“เจ้ารับข้าไว้อะไรกัน?”เหอเซียงหนิงขึ้นเสียงแหลม “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกต่ำถึงขั้นนี้งั้นรึ?”“ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า เงินนี่ให้เจ้า เจ้าก็ไปซื้อเองก็แล้วกัน!”ฉินซวงซวงส่งเงินก้อนหนึ่งให้เหอเซียงหนิงอย่างดูถูก ตอนนี้นางสนใจแค่ว่าเรื่องอวิ๋นซีหว่านจะพัวพันมาถึงนางหรือไม่เท่านั้นนางไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่พูดต่อหน้าอวิ๋นซีหว่านไม่กี่ครั้ง อวิ๋นซีหว่านไม่มีหลักฐาน คงไม่พัวพันมาถึงนางหรอก...“ข้าไปเองก็ได้!”เหอเซียงหนิงรับเงินมา รู้สึกว่าฉินซวงซวงขี้เหนียวเกินไปแล้วเดิมนั้นคิดว่าจะให้ฉินซวงซวงหาเรือนข้างนอกสักหลังให้นางพัก แต่คนขี้เหนียวคนนี้กลับไม่อยากจ่ายเงินมากมายให้นาง จึงให้นางพักอยู่ในจวนสกุลฉินหลังเรื่องที่ตรอกหย่งอัน นางราวกับหนูบนถนนอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีหน้าออกไปเจอคนอื่นเลยสักนิดอยู่ในจวน สายตาที่ทุกคนมองนางก็แปลกประหลาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางที่ชักสีหน้าให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งโตมาจนป่านนี้ นางเคยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมขนาดนี้เสียเมื่อไร?“ซวงซวง ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะ ช่วงหลายวันนี้เจ้าอยู่แ
ฉินจื้อหย่วนเห็นคนกำลังจะล้มจึงเข้าไปประคองคนโดยไม่ทันคิด ผลคือหญิงสาวถลาเข้ามาในอ้อมอกเขาสัมผัมนุ่มนิ่มละมุนละไมซ่านออกมาจากบริเวณทรวงอก ก้มหน้าลงเล็กน้อยก็สบเข้ากับดวงตากระจ่างใสของหญิงสาว“คุณชายฉิน ขอโทษเจ้าค่ะ”เหอเซียงหนิงแสร้งเป็นตกใจทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าดวงน้อยเต็มไปด้วยความกังวล รีบร้อนกลับไปยืนให้มั่นคง แต่ความเจ็บกลับซ่านมาจากฝ่าเท้า ทำให้คนล้มลงไปทั้งตัวอีกครั้งมือทั้งสองของนางทาบอยู่บนทรวงอกฉินจื้อหย่วน ร่างทับอยู่บนตัวเขา ระหว่างดิ้นขลุกขลักอยู่นั้น สัมผัสนุ่มนิ่มบนทรวงอกก็ไปกระตุ้นประสาทรับรู้ของชายหนุ่มปฏิกิริยาแรกของฉินจื้อหย่วนตอนได้สติคืนมาคืออยากผลักเหอเซียงหนิงออกไป แต่จนใจที่หญิงสาวในอ้อมอกเนื้อตัวนุ่มนิ่มเหลือเกิน ภรรยาของตนเองก็ไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว...“แม่นางเหอ เจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าไปส่งเจ้ากลับห้องก่อนดีหรือไม่?”“นี่ไม่ค่อยดีกระมัง?” เหอเซียงหนิงแสร้งสงวนท่าที น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังอ่อนแอน่าสงสาร“วันนี้ข้าตั้งใจว่าจะออกไปซื้อผ้าห่ม ถ้าไปไม่ได้เกรงว่าคืนนี้คงไม่ได้หลับดีๆ เสียแล้ว”“เรื่องนี้ยากตรงไหนกัน? ข้าสั่งให้ข้ารับใช้ช่วยไปซื้อให้เจ้าก็ได
สายลมโชยผ่านมา พัดชายแขนเสื้อของชายหนุ่มโบกไหวดวงตาดำขลับดุจนิลมณีในชั่วยามนี้ประหนึ่งบรรจุดวงดาวพราวฟ้าเอาไว้ในนั้น คำชมที่กล่าวออกมาจากริมฝีปากของฉู่จวินถิงเหมือนมีมนต์สะกด บันดาลให้พวงแก้มของซ่งรั่วเจินร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวนางรู้ว่าตนเองมีรูปโฉมไม่เลว ปกติก็ได้ยินคำชมมาไม่น้อย แต่กลับไม่มีครั้งไหนที่มีพลังพิฆาตเท่าวาจาประโยคเดียวของฉู่จวินถิงนี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน?จู่ๆ ท่านอ๋องเดียวดายผู้เย็นชาไร้รักก็กล่าววาจาชมเชยปุบปับแบบนี้ พลังพิฆาตระเบิดตูม ใครเลยจะต้านทานไหว?ซ่งรั่วเจินกะพริบตา เห็นฉู่จวินถิงไร้ทีท่าจะเปลี่ยนคำพูด ตรงกันข้าม ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมองนางนิ่งๆ โดยไร้ท่าทีหลบสายตาแม้แต่น้อย“วันนี้ท่านอ๋องก็รูปงามมากเหมือนกันเพคะ” ซ่งรั่วเจินข่มหัวใจที่เต้นรัวเอ่ยชมกลับไปฉู่จวินถิงสังเกตเห็นสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติของหญิงสาว แม่นางที่ปกติเปี่ยมอุบายความคิดปล่อยตัวตามสบาย เวลานี้กลับหลบสายตา ปรางแก้มแดงเรื่อ แลดูงามพริ้มเพราเป็นพิเศษเขาหัวเราะเสียงทุ้มพลางเลิกคิ้วชวนมอง “แค่วันนี้เท่านั้นหรือ?”ซ่งรั่วเจิน “???”“ท่านอ๋องย่อมหล่อเหลาทุกวันอยู่แล้วเพคะ เพียงแต่คืนนี้หล
“อยู่ข้างหน้านี่เองขอรับ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”ซ่งรั่วเจินกำลังจะพยักหน้าก็ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่ม “ข้าจะไปซื้อเอง เจ้าลองดูว่ามีอันไหนที่ชอบอีกไหม”“เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องด้วยนะเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มบาง นางกำลังมองสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนแผง ไม่เพียงแต่มีโคมไฟ แต่ยังมีหน้ากาก สร้อยข้อมือไปจนถึงเครื่องประทินโฉมอีกด้วย เรียกได้ว่ามีสารพัดสิ่ง“คุณหนู อันนี้งามจริงเจ้าค่ะ อันนี้ก็งามเหมือนกัน!”เฉินเซียงติดตามอยู่ข้างกายคุณหนูของตน มองดูจนตาลายไปหมด รู้สึกว่าชิ้นไหนก็งามทั้งนั้น“ในเมื่อเจ้าชอบก็ยกให้เจ้าเป็นของขวัญก็แล้วกัน”ซ่งรั่วเจินเห็นเฉินเซียงมองสร้อยข้อมืออย่างถูกใจจนวางไม่ลงจึงซื้อชิ้นนั้นให้แม้ร้านค้าของตระกูลซ่งจะมีไม่น้อย มีทั้งร้านขายเครื่องประทินโฉมไปจนถึงเครื่องประดับ แต่ในโอกาสแบบนี้ก็ทำให้คนอยากจับจ่ายซื้อของขึ้นมา……เถียนเจียวเจียวอารมณ์บูดบึ้ง ถึงจะออกมาเดินเตร่ในเทศกาลงานวัดก็ยังมีสีหน้าบึ้งตึงเดิมอยากฉวยโอกาสกระชับความสัมพันธ์กับซ่งอี้อันระหว่างงานเลี้ยงที่จวนสกุลซ่ง ดีที่สุดคือได้เป็นสะใภ้สกุลซ่งผู้ใดจะคาดคิดว่าหลังถูกหร่วนเนี่ยนถังทำลาย
เถียนเจียวเจียวเหยียดริมฝีปาก ในใจอดจะอิจฉาไม่ได้ ถังเสวี่ยหนิงโชคดีจริงๆ ถ้าในอนาคตได้เป็นพระชายาของฉู่อ๋อง นั่นก็เรียกว่าไต่เต้าได้สูงอย่างไม่ธรรมดาแล้ว“ฉู่อ๋อง เสวี่ยหนิงอยู่ตรงนี้เพคะ!”เถียนเจียวเจียวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงยินดี ทำให้ถังเสวี่ยหนิงแสร้งเอ็ดอย่างไม่พอใจ “เจียวเจียว เจ้าอย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวคนก็มองหรอก”“ฉู่อ๋องมาด้วยตัวเองทั้งที ยังกลัวว่าจะถูกคนมองอีกหรือ? ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันอาจมีคำสั่งพระราชทานสมรสลงมาก็เป็นได้”ฉู่จวินถิงเข้าไปในร้านก็เริ่มมองหาโคมกระต่ายที่ซ่งรั่วเจินชอบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากข้างหน้าจึงเงยหน้ามองไปเป็นคนแปลกหน้าสองคนหนึ่งในแม่นางสองคนนั้นกำลังมองเขาด้วยความยินดี แม่นางอีกคนกลับมีสีหน้าเรียบเฉยครุ่นคิดเล็กน้อย ในความทรงจำเหมือนจะไม่มีสองคนนี้อยู่จึงเดินผ่านข้างกายคนทั้งสองไป“เถ้าแก่ เอาโคมกระต่ายอันนี้”ฉู่จวินถิงมองโคมตรงหน้าก็พบว่าเหลือโคมกระต่ายอันสุดท้ายเท่านั้นก็รู้สึกว่าโชคดียิ่งนัก“ได้เลย” เถ้าแก่รีบรับเงินแล้วส่งของให้อย่างเคารพนบนอบ “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”เถียนเจียวเจียวเห็นฉู่จวินถิงเดินผ่านพวกนางไปโดยไม่หยุดชะงักก
“วันดีๆ แบบนี้เป็นวันที่ชายหนุ่มควรชวนแม่นางออกไปเที่ยวข้างนอก ข้ามาเป็นเพื่อนเจ้าถือว่าไว้หน้าเจ้ามากแล้วนะ!”“เสด็จพี่ห้า ทำไมท่านมาเป็นเพื่อนข้า ข้ายังจะไม่รู้อีกหรือ? เพราะไม่มีผู้หญิงให้เชิญอย่างไรเล่าจึงได้แต่ออกมาด้วยกันกับข้า”ฉู่มู่เหยามีสีหน้ารังเกียจ “จะว่าไปแล้ว ปกติข้างกายท่านมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา ทำไมพอเสด็จแม่ถามท่านว่าต้องตาแม่นางคนไหนหรือไม่ ท่านถึงไม่บอกออกมาสักคนกันเล่า?”ฉู่อวิ๋นกุยสะอึก “เรียงตามลำดับอาวุโสเจ้าไม่รู้รึ? เสด็จพี่สามยังไม่แต่งงาน ข้าที่เป็นน้องชายชิงแต่งก่อนนับเป็นอะไร?”“ดังนั้นถึงได้ยิ่งควรไปเชิญเสด็จพี่สามออกมาอย่างไรเล่า เอาแต่อยู่ในจวนทั้งวัน แล้วจะไปเจอสตรีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยามุ่ยปาก “ข้าได้ยินว่าเสด็จแม่คิดจะประทานสมรสให้เสด็จพี่สามกับถังเสวี่ยหนิงลูกสาวของอัครเสนาบดี ท่านคิดเห็นอย่างไร?”“ไม่ต้องคิด ไม่มีโอกาสหรอก”ฉู่อวิ๋นกุยยกมือ วันนี้ใช่ว่าเขาไม่ได้ไปจวนฉู่อ๋อง พอไปแล้วถึงได้รู้ว่าเสด็จพี่สามที่ยามปกติคร้านจะออกไปข้างนอกในวันแบบนี้กลับออกจากจวนไปแล้ว ยังไปเชิญแม่นางซ่งไปเที่ยวด้วยกันอีกด้วย!ถ้ายังไม่เข้าใจอีกว่าเรื่องนี้หมายค
“แม่นางซ่ง ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือเนี่ย!”ครั้นฉู่อวิ๋นกุยเห็นซ่งรั่วเจิน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา นางในดวงใจของเสด็จพี่สามคือแม่นางซ่งจริงๆ ด้วย!ส่วนถังเสวี่ยหนิง...คงมาเจอกันโดยบังเอิญกระมัง?ซ่งรั่วเจินแสดงคารวะ “คารวะอวิ๋นอ๋องเพคะ”ฉู่จวินถิงเห็นนางมาแล้วก็เอ่ยแนะนำ “นี่คือน้องหญิงหกของข้าเอง...ฉู่มู่เหยา”“คารวะองค์หญิงหกเพคะ”ซ่งรั่วเจินกระจ่างใจแล้ว องค์หญิงหกก็ถือกำเนิดจากฮองเฮาเหมือนกัน เป็นน้องสาวที่ฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องเอ็นดูมากที่สุด“เจ้าคือแม่นางซ่งผู้โด่งดังในช่วงนี้เองหรือนี่!”พอฉู่มู่เหยาได้ยินชื่อซ่งรั่วเจิน ดวงตาก็พลันเป็นประกาย “ข้าอยู่ในวังก็ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับเจ้ามามากทีเดียว สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ”“แต่เจ้าหน้าตางดงามเพียงนี้ หลินจือเยว่ยังถอนหมั้นกับเจ้า เขาตาบอดหรือเปล่านะ?”ความประหลาดใจวาบผ่านดวงตาซ่งรั่วเจินเนื่องจากเสียเวลาในจวนสกุลหลินไปสองปี ทั้งยังถอนหมั้นอย่างอาจหาญ คนมากมายในเมืองหลวงล้วนเยาะเย้ยดูถูกดูแคลนนางลับหลังเดิมนึกว่าฉู่มู่เหยาอาจเป็นเช่นนั้น คิดไม่ถึงว่านางจะมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้“ตาไม่มีแว
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้อีกเลย ไม่คาดคิดว่าในวันนี้จะยังได้ยินได้ฟังคำพูดไร้แก่นสารเช่นนี้ได้อีกจบคำ ฉู่จวินถิงก็ยื่นโคมกระต่ายในมือตนออกไปถังเสวี่ยหนิงเห็นฉู่จวินถิงต่อว่าเถียนเจียวเจียวเช่นนี้แล้ว ในใจก็เกิดไม่พอใจขึ้นมาบ้าง ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าท่านอ๋องแต่ไหนแต่ไรมาก็มักเข้มงวดอยู่เสมอ ยามนี้ที่เขาไม่พูดอะไรมาก ที่จริงแล้วก็เพื่อเป็นการรักษาเกียรติของนางเองเห็นเขายื่นโคมกระต่ายส่งมาให้เช่นนี้แล้ว ในใจก็เกิดหวานล้ำสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง แม้จะมิใช่โคมดอกบัว แต่หม่อมฉันก็ชอบโคมกระต่ายนี้ไม่น้อยเลย”ถังเสวี่ยหนิงกล่าวด้วยใบหน้าประดับยิ้ม ยื่นมือออกเตรียมจะรับโคมไฟกระต่ายนั้นมาแต่ขณะที่นางยื่นมือออกไปอยู่นี้เอง ฉู่จวินถิงกลับยกโคมขึ้นสูง ทำให้สองมือของถังเสวี่ยหนิงคว้าได้ก็แต่เพียงอากาศธาตุ“คุณหนูถัง ข้ามิได้สนิทสนมกับเจ้าถึงเพียงนั้น เจ้าชอบโคมเช่นใดย่อมมิเกี่ยวอันใดกับข้า ส่วนโคมนี้ข้าตั้งใจซื้อให้กับรั่วเจิน”น้ำเสียงเย็นเยียบไร้ซึ่งความอ่อนโยนของชายหนุ่ม อีกทั้งแววตาคมกริบที่อัดแน่นด้วยความเย็นชา ราวกับถึงขอบเขตขีดจำกัดจวนเจี
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน