“คุณหนู เมื่อครู่อยู่ดีๆ ท่านก็ไปช่วยคุณหนูเถียนทำไมเจ้าคะ?”“ปกติท่านและแม่นางเถียนก็มีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อกัน ก่อนนี้นางยังพูดล่วงเกินท่าน ท่านจะใจดีเพียงนี้ไม่ได้ ครั้งนี้ถูกนางทำให้เดือดร้อนจนตกน้ำไปพร้อมกัน”สีหน้าเซียงหลานเป็นกังวล หากคนตกน้ำเป็นคนอื่นก็ช่างเถอะ ปกติเถียนเจียวเจียวบาดหมางกับคุณหนู ตอนนี้ตกน้ำเพราะช่วยนาง แม้แต่คำขอบคุณก็ไม่มี“เป็นข้าไม่ประมาณกำลังตน เดิมทีก็ไม่อยากทำลายงานเลี้ยงของสกุลซ่ง คิดไม่ถึงลงท้ายแม้แต่ตนเองก็ตกน้ำไปด้วย”หร่วนเนี่ยนถังนึกขึ้นได้ว่าก่อนนี้ได้ยินแผนของเถียนเจียวเจียวและเถียนจื่ออี๋ พวกนางตั้งใจเลือกตกน้ำบริเวณที่ซ่งอี้อันอยู่ไม่ไกล เพราะก่อนนี้ได้ยินว่าซ่งอี้อันว่ายน้ำเป็นหลังตกน้ำแล้ว ขอเพียงซ่งอี้อันกระโดดลงไปช่วยคน เถียนเจียวเจียวก็จะสามารถอาศัยโอกาสนี้พึ่งพาซ่งอี้อันเพราะเหตุนี้นางถึงอยากเข้าไปห้าม คิดไม่ถึงถึงขั้นถูกเถียนเจียวเจียวลากลงไปด้วยกัน...“คุณหนู บ่าวกล้ารับประกันเถียนเจียวเจียวคนนั้นไม่มีวันขอบคุณ เมื่อครู่นางยังขวางคนเข้าไปช่วยท่านอีกด้วย”“หากแม่นางซ่งไปช้ากว่านี้อีกนิด บ่าวกังวลว่าท่านจะ...”หร่วนเนี่ยนถังคลี่
“แม่นางซ่ง คุณหนูบ้านข้าไม่มีวันผลักคุณหนูเถียนเป็นอันขาดเจ้าค่ะ ตอนนั้นบ่าวอยู่ด้านข้างล้วนเห็นความจริง นางต้องการช่วยคน!”ชุนหลานร้อนใจแทนคุณหนูของตน “คุณหนูเถียนไร้ยางอายเกินไปแล้ว เหตุใดหาเรื่องกลับได้เล่า?”ใบหน้าเล็กของหร่วนเนี่ยนถังเผือดซีดคิ้วขมวดแน่น สายตากลับมุ่งมั่น “ข้ามิได้ผลักนาง เป็นพวกเขาปรักปรำข้า”“ไม่ต้องร้อนใจ พวกเราออกไปดูก่อนเถอะ”ซ่งรั่วเจินเห็นหร่วนเนี่ยนถังมองดูแล้วแม้อ่อนแอบอบบาง แต่เผชิญหน้ากับเรื่องพรรค์นี้กลับไม่ว้าวุ่นรับมือไม่ทัน ก็รู้ว่านางเองก็เป็นคนมีความคิดคนหนึ่งหลังทั้งสองมาถึงด้านนอก เถียนเจียวเจียวก็โวยวายตั้งแต่แรกแล้ว“เดิมทีข้าก็ยืนอยู่ที่นี่ดีๆ ปรากฏว่าแม่นางหร่วนเดินเข้ามาและผลักข้าลงไปอย่างกะทันหัน ครู่ต่อมาข้าจึงจับแขนเสื้อนางไว้ นี่ถึงลากนางลงไปพร้อมกัน”เถียนเจียวเจียวแสร้งเสียใจบีบน้ำตา “พวกท่านเป็นเมื่อครู่ข้าจงใจ ข้ายอมรับข้าโมโหจริง แต่นางผลักข้าตกน้ำท่ามกลางทุกคน อยากให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของคนมากเพียงนี้ หรือข้าจะยังไม่โมโหได้อีก?”เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ทุกคนจึงดูเบาเถียนเจียวเจียว บัดนี้เห็นนางเล่าเรื่องออกมา คำตำหนิจึงมิได้
เห็นได้ชัดว่าหร่วนเนี่ยนถังใจเย็นมาก แม้ว่ายามตกน้ำตกใจรับมือไม่ทัน แต่ตอนนี้ดึงสติกลับมาได้ ไม่มีวันปล่อยให้เถียนเจียวเจียวพูดจาเหลวไหลเดิมทีเถียนจื่ออี๋ต้องการช่วยพูดแทนเถียนเจียวเจียว คิดไม่ถึงถูกหร่วนเนี่ยนถังตอกกลับมาแล้ว คนอื่นรอบข้างหันหน้ามองกัน ก่อนนี้ใครก็ไม่เห็นสถานการณ์ทางฝั่งนี้“ข้าและเจ้ามีบุญคุณความแค้นต่อกันจริง อยากทำร้ายเจ้ามีมากมายหลายวิธี ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีเจ้าก็ว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว ข้าผลักเจ้าลงสระทำไม?” หร่วนเนี่ยนถังเอ่ยถาม“ก็เพราะเจ้าต้องการทำให้ข้าอับอาย!” เถียนเจียวเจียวสบถเสียงเย็น“หากข้าต้องการทำให้เจ้าอับอายจริง สั่งสาวใช้ไปโดยตรงก็พอ ไฉนเลยจะต้องลงมือด้วยตนเอง อันตรายมากเพียงใดกัน”ซ่งรั่วเจินเห็นหร่วนเนี่ยนถังตอกกลับเถียนเจียวเจียวจนพูดไม่อออก ลอบตกตะลึงภายในใจ สมเป็นบุตรีของหร่วนไท่ซือแม้ภายนอกมองดูแล้วอ่อนโยนบอบบาง แต่ภายในกลับแข็งแกร่ง มิได้ร้องไห้โวยวาย “ข้าสามารถเป็นพยานให้แม่นางหร่วนได้ ก่อนนี้นางอยากช่วยคน เพียงไม่ทันระวังจึงตกลงไปด้วย”ซ่งอี้อันเดินเนิบๆ ออกมา ได้รู้ว่าที่นี่กำลังขัดแย้งกัน เป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาแล้วหร่วนเนี่ยนถังหั
ซ่งอี้อันเห็นเถียนเจียวเจียวพูดจาเหลวไหล ขมวดคิ้วแน่น มีคนรู้เรื่องจี้หยกนี้ไม่น้อยเมื่อแรกตอนฮูหยินผู้เฒ่าเถียนยังอยู่ เคยมอบจี้หยกนี้ให้เถียนเจียวเจียว แสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานที่มีต่อนางแม้ว่าจี้หยกมรดกตกทอดล้ำค่ามาก แต่ก็ไม่ถึงกับทุกคนต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว ความนัยที่แท้จริงคือจี้หยกมรดกตกทอดนี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องประดับของสกุลเถียนในเมืองหลวงส่งต่อให้แก่นางยามข่าวนี้แพร่ออกไป คนต่างพากันตกตะลึงไม่น้อย ลอบสะท้อนใจเถียนเจียวเจียวได้รับความโปรดปรานจากสกุลเถียนไม่ผิดไปดังคาดบัดนี้จี้หยกรับสืบทอดจากบรรพบุรุษหายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามิได้มีเจตนาต่อเรื่องนี้ซ่งรั่วเจินฟังนิทานที่เถียนเจียวเจียวแต่งขึ้น นึกสะท้อนใจเลื่อมใสอย่างสุดระงับ คนเหล่านี้หนึ่งคนต่อหนึ่งคนล้วนแต่งเรื่องเก่งไม่ผิดไปดังคาดเพื่อทำให้ทุกคนเชื่อคำพูดนาง แม้แต่นิทานเช่นนี้ก็สามารถแต่งออกมาได้“หร่วนเนี่ยนถัง เจ้าจะปรักปรำข้าเยี่ยงไร ข้าไม่ใส่ใจ ขอเพียงเจ้าช่วยข้าหาจี้หยกกลับมาได้ก็พอ!” เถียนเจียวเจียวพูดอย่างมีโทสะหร่วนเนี่ยนถังย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนเถียนเจียวเจียวตกน้ำ กลับไม่เห็นจี้หยกอะไรบนคอนาง เอ่ย
“ไยต้องยุ่งยากเช่นนั้น แทนที่จะสิ้นเปลืองเวลาและเรี่ยวแรงไปตักน้ำในสระออกจนหมด ให้ข้าทำนายดูว่าจี้หยกนั่นอยู่ที่ไหนมิดีกว่าหรือ?”สิ้นเสียงเสนอของซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็นึกถึงเรื่องที่นางเคยช่วยคุณชายน้อยต่งตามหาคนร้ายที่แท้จริงก่อนหน้านี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เรื่องยากขนาดนี้ยังทำได้ แค่ตามหาของสักชิ้นคงง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือเลยสินะ?เถียนเจียวเจียวและเถียนจื่ออี๋ล้วนอึ้งไป พวกนางลืมไปว่าแม่นางซ่งมีความสามารถเช่นนี้ด้วยความร้อนรนวาบผ่านดวงตาของเถียนจื่ออี๋ ฝีมือนี้หากนำไปใช้กับคนอื่นย่อมยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าซ่งรั่วเจินทำนายออกมาได้จริงๆ จะทำอย่างไรดีเล่า?“อย่าลนลานไป ข่าวลือก่อนหน้านี้ลือกันเสียพิสดารขนาดนั้น ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริง” เถียนเจียวเจียวดึงมือเถียนจื่ออี๋ บอกให้นางเยือกเย็นเข้าไว้อย่างได้ร้อนรนไป“น้องหญิงห้า เจ้าสามารถทำนายออกมาได้หรือไม่?” ดวงตาซ่งอี้อันฉายแววคาดหวังซ่งรั่วเจินผงกหน้าผากมนงามน้อยๆ ยกกระดองเต่าขึ้นมาแล้วหยอดเหรียญทองแดงเข้าไปในกระดองเต่าสองมือประกบกันเริ่มเขย่ากระดองเต่า เหรียญทองแดงก็กระเด็นออกมาทุกคนชมดูภาพนี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้ อย
เถียนจื่ออี๋ถูกสายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องจนสะท้านเฮือกด้วยความตกใจ นางที่เพียงแต่ชมดูเรื่องสนุกในตอนแรกบัดนี้ถึงคราวทำอะไรไม่ถูกเสียแล้ว ได้แต่มองไปทางเถียนเจียวเจียวอย่างขอความช่วยเหลือหากไม่ใช่เพราะเจียวเจียวยืนกรานฝากจี้หยกไว้กับนาง ตอนนี้นางก็คงไม่ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เถียนเจียวเจียวมีสีหน้าปั้นยาก เดิมนั้นนางอยากใช้เรื่องนี้วางอุบายหร่วนเนี่ยนถัง ถึงเวลาค่อยหาโอกาสแอบโยนจี้หยกทิ้งไป แล้วตนเองค่อยกลับมาตามหาผู้ใดจะคาดว่าซ่งรั่วเจินจะตัดไฟแต่ต้นลมต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ นางไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรดี“ถุงหอมใบเดียวเท่านั้นเอง ทำไมถึงไม่กล้าปลดลงมา? เกรงว่าแม่นางซ่งคงพูดถูกแล้ว พี่สาวขโมยของของน้องสาว แบบนี้เข้าตำราโจรในบ้านยากจะป้องกันแท้ๆ!”“แม้ว่าเถียนจื่ออี๋กับเถียนเจียวเจียวจะเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเถียนกลับยกจี้หยกที่ตกทอดจากบรรพบุรุษให้เถียนเจียวเจียว ไม่แน่ว่าอาจลอบแค้นใจอยู่ก็เป็นได้ ถึงได้จงใจฉวยโอกาสลงมือตอนวุ่นวายแบบนี้?”“ตระกูลเถียนไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่เลี้ยงดูมาจะมีพฤติกรรมไม่สะอาดแบบนี้ จุ๊ๆ”ทุกคนเห็นเถียนจื่ออี๋กำถุงหอมไว้
ตั้งแต่ต้นจนจบ หร่วนเนี่ยนถังเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนเถียนเจียวเจียวจงใจสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากซ่งอี้อัน พอแผนการล้มเหลวก็คิดจะใส่ร้ายหร่วนเนี่ยนถัง...“แม่นางสองคนนี้จิตใจชั่วร้ายขนาดนี้ ช่างชวนให้คนหวาดหวั่นยิ่งนัก”“เรียกร้องความสนใจจากคุณชายรองซ่งอะไรกัน เห็นได้ชัดว่ารอจนคุณชายรองซ่งช่วยนางแล้วก็จะยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการตอบแทนด้วยร่างกาย หากคุณชายรองซ่งไม่ยินดีก็จะบอกว่าสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว จะไม่สู่ขอก็ไม่ได้”“ช่วงก่อนหน้านี้ ลูกสาวอนุของตระกูลอวิ๋น อวิ๋นซีหว่านก็ได้หมั้นหมายกับฉินเซี่ยงเหิงด้วยวิธีการเช่นนี้ไม่ใช่รึ? แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องกันที่ศาลาว่าการซุ่นเทียน เรื่องมงคลจึงยกเลิกไปแล้ว”เถียนเจียวเจียวโต้เถียงกับเถียนจื่ออี๋ไปยกหนึ่ง ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าขายหน้า สุดท้ายจึงหันหลังวิ่งหนีไปเถียนจื่ออี๋เห็นอย่างนั้นก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อจึงรีบเผ่นหนีตามหลังไปอีกคนจวนสกุลซ่งจึงกลับคืนสู่ความครึกครื้นก่อนหน้านี้ แต่มีหัวข้อสนทนาเพิ่มมาเล็กน้อย“แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าทำนายตำแหน่งของจี้หยก เกรงว่าวันนี้ข้าคงยากจะกอบ
“เจ้ารับข้าไว้อะไรกัน?”เหอเซียงหนิงขึ้นเสียงแหลม “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกต่ำถึงขั้นนี้งั้นรึ?”“ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า เงินนี่ให้เจ้า เจ้าก็ไปซื้อเองก็แล้วกัน!”ฉินซวงซวงส่งเงินก้อนหนึ่งให้เหอเซียงหนิงอย่างดูถูก ตอนนี้นางสนใจแค่ว่าเรื่องอวิ๋นซีหว่านจะพัวพันมาถึงนางหรือไม่เท่านั้นนางไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่พูดต่อหน้าอวิ๋นซีหว่านไม่กี่ครั้ง อวิ๋นซีหว่านไม่มีหลักฐาน คงไม่พัวพันมาถึงนางหรอก...“ข้าไปเองก็ได้!”เหอเซียงหนิงรับเงินมา รู้สึกว่าฉินซวงซวงขี้เหนียวเกินไปแล้วเดิมนั้นคิดว่าจะให้ฉินซวงซวงหาเรือนข้างนอกสักหลังให้นางพัก แต่คนขี้เหนียวคนนี้กลับไม่อยากจ่ายเงินมากมายให้นาง จึงให้นางพักอยู่ในจวนสกุลฉินหลังเรื่องที่ตรอกหย่งอัน นางราวกับหนูบนถนนอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีหน้าออกไปเจอคนอื่นเลยสักนิดอยู่ในจวน สายตาที่ทุกคนมองนางก็แปลกประหลาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางที่ชักสีหน้าให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งโตมาจนป่านนี้ นางเคยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมขนาดนี้เสียเมื่อไร?“ซวงซวง ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะ ช่วงหลายวันนี้เจ้าอยู่แ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป