หลังจากที่เหอเซียงหนิงถูกไล่ออกจากตระกูลนางก็พยายามไปถามหามิตรสหายเก่าๆ แต่กลับพบว่าทุกคนต่างตีตัวออกห่างจากนางไปกันหมดทำเช่นนั้นราวกับกลัวจะถูกนางตามรังควานก็มิปานทั้งๆ ที่เติบโตในเมืองหลวงตั้งแต่ยังเยาว์ รอบกายรายล้อมด้วยญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ทว่าบัดนี้มองไปทางใดก็หาได้มีผู้ใดไม่ ไม่มีแม้แต่สักคนที่ยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง ในใจจึงเกิดเศร้าหมองขมขื่นอย่างยากจะพรรณนาขณะที่นางสะพายห่อสัมภาระเดินอยู่บนถนน พยายามอดรนทนต่อสุ้มเสียงติฉินนินทาจากคนรอบข้าง นางก็พลันได้ยินข่าวคราวของฉินซวงซวงเข้า“ได้ข่าวว่า พอฟื้นขึ้นมาฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มิยอมให้ฉินซวงซวงกลับเข้าจวน ตอนนี้นางถูกส่งกลับจวนตระกูลฉินไปเสียแล้ว ทำเอาสองสะใภ้ฉุนโกรธกันเสียจนหนีกลับไปยังบ้านตนกันหมด”“พวกเขากลับบ้านตนไปก็สมควรแล้วล่ะนะ หากเป็นข้าก็มิยินยอมอยากจะอยู่ร่วมบ้านกับน้องสามีเช่นนั้นหรอก! คนประเภทใดกัน!”“แต่ก็ยังมิได้ข่าวว่าทางสกุลหลินจะหย่าร้างกันแต่อย่างใด หรือเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้วยังคิดรักษานางไว้?”คนรอบข้างต่างจ้อกแจ้กจอแจกันด้วยความอนาถใจ หากเป็นครอบครัวทั่วไปแล้วล่ะก็ เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องเช่น
“ได้ เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะให้คนช่วยหาที่อยู่ให้เจ้า” “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน ข้าไม่อยากพักอยู่ในที่ห่วยๆ หรอกนะ” เหอเซียงหนิงกล่าวเสริมฉินซวงซวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ย่อมได้ ข้าจะหาที่ที่เจ้าพอใจให้แน่นอน!”......เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงการสอบฤดูใบไม้ผลิก็จบลง ล่วงเลยมาจนถึงวันประกาศผลสอบช่วงหลายวันนี้ซ่งรั่วเจินก็ไม่ได้ว่างเว้น นางไปเยี่ยมเยียนสกุลไป๋ ประกอบพิธีให้กับอวี้เยว่หลิงและแม่นมสวี ช่วยให้ไป๋จื่อมู่ได้ปลดเปลื้องภาระทางใจที่แบกรับมานานจนหมดสิ้นส่วนสมุนไพรบำรุงที่ฉู่จวินถิงส่งมาให้นั้น นับว่าเป็นของหายาก นางจึงนำมาหลอมเป็นยาลูกกลอน นอกจากจะแบ่งให้มารดากับตนเองไปคนละขวดแล้ว ยังส่งอีกสองขวดให้ลั่วฮูหยินและลั่วชิงอินไปหลังถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้วเหยาจิ่นเฉิงก็อับอายเกินกว่าจะเอ่ยเรื่องสู่ขอต่อสกุลลั่วอีก ส่วนลั่วกั๋วกงเองก็อาศัยจังหวะตีเหล็กตอนร้อน โดยไม่รีรอก็รีบยกเลิกการหมั้นหมายนี้ไปเสียครอบครัวเช่นนี้ สกุลลั่วไม่ขอเกี่ยวดองด้วยเป็นอันขาดกลุ่มซ่งรั่วเจินพากันไปออยังปากทางสนามสอบตั้งแต่เช้าตรู่ ด้านในล้วนเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียดแน่นข
“ฉินเซี่ยงเหิงสอบผ่านจริง!”ทันใดนั้น เสียงอุทานอย่างตกตะลึงดังออกจากกลุ่มคนระลอกหนึ่ง จากนั้นก็คือเสียงชื่นชม“ฉินเซี่ยงเหิงช่างมีพรสวรรค์โดยแท้ ก่อนนี้คิดว่าเรียงความที่ทุกคนต่างพากันพูดถึงล้วนเป็นเขาขโมยซ่งอี้อันมา บัดนี้มองดูแล้วมิเป็นเช่นนั้น”ได้ยินเสียงทางด้านหน้า ใบหน้าฉินเซี่ยงเหิงเผยรอยยิ้มลำพองใจ เขาก็รู้ครั้งนี้อันดับหนึ่งจะต้องเป็นเขา!“เห็นแล้วหรือไม่? อันดับหนึ่งเป็นของข้า ข้ายังต้องทำร้ายอวิ๋นเฉิงเจ๋ออีกหรือ?”สีหน้าอวิ๋นเฉิงเจ๋อตึงเครียด เขาถามนักเรียนภายในสำนักศึกษาหลวงส่วนใหญ่ด้วยตนเอง ทำให้เขายอมเชื่อได้ก็คือซ่งอี้อันส่วนฉินเซี่ยงเหิง เขากลับไม่เห็นอยู่ในสายตา เรียงความก่อนหน้านี้เพียงได้ฟังก็รู้ได้ว่าขโมยซ่งอี้อันมา ทว่าบัดนี้ฉินเซี่ยงเหิงถึงขั้นสามารถได้เป็นอันดับหนึ่งของการสอบฤดูใบไม้ผลิ ชวนให้คนสงสัยโดยแท้จ้าวซูหว่านได้ยินว่าฉินเซี่ยงเหิงถึงขั้นได้อันดับหนึ่ง ใบหน้าเผยแววปลื้มปีติดีใจอย่างมากแม้พูดว่าบัดนี้นางเป็นเพียงอนุคนหนึ่ง แต่ขอเพียงฉินเซี่ยงเหิงได้เป็นอันดับหนึ่ง ภายภายหน้ากลายเป็นขุนนาง ก็พิสูจน์ได้ว่านางมิได้เลือกผิดไปหลังสร้างความอับอายให้
มองเห็นใบหน้าเล็กออดอ้อนอย่างน่ารักของฝ่ายหญิงแดงเรื่อด้วยความดีใจ ทั้งตัวคนมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ใบหน้าอวิ๋นเฉิงเจ๋อเผยรอยยิ้ม“ไม่ผิดไปจากที่หวัง”รอยยิ้มอวิ๋นเนี่ยนชูเกลื่อนหน้า ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ว่าจูงมือญาติผู้พี่ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ไม่เหมาะสม นี่ถึงปล่อยมือ หันมองทางฉินเซี่ยงเหิงอย่างมีความสุข“เจ้ามิใช่พูดเจ้าไม่เห็นญาติผู้พี่ข้าอยู่ในสายตาหรอกหรือ? ชื่อของเจ้าถูกจัดอยู่ลำดับที่สาม อยู่ข้างหลังญาติผู้พี่ข้า!”“เจ้าช่างมีฝีมือเหลือเกิน จงใจทำร้ายคุณชายซ่งจนดวงตามองไม่เห็น ยังร่วมมือกับอวิ๋นซีหว่านทำร้ายญาติผู้พี่ข้ามิให้มาเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ เช่นนี้แล้วอันดับหนึ่งจะยังไม่ใช่ของเจ้าอีกหรือ!”“แผนการทำให้สมปรารถนานี้...ช่างยอดเยี่ยมโดยแท้!”อวิ๋นเนี่ยนชูอึดอัดคับข้องใจนานมากแล้ว ก่อนนี้ไม่เห็นกระดานรายชื่อจึงไม่กล้าพูดส่งเดช หลังได้รู้แล้ว คำพูดเองก็ไม่เกรงใจหลายวันมานี้อวิ๋นซีหว่านมิได้ขอให้พวกเขาปล่อยนางไปเพียงครั้งเดียว แต่นางกลืนความแค้นนี้ต่อไปไม่ได้ แม้แต่บิดาเองก็มีเจตนาให้นางและมารดาให้อภัยอวิ๋นซีหว่านเพราะเห็นแก่ความเป็นครอบครัวเดียวกันแต่นางไม่มีวันยอมเอ่ยป
ฉินเซี่ยงเหิงคิดคำแก้ตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตรงข้ามกันเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของฉินซวงซวงและอวิ๋นซีหว่าน เขาไม่ได้เข้าร่วมด้วยเสียหน่อยบัดนี้ถูกเปิดเผยแล้ว ทั้งหมดสามารถโยนไว้ที่สกุลอวิ๋นได้ คิดใช้เรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงของเขา นั่นเป็นไปไม่ได้!“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าบ้านใหญ่สกุลอวิ๋นรังแกบ้านรองมาโดยตลอด อวิ๋นซีหว่านถูกเจ้ารังแกไปทุกจุด นี่ถึงทำให้เกิดความแค้นภายในใจ อยากทำให้อวิ๋นเฉิงเจ๋อมาเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิไม่ได้”“ข้าว่าพวกเจ้าต่างหากต้องทบทวนตนเองให้ดี กลัวเพียงคานบนเอียงคานล่างก็จะเอียงไปด้วย!”“หากมิใช่พวกเจ้าบีบคั้นจนเกินไป อวิ๋นซีหว่านก็คงไม่กระโจนเข้าหาข้าทันทีที่ได้พบ!”“หากมิใช่เพราะข้าไร้ความสามารถ พวกเจ้าสกุลอวิ๋นใช้ข้ออ้างพูดว่าข้าและนางใกล้ชิดกันต่อหน้าธารกำนัลเพื่อบังคับข้าให้รับผิดชอบนาง เดิมทีข้าก็ไม่มีวันยอมรับการแต่งงานครั้งนี้!”“สตรีที่กระตือรือร้นจะเสนอตัวเข้ามา คิดจริงหรือว่าข้าฉินเซี่ยงเหิงจะชมชอบ?”ฉินเซี่ยงเหิงยิ่งพูดก็ยิ่งลำพองใจ เดิมทีนี่ก็เป็นความจริง!ต่อให้เขามิได้อันดับหนึ่ง อันดับสามก็มีอนาคตรุ่งโรจน์ สกุลอวิ๋นสามารถมีเขยเช่นนี้ได้ก็สมคว
“ข้าเสียสละเพื่อเจ้ามากเพียงนี้ ลับหลังเจ้ากลับต่อว่าข้าเพียงนี้ เจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่ เจ้ามันไม่ใช่คน!”ฉินเซี่ยงเหิงคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซีหว่านจะปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน ถูกอวิ๋นซีหว่านกระโจนใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ล้มก้นกระแทกพื้น กวานบนศีรษะถูกอวิ๋นซีหว่านดึงลงมา“นังแพศยา เจ้าปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”เส้นผมถูกดึง ใบหน้าฉินเซี่ยงเหิงบิดเบี้ยว ไม่ใส่ใจรักษาภาพลักษณ์อีก สบถด่า “เจ้าก็คือนางคนเสียสติ มิน่าเล่าอยากจะเกี่ยวพันกับข้าอย่างทนรอแทบไม่ไหว เดิมทีก็ไม่มีใครต้องการเจ้า!”อวิ๋นซีหว่านตาแดงก่ำ ก่อนนี้นางคิดว่าฉินเซี่ยงเหิงเปี่ยมความรู้มีพรสวรรค์ สุภาพอ่อนโยน เป็นคนดีหาได้ยากคนหนึ่ง เพราะนางเป็นลูกอนุ ต่อให้แต่งงาน ก็ยากจะแต่งเข้าไปเป็นภรยาเอกได้ ทำได้เพียงแต่งงานกับครอบครัวฐานะต่ำกว่านางมิอาจหักใจ นี่ถึงอาศัยโอกาสที่นางคิดว่าดีที่สุดเข้าไปเกี่ยวข้องกับฉินเซี่ยงเหิง นางคิดว่าตนเองเสียสละเพียงนี้ ฉินเซี่ยงเหิงจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีสรุปว่าเดิมทีฉินเซี่ยงเหิงก็ไร้เมตตา ใช้นางเป็นหินปูทาง พูดว่าทิ้งก็ทิ้ง!ซ่งรั่วเจินและอวิ๋นเนี่ยนชูสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้าแปลกใจ อวิ๋นซีหว่านถูกป
ยามฉินเซี่ยงเหิงถูกพาไป สีหน้าซีดเผือดอย่างมากเดิมทีก่อนนี้สำทับฉินซวงซวงให้จัดการเรื่องนี้อย่างดีแล้ว เขาคิดว่าไม่มีวันเกิดเรื่องขึ้นอีก กลับไม่คาดคิดอวิ๋นซีหว่านถึงขั้นปรากฎตัวออกมาในวันนี้ ได้ยินเขาพูดเหลวไหลเสียได้บัดนี้หญิงผู้นี้เสียสติไปแล้ว คิดเพียงทำลายเขา อนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาจะถูกทำลายเช่นนี้ไม่ได้!“ฉู่อ๋องฉลาดหลักแหลมโดยแท้!”ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่อ๋องเดินเข้ามา ใบหน้าเล็กงดงามคลี่ยิ้มบางๆ เห็นได้ชัดว่าฉู่อ๋องเป็นคนคิดวิธีนี้ออกมาอันที่จริงสอบสวนภายในศาลาว่าการซุ่นเทียนมาก่อนแล้ว อวิ๋นซีหว่านชี้ตัวว่าเป็นฉินซวงซวงบงการ กลับมิได้ชี้ตัวฉินเซี่ยงเหิงเพราะเกี่ยวข้องกับผู้เข้าสอบ ศาลาว่าการซุ่นเทียนจึงมิได้เปิดโปงออกมาในทันที แต่รอจนการสอบฤดูใบไม้ผลิจบลงแล้วจึงพูด บังเอิญวันนี้อวิ๋นซีหว่านได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฉินเซี่ยงเหิง ทั้งหมดจึงคลี่คลายอย่างราบรื่น“ฉินเซี่ยงเหิงอุปนิสัยต่ำช้า เดิมทีก็ไม่คู่ควรเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ หากมิใช่ราชครูกู้ปกป้องไว้ ก็คงตัดโอกาสของเขาไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”“ทว่าบัดนี้เรื่องพรรค์นี้ถูกเปิดเผยออกมา เขาเองก็หมดหวังแล้ว”สีหน้าฉ
“ไม่ว่าใครออกหน้า ก็ไม่มีวันเปลี่ยนสถานการณ์ได้”เห็นฝ่ายชายมีสีหน้าจริงจัง ซ่งรั่วเจินเพียงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ฉู่จวินถิงไม่ใช่คนทำอันใดโดยไร้เป้าหมายในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ก็จะต้องทำได้อย่างแน่นอน ฉินเซี่ยงเหิงทำร้ายพี่ชายนางหนักเพียงนั้น อีกทั้งยังขโมยเรียงความ หากปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย ไฉนเลยจะทนมองต่อไปได้?ซ่งอี้อันมองท่าทางสนิทสนมกันระหว่างน้องหญิงตนและฉู่อ๋อง รู้สึกแปลกภายในใจอย่างอดไม่ได้ ด้วยอุปนิสัยเย็นชาของฉู่อ๋อง สามารถอธิบายให้น้องหญิงห้าฟังอย่างอดทนได้ก็คือเรื่องเหลือเชื่อ!ครั้นเขาหันมามองซ่งจืออวี้ ก็พบว่าฝ่ายหลังกำลังกะพริบตาให้เขาอย่างไม่แปลกใจเขาเข้าใจแล้ว ฉู่อ๋องมีใจให้น้องหญิงห้า!“รั่วเจิน ข้าและญาติผู้พี่ขอไปศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อนสักเที่ยว ดูว่าเรื่องนี้คืบหน้าเป็นเช่นไร อีกสองวันค่อยไปฉลองกับเจ้าดีๆ!”ใบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูประดับยิ้ม วันนี้เป็นวันดี พี่รองซ่งและญาติผู้พี่ล้วนได้รับคะแนนดี เพียงน่าเสียดายยังมิได้คลี่คลายเรื่องอวิ๋นซีหว่าน นางต้องล่วงหน้าไปก่อนเที่ยวหนึ่งซ่งรั่วเจินพยักหน้า “รีบไปเถอะ”อวิ๋นเฉิงเจ๋อบอกลาทุกคน นี่ถึงพาอวิ๋น
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน