“ฉู่อ๋องเพคะ วันนี้หม่อมฉันได้พบคุณชายเซียวเป็นครั้งแรก แต่เขากลับดันทุรังจะให้หม่อมฉันเป็นอนุภรรยา พอปฏิเสธก็มาข่มขู่ ขอท่านอ๋องคืนความยุติธรรมแก่หม่อมฉันด้วยเพคะ!”ซ่งรั่วเจินจ้องมองไปยังฉู่จวินถิงด้วยดวงตาใสกระจ่างแม้การพบปะกับฉู่จวินถิงจะไม่บ่อยครั้งนัก แต่นางก็พอจะเข้าใจอุปนิสัยของเขาอยู่บ้างอย่างน้อย ฉู่อ๋องผู้ทรงเกียรติก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แม้ว่าครั้งก่อนจะจากไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่วันนี้เขาก็ยอมช่วยนางสั่งสอนคน เห็นได้ชัดว่าใจกว้างเพียงใด อีกทั้งยังช่วยนางเรียกร้องความเป็นธรรมเซียวอี้เจ๋อไม่คาดคิดว่าซ่งรั่วเจินจะใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าฉู่อ๋องเย็นชา ไม่ควรไปหาเรื่องเพียงใด นางกลับกล้าร้องขอให้ฉู่อ๋องช่วยนางงั้นหรือ?นางคงคิดว่าตนงดงาม ฉู่อ๋องจะต้องถูกตาต้องใจนางกระมัง?ฉู่อ๋องเพียงไม่พอใจที่เขาแทะโลมหญิงสาว แต่หากบอกว่าสั่งสอนเขาเพราะซ่งรั่วเจินแล้วล่ะก็ ก็แค่ความฝันโง่งมหรอก!“ซ่งรั่วเจิน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ถึงกล้าขอให้ฉู่อ๋องช่วยเจ้า เจ้าไม่ดูตัวเองเสียบ้างว่าคู่ควรหรือไม่!”“หากข้าเป็นเจ้า ข้าคงรีบคุกเข่าลงโขกศีรษะเสียเดี๋ยวนี้แล้ว...”
ซ่งรั่วเจินรู้สึกสงสัย นางเชื่อฟังขนาดนี้แล้วแท้ๆ เหตุใดจึงยังดูโกรธเคืองอยู่?ดูเหมือนข่าวลือจะไม่มีผิดเพี้ยน ฉู่อ๋องเป็นคนเย็นชาเข้าถึงยาก ทั้งยังยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาอีกด้วย“ท่านอ๋องคล้ายจะอารมณ์ไม่ดีนัก เช่นนั้นหม่อมฉันไม่รบกวนจะดีกว่า”ซ่งรั่วเจินคิดในใจว่าในบรรดาสามสิบหกกลยุทธ์ตอนนี้ นางถือกลยุทธ์ถอยลี้ไว้เป็นที่หนึ่ง เตรียมจะล่าถอยให้ไว เลี่ยงไม่ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้เกิดความไม่พอใจ มิเช่นนั้นย่อมยุ่งยากกว่าจัดการเรื่องเซียวอี้เจ๋อแน่นอน!อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นางกำลังหันหลังเดินจากมานั้น กลับถูกฉู่จวินถิงคว้ามือเอาไว้เสียก่อนมือของชายหนุ่มกร้านกระด้างแข็งแรง ส่งผ่านอุณหภูมิความอบอุ่นมา ซ่งรั่วเจินหยุดก้าวลงในทันที เมียงมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนฉู่จวินถิงรีบปล่อยมือออก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายแววลังเลอยู่ครู่ กระแอมไอขึ้นมาเบาๆ พลางกล่าว“จะอย่างไรข้าก็ช่วยเจ้าเอาไว้ เจ้าขอบคุณแค่เพียงวาจา ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะดูไม่จริงใจนัก”“เช่นนั้นท่านอ๋องต้องการให้หม่อมฉันขอบคุณอย่างไร?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ“ก่อนนี้เจ้าเคยคาดการณ์เอาไว้ว่าข้ามีเรื่องอยากจะถาม บัดนี
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวอี้เจ๋อ หน้าของหลินจือเยว่ถึงกับถอดสี ดวงตาเต็มด้วยความตกตะลึง“คุณชายเซียว ทำเช่นนั้นไม่เหมาะกระมัง?"“มีอะไรไม่เหมาะสม?” เซียวอี้เจ๋อว่าด้วยแววตาใคร่กระหาย “บัดนี้ซ่งรั่วเจินไม่ใช่ผู้หญิงของเจ้าแล้ว ข้าสนใจนางก็นับเป็นโชคของนาง!”“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วย หากเจ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ข้าจะช่วยเจ้าให้กลับเข้าสู่ราชสำนักเอง!”ดวงตาของหลินจือเยว่หรี่ลงเล็กน้อย เขาเองก็อยากจะกลับเข้าสู่ราชสำนักเสียเต็มแก่แล้วหากไม่ใช่ว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงสามัญชน ซ่งเยี่ยนโจวมีหรือจะเมินเฉยไม่เห็นเขาในสายตาเช่นนี้ได้? กระทั่งซ่งจืออวี้ก็ยังอยากจะสั่งสอนเขาแล้ว!“คุณชายเซียว ท่านวางใจเถิด พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” ฉินซวงซวงกล่าวเซียวอี้เจ๋อผินมองไปยังฉินซวงซวงอย่างพึงพอใจ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นคนทำการใหญ่ได้ หากพวกเจ้าทำสำเร็จ ข้าย่อมมไม่เอาเปรียบพวกเจ้าแน่!”เขาอยากจะเห็นยิ่งนัก เมื่อซ่งรั่วเจินกลายเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว นางจะยังกล้าพูดเช่นที่พูดวันนี้กับเขาอยู่อีกไหม!เขาจะทรมานนางให้สาสม จากนั้นก็โยนนางให้คนอื่นต่อ กล้าทำให้เขาถูกโบยได้เช่นนี้ ย่อมไม่อา
ฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจดอกท้อนัก มองก็แต่เพียงรอยยิ้มสดใสของหญิงสาว ความงดงามและเปี่ยมสุขไร้การเติมแต่งที่หลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว คิ้วตาจึงพลันผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัวครู่หนึ่ง ซ่งรั่วเจินหันมองชายหนุ่มข้างกาย “ท่านอ๋องมีเรื่องใดให้หม่อมฉันช่วยหรือเพคะ? บัดนี้โดยรอบหาได้มีผู้ใดแล้ว ท่านพูดออกมาได้โดยไม่ต้องกังวลแล้ว”พวกเขาเดินมาถึงยังส่วนลึกของสวน นอกจากเฉินเซียงและองครักษ์ของฉู่จวินถิงแล้ว ล้วนไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณนี้เลย“สหายผู้หนึ่งของข้ามีนามว่าไป๋จื่อมู่ เรือนของเขาคล้ายจะมีบางอย่างแปลกพิกล”ฉู่จวินถิงมีสีหน้าซับซ้อน เรื่องภูตผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หากเป็นเมื่อก่อนเรียกได้ว่าไม่เคยเชื่อมาก่อน ทว่าจวบจนวันนี้ที่ได้เผชิญหลายสิ่งหลายอย่างนานัปการมาแล้ว ความคิดเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป “แปลกพิกลที่ตรงใดหรือ?” ซ่งรั่วเจินสนอกสนใจเป็นอย่างมาก“ในเรือนแห่งนั้นมีผู้คนเสียชีวิตติดต่อกันหลายราย ภายในเย็นเยียบชวนขนลุก ไม่มีผู้ใดกล้าอยู่อาศัย”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “เรือนอาถรรพ์งั้นหรือ?”“เรื่องมันก็พิลึกที่ตรงนี้แล ผู้ใดเข้าไปยังที่แห่งนั้นต่างรู้สึกถึงบรรยากาศเย็นเยียบชวนผวา ทำเอาสั่น
วันต่อมาสกุลซ่งได้ยินข่าวจากสกุลลั่ว แต่ละคนล้วนเคร่งเครียด“เดิมทีสุขภาพของชิงอินก็ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อวานได้รับความตกใจ อีกทั้งยังเป็นหวัด ตอนนี้ไข้สูงไม่ยอมลด น่ากลัวว่าฟื้นขึ้นมาแล้วยังต้องพักรักษาตัวอีกระยะหนึ่ง”หลิ่วหรูเยียนสีหน้าเป็นกังวล “เด็กคนนี้ช่างน่าสงสาร หากพวกเรายังมีโอกาสให้นางแต่งเข้ามาได้ นั่นก็เป็นวาสนาของพวกเราแล้ว เพียงแต่เรื่องในปีนั้นทำให้ลั่วฮูหยินไม่ยอมเหลียวแลข้ามาโดยตลอด ส่งเทียบเชิญไปแล้วก็ปฏิเสธ...”พวกซ่งรั่วเจินสองสามคนสบตากัน นึกถึงเมื่อแรกพวกเขาและสกุลลั่วมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก ทว่าหลังซ่งเยี่ยนโจวแต่งงาน สกุลลั่วก็ไม่ไปมาหาสู่กับพวกเขาอีกคิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาของซ่งเยี่ยนโจวขมวดแน่นไม่คลายออกจากกัน “ท่านแม่ ข้าอยากไปดูที่สกุลลั่วขอรับ”“สมควรไปดูๆ จริงนั่นล่ะ” หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “เมื่อแรกข้าก็รู้ว่านางเป็นเด็กดีเอาใจใส่คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าทำให้นางได้รับความทุกข์มากเพียงนี้” “เรื่องนี้เป็นพวกเราทำผิดต่อชิงอิน ทำผิดต่อสกุลลั่ว หลังไปแล้วไม่ว่าท่าทีของสกุลลั่วจะเป็นเช่นไร พวกเราก็ควรยอมรับแต่โดยดี เข้าใจหรือไม่?”เมื่อวานพวกซ่งรั่วเจินกล
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ!” ซ่งรั่วเจินรีบโบกมือ “พวกท่านอย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาด ฉู่อ๋องมารับข้าเพราะมีปัญหาเล็กน้อยต้องการให้ข้าช่วยเหลือ”ฉู่อ๋องในหนังสือไม่ได้แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นอ๋องเองก็เตือนนางอย่าได้คิดเลยเถิดเกินไป นางจะปล่อยให้คนในครอบครัวเข้าใจผิดไม่ได้ ประเดี๋ยวจะเกิดปัญหายุ่งยากซ่งจืออวี้สีหน้าสงสัย “ฉู่อ๋องยอดเยี่ยมเพียงนั้น แม้แต่ปัญหาที่เขาแก้ไม่ได้ เจ้าจะสามารถแก้ได้หรือ?”“พี่สาม ท่านดูเบาข้ารึ?”ซ่งจืออวี้ส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับเขียนว่าไม่เชื่อ “ในเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้ความสามารถของฉู่อ๋อง? ได้ยินมาว่าคนมีความสามารถติดตามเขาเองก็ไม่น้อย แต่...คงไม่ใช่วิชาเต๋ากระมัง?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “เกี่ยวข้องกับสกุลไป๋”“สกุลไป๋?” หลิ่วหรูเยียนเข้าใจขึ้นมาในทันใด “ระยะก่อนข้าเองก็เคยได้ยินฮูหยินเหล่านั้นเอ่ยถึง พูดว่าน่าตกใจมาก เจินเอ๋อร์ จะเป็นอันตรายหรือไม่?”“ท่านแม่วางใจได้ จะต้องไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินโบกมือ นางเป็นถึงเจ้าสำนักสำนักเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องเล็กแค่นี้ทำร้ายนางไม่ได้“พูดถึงคุณชายใหญ่สกุลไป๋ ข้ากลับเคยพบมาก่อน เขามีความสามารถมาก เพียงน่าเสียดายไม่ไ
ณ จวนสกุลไป๋หลังซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงลงจากรถม้า มองปราดเดียวก็มองเห็นไป๋จื่อมู่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกฝ่ายชายสวมชุดสีฟ้าอ่อน เส้นผมดำดุจกาถูกมัดไว้ด้วยแถบผ้าสีเดียวกัน ปอยผมพลิ้วไหวตามสายลม เผยความบริสุทธิ์อ่อนโยนเขาก็คล้ายภูผาสูงสายน้ำไหล เจือกลิ่นอายของบทกวี รัศมีสูงสง่าบริสุทธิ์ บางทีนี่อาจเป็นเสน่ห์ดั่งในท้องมีบทกวีมีความสง่างามด้วยตนเอง“ดังคาด ชายหล่อเหลาในยุคสมัยโบราณมีมากเหลือเกิน...”ซ่งรั่วเจินสลดใจอย่างอดไม่ได้ หลังตนเองทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ไม่เพียงกินดื่มโดยไร้กังวลภายในสกุลซ่ง ยังได้เห็นชายหล่อเหลาคนแล้วคนเล่า คุณชายไป๋ตรงหน้านี้ก็เป็นของชั้นเลิศพบเห็นได้ยากยิ่ง ช่างเป็นวาสนาต่อสายตาโดยแท้“เจ้าพูดว่าใครเป็นชายหล่อเหลา?”ฉู่จวินถิงได้ยินไม่ชัดเจนซ่งรั่วเจินพูดว่าอะไร ได้ยินเพียงชายหล่อเหลาสามพยางค์นี้ สายตาเลื่อนมองทางไป๋จื่อมู่อย่างไม่รู้ตัวคนผู้นี้สวมชุดสีฟ้า ท่วงท่าสง่างามดุจสายลมเป็นปกติดังเดิม เพียงแต่บัดนี้เขามองดูแล้วกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาอยู่บ้าง“หม่อมฉันพูดว่าคุณชายไป๋และท่านอ๋องล้วนเป็นชายหล่อเหลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินหัวเราะ ลอบรังเกียจตนเอง เหตุใดไม่ร
ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงล้วนสังเกตเห็นแผลบนหน้าผากของไป๋จวิ้นอวี่ พันผ้าไว้มองดูแล้วร้ายแรงเป็นพิเศษ“พี่ใหญ่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บก็ช่างเถอะ ท่านอย่าพาฉู่อ๋องเข้าไปเป็นอันขาด หากได้รับบาดเจ็บจะทำเช่นไร?” ไป๋จวิ้นอวี่ตำหนิอย่างอดไม่ได้ไป๋จื่อมู่ขมวดคิ้วแน่น เขาอยู่ที่บ้านชินชากับการใช้คำพูดเช่นนี้มากดดันตนของไป๋จวิ้นอวี่แล้ว นึกถึงเมื่อแรกยังนับว่าไว้หน้า บัดนี้กำเริบเสิบสาน นับว่าฉีกหน้ากันแล้ว“ข้ากำลังคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจจึงตั้งใจมาเป็นพิเศษ”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงเยียบเย็น ทันใดนั้นทำให้ไป๋จวิ้นอวี่เงียบปากลงในทันใดเขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เผชิญหน้ากับเรื่องพรรค์นี้ไม่สมควรหลีกเลี่ยงหรอกหรือ? เหตุใดฉู่อ๋องจึงตั้งใจมาดูเล่า?อาศัยช่วงเวลาทุกคนกำลังพูดคุย ซ่งรั่วเจินมองเรือนอึมครึมมืดมน สลดใจอย่างสุดระงับไอแค้นฝังลึกเพียงนี้ คาดการณ์ว่ามีมาหลายปีแล้วคนปกติอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินสามวันก็ต้องเกิดเรื่อง ตรงข้ามกันไป๋จื่อมู่ท่าทางธรรมดา กลับไม่มีพลังชั่วร้ายรอบกายแม้แต่น้อยผิดกับไป๋จวิ้นอวี่ เมื่อหลายวันก่อนเข้าไปเพียงเที่ยวเดียว จุดอิ้นถังก็เริ่มดำ ดว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน