“แม่นางซ่ง ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือเนี่ย!”ครั้นฉู่อวิ๋นกุยเห็นซ่งรั่วเจิน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา นางในดวงใจของเสด็จพี่สามคือแม่นางซ่งจริงๆ ด้วย!ส่วนถังเสวี่ยหนิง...คงมาเจอกันโดยบังเอิญกระมัง?ซ่งรั่วเจินแสดงคารวะ “คารวะอวิ๋นอ๋องเพคะ”ฉู่จวินถิงเห็นนางมาแล้วก็เอ่ยแนะนำ “นี่คือน้องหญิงหกของข้าเอง...ฉู่มู่เหยา”“คารวะองค์หญิงหกเพคะ”ซ่งรั่วเจินกระจ่างใจแล้ว องค์หญิงหกก็ถือกำเนิดจากฮองเฮาเหมือนกัน เป็นน้องสาวที่ฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องเอ็นดูมากที่สุด“เจ้าคือแม่นางซ่งผู้โด่งดังในช่วงนี้เองหรือนี่!”พอฉู่มู่เหยาได้ยินชื่อซ่งรั่วเจิน ดวงตาก็พลันเป็นประกาย “ข้าอยู่ในวังก็ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับเจ้ามามากทีเดียว สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ”“แต่เจ้าหน้าตางดงามเพียงนี้ หลินจือเยว่ยังถอนหมั้นกับเจ้า เขาตาบอดหรือเปล่านะ?”ความประหลาดใจวาบผ่านดวงตาซ่งรั่วเจินเนื่องจากเสียเวลาในจวนสกุลหลินไปสองปี ทั้งยังถอนหมั้นอย่างอาจหาญ คนมากมายในเมืองหลวงล้วนเยาะเย้ยดูถูกดูแคลนนางลับหลังเดิมนึกว่าฉู่มู่เหยาอาจเป็นเช่นนั้น คิดไม่ถึงว่านางจะมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้“ตาไม่มีแว
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้อีกเลย ไม่คาดคิดว่าในวันนี้จะยังได้ยินได้ฟังคำพูดไร้แก่นสารเช่นนี้ได้อีกจบคำ ฉู่จวินถิงก็ยื่นโคมกระต่ายในมือตนออกไปถังเสวี่ยหนิงเห็นฉู่จวินถิงต่อว่าเถียนเจียวเจียวเช่นนี้แล้ว ในใจก็เกิดไม่พอใจขึ้นมาบ้าง ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าท่านอ๋องแต่ไหนแต่ไรมาก็มักเข้มงวดอยู่เสมอ ยามนี้ที่เขาไม่พูดอะไรมาก ที่จริงแล้วก็เพื่อเป็นการรักษาเกียรติของนางเองเห็นเขายื่นโคมกระต่ายส่งมาให้เช่นนี้แล้ว ในใจก็เกิดหวานล้ำสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง แม้จะมิใช่โคมดอกบัว แต่หม่อมฉันก็ชอบโคมกระต่ายนี้ไม่น้อยเลย”ถังเสวี่ยหนิงกล่าวด้วยใบหน้าประดับยิ้ม ยื่นมือออกเตรียมจะรับโคมไฟกระต่ายนั้นมาแต่ขณะที่นางยื่นมือออกไปอยู่นี้เอง ฉู่จวินถิงกลับยกโคมขึ้นสูง ทำให้สองมือของถังเสวี่ยหนิงคว้าได้ก็แต่เพียงอากาศธาตุ“คุณหนูถัง ข้ามิได้สนิทสนมกับเจ้าถึงเพียงนั้น เจ้าชอบโคมเช่นใดย่อมมิเกี่ยวอันใดกับข้า ส่วนโคมนี้ข้าตั้งใจซื้อให้กับรั่วเจิน”น้ำเสียงเย็นเยียบไร้ซึ่งความอ่อนโยนของชายหนุ่ม อีกทั้งแววตาคมกริบที่อัดแน่นด้วยความเย็นชา ราวกับถึงขอบเขตขีดจำกัดจวนเจี
“เสด็จพี่ห้า เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ฉู่มู่เหยาส่งสายตาเป็นนัยไปทางฉู่อวิ๋นกุย ในใจเต็มด้วยความสงสัยเสด็จพี่สามถึงกับซื้อโคมกระต่ายให้คุณหนูซ่ง ทั้งยังเร่งเร้าอยากจะตัดสัมพันธ์กับคุณหนูถังโดยเร็ว!นับเป็นเรื่องหาได้ยากยิ่งโดยแท้!“เสด็จพี่สามทำตัวผิดแปลกไปเช่นนี้ ยังจะเป็นเรื่องใดได้อีกเล่า?” ฉู่อวิ๋นกุยเลิกคิ้วขึ้นพลางกระหยิ่มยิ้มย่องฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง หากเป็นเช่นที่นางคิดเอาไว้จริงๆ ก็นับเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวต้นเหล็กออกดอกแท้ๆ เชียว!ฉู่จวินถิงเห็นว่าเมื่อซ่งรั่วเจินเดินออกมาจากร้านค้าแล้ว ใบหน้าหมดจดสดใสของนางก็กลับเย็นชาขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรแท้ๆ แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองที่สู้อุตส่าห์ใกล้ชิดกันขึ้นมาบ้างแล้วพลันกลับไปห่างเหินภายในเวลาอันแสนสั้น“ท่านอ๋อง หากมิมีธุระใดแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวเพคะ” แววตาของซ่งรั่วเจินฉายแววจริงจัง หลายวันมานี้ฉู่จวินถิงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี จนทำให้รู้สึกสนิทสนมเคยคุ้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทว่าการปรากฏตัวของถังเสวี่ยหนิงในวันนี้ทำให้นางกลับมาฉุกคิดได้อีกครั้งบัดนี้กำลังมีการทาบทามสมรสอยู่ระหว่างคนสองคน นางกับท่านอ๋องออกเที่ยวด
ซ่งรั่วเจินที่แต่งงานและล้มเลิกงานแต่งในวันเดียวกันก็นับว่าพบได้ไม่บ่อยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคู่หมั้นคู่หมายของซ่งอี้อันที่กลับไปมีสัมพันธ์ลับกับฉินเซี่ยงเหิงก่อนจะได้แต่งงาน ผู้คนต่างพากันสงสารซ่งอี้อันที่ได้รับบาดเจ็บจนสูญเสียดวงตาเพราะต้องการปกป้องคู่หมั้น ใครเล่าจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้วก็เป็นชู้รักของจ้าวซูหว่านนี้เองแหละที่ทำร้ายซ่งอี้อัน...ตอนแรกที่จำได้ ก็เพราะรู้สึกว่าสกุลซ่งช่างโชคร้ายโดยแท้ จึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับคนในตระกูลต่อเนื่องกันไม่หยุดยั้ง จนถึงขั้นมีคนพูดกันไปว่าสกุลซ่งคงไปสิ่งใดล่วงเกินสิ่งชั่วร้ายเข้า เลยทำให้ดวงตกได้ถึงเพียงนี้ทว่าจนถึงวันนี้ทุกสิ่งก็กลับตาลปัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากคุณหนูซ่งกับเสด็จพี่สามได้ครองคู่เป็นฝั่งเป็นฝา อนาคตของสกุลซ่งก็ยิ่งไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป“ขอบพระทัยคำอวยพรขององค์หญิงเพคะ”ซ่งรั่วเจินรู้ดีว่าด้วยความสามารถของซ่งอี้อันแล้ว เมื่อได้เข้ารับราชการย่อมต้องสร้างผลงานได้เป็นแน่ อีกไม่กี่วันเมื่อพี่ใหญ่ไปสู่ขอกับสกุลลั่วแล้วก็จะกลับไปรับตำแหน่งยังราชสำนักอีกครั้งฉู่มู่เหยาสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินคล้ายจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เ
ฉู่อวิ๋นกุยชะงักไปเล็กน้อย “เสด็จพี่คิดจะบอกเสด็จแม่ตามตรงว่าท่านชอบพอคุณหนูซ่งหรือ? เกรงว่าเสด็จแม่จะมิอาจยอมรับได้ง่ายๆ กระมัง”แม้เขาจะดีใจที่เสด็จพี่สามได้พบนางในใจ แต่เมื่อนึกให้ดีแล้วทางฟากด่านของเสด็จแม่นั้นเกรงว่าจะไม่ง่ายดายหากแม่ทัพซ่งยังมีชีวิตอยู่ และคุณหนูซ่งไม่เคยประสบพบพานการถอนหมั้นหมาย ไม่แน่ว่าอาจพอมีโอกาสอยู่บ้าง ทว่าจวบจนบัดนี้แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสด็จแม่จะยินยอมเห็นด้วย“มิเช่นนั้น…หรือจะให้คุณหนูซ่งเป็นชายารอง?”“หากเป็นชายารองแล้วล่ะก็ ไม่แน่ว่าเสด็จแม่อาจยินยอมก็เป็นได้ เสียก็แต่หากเป็นเช่นนั้นข้าคิดว่าด้วยนิสัยคุณหนูซ่ง นางอาจจะมิยินยอมตกปากรับ”ฉู่อวิ๋นกุยยังจำได้ดีว่าก่อนนี้ที่หลินจือเยว่ต้องการจะแต่งฉินซวงซวงเข้าไปในฐานะภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันซ่งรั่วเจินก็ยืนยันจะถอนหมั้นหมายในทันทีจะดีจะร้ายอย่างไรก็ยังเป็นถึงภรรยาเอก ถึงแม้ฉินซวงซวงจะได้เป็นภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน ทว่าท้ายที่สุดก็ยังเป็นเพียงอนุภรรยาอยู่วันยังค่ำแม้จะเป็นเช่นนั้นคุณหนูซ่งก็ยังไม่ยินยอม หากบัดนี้จะต้องมาเป็นชายารอง ต่อให้เสด็จพี่สามจะสูงศักดิ์เสียยิ่งกว่าหลินจือเ
“นี่ยังจะโทษข้าอยู่อีกหรือ! ตอนนั้นความหมายของเจ้ามิใช่จะบอกว่าฉู่อ๋องฝ่าบาทตั้งใจมาหาเจ้าเองหรอกหรือ?”เถียนเจียวเจียวถึงโกรธเสียจนหัวร่อ ท่าทางของถังเสวี่ยหนิงในตอนนั้นดูมาดมั่นมั่นใจในชัยชนะตนเป็นยิ่ง จนนางเข้าใจผิดไปเองว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ธรรมดาหรือนางไม่ละอายแก่ใจบ้างเลยสักนิด?นางถึงขั้นออกปากช่วยพูดแทนถังเสวี่ยหนิง ทั้งยังโดนฉู่อ๋องตำหนิด้วยเหตุนี้เอง!“พอเถอะ ข้าก็แค่เผลอพูดไปเพียงเพราะโทโสครอบงำก็เท่านั้น เจ้าอย่าได้โกรธไปเลยนะ”ถังเสวี่ยหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่จึงได้กดเก็บระงับความโกรธลงไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดูว่าซ่งรั่วเจินคิดจะใช้เล่ห์กลไม้ใดอีก นางยังต้องมีเถียนเจียวเจียวคอยช่วยอยู่ด้วยกันว่าพลางก็ถอดเอากำไลหยกบนข้อมือของตนยื่นให้ไป“กำไลหยกวงนี้ถือเสียว่าเป็นคำขอโทษจากข้า พวกเราไปทายปริศนาโคมไฟด้วยกันเถิด!”เถียนเจียวเจียวมองกำไลหยกตรงหน้า เป็นหยกคุณภาพดียิ่งนัก ก่อนนี้ยามที่ถังเสวี่ยหนิงสวมเอาไว้ก็ถูกตาต้องใจนางเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่านางจะนำมามอบให้ตนเองเช่นนี้ได้ ความเคืองโกรธในใจก็พลันมลายหายไปสิ้น ไม่นานนักซ่งรั่วเจินก็เดินทางมาถึงสถานที่
ถ้อยคำนี้โดนใจถังเสวี่ยหนิงพอดีนางคิดว่าเหตุที่ฉู่อ๋องเย็นชาต่อนางเพียงนี้ ก็เพราะไม่คุ้นชินกับนาง อีกทั้งยังไม่รู้ความสามารถและความนัยของนางอาศัยโอกาสในวันนี้ เปิดเผยความสามารถล้ำเลิศต่อหน้าคนมากเพียงนี้ เชื่อว่าฉู่อ๋องเองก็ต้องประทับใจในตัวนางเฉกเดียวกันจากนั้นขณะซ่งรั่วเจินเขียนคำตอบของปริศนาโคมไฟสิบข้อ ฝ่ายหลังเผยสีหน้าแปลกใจ “เจ้าตอบออกมาได้เร็วเพียงนี้เชียวหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “หม่อมฉันมีความสนใจต่อปริศนาโคมไฟเพคะ”ฉู่มู่เหยามีสีหน้าขมปร่า “อันนี้ข้ายังเดาไม่ออก เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืออะไร?”ซ่งรั่วเจินช้อนตามองไป เห็นหัวข้อ...บุปผาบานสะพรั่งตระการตาล้วนคือวสันตฤดู จึงตอบ ‘บันทึกสื่อจี้’ หนึ่งประโยค“น่าจะเป็นความรุ่งเรืองในครานั้นเพคะ”ถังเสวี่ยหนิงเตรียมขยับขึ้นมาช่วยไขปริศนายังไม่ทันเอ่ยปาก ก็มองเห็นซ่งรั่วเจินพูดออกมาแล้ว หน้าบึ้งในทันใดคิดไม่ถึงสตรีคนนี้ยังมีความสามารถอยู่บ้าง!“เป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย!” ดวงตาฉู่มู่เหยาทอประกายระยับ ตบศีรษะอย่างอดไม่ได้ “เหตุใดข้าคิดไม่ถึงกันเล่า?”“องค์หญิงฉลาดหลักแหลมเพียงนี้ เพียงคิดไม่ออกไปชั่วขณะเท่านั้นเพคะ”ซ่งร
เถียนเจียวเจียวชะงักไป เดิมทีคิดว่าซ่งรั่วเจินจะทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต หาทางรับคำ อีกเดี๋ยวทำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นที่ขบขันใครคิดเล่าว่าสตรีคนนี้ไม่ตกหลุมพราง ยอมรับต่อหน้าคนมากเพียงนี้อย่างผ่าเผย ตรงข้ามกันทำให้นางไม่มีทางลงจากเวที!“ก่อนนี้ข้าเคยเห็นเถียนเจียวเจียวทายปริศนาโคมไฟมาก่อน แม้แต่รอบแรกก็ไม่ผ่าน ยังอาศัยพี่สาวนางเถียนจื่ออี๋เข้ารอบสอง ตอนนี้ถึงขั้นพูดเหลวไหลว่าจะแย่งที่หนึ่งมากระนั้น?”“วันนี้พวกเจ้าไม่ได้ยินเรื่องครึกครื้นของสกุลซ่งหรือ? เถียนเจียวเจียวถูกหักหน้าที่สกุลซ่ง นี่คือตั้งใจวางอุบายแม่นางซ่งอย่างไรเล่า!”“เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ตนทำพลาดไป สรุปคือไม่สำนึกแก้ไขเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันยังเกลียดแม่นางซ่งอีกด้วย?”เสียงหัวเราะดังออกจากกลุ่มคนเป็นระลอกๆ เดิมทีวันนี้สกุลซ่งครึกครื้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดเรื่องชุลมุลวุ่นวายเพียงนั้น ใครบ้างไม่รู้?ทีแรกคิดว่าเถียนเจียวเจียวขายหน้าในช่วงกลางวันไปแล้ว ตกกลางคืนจะอับอายจนไม่กล้าออกจากบ้านเสียอีก ใครคิดเล่าว่าจะได้พบหน้ากันว่องไวเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังต้องการวางอุบายซ่งรั่วเจินอีกด้วยเถียนเจียวเจียวคิดเพียงอยากทำให้ซ่งรั่ว
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข