“เป็นจริงแล้ว!”ทุกคนชมดูฉากนั้นด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ดวงตาสะท้อนความแตกตื่น รู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก!คำสาบานที่เป็นจริงนั้นใช่ว่าจะไม่เคยมี แต่เห็นผลรวดเร็วปานนี้ต้องยกให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรก!ซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งจืออวี้มองไปทางซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้ตัว คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขารู้ความสามารถของน้องสาวของพวกตนดีกล้าลั่นคำสาบานพล่อยๆ ต่อหน้าซ่งรั่วเจิน นี่มิเท่ากับรนหาที่ตายหรอกรึ?“เห็นผลทันตาขนาดนี้ แสดงว่าจ้าวหงโกหกน่ะสิ?”“จ้าวหงยืนกรานไม่ยอมรับ เห็นได้ชัดว่ามีอะไรในกอไผ่กับฝานซืออิ๋ง ทั้งยังช่วยนางวางยาซ่งเยี่ยนโจว เกรงว่าทรัพย์สมบัติที่ฝานซืออิ๋งหลอกลวงไปจากตระกูลซ่งในช่วงหลายปีนี้คงมีส่วนที่แบ่งไปให้เขาด้วยกระมัง?”ทุกคนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ สองคนนี้ร่วมมือกันทำชั่วชัดๆ เป็นพวกตะเภาเดียวกันน่าเสียดายก็แต่ซ่งเยี่ยนโจวกับลั่วชิงอินที่ต้องแยกจากกันเพราะเรื่องนี้ คนหนึ่งแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก อีกคนต้องเจ็บช้ำใจมานานหลายปี“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เจ้าทำอะไรข้า?”จ้าวหงลนลานเสียแล้ว คำโกหกทำนองเดียวกันเขาพูดมามากกว่าหนึ่งครั้ง คำสาบานยิ่งไม่เคยสำแดงผลออกมาสักครั้ง
“วันถัดมา พวกข้าก็ส่งคนไปจับคู่หนุ่มสาวที่ลักลอบได้เสียกัน ทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปโดยปริยาย ซ่งเยี่ยนโจวไม่อาจไม่สู่ขอนาง”สิ้นเสียงจ้าวหง ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในปีนั้นก็ถูกเปิดโปงออกมาจนหมดสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นฝานซืออิ๋งที่วางแผนและสวมบทบาทด้วยตนเอง“เป็นการแต่งงานที่หลอกลวงมาแต่แรก นางยังมีหน้ามาหลงลำพองใจ กระทั่งไปพูดจาเยาะเย้ยต่างๆ นานาต่อหน้าแม่นางลั่วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้!”“ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะมากเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ คนพรรค์นี้แค่ปลดยังเป็นการไว้หน้านางด้วยซ้ำ ควรส่งตัวให้ทางการเลยต่างหาก!”แววตารังเกียจเหยียดหยามจับจ้องมาที่ฝานซืออิ๋ง พอได้ยินหนึ่งประโยค ใบหน้าฝานซืออิ๋งก็จะซีดลงหนึ่งส่วน แทบอยากจะขุดหลุมมุดแผ่นดินหนีเสียให้ได้“จ้าวหง ทำไมท่านถึงใส่ร้ายข้า!”ฝานซืออิ๋งพุ่งตัวไปถึงตรงหน้าจ้าวหงราวคนเสียสติ มือหนึ่งกระชากผมเขาพลางตบเพียะๆ สองฉาด“ข้าไปทำอะไรให้ท่าน ท่านถึงมาปรักปรำข้าแบบนี้!”เฉียนชิวเซียงก็ตระหนักว่าไม่อาจยอมรับความผิดนี้เป็นอันขาดจึงตวาดเสียงเกรี้ยว “ตระกูลซ่งให้ผลประโยชน์เจ้าไปมากเท่า
“ปีนั้นฝานซืออิ๋งจ้างวานพวกข้า ให้พวกข้าเปิดประตูห้องนั้นในวันรุ่งขึ้น จะได้จับได้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างคาหนังคาเขา”“นางยังบอกให้พวกข้าพาคนไปด้วยหลายคน ยิ่งเยอะยิ่งดี ถึงตอนนั้นคุณชายใหญ่ตระกูลซ่งก็ต้องแต่งงานกับนางเท่านั้น”“ตอนนั้นพวกข้าหวาดกลัวอยู่บ้าง ไม่กล้าให้คนรู้เรื่องมากเกินไป ดัง...ดังนั้นจึงพาคนไปแค่ไม่กี่คน...”หลังจากสองคนนั้นค่อยๆ บอกกล่าวเรื่องราวออกมา จ้าวหงก็พูดขึ้นทันที “ใช่แล้ว ตอนนั้นก็เป็นพวกเขาสองคนนี่แหละ พวกเขาเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลฝาน ข้าเป็นพยานได้!”ฝานซืออิ๋งโมโหจ้าวหงจนแทบลมจับไปเลยทีเดียว!ผ้ากันอายทั้งหมดถูกกระชากออกไปแล้ว โฉมหน้าที่แสนอัปลักษณ์และเจ้าแผนการของนางถูกเปิดโปงออกมาต่อหน้าทุกคน“พวกเจ้าต้องบีบให้ข้าตายถึงจะพอใจงั้นรึ!”นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง คาดคั้นซ่งเยี่ยนโจวเสียงแหลม “ดีชั่วอย่างไรข้าก็เป็นภรรยาท่าน ถึงระหว่างข้ากับท่านจะไม่มีความรู้สึกอยู่เลย แต่ข้าก็อยู่ในตระกูลซ่งมาสองปีเชียวนะ!”“ถึงไม่มีความชอบก็มีความเหนื่อยยาก ตอนนี้ท่านกลับมาทำลายข้าเพื่อลั่วชิงอิน!”“คนเราย่อมไม่อาจรอดพ้นจากกรรมที่ตนก่อ คนที่บีบคั้นทุกย่างก้าวคือเจ
ชิงอินรู้เรื่องมาโดยตลอดหรือ?นางรู้ทุกอย่างจึงเฝ้ารอเขามาโดยตลอด?ครั้นคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ หัวใจของซ่งเยี่ยนโจวก็พลันสั่นสะท้าน ความละอายที่เก็บงำไว้ในใจแตะถึงจุดสูงสุดในชั่วขณะนี้เองเขาเข้าใจมาตลอดว่านางโกรธเขา เกลียดเขา เขาจึงไม่มีหน้าไปเจอนาง ทั้งไม่มีความกล้าไปเจอนางด้วยเช่นกันสองปีมานี้ เรื่องเดียวที่เขาสามารถปลอบใจตัวเองได้ก็คือไม่ได้ทำให้ชิงอินเสียเวลา แม้ว่านางจะเกลียดเขาก็ตามทีนางควรเกลียดเขาสิแต่ทั้งที่นางรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ยังทำเหมือนเชื่อคำพูดของเขา มองดูเขาแต่งงาน ส่งเขาไปสนามรบ กระทั่ง...ไม่ยอมออกเรือนเพื่อเขาสตรีที่อ่อนโยนเช่นนางต้องแบกรับความลำบากและความเจ็บปวดไว้มากมายเท่าไรกัน?น้ำตาร่วงเผาะลงมาจากหางตาของลั่วชิงอิน นางมองเงาร่างตรงหน้า ในดวงตามีเพียงความปวดใจนางเข้าใจ นางเข้าใจทุกอย่างนางเข้าใจความทุกข์และความอับจนปัญญาของซ่งเยี่ยนโจว ระหว่างตระกูลซ่งกับนาง เขาเลือกคนในครอบครัวถ้าเป็นนาง นางก็คงจะเลือกแบบเดียวกัน ไม่อาจทำให้ครอบครัวเดือดร้อนเพราะความรู้สึกส่วนตัวของตนเองหากเขาทำแบบนั้นก็คงไม่ใช่พี่ใหญ่ซ่งที่นางนับถือมาตลอดแล้วดังนั้นตอ
“เขาไม่ใช่คนไร้ประโยชน์!”ลั่วชิงอินแย้งกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงหน้าเล็กๆ ที่ขาวผ่องอ่อนโยนนั้นฉายแววโกรธกรุ่น“ข้ากับคุณชายเหยาไม่เหมาะสมกัน ส่วนว่าหลังจากนี้ข้าจะแต่งงานกับใคร มีบทสรุปเช่นไรก็ไม่เกี่ยวอันใดกับท่าน”“เหยาจิ่นเฉิง ท่านมันชั่วจริงๆ!”ลั่วหวยหลี่ตวัดสายตามองเหยาจิ่นเฉิงอย่างรังเกียจ ในใจกลับลอบยินดี โชคดีที่พี่หญิงรองไม่ต้องออกเรือนให้เจ้าหมอนี่!เขาตงิดใจมาตลอดว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ภรรยาคนก่อนเสียชีวิตเพราะคลอดยากก็ดูมีอะไรไม่ชอบมาพากล น่าเสียดายที่สืบไม่พบข้อมูลอันใดซ่งจืออวี้เข็นพี่ใหญ่ของตนตามหลังไป เหยาจิ่นเฉิงกลับมาขวางตรงหน้าซ่งเยี่ยนโจว แววตาขุ่นขวาง“ซ่งเยี่ยนโจว ไม่เจอกันสองปี เจ้าหน้าไม่อายกว่าเดิมอีกนะ!”“จงใจส่งคนมาชนจนรถม้าของข้าพังเพื่อจะได้เจอกับลั่วชิงอิน เจ้าก็ไม่คิดบ้างว่าตอนนี้เจ้ามันก็แค่คนพิการคนหนึ่ง คู่ควรกับนางงั้นรึ?”ซ่งเยี่ยนโจวมองเหยาจิ่นเฉิงที่แสดงความเกรี้ยวกราดตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา “คนพิการถึงอย่างไรก็ยังเป็นคน ดีกว่าสุนัขมากนัก”“เจ้ากล้าด่าว่าข้าเป็นสุนัข!” เหยาจิ่นเฉิงเดือดดาลสุดระงับ ทำท่าจะลงมือ ซ่งจืออวี้ก็เข้ามาขวา
เซียวอี้เจ๋อยิ้มระรื่นมองไปยังซ่งรั่วเจิน ดวงตาของเขาสะท้อนฉายแววต้องการเอาชนะก่อนนี้เขาไม่รู้เลยว่าคุณหนูสกุลซ่งผู้นี้จะเป็นหญิงงามเลิศถึงเพียงนี้!ทั้งผิวพรรณ ทั้งรูปร่าง รสชาติย่อมต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่! หลินจือเยว่ก็ช่างตาบอดเสียนี่กระไร ถึงได้ทิ้งขว้างของชั้นดีแบบนี้ไปได้?“ไม่ว่าง”ซ่งรั่วเจินปรากฏความรังเกียจฉายวาบในดวงตา เจ้าหมอนี่ช่างไม่เข้าใจภาษาคนเสียจริง ก่อนนี้ปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ ยังกล้าเข้ามาตอแยอยู่อีก“แม่นางซ่งจะรีบปฏิเสธไปไย? ข้าเป็นถึงเซียวอี้เจ๋อแห่งสกุลเซียว เรื่องที่เจ้าถอนหมั้นข้าก็ได้ยินมานานแล้ว และก็รู้ว่าเจ้ากำลังกลุ้มใจเรื่องแต่งงาน”“ในความเห็นข้า ในเมืองหลวงนี้คนที่คู่ควรกับเจ้ามีน้อยนัก ไยไม่มาเป็นอนุภรรยาของข้าเล่า ทุกสิ่งที่สกุลซ่งต้องการ ข้าจะช่วยเหลือเต็มที่ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”เซียวอี้เจ๋อมั่นใจเต็มเปี่ยม สกุลซ่งเมื่อไม่มีซ่งหลิน ก็เริ่มเสื่อมถอยด้อยอำนาจลงเรื่อย ๆลูกชายสี่คน คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งตาบอด อีกคนมุทะลุชอบใช้กำลัง ไหนจะยังมีพ่อค้าที่ไม่รู้ความอะไรนอกจากการค้าขายอยู่อีกคน หากไม่รีบหาที่พึ่ง สกุลซ่งย่อมรักษาสถานภาพเอาไว้ไม่ได้เป็นแน่แต
“ฉู่อ๋องเพคะ วันนี้หม่อมฉันได้พบคุณชายเซียวเป็นครั้งแรก แต่เขากลับดันทุรังจะให้หม่อมฉันเป็นอนุภรรยา พอปฏิเสธก็มาข่มขู่ ขอท่านอ๋องคืนความยุติธรรมแก่หม่อมฉันด้วยเพคะ!”ซ่งรั่วเจินจ้องมองไปยังฉู่จวินถิงด้วยดวงตาใสกระจ่างแม้การพบปะกับฉู่จวินถิงจะไม่บ่อยครั้งนัก แต่นางก็พอจะเข้าใจอุปนิสัยของเขาอยู่บ้างอย่างน้อย ฉู่อ๋องผู้ทรงเกียรติก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แม้ว่าครั้งก่อนจะจากไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่วันนี้เขาก็ยอมช่วยนางสั่งสอนคน เห็นได้ชัดว่าใจกว้างเพียงใด อีกทั้งยังช่วยนางเรียกร้องความเป็นธรรมเซียวอี้เจ๋อไม่คาดคิดว่าซ่งรั่วเจินจะใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าฉู่อ๋องเย็นชา ไม่ควรไปหาเรื่องเพียงใด นางกลับกล้าร้องขอให้ฉู่อ๋องช่วยนางงั้นหรือ?นางคงคิดว่าตนงดงาม ฉู่อ๋องจะต้องถูกตาต้องใจนางกระมัง?ฉู่อ๋องเพียงไม่พอใจที่เขาแทะโลมหญิงสาว แต่หากบอกว่าสั่งสอนเขาเพราะซ่งรั่วเจินแล้วล่ะก็ ก็แค่ความฝันโง่งมหรอก!“ซ่งรั่วเจิน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ถึงกล้าขอให้ฉู่อ๋องช่วยเจ้า เจ้าไม่ดูตัวเองเสียบ้างว่าคู่ควรหรือไม่!”“หากข้าเป็นเจ้า ข้าคงรีบคุกเข่าลงโขกศีรษะเสียเดี๋ยวนี้แล้ว...”
ซ่งรั่วเจินรู้สึกสงสัย นางเชื่อฟังขนาดนี้แล้วแท้ๆ เหตุใดจึงยังดูโกรธเคืองอยู่?ดูเหมือนข่าวลือจะไม่มีผิดเพี้ยน ฉู่อ๋องเป็นคนเย็นชาเข้าถึงยาก ทั้งยังยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาอีกด้วย“ท่านอ๋องคล้ายจะอารมณ์ไม่ดีนัก เช่นนั้นหม่อมฉันไม่รบกวนจะดีกว่า”ซ่งรั่วเจินคิดในใจว่าในบรรดาสามสิบหกกลยุทธ์ตอนนี้ นางถือกลยุทธ์ถอยลี้ไว้เป็นที่หนึ่ง เตรียมจะล่าถอยให้ไว เลี่ยงไม่ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้เกิดความไม่พอใจ มิเช่นนั้นย่อมยุ่งยากกว่าจัดการเรื่องเซียวอี้เจ๋อแน่นอน!อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นางกำลังหันหลังเดินจากมานั้น กลับถูกฉู่จวินถิงคว้ามือเอาไว้เสียก่อนมือของชายหนุ่มกร้านกระด้างแข็งแรง ส่งผ่านอุณหภูมิความอบอุ่นมา ซ่งรั่วเจินหยุดก้าวลงในทันที เมียงมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนฉู่จวินถิงรีบปล่อยมือออก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายแววลังเลอยู่ครู่ กระแอมไอขึ้นมาเบาๆ พลางกล่าว“จะอย่างไรข้าก็ช่วยเจ้าเอาไว้ เจ้าขอบคุณแค่เพียงวาจา ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะดูไม่จริงใจนัก”“เช่นนั้นท่านอ๋องต้องการให้หม่อมฉันขอบคุณอย่างไร?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ“ก่อนนี้เจ้าเคยคาดการณ์เอาไว้ว่าข้ามีเรื่องอยากจะถาม บัดนี
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป