ฉู่อวิ๋นกุยชะงักไปเล็กน้อย “เสด็จพี่คิดจะบอกเสด็จแม่ตามตรงว่าท่านชอบพอคุณหนูซ่งหรือ? เกรงว่าเสด็จแม่จะมิอาจยอมรับได้ง่ายๆ กระมัง”แม้เขาจะดีใจที่เสด็จพี่สามได้พบนางในใจ แต่เมื่อนึกให้ดีแล้วทางฟากด่านของเสด็จแม่นั้นเกรงว่าจะไม่ง่ายดายหากแม่ทัพซ่งยังมีชีวิตอยู่ และคุณหนูซ่งไม่เคยประสบพบพานการถอนหมั้นหมาย ไม่แน่ว่าอาจพอมีโอกาสอยู่บ้าง ทว่าจวบจนบัดนี้แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสด็จแม่จะยินยอมเห็นด้วย“มิเช่นนั้น…หรือจะให้คุณหนูซ่งเป็นชายารอง?”“หากเป็นชายารองแล้วล่ะก็ ไม่แน่ว่าเสด็จแม่อาจยินยอมก็เป็นได้ เสียก็แต่หากเป็นเช่นนั้นข้าคิดว่าด้วยนิสัยคุณหนูซ่ง นางอาจจะมิยินยอมตกปากรับ”ฉู่อวิ๋นกุยยังจำได้ดีว่าก่อนนี้ที่หลินจือเยว่ต้องการจะแต่งฉินซวงซวงเข้าไปในฐานะภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันซ่งรั่วเจินก็ยืนยันจะถอนหมั้นหมายในทันทีจะดีจะร้ายอย่างไรก็ยังเป็นถึงภรรยาเอก ถึงแม้ฉินซวงซวงจะได้เป็นภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน ทว่าท้ายที่สุดก็ยังเป็นเพียงอนุภรรยาอยู่วันยังค่ำแม้จะเป็นเช่นนั้นคุณหนูซ่งก็ยังไม่ยินยอม หากบัดนี้จะต้องมาเป็นชายารอง ต่อให้เสด็จพี่สามจะสูงศักดิ์เสียยิ่งกว่าหลินจือเ
“นี่ยังจะโทษข้าอยู่อีกหรือ! ตอนนั้นความหมายของเจ้ามิใช่จะบอกว่าฉู่อ๋องฝ่าบาทตั้งใจมาหาเจ้าเองหรอกหรือ?”เถียนเจียวเจียวถึงโกรธเสียจนหัวร่อ ท่าทางของถังเสวี่ยหนิงในตอนนั้นดูมาดมั่นมั่นใจในชัยชนะตนเป็นยิ่ง จนนางเข้าใจผิดไปเองว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ธรรมดาหรือนางไม่ละอายแก่ใจบ้างเลยสักนิด?นางถึงขั้นออกปากช่วยพูดแทนถังเสวี่ยหนิง ทั้งยังโดนฉู่อ๋องตำหนิด้วยเหตุนี้เอง!“พอเถอะ ข้าก็แค่เผลอพูดไปเพียงเพราะโทโสครอบงำก็เท่านั้น เจ้าอย่าได้โกรธไปเลยนะ”ถังเสวี่ยหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่จึงได้กดเก็บระงับความโกรธลงไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดูว่าซ่งรั่วเจินคิดจะใช้เล่ห์กลไม้ใดอีก นางยังต้องมีเถียนเจียวเจียวคอยช่วยอยู่ด้วยกันว่าพลางก็ถอดเอากำไลหยกบนข้อมือของตนยื่นให้ไป“กำไลหยกวงนี้ถือเสียว่าเป็นคำขอโทษจากข้า พวกเราไปทายปริศนาโคมไฟด้วยกันเถิด!”เถียนเจียวเจียวมองกำไลหยกตรงหน้า เป็นหยกคุณภาพดียิ่งนัก ก่อนนี้ยามที่ถังเสวี่ยหนิงสวมเอาไว้ก็ถูกตาต้องใจนางเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่านางจะนำมามอบให้ตนเองเช่นนี้ได้ ความเคืองโกรธในใจก็พลันมลายหายไปสิ้น ไม่นานนักซ่งรั่วเจินก็เดินทางมาถึงสถานที่
ถ้อยคำนี้โดนใจถังเสวี่ยหนิงพอดีนางคิดว่าเหตุที่ฉู่อ๋องเย็นชาต่อนางเพียงนี้ ก็เพราะไม่คุ้นชินกับนาง อีกทั้งยังไม่รู้ความสามารถและความนัยของนางอาศัยโอกาสในวันนี้ เปิดเผยความสามารถล้ำเลิศต่อหน้าคนมากเพียงนี้ เชื่อว่าฉู่อ๋องเองก็ต้องประทับใจในตัวนางเฉกเดียวกันจากนั้นขณะซ่งรั่วเจินเขียนคำตอบของปริศนาโคมไฟสิบข้อ ฝ่ายหลังเผยสีหน้าแปลกใจ “เจ้าตอบออกมาได้เร็วเพียงนี้เชียวหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “หม่อมฉันมีความสนใจต่อปริศนาโคมไฟเพคะ”ฉู่มู่เหยามีสีหน้าขมปร่า “อันนี้ข้ายังเดาไม่ออก เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืออะไร?”ซ่งรั่วเจินช้อนตามองไป เห็นหัวข้อ...บุปผาบานสะพรั่งตระการตาล้วนคือวสันตฤดู จึงตอบ ‘บันทึกสื่อจี้’ หนึ่งประโยค“น่าจะเป็นความรุ่งเรืองในครานั้นเพคะ”ถังเสวี่ยหนิงเตรียมขยับขึ้นมาช่วยไขปริศนายังไม่ทันเอ่ยปาก ก็มองเห็นซ่งรั่วเจินพูดออกมาแล้ว หน้าบึ้งในทันใดคิดไม่ถึงสตรีคนนี้ยังมีความสามารถอยู่บ้าง!“เป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย!” ดวงตาฉู่มู่เหยาทอประกายระยับ ตบศีรษะอย่างอดไม่ได้ “เหตุใดข้าคิดไม่ถึงกันเล่า?”“องค์หญิงฉลาดหลักแหลมเพียงนี้ เพียงคิดไม่ออกไปชั่วขณะเท่านั้นเพคะ”ซ่งร
เถียนเจียวเจียวชะงักไป เดิมทีคิดว่าซ่งรั่วเจินจะทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต หาทางรับคำ อีกเดี๋ยวทำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นที่ขบขันใครคิดเล่าว่าสตรีคนนี้ไม่ตกหลุมพราง ยอมรับต่อหน้าคนมากเพียงนี้อย่างผ่าเผย ตรงข้ามกันทำให้นางไม่มีทางลงจากเวที!“ก่อนนี้ข้าเคยเห็นเถียนเจียวเจียวทายปริศนาโคมไฟมาก่อน แม้แต่รอบแรกก็ไม่ผ่าน ยังอาศัยพี่สาวนางเถียนจื่ออี๋เข้ารอบสอง ตอนนี้ถึงขั้นพูดเหลวไหลว่าจะแย่งที่หนึ่งมากระนั้น?”“วันนี้พวกเจ้าไม่ได้ยินเรื่องครึกครื้นของสกุลซ่งหรือ? เถียนเจียวเจียวถูกหักหน้าที่สกุลซ่ง นี่คือตั้งใจวางอุบายแม่นางซ่งอย่างไรเล่า!”“เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ตนทำพลาดไป สรุปคือไม่สำนึกแก้ไขเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันยังเกลียดแม่นางซ่งอีกด้วย?”เสียงหัวเราะดังออกจากกลุ่มคนเป็นระลอกๆ เดิมทีวันนี้สกุลซ่งครึกครื้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดเรื่องชุลมุลวุ่นวายเพียงนั้น ใครบ้างไม่รู้?ทีแรกคิดว่าเถียนเจียวเจียวขายหน้าในช่วงกลางวันไปแล้ว ตกกลางคืนจะอับอายจนไม่กล้าออกจากบ้านเสียอีก ใครคิดเล่าว่าจะได้พบหน้ากันว่องไวเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังต้องการวางอุบายซ่งรั่วเจินอีกด้วยเถียนเจียวเจียวคิดเพียงอยากทำให้ซ่งรั่ว
ทุกคนได้ยินว่าฉู่อ๋อง ต่างพากันหันมองไป คิดไม่ถึงปีนี้ฉู่อ๋องเองก็เข้าร่วมทายปริศนาโคมไฟด้วยกัน?เดิมทีฉู่จวินถิงและฉู่อวิ๋นกุยไม่อยากตกเป็นที่สนใจ จงใจอยู่ห่างออกไปที่มุมหนึ่งกับฉู่มู่เหยาและซ่งรั่วเจิน ไม่ให้คนสังเกตเห็นอย่างง่ายดาย จู่ๆ ถังเสวี่ยหนิงก็ตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน ไม่อยากให้ตกเป็นที่สนใจก็ยากแล้ว“แม่นางถังกล้าหาญยิ่งนัก ถึงขั้นกล้าพูดว่าฉู่อ๋องทำผิดฎ?”“ข้าคิดว่าแม่นางถังพูดได้ไม่ผิด ฉู่อ๋องช่วยองค์หญิงหกจริง นี่ไม่ยุติธรรมต่อพวกเรานี่นา!”ถังเสวี่ยหนิงเห็นทุกคนสนับสนุนตน เกิดความมั่นใจขึ้นภายในใจนางเคยได้ยินมารดาพูดว่า ฉู่อ๋องไม่ยอมแต่งงาน คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ล้วนถูกปฏิเสธ น่ากลัวว่าเป็นเพราะฉู่อ๋องชอบพวกนอกรีตซ่งรั่วเจินก็เป็นพวกนอกรีตมิใช่หรือ?ถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัลในวันแต่งงาน นี่ถึงเรียกความสนใจจากฉู่อ๋องได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ต้องอาศัยเรื่องนี้ทำให้ฉู่อ๋องล่วงรู้ความพิเศษของนางซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางมั่นในเต็มเปี่ยมของถังเสวี่ยหนิงเช่นนั้น ภายในสมองนึกถึงนิยายเรื่องอื่นที่ได้อ่านยามว่างก่อนทะลุมิติเข้ามา แม่นางบุปผาขาวใสซื่อบริสุทธิ์จิตใจดี ไม่มี
ถังเสวี่ยหนิงอึดอัดใจมาก รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างอดไม่ได้ นางร้อนใจเกินไปบ้างจริงๆเพราะซ่งรั่วเจินทำลายแผนของนางอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งหมดล้วนผิดเพี้ยนไป ยิ่งรีบยิ่งผิด น่ากลัวว่าอีกเดี๋ยวภาพประทับใจภายในใจฉู่อ๋องต้องถูกทำลายเป็นแน่นางฝืนใจเย็นลง ในเมื่อทำผิดพลาดไป นั่นก็ไม่สามารถทำผิดแล้วผิดอีกได้ มิเช่นนั้นอยากหาโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมาก็ยากแล้ว“ขออภัยเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันไม่เข้าใจสถานการณ์เอง” ถังเสวี่ยหนิงพูดยอมรับผิดฉู่มู่เหยาเห็นภาพนี้ก็โมโหขึ้นมาบ้างแล้ว “แม่นางถัง ภายภาคหน้าดีร้ายอย่างไรก็ต้องดูให้ดีก่อนคิดสวมหมวก แต่ไหนแต่ไรมาเสด็จพี่สามข้าสง่าผ่าเผย”“บัดนี้เป็นเพียงทายปริศนาโคมไฟเท่านั้น เสด็จพี่สามยังต้องทำผิดกฎกติกาเพราะเรื่องนี้ รังแกราษฎร์ น่าขันเกินไปจริงๆ!”แต่ไหนแต่ไรมาฉู่มู่เหยาเคารพเลื่อมใสฉู่จวินถิง ในฐานะองค์หญิงย่อมรู้ว่าหากไม่คลี่คลายข่าวลือให้ชัดเจน เช่นนั้นผลที่ตามมาก็คือทำลายชื่อเสียงของเสด็จพี่สามสีหน้าถังเสวี่ยหนิงเผือดซีด ย่อมรับรู้ถึงความไม่เหมาะสม “ล้วนเป็นความผิดของหม่อมฉัน ขออภัยด้วยเพคะ”“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าขอขมา อยู่ห่างออกไปสักหน่อย”
ณ สกุลฉินฉินซวงซวงรออยู่นานจนกระทั่งบิดามารดาและฉินเซี่ยงเหิงกลับมาในที่สุด เร่งเอ่ยถาม “สถานการณ์เป็นเช่นไร? เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นความคิดของอวิ๋นซีหว่าน เหตุใดจึงเดือดร้อนพวกเราได้เล่า?”ใบหน้าฉินเซี่ยงเหิงยังมีรอยข่วนจากอวิ๋นซีหว่าน ยังไม่ต้องพูดว่ายามเผชิญหน้ากันที่ศาลาว่าการ มารดาของอวิ๋นซีหว่านเองก็ตีเขาอีกด้วยเขาเป็นบัณฑิตคนหนึ่ง เพิ่งได้รับอันดับสามในการสอบฤดูใบไม้ผลิ ก็ถูกแม่ลูกคู่นี้ตบตีไปคนละรอบ แม้ว่าสุดท้ายกลับมาได้เพราะไม่มีหลักฐาน แต่กลับเสียหน้าไปจนหมดสิ้นแล้ว“เจ้ากลับหนีเก่งยิ่งนัก หากเรื่องนี้มิใช่เจ้าพูดจาส่งเดชต่อหน้าอวิ๋นซีหว่าน ไฉนเลยข้าจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย?”ฉินซวงซวงได้รู้ว่าศาลาว่าการตัดสินให้เรื่องนี้เป็นความผิดของอวิ๋นซีหว่าน เพียงว่ากล่าวตักเตือนฉินเซี่ยงเหิงหนึ่งรอบ ก็ปล่อยพวกเขากลับมาแล้ว นี่ถึงถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งโชคดีครั้งนี้นางฉลาด เพียงชี้แนะอวิ๋นซีหว่าน จับตามองอยู่ทางด้านข้าง มิได้ลงมือด้วยตนเอง หาไม่แล้วครั้งนี้ต้องหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน“ข้าก็พูดคำเหล่านั้นจริงนั่นล่ะ แต่ข้าก็ทำเพราะหวังดีต่อท่านมิใช่หรือ? ใครให้อวิ๋นซีหว่า
เพียงฉินซวงซวงได้ยินก็ร้อนใจอย่างอดไม่ได้ พูดว่า “ท่านแม่ ท่านพูดว่าจะช่วยหาหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ บัดนี้หาวิธีพบแล้วหรือไม่?”“ข้ามิได้กลับไปหลายวันแล้ว จือเยว่กำลังโมโหย่อมไม่มารับข้า ข้าต้องหาวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์จึงจะสามารถกลับไปได้นะเจ้าคะ!”แม้นางไม่เชื่อคำพูดของเหอเซียงหนิง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนับตั้งแต่ได้ยิน ก็รู้สึกกังวลภายในใจ“วางใจเถอะ ข้าหาพยานพบแล้ว จะต้องสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้อย่างแน่นอน สกุลเหยาเองก็ต้องชดใช้!” กู้อวิ๋นเวยพูดได้ยินดังนั้น ฉินซวงซวงดีใจขึ้นมา “จริงหรือ?”“แม่เจ้าจัดการงานได้ดีกว่าเจ้ามากนัก นางพูดว่าทำได้ก็ย่อมสามารถทำได้”สายตายามฉินเจิงสบมองกู้อวิ๋นเวยเปี่ยมความพึงพอใจ “สำหรับหลินจือเยว่ ตอนนี้เขาไม่มีอะไรแล้ว หากไม่ยินดีให้เจ้ากลับไปจริง เจ้าก็อาศัยโอกาสนี้แต่งกับเหยาจิ่นเฉิงไปเสียเลย”“อะไรนะ?” สีหน้าฉินซวงซวงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ลูกไม่มีวันแต่งกับเหยาจิ่นเฉิง”“เหยาจิ่นเฉิงดีกว่าหลินจือเยว่ในตอนนี้มากนัก เจ้าแต่งกับเขาก็สามารถสร้างชื่อเสียงกลับมาได้ ตรงข้ามกันยังมีชีวิตดีกว่าอยู่กับหลินจือเยว่ต่อไปเสียอีก”“เจ้าคิดดูให
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต