซ่ง ดีที่สุดคือได้เป็นสะใภ้สกุลซ่งผู้ใดจะคาดคิดว่าหลังถูกหร่วนเนี่ยนถังทำลาย
เถียนเจียวเจียวเหยียดริมฝีปาก ในใจอดจะอิจฉาไม่ได้ ถังเสวี่ยหนิงโชคดีจริงๆ ถ้าในอนาคตได้เป็นพระชายาของฉู่อ๋อง นั่นก็เรียกว่าไต่เต้าได้สูงอย่างไม่ธรรมดาแล้ว“ฉู่อ๋อง เสวี่ยหนิงอยู่ตรงนี้เพคะ!”เถียนเจียวเจียวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงยินดี ทำให้ถังเสวี่ยหนิงแสร้งเอ็ดอย่างไม่พอใจ “เจียวเจียว เจ้าอย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวคนก็มองหรอก”“ฉู่อ๋องมาด้วยตัวเองทั้งที ยังกลัวว่าจะถูกคนมองอีกหรือ? ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันอาจมีคำสั่งพระราชทานสมรสลงมาก็เป็นได้”ฉู่จวินถิงเข้าไปในร้านก็เริ่มมองหาโคมกระต่ายที่ซ่งรั่วเจินชอบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากข้างหน้าจึงเงยหน้ามองไปเป็นคนแปลกหน้าสองคนหนึ่งในแม่นางสองคนนั้นกำลังมองเขาด้วยความยินดี แม่นางอีกคนกลับมีสีหน้าเรียบเฉยครุ่นคิดเล็กน้อย ในความทรงจำเหมือนจะไม่มีสองคนนี้อยู่จึงเดินผ่านข้างกายคนทั้งสองไป“เถ้าแก่ เอาโคมกระต่ายอันนี้”ฉู่จวินถิงมองโคมตรงหน้าก็พบว่าเหลือโคมกระต่ายอันสุดท้ายเท่านั้นก็รู้สึกว่าโชคดียิ่งนัก“ได้เลย” เถ้าแก่รีบรับเงินแล้วส่งของให้อย่างเคารพนบนอบ “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”เถียนเจียวเจียวเห็นฉู่จวินถิงเดินผ่านพวกนางไปโดยไม่หยุดชะงักก
“วันดีๆ แบบนี้เป็นวันที่ชายหนุ่มควรชวนแม่นางออกไปเที่ยวข้างนอก ข้ามาเป็นเพื่อนเจ้าถือว่าไว้หน้าเจ้ามากแล้วนะ!”“เสด็จพี่ห้า ทำไมท่านมาเป็นเพื่อนข้า ข้ายังจะไม่รู้อีกหรือ? เพราะไม่มีผู้หญิงให้เชิญอย่างไรเล่าจึงได้แต่ออกมาด้วยกันกับข้า”ฉู่มู่เหยามีสีหน้ารังเกียจ “จะว่าไปแล้ว ปกติข้างกายท่านมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา ทำไมพอเสด็จแม่ถามท่านว่าต้องตาแม่นางคนไหนหรือไม่ ท่านถึงไม่บอกออกมาสักคนกันเล่า?”ฉู่อวิ๋นกุยสะอึก “เรียงตามลำดับอาวุโสเจ้าไม่รู้รึ? เสด็จพี่สามยังไม่แต่งงาน ข้าที่เป็นน้องชายชิงแต่งก่อนนับเป็นอะไร?”“ดังนั้นถึงได้ยิ่งควรไปเชิญเสด็จพี่สามออกมาอย่างไรเล่า เอาแต่อยู่ในจวนทั้งวัน แล้วจะไปเจอสตรีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยามุ่ยปาก “ข้าได้ยินว่าเสด็จแม่คิดจะประทานสมรสให้เสด็จพี่สามกับถังเสวี่ยหนิงลูกสาวของอัครเสนาบดี ท่านคิดเห็นอย่างไร?”“ไม่ต้องคิด ไม่มีโอกาสหรอก”ฉู่อวิ๋นกุยยกมือ วันนี้ใช่ว่าเขาไม่ได้ไปจวนฉู่อ๋อง พอไปแล้วถึงได้รู้ว่าเสด็จพี่สามที่ยามปกติคร้านจะออกไปข้างนอกในวันแบบนี้กลับออกจากจวนไปแล้ว ยังไปเชิญแม่นางซ่งไปเที่ยวด้วยกันอีกด้วย!ถ้ายังไม่เข้าใจอีกว่าเรื่องนี้หมายค
“แม่นางซ่ง ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือเนี่ย!”ครั้นฉู่อวิ๋นกุยเห็นซ่งรั่วเจิน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา นางในดวงใจของเสด็จพี่สามคือแม่นางซ่งจริงๆ ด้วย!ส่วนถังเสวี่ยหนิง...คงมาเจอกันโดยบังเอิญกระมัง?ซ่งรั่วเจินแสดงคารวะ “คารวะอวิ๋นอ๋องเพคะ”ฉู่จวินถิงเห็นนางมาแล้วก็เอ่ยแนะนำ “นี่คือน้องหญิงหกของข้าเอง...ฉู่มู่เหยา”“คารวะองค์หญิงหกเพคะ”ซ่งรั่วเจินกระจ่างใจแล้ว องค์หญิงหกก็ถือกำเนิดจากฮองเฮาเหมือนกัน เป็นน้องสาวที่ฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องเอ็นดูมากที่สุด“เจ้าคือแม่นางซ่งผู้โด่งดังในช่วงนี้เองหรือนี่!”พอฉู่มู่เหยาได้ยินชื่อซ่งรั่วเจิน ดวงตาก็พลันเป็นประกาย “ข้าอยู่ในวังก็ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับเจ้ามามากทีเดียว สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ”“แต่เจ้าหน้าตางดงามเพียงนี้ หลินจือเยว่ยังถอนหมั้นกับเจ้า เขาตาบอดหรือเปล่านะ?”ความประหลาดใจวาบผ่านดวงตาซ่งรั่วเจินเนื่องจากเสียเวลาในจวนสกุลหลินไปสองปี ทั้งยังถอนหมั้นอย่างอาจหาญ คนมากมายในเมืองหลวงล้วนเยาะเย้ยดูถูกดูแคลนนางลับหลังเดิมนึกว่าฉู่มู่เหยาอาจเป็นเช่นนั้น คิดไม่ถึงว่านางจะมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้“ตาไม่มีแว
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้อีกเลย ไม่คาดคิดว่าในวันนี้จะยังได้ยินได้ฟังคำพูดไร้แก่นสารเช่นนี้ได้อีกจบคำ ฉู่จวินถิงก็ยื่นโคมกระต่ายในมือตนออกไปถังเสวี่ยหนิงเห็นฉู่จวินถิงต่อว่าเถียนเจียวเจียวเช่นนี้แล้ว ในใจก็เกิดไม่พอใจขึ้นมาบ้าง ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าท่านอ๋องแต่ไหนแต่ไรมาก็มักเข้มงวดอยู่เสมอ ยามนี้ที่เขาไม่พูดอะไรมาก ที่จริงแล้วก็เพื่อเป็นการรักษาเกียรติของนางเองเห็นเขายื่นโคมกระต่ายส่งมาให้เช่นนี้แล้ว ในใจก็เกิดหวานล้ำสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง แม้จะมิใช่โคมดอกบัว แต่หม่อมฉันก็ชอบโคมกระต่ายนี้ไม่น้อยเลย”ถังเสวี่ยหนิงกล่าวด้วยใบหน้าประดับยิ้ม ยื่นมือออกเตรียมจะรับโคมไฟกระต่ายนั้นมาแต่ขณะที่นางยื่นมือออกไปอยู่นี้เอง ฉู่จวินถิงกลับยกโคมขึ้นสูง ทำให้สองมือของถังเสวี่ยหนิงคว้าได้ก็แต่เพียงอากาศธาตุ“คุณหนูถัง ข้ามิได้สนิทสนมกับเจ้าถึงเพียงนั้น เจ้าชอบโคมเช่นใดย่อมมิเกี่ยวอันใดกับข้า ส่วนโคมนี้ข้าตั้งใจซื้อให้กับรั่วเจิน”น้ำเสียงเย็นเยียบไร้ซึ่งความอ่อนโยนของชายหนุ่ม อีกทั้งแววตาคมกริบที่อัดแน่นด้วยความเย็นชา ราวกับถึงขอบเขตขีดจำกัดจวนเจี
“เสด็จพี่ห้า เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ฉู่มู่เหยาส่งสายตาเป็นนัยไปทางฉู่อวิ๋นกุย ในใจเต็มด้วยความสงสัยเสด็จพี่สามถึงกับซื้อโคมกระต่ายให้คุณหนูซ่ง ทั้งยังเร่งเร้าอยากจะตัดสัมพันธ์กับคุณหนูถังโดยเร็ว!นับเป็นเรื่องหาได้ยากยิ่งโดยแท้!“เสด็จพี่สามทำตัวผิดแปลกไปเช่นนี้ ยังจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?” ฉู่อวิ๋นกุยเลิกคิ้วขึ้นพลางกระหยิ่มยิ้มย่องฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง หากเป็นเช่นที่นางคิดเอาไว้จริงๆ ก็นับเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวต้นเหล็กออกดอกแท้ๆ เชียว!ฉู่จวินถิงเห็นว่าเมื่อซ่งรั่วเจินเดินออกมาจากร้านค้าแล้ว ใบหน้าหมดจดสดใสของนางก็กลับเย็นชาขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรแท้ๆ แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองที่สู้อุตส่าห์ใกล้ชิดกันขึ้นมาบ้างแล้วพลันกลับไปห่างเหินภายในเวลาอันแสนสั้น“ท่านอ๋อง หากมิมีธุระใดแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวเพคะ” แววตาของซ่งรั่วเจินฉายแววจริงจัง หลายวันมานี้ฉู่จวินถิงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี จนทำให้รู้สึกสนิทสนมเคยคุ้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทว่าการปรากฏตัวของถังเสวี่ยหนิงในวันนี้ทำให้นางกลับมาฉุกคิดได้อีกครั้งบัดนี้กำลังมีการทาบทามสมรสอยู่ระหว่างคนสองคน นางกับท่านอ๋องออกเที่ยวด
ซ่งรั่วเจินที่แต่งงานและล้มเลิกงานแต่งในวันเดียวกันก็นับว่าพบได้ไม่บ่อยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคู่หมั้นคู่หมายของซ่งอี้อันที่กลับไปมีสัมพันธ์ลับกับฉินเซี่ยงเหิงก่อนจะได้แต่งงาน ผู้คนต่างพากันสงสารซ่งอี้อันที่ได้รับบาดเจ็บจนสูญเสียดวงตาเพราะต้องการปกป้องคู่หมั้น ใครเล่าจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้วก็เป็นชู้รักของจ้าวซูหว่านนี้เองแหละที่ทำร้ายซ่งอี้อัน...ตอนแรกที่จำได้ ก็เพราะรู้สึกว่าสกุลซ่งช่างโชคร้ายโดยแท้ จึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับคนในตระกูลต่อเนื่องกันไม่หยุดยั้ง จนถึงขั้นมีคนพูดกันไปว่าสกุลซ่งคงไปสิ่งใดล่วงเกินสิ่งชั่วร้ายเข้า เลยทำให้ดวงตกได้ถึงเพียงนี้ทว่าจนถึงวันนี้ทุกสิ่งก็กลับตาลปัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากคุณหนูซ่งกับเสด็จพี่สามได้ครองคู่เป็นฝั่งเป็นฝา อนาคตของสกุลซ่งก็ยิ่งไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป“ขอบพระทัยคำอวยพรขององค์หญิงเพคะ”ซ่งรั่วเจินรู้ดีว่าด้วยความสามารถของซ่งอี้อันแล้ว เมื่อได้เข้ารับราชการย่อมต้องสร้างผลงานได้เป็นแน่ อีกไม่กี่วันเมื่อพี่ใหญ่ไปสู่ขอกับสกุลลั่วแล้วก็จะกลับไปรับตำแหน่งยังราชสำนักอีกครั้งฉู่มู่เหยาสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินคล้ายจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เ
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข